3 เคล็ดลับเตรียมตัวก่อนเริ่มลดพุง ทำง่ายได้ผลชัวร์!
เคล็ดลับที่ 1 เตรียมร่างกายให้พร้อม รับรองผลลัพธ์ดีกว่าเดิม
รู้ไหมว่าทำไมหลายคนลดพุงไม่สำเร็จ? เพราะพลาดขั้นตอนสำคัญอย่างการเตรียมร่างกายนี่แหละ! เริ่มจากการนอนให้เป็นเวลา อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนนะคะ แค่นี้ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นแล้ว อ้อ! อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 2-3 ลิตร ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดอาการบวมน้ำได้ด้วย
เคล็ดลับที่ 2 ตั้งเป้าหมายให้เป็น ทำได้จริงไม่ท้อ
อยากบอกว่าการลดพุงใน 3 วันเนี่ย ทำได้จริงนะ! แต่ต้องตั้งเป้าหมายให้สมเหตุสมผลด้วย จากงานวิจัยล่าสุดปี 2023 บอกว่าเราสามารถลดรอบเอวได้ประมาณ 1-2 นิ้วใน 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดบวมน้ำกับการปรับพฤติกรรมการกิน ฟังดูน้อยใช่ไหม? แต่นี่แหละคือเป้าหมายที่ทำได้จริง ไม่ต้องทรมานตัวเองจนเกินไป
เคล็ดลับที่ 3 แพลนอาหารไว้ก่อน รับรองไม่พลาด!
ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้สำคัญมาก! ลองคิดดูสิ ถ้าเรากำลังหิว แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย สุดท้ายก็ต้องสั่งของกินที่ไม่เป็นผลดีกับการลดพุงใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นวางแผนอาหาร 3 วันไว้เลย เตรียมของสดๆ ดีๆ ใส่ตู้เย็นไว้ แล้วจะไม่มีข้ออ้างให้ใจอ่อนแน่นอน!
5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้พุงยุบไวใน 3 วัน แถมได้ผลจริง!
สิ่งมหัศจรรย์ที่ 1 เลิกบวมน้ำ พุงก็เล็กลง
เคยสังเกตไหมว่าบางวันตื่นมาพุงบวมผิดปกติ? นั่นแหละ! เป็นเพราะร่างกายเรากักเก็บน้ำไว้เยอะเกินไป แต่มีวิธีแก้ง่ายๆ เลยนะ ลองดื่มชาขิงอุ่นๆ ตอนเช้า งดอาหารเค็มจัด แล้วดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ รับรองว่าแค่ 24 ชั่วโมง รอบเอวลดลงได้ถึง 1 นิ้วเลยล่ะ!
สิ่งมหัศจรรย์ที่ 2 จัดการความเครียด พุงก็เริ่มยุบ
รู้ไหมว่าความเครียดทำให้พุงป่องได้? เพราะฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อคอร์ติซอลนี่แหละ ชอบทำให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ลองหาเวลาพักผ่อน ทำสมาธิ หรือฟังเพลงเพราะๆ ช่วยได้เยอะเลย
สิ่งมหัศจรรย์ที่ 3 กระตุ้นการเผาผลาญ พุงยุบชัวร์
นี่เป็นเคล็ดลับที่หลายคนมองข้าม! การทานอาหารเป็นเวลา โดยเฉพาะมื้อเช้า ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีมาก ลองทานมื้อเช้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่นนอน แล้วเว้นระยะห่างแต่ละมื้อ 4-5 ชั่วโมง รับรองว่าระบบเผาผลาญจะทำงานดีขึ้นแน่นอน
สิ่งมหัศจรรย์ที่ 4 ลดการอักเสบ หน้าท้องก็แบนราบ
เชื่อไหมว่าอาหารบางอย่างทำให้ท้องอืดและอักเสบได้? โดยเฉพาะพวกแป้งขัดขาว น้ำตาล และอาหารแปรรูป ลองหยุดกินแค่ 3 วัน แล้วหันมาทานผักใบเขียว โปรตีนคุณภาพดี และผลไม้รสไม่หวาน รับรองว่าหน้าท้องจะแบนราบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
สิ่งมหัศจรรย์ที่ 5 ระบบขับถ่ายดี พุงก็ยุบ
เรื่องนี้สำคัญมากๆ เลยนะ! ระบบขับถ่ายที่ดีช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ ทำได้ง่ายๆ เลย แค่
- ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวตอนเช้า
- ทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
- เดินเบาๆ หลังอาหาร 10-15 นาที
6 ท่าออกกำลังกายลดพุงทำที่บ้าน แถมเห็นผลจริงใน 3 วัน!
ท่าที่ 1 Vacuum Belly เทคนิคดูดพุงสไตล์นักกายภาพ
วิธีทำ
- เริ่มจากท่านอนหงายบนเตียง (ตอนท้องว่างตอนเช้าจะดีที่สุด)
- หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกให้ท้องป่อง นับ 1-2-3
- ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับดูดท้องเข้าไปให้มากที่สุด
- ค้างไว้นับ 1-2-3-4-5 แล้วค่อยๆ ผ่อนคลาย
- ทำซ้ำ 10 ครั้ง เป็น 1 เซ็ต ทำ 3 เซ็ต
เทคนิคแนะนำ
- เริ่มจากค้างไว้แค่ 5 วินาทีก่อน
- พอทำได้คล่องค่อยเพิ่มเป็น 10-15 วินาที
- ถ้ารู้สึกเวียนหัว ให้หยุดพักทันที
ท่าที่ 2 Modified Bicycle Crunch ปั่นจักรยานกระชับพุง
วิธีทำ
- นอนหงายบนเสื่อหรือผ้าขนหนู
- วางมือไว้ข้างหูเบาๆ (ไม่ต้องล็อกคอ)
- ยกขาทั้งสองข้างขึ้น งอเข่า 90 องศา
- ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย เกร็งหน้าท้อง
- เริ่มปั่น
- เหยียดขาขวาออกตรงๆ
- พร้อมกับบิดตัวให้ข้อศอกซ้ายแตะเข่าซ้าย
- สลับข้าง ทำช้าๆ ให้รู้สึกถึงกล้ามเนื้อหน้าท้อง
เทคนิคแนะนำ
- ทำช้าๆ 10 ครั้งต่อเซ็ต
- พัก 30 วินาที
- ทำทั้งหมด 3 เซ็ต
ข้อควรระวัง
- อย่าดึงคอ ให้มือแค่ประคองศีรษะเบาๆ
- หากมีอาการปวดหลัง ให้ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย
- หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่กลั้นหายใจ
ท่าที่ 3 Heel Touch นอนแตะส้นเท้าลดพุงข้าง
วิธีทำ
- นอนหงาย งอเข่าทั้งสองข้าง เท้าวางราบกับพื้น
- แขนทั้งสองข้างวางข้างลำตัว
- ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย เกร็งหน้าท้อง
- ค่อยๆ เอื้อมมือขวาแตะส้นเท้าขวา
- กลับมาท่าเริ่มต้น แล้วเอื้อมมือซ้ายแตะส้นเท้าซ้าย
เทคนิคแนะนำ
- ทำข้างละ 10 ครั้ง
- พัก 30 วินาที
- ทำ 3 เซ็ต
- หากรู้สึกปวดคอ ให้ใช้มือข้างที่ไม่ได้เอื้อมช่วยประคองศีรษะ
ท่าที่ 4 Bridge Pose ยกสะพานกระชับท้องน้อย
วิธีทำ
- นอนหงาย งอเข่า เท้าวางห่างกันเท่าสะโพก
- แขนวางข้างลำตัว หงายฝ่ามือ
- เกร็งก้น และค่อยๆ ยกสะโพกขึ้น
- เกร็งหน้าท้องให้เป็นแนวตรงกับหัวเข่า
- ค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อยๆ ลดลง
เทคนิคแนะนำ
- หายใจเข้าก่อนยกสะโพก
- หายใจออกขณะลดสะโพก
- ทำ 15 ครั้งต่อเซ็ต
- ทำ 3 เซ็ต พักระหว่างเซ็ต 45 วินาที
ท่าที่ 5 Russian Twist บิดเอวเผาผลาญไขมัน
วิธีทำ
- นั่งบนพื้น งอเข่า เท้าวางราบ
- เอนตัวไปด้านหลังประมาณ 45 องศา
- ยกเท้าขึ้นเล็กน้อย (หากทำไม่ไหว วางเท้าไว้ที่พื้นก่อนได้)
- ประสานมือ หรือกำมือไว้หน้าอก
- บิดลำตัวไปด้านซ้าย-ขวาช้าๆ
เทคนิคแนะนำ
- เริ่มจากบิดช้าๆ ข้างละ 10 ครั้ง
- ทำ 3 เซ็ต
- พักระหว่างเซ็ต 1 นาที
- เมื่อแข็งแรงขึ้น ค่อยเพิ่มความเร็วและจำนวนครั้ง
ท่าที่ 6 Plank to Downward Dog สลับท่าเผาผลาญทั้งตัว
วิธีทำ
- เริ่มในท่า Plank มือตั้งฉากกับพื้น
- เกร็งหน้าท้อง ให้ลำตัวตรงเป็นแนวเดียวกัน
- หายใจเข้า อยู่ในท่า Plank
- หายใจออก ยกสะโพกขึ้น ดันตัวเข้าท่า Downward Dog
- ค้างแต่ละท่า 3-5 วินาที
เทคนิคแนะนำ
- ทำสลับกัน 10 ครั้ง เป็น 1 เซ็ต
- ทำ 3 เซ็ต
- พักระหว่างเซ็ต 1 นาที
- เน้นการทำท่าให้ถูกต้องมากกว่าความเร็ว
ผลลัพธ์ที่จะได้จากการทำ 6 ท่านี้ใน 3 วัน
หลายคนสงสัยว่าการออกกำลังกายเพียง 3 วันจะเห็นผลได้จริงหรือไม่ จากการศึกษาพบว่า การทำทั้ง 6 ท่านี้อย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องความกระชับของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งจะช่วยลดการหย่อนคล้อยได้อย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ การออกกำลังกายทั้ง 6 ท่าจะกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง เมื่อทำอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ คุณจะรู้สึกได้ว่าการทรงตัวดีขึ้น ท่าทางการเดินและยืนสวยขึ้น เพราะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การเปลี่ยนแปลงที่เห็นภายใน 3 วันนั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่กล้ามเนื้อกระชับขึ้น และการลดการบวมน้ำในร่างกาย การจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการพักผ่อนที่เพียงพอ และถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน แนะนำให้ทำท่าเหล่านี้อย่างต่อเนื่องแม้จะผ่าน 3 วันไปแล้ว
ตารางทานอาหารช่วยลดพุงแบบเร่งด่วน หุ่นเฟิร์มใน 3 วัน
วันที่ 1 เริ่มต้นปรับร่างกาย “วันแรกสำคัญที่สุด!”
มื้อเช้า
- ข้าวต้มปลา ทานในช่วง 7.00-8.00 น. เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ เลือกปลาเนื้อขาวเช่น ปลากะพง ปลานิล มีโปรตีนสูงถึง 20-25 กรัมต่อมื้อ ใส่ขิงซอยเยอะๆ ช่วยเร่งการเผาผลาญและลดการบวมน้ำ เพิ่มผักคะน้าที่อุดมด้วยวิตามินเค ช่วยบำรุงกระดูก
เทคนิคการทาน
- ทานขณะร้อนๆ จะได้ประโยชน์จากขิงเต็มที่
- จิบน้ำซุปก่อนทานข้าว ช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น
- เคี้ยวให้ละเอียด อย่างน้อย 20 ครั้งต่อคำ
อาหารว่างเช้า (10.00 น.)
- แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล มีใยอาหารช่วยอิ่มนาน
- น้ำอุ่นผสมมะนาว 1 แก้ว กระตุ้นการขับถ่าย
มื้อกลางวัน
- ส้มตำไทยไข่ต้ม ทานในช่วง 12.00-13.00 น. เป็นมื้อที่ได้พลังงานสูงที่สุดของวัน
วิธีสั่งให้เหมาะกับการลดพุง
- “ส้มตำไทย ไม่ใส่น้ำตาล พริกน้อย มะละกอเยอะๆ”
- เพิ่มไข่ต้ม 2 ฟอง เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี
- สั่งผักเคียงเพิ่ม โดยเฉพาะถั่วฝักยาวและแตงกวา
ประโยชน์เด็ดๆ
- มะละกอมีเอนไซม์ปาเปน ช่วยย่อยโปรตีน
- น้ำมะนาวกระตุ้นการเผาผลาญ
- พริกมีแคปไซซิน เร่งการเผาผลาญ
อาหารว่างบ่าย (15.00 น.)
- ฝรั่ง 1 ผล อุดมด้วยวิตามินซี
- ชาเขียวร้อน 1 แก้ว ไม่ใส่น้ำตาล
มื้อเย็น
- ต้มจืดเต้าหู้ ทานก่อน 18.30 น. เพื่อให้ร่างกายย่อยอาหารก่อนนอน
ส่วนประกอบที่ลงตัว
- เต้าหู้ขาว 2 ก้อน โปรตีนจากพืชย่อยง่าย
- ผักกาดขาวหั่นชิ้นพอดีคำ
- เห็ดเข็มทอง เพิ่มรสชาติโดยไม่ต้องใส่ผงชูรส
- ต้นหอม ผักชี เพิ่มกลิ่นหอม
- น้ำซุปใสจากกระดูกหมู ไม่ต้องปรุงรสมาก
วันที่ 2 เร่งการเผาผลาญ “วันนี้ร่างกายเริ่มปรับตัว!”
มื้อเช้า
- โจ๊กไข่ขาว ทานช่วง 7.00-8.00 น. เป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน
วิธีสั่งให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- “โจ๊กพิเศษไข่ขาวล้วน ขอขิงเยอะๆ ไม่ใส่น้ำมัน”
- เพิ่มต้นหอม ผักชี กระเทียมเจียว
- งดเครื่องในและหมูสับ เน้นไข่ขาวอย่างเดียว
ประโยชน์ที่ได้
- ไข่ขาวให้โปรตีนบริสุทธิ์ 7 กรัมต่อฟอง
- ขิงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญตั้งแต่เช้า
- ข้าวต้มย่อยง่าย ให้พลังงานต่อเนื่อง
อาหารว่างเช้า (10.00 น.)
- ส้มเขียวหวาน 2 ผล วิตามินซีสูง
- ชาขิงร้อน 1 แก้ว ช่วยลดการบวมน้ำ
มื้อกลางวัน
- อกไก่นึ่งสมุนไพร ทานช่วง 12.00-13.00 น. เน้นโปรตีนคุณภาพสูง
วิธีการเลือกและทาน
- เลือกเนื้ออกไก่ล้วน ไม่เอาหนัง
- นึ่งกับสมุนไพรไทย (ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า)
- ทานคู่กับน้ำจิ้มสมุนไพร (พริก กระเทียม มะนาว)
เทคนิคพิเศษ
- ทานผักสดเคียงเยอะๆ (แตงกวา ผักกาดขาว ถั่วงอก)
- จิ้มน้ำจิ้มแค่พอชุ่ม ไม่ต้องเยอะ
- ดื่มน้ำเปล่าระหว่างมื้อ
อาหารว่างบ่าย (15.00 น.)
- มะละกอสุก 6-7 ชิ้น ช่วยระบบขับถ่าย
- น้ำมะพร้าว 1 ลูก เติมเกลือแร่
มื้อเย็น
- ลูกชิ้นปลาน้ำใส ทานก่อน 18.30 น. อาหารเบาๆ ก่อนนอน
วิธีสั่งเพื่อลดพุง
- “ลูกชิ้นปลาน้ำใส ไม่ใส่เส้น ขอผักเยอะๆ”
- เลือกลูกชิ้นปลาแท้ ไม่เอาลูกชิ้นหมู
- ใส่ผักบุ้ง คะน้า ต้นหอม
เคล็ดลับพิเศษ
- ทานน้ำซุปอุ่นๆ ช่วยให้อิ่มเร็ว
- เลือกน้ำซุปใส ไม่เค็มจัด
- เพิ่มพริกขี้หนูสด 2-3 เม็ดช่วยเร่งเผาผลาญ
วันที่ 3 เห็นผลชัดเจน “วันสุดท้ายแห่งการเปลี่ยนแปลง!”
มื้อเช้า
- ไข่ต้มผักต้ม ทานช่วง 7.00-8.00 น. วันนี้เน้นโปรตีนสูงเป็นพิเศษ
วิธีเตรียมให้ได้ผลดีที่สุด
- ไข่ต้ม 2-3 ฟอง ต้มให้สุกพอดี ไข่แดงเยิ้มๆ
- ผักต้มรวม (บร็อคโคลี่ แครอท ถั่วฝักยาว)
- น้ำจิ้มพริกสดมะนาว ไม่ใส่น้ำตาล
เทคนิคการทาน
- ทานไข่ขาวก่อน ตามด้วยไข่แดง
- จิบน้ำอุ่นระหว่างมื้อ
- เคี้ยวผักให้ละเอียด
อาหารว่างเช้า (10.00 น.)
- สาลี่ 1 ผล ช่วยให้สดชื่น
- ชามะลิร้อน 1 แก้ว ช่วยการเผาผลาญ
มื้อกลางวัน
- ยำอกไก่สมุนไพร ทานช่วง 12.00-13.00 น. อาหารรสจัดช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ
วิธีสั่งให้เหมาะกับการลดพุง
- “ยำอกไก่ฉีก รสจัด พริกน้อย ไม่ใส่น้ำตาล”
- เพิ่มสมุนไพรไทย (ใบสะระแหน่ ใบโหระพา)
- ใส่หอมแดง ต้นหอม ผักชี
เคล็ดลับพิเศษ
- เลือกอกไก่นึ่งฉีก ไม่ใช่ทอด
- น้ำยำใส่มะนาวเยอะๆ พริกนิดหน่อย
- ทานกับผักสดเคียงไม่จำกัด
อาหารว่างบ่าย (15.00 น.)
- แก้วมังกร 1 ผล ช่วยระบบขับถ่าย
- น้ำสมุนไพร (ตะไคร้ ใบเตย) 1 แก้ว
มื้อเย็น
- ซุปฟักเต้าหู้ ทานก่อน 18.30 น. มื้อเบาๆ ปิดท้าย 3 วัน
ส่วนประกอบที่ลงตัว
- ฟักทองหั่นชิ้นพอดีคำ แหล่งวิตามินเอดี
- เต้าหู้ไข่หั่นชิ้น โปรตีนคุณภาพดี
- เห็ดหอม เพิ่มรสชาติธรรมชาติ
- ต้นหอม ผักชี เพิ่มกลิ่นหอม
วิธีทานให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- ทานขณะอุ่นๆ
- เคี้ยวฟักทองให้ละเอียด
- ดื่มน้ำซุปให้หมด
เคล็ดลับพิเศษสำหรับ 3 วัน
- ตื่นนอนแล้วดื่มน้ำอุ่น 2 แก้วทันที
- เดินเบาๆ 10-15 นาทีหลังทุกมื้อ
- นอนก่อน 22.00 น. ทุกคืน
- งดชา กาแฟ หลัง 16.00 น.
สิ่งที่ต้องเตรียมใจใน 3 วัน
- วันแรกอาจหิวบ้าง เพราะร่างกายกำลังปรับตัว
- วันที่ 2 จะเริ่มชิน และรู้สึกเบาท้อง
- วันที่ 3 จะรู้สึกสดชื่น เบาตัว และพุงเริ่มยุบ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการลดพุงใน 3 วัน
ผลลัพธ์ที่จะได้หลังครบ 3 วัน
หลังจากทำตามแผนอาหาร 3 วัน คุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เสื้อผ้าจะเริ่มหลวมโดยเฉพาะบริเวณรอบเอว อาการท้องอืดจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ที่สำคัญคุณจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงหลังทานอาหารเหมือนเคย เพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากผักและผลไม้อย่างเต็มที่
เคล็ดลับการทานน้ำใน 3 วัน
การดื่มน้ำที่ถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการลดพุง เริ่มต้นวันด้วยการดื่มน้ำอุ่น 2 แก้วทันทีที่ตื่นนอน จะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี ก่อนทานอาหารแต่ละมื้อประมาณ 30 นาที ให้ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ระหว่างวันควรจิบน้ำเรื่อยๆ แต่หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร และก่อนนอนควรดื่มน้ำอุ่นอีกหนึ่งแก้วเพื่อช่วยล้างสารพิษ
กิจกรรมเสริมระหว่าง 3 วัน
การเพิ่มกิจกรรมเบาๆ จะช่วยให้การลดพุงได้ผลดียิ่งขึ้น หลังตื่นนอนให้เดินเร็วประมาณ 15-20 นาที จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญตั้งแต่เช้า ก่อนนอนควรยืดเหยียดร่างกายเบาๆ สัก 5-10 นาที ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระหว่างวันพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น เช่น เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์
การดูแลตัวเองหลังครบ 3 วัน
หลังจากผ่านไป 3 วัน อย่าเพิ่งรีบกลับไปทานอาหารแบบเดิมทันที ควรค่อยๆ เพิ่มปริมาณอาหารกลับเข้าสู่ปกติ แต่ยังคงรักษาการทานอาหารเป็นเวลา และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายก็ควรค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้น และพยายามทานอาหารตามแผนนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 วัน เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีไว้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใน 3 วันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างนิสัยการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และนำไปสู่การมีรูปร่างที่ดีอย่างยั่งยืน
เคล็ดลับพิเศษช่วยให้ลดพุงได้ผลดียิ่งขึ้น
เรื่องความหิวนี่เป็นปัญหาใหญ่เลยใช่ไหม? โดยเฉพาะช่วงสามวันแรกที่เราเริ่มปรับการกิน บางคนถึงกับนอนไม่หลับเพราะหิวเลยทีเดียว! แต่ไม่ต้องกังวลไป ลองทำตามนี้ดูนะ
ถ้ารู้สึกหิวมากๆ ลองจิบน้ำอุ่นช้าๆ หรือจะเป็นชาอุ่นๆ ก็ได้ บางทีที่เราคิดว่าหิวจริงๆ แล้วอาจแค่ขาดน้ำก็ได้ หรือถ้าอยากทานอะไรจริงๆ แนะนำให้หาผลไม้มาทาน อย่างฝรั่งนี่เยี่ยมมาก ทานนิดเดียวก็อิ่มท้อง หรือจะเป็นแอปเปิ้ลก็ดี ที่สำคัญอย่าลืมเคี้ยวให้ละเอียดนะ ยิ่งเคี้ยวนาน ยิ่งอิ่ม!
เรื่องรสชาติอาหารก็สำคัญ ไม่มีใครอยากทานอาหารจืดชืดหรอก จริงไหม? ลองเพิ่มเครื่องเทศอย่างพริกไทย ขิง ตะไคร้ หรือใบมะกรูดลงไป นอกจากจะหอมอร่อยแล้ว ยังช่วยเร่งการเผาผลาญด้วยนะ แต่ต้องระวังเรื่องน้ำตาลกับแป้งหน่อย เพราะสองตัวนี้ชอบแอบมากับน้ำจิ้มต่างๆ
อีกเรื่องที่มักมองข้ามคือความเครียด รู้ไหมว่าถ้าเครียดมากๆ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้อยากกินของหวาน แถมยังทำให้พุงป่องง่ายขึ้นด้วย พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ หายใจลึกๆ หรือจะลองฟังเพลงเบาๆ ก่อนนอนก็ดีนะ
เทคนิคเด็ดช่วยให้พุงยุบไวขึ้น!
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนลดพุงได้เร็วกว่าคนอื่น? เพราะเขามีเทคนิคลับๆ นี่แหละ! วันนี้เราจะมาแชร์ให้ฟังกัน
เรื่องเวลาการกินสำคัญมากนะ โดยเฉพาะมื้อเย็น ถ้าเป็นไปได้พยายามทานก่อน 6 โมงเย็น เพราะช่วงนี้ร่างกายยังเผาผลาญได้ดี แถมยังช่วยให้นอนหลับสบายด้วย ลองสังเกตดู ถ้าทานดึกๆ มักจะรู้สึกอึดอัดตอนนอน พอตื่นมาหน้าจะบวมๆ
อ้อ! แล้วรู้ไหมว่าการดื่มน้ำก็มีเทคนิค? น้ำเย็นจัดไม่ช่วยให้พุงยุบหรอก ต้องเป็นน้ำอุ่นๆ นี่แหละ ลองดื่มตอนท้องว่างตอนเช้า สัก 2 แก้ว รับรองว่าระบบขับถ่ายจะดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด
เรื่องการนั่งทานอาหารก็สำคัญ หลายคนชอบทานไปดูโทรศัพท์ไป แบบนี้ไม่ดีนะ เพราะสมองจะไม่รู้ว่าเราทานอิ่มแล้ว ลองวางโทรศัพท์ แล้วเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด จะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
มีอีกเทคนิคนึงที่คนมักมองข้าม นั่นคือการนวดท้อง ลองนวดเบาๆ ตามเข็มนาฬิกาก่อนนอน ช่วยกระตุ้นการย่อยและการขับถ่ายได้ดีมาก แถมยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย
10 วิธีดูแลตัวเองเพื่อลดพุงแบบเร่งด่วน
วิธีที่ 1 เรื่องการนอนที่ใครๆ มองข้าม
การนอนหลับให้เป็นเวลาสำคัญมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังลดพุง ลองปรับเวลานอนให้เป็นก่อน 4 ทุ่ม ตื่นตอนเช้าประมาณตี 5 ถึงหกโมง รับรองว่าร่างกายจะเผาผลาญได้ดีขึ้น แถมยังช่วยควบคุมฮอร์โมนที่ทำให้หิวด้วย
วิธีที่ 2 จัดการเรื่องอิริยาบถให้ถูกต้อง
ถ้าทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน ต้องหาเวลาลุกขึ้นยืนหรือเดินบ้าง แค่ลุกทุกๆ ชั่วโมง เดินไปดื่มน้ำ หรือยืดเส้นยืดสายเบาๆ ก็ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้นแล้ว
วิธีที่ 3 ดื่มน้ำให้เป็นเวลา
แค่ปรับวิธีดื่มน้ำนิดหน่อยก็ช่วยลดพุงได้ เริ่มจากดื่มน้ำอุ่น 2 แก้วทันทีที่ตื่นนอน งดดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร และดื่มน้ำอุ่นก่อนนอน 1 แก้ว วิธีนี้ช่วยล้างสารพิษและลดการบวมน้ำได้ดี
วิธีที่ 4 การอาบน้ำที่ช่วยกระชับหุ่น
ลองเปลี่ยนวิธีอาบน้ำธรรมดาๆ ให้เป็นสปาง่ายๆ ที่บ้าน ด้วยการอาบน้ำอุ่นสลับเย็น เริ่มจากน้ำอุ่น 2 นาที แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเย็น 30 วินาที ทำแบบนี้ 3 รอบ ช่วยกระชับผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
วิธีที่ 5 จัดการความเครียดให้เป็น
ความเครียดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้พุงป่อง! ลองหาเวลาผ่อนคลาย 15-20 นาทีทุกวัน จะนั่งสมาธิ ฟังเพลงเบาๆ หรือทำอะไรที่ชอบก็ได้ แค่นี้ก็ช่วยลดฮอร์โมนที่ทำให้อยากกินของหวานได้แล้ว
วิธีที่ 6 นวดท้องก่อนนอน
วิธีง่ายๆ ที่ทำได้เองที่บ้าน แค่นวดท้องเบาๆ ตามเข็มนาฬิกาก่อนนอนประมาณ 5-10 นาที ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและการขับถ่าย แถมยังช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นด้วย
วิธีที่ 7 ทานอาหารอย่างมีสติ
หลายคนชอบกินไปดูโทรศัพท์ไป แบบนี้ทำให้กินเยอะโดยไม่รู้ตัว! ลองวางโทรศัพท์ตอนกินข้าว เคี้ยวช้าๆ สัก 20-30 ครั้งต่อคำ จะพบว่าอิ่มเร็วขึ้น แถมยังย่อยอาหารได้ดีขึ้นด้วย
วิธีที่ 8 แต่งตัวกระชับหุ่น
ลองใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัว ไม่หลวมหรือคับเกินไป จะช่วยให้เรารู้ตัวเวลาท้องป่องหรือกินเยอะเกินไป แถมยังช่วยเรื่องบุคลิกภาพ ทำให้ยืดตัวตรง ท้องแบนขึ้นโดยอัตโนมัติ
วิธีที่ 9 หายใจให้ถูกวิธี
การหายใจลึกๆ ช่วยกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ดี ลองฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องป่อง แล้วหายใจออกยาวๆ ให้ท้องแฟบ ทำวันละ 10 ครั้ง เช้า-เย็น ช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงขึ้น
วิธีที่ 10 จัดห้องนอนให้เอื้อต่อการพักผ่อน
ห้องนอนที่เย็นสบาย มืดสนิท และเงียบสงบ ช่วยให้หลับลึก ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ลองปรับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 25-26 องศา ปิดไฟให้มืด งดใช้มือถือก่อนนอนอย่างน้อย 30 นาที
ทำไมลดพุงเร่งด่วนไม่ได้ผล? แก้ปัญหาให้สำเร็จใน 3 วัน
หลายคนพยายามลดพุงแต่ไม่เห็นผล สาเหตุหลักๆ มาจากความเข้าใจผิดและการทำผิดวิธี วันนี้เรามาดูกันว่าทำไมถึงลดพุงไม่สำเร็จ และจะแก้ปัญหายังไงดี
ปัญหาที่ 1 ทานอาหารผิดเวลา
หลายคนชอบอดอาหารเช้า แล้วมาทานมื้อดึกหนักๆ แบบนี้ทำให้ร่างกายเก็บไขมันเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าทานดึกมากๆ ยิ่งแย่ เพราะร่างกายเผาผลาญได้ไม่ดี วิธีแก้ง่ายๆ คือ ทานมื้อเช้าให้อิ่ม มื้อเย็นให้เบา และต้องทานก่อน 6 โมงเย็น
ปัญหาที่ 2 หลงกับของว่างเพื่อสุขภาพ
บางคนคิดว่าทานของว่างเพื่อสุขภาพไม่อ้วน เลยทานเยอะเกินไป แม้แต่ถั่ว ผลไม้อบแห้ง หรือน้ำผลไม้ ก็มีแคลอรี่สูงถ้าทานมากเกิน ลองเปลี่ยนมาทานผลไม้สด หรือผักสดแทนดีกว่า
ปัญหาที่ 3 เครียดเกินไป ทำให้กินไม่ยั้ง
รู้ตัวไหมว่าเวลาเครียด เราชอบหาอะไรกินตลอด โดยเฉพาะของหวาน นั่นเพราะความเครียดทำให้ร่างกายต้องการน้ำตาลมากขึ้น แถมยังผลิตฮอร์โมนที่ทำให้สะสมไขมันที่หน้าท้องด้วย ลองพักสมองบ้าง หายใจลึกๆ หรือเดินเล่นสักพัก จะช่วยได้เยอะเลย
ปัญหาที่ 4 ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยเกินไป
หลายคนชอบดื่มเบียร์หลังเลิกงาน คิดว่าแค่แก้วเดียวคงไม่เป็นไร แต่รู้ไหมว่าแอลกอฮอล์ทำให้ตับทำงานหนัก แทนที่จะเผาผลาญไขมัน ก็ต้องมาจัดการกับแอลกอฮอล์แทน แถมยังทำให้อยากกินของมันๆ ด้วย ลองงดดื่มสัก 3 วัน รับรองเห็นผลชัดเจน
ปัญหาที่ 5 นอนดึกเป็นประจำ
การนอนดึกไม่ได้แค่ทำให้อ่อนเพลีย แต่ยังทำให้พุงป่องด้วย! เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หิว และเก็บไขมันมากขึ้น ยิ่งถ้านอนดึกแล้วหิว มักจะกินจุบจิบ ยิ่งทำให้อ้วนง่าย แก้ง่ายๆ แค่นอนให้เป็นเวลา อย่างช้าสี่ทุ่มครึ่ง
ปัญหาที่ 6 ออกกำลังกายหักโหมเกินไป
หลายคนพอคิดจะลดพุง ก็ออกกำลังกายหนักมาก คิดว่ายิ่งหนักยิ่งดี แต่จริงๆ แล้วการออกกำลังกายหนักเกินไปทำให้เครียด อยากกินมากขึ้น และพักผ่อนไม่พอ แนะนำให้เริ่มจากเบาๆ ก่อน เช่น เดินเร็ว หรือโยคะ พอร่างกายแข็งแรงค่อยเพิ่มความหนัก
ปัญหาที่ 7 ดื่มน้ำไม่พอ แต่ดื่มน้ำหวานเพียบ
หลายคนคิดว่าน้ำผลไม้ปั่น น้ำอัดลม หรือชานมไข่มุก ช่วยดับกระหาย จริงๆ แล้วเครื่องดื่มพวกนี้มีน้ำตาลสูงมาก ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่ง แล้วตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หิวบ่อย แถมยังเพิ่มพุงด้วย ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า น้ำสมุนไพร หรือชาไม่ใส่น้ำตาลแทน
ปัญหาที่ 8 ทานอาหารเร็วเกินไป
ใครที่ชอบทานอาหารเร็วๆ ต้องระวัง! การทานเร็วทำให้สมองรับรู้ความอิ่มช้า เรามักจะทานเกินไปโดยไม่รู้ตัว แถมยังย่อยอาหารได้ไม่ดี ทำให้ท้องอืด พุงป่อง ลองเคี้ยวให้ช้าลง วางช้อนระหว่างคำ รับรองอิ่มเร็วขึ้น พุงยุบลงแน่นอน
ปัญหาที่ 9 เชื่อว่าอาหารคลีนทุกอย่างลดน้ำหนักได้
อาหารคลีนก็มีแคลอรี่นะ! บางคนคิดว่าทานอาหารคลีนแล้วจะไม่อ้วน เลยทานเยอะมาก โดยเฉพาะน้ำสลัด อโวคาโด ถั่ว แม้จะดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าทานมากไปก็ทำให้อ้วนได้ ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ปัญหาที่ 10 คิดว่าต้องลดพุงให้ได้เร็วๆ
ความรีบร้อนเกินไปทำให้เราทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย เช่น อดอาหาร ออกกำลังกายหักโหม หรือใช้ยาลดน้ำหนัก สุดท้ายก็ไม่ยั่งยืน พอกลับมากินปกติก็อ้วนกว่าเดิม ให้เวลาร่างกายปรับตัว ค่อยๆ เปลี่ยนนิสัยการกิน การออกกำลังกาย จะได้ผลดีกว่า
สรุปแล้ว การลดพุงให้ได้ผลต้องทำความเข้าใจร่างกายตัวเอง ไม่รีบร้อนจนเกินไป และที่สำคัญต้องทำอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไร แค่กลับมาทำต่อ รับรองว่าต้องสำเร็จแน่นอน!
เคล็ดลับสุดท้าย ดูแลใจให้พร้อม สำคัญไม่แพ้การดูแลหุ่น
การลดพุงให้สำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่การควบคุมอาหารอย่างเดียว แต่ต้องดูแลสภาพจิตใจด้วย เพราะหลายคนล้มเหลวเพราะใจไม่พร้อม มาดูวิธีเตรียมใจให้แข็งแรงกัน
การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง
อย่าคาดหวังว่าพุงจะยุบภายในวันสองวัน ให้มองว่า 3 วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ถ้าทำได้ดี น้ำหนักอาจลดได้ 1-2 กิโล พุงอาจยุบลง 1-2 นิ้ว แค่นี้ก็เยี่ยมแล้ว!
ให้รางวัลตัวเองแบบฉลาดๆ
พอครบ 3 วัน ลองให้รางวัลตัวเองด้วยอะไรที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ ไปนวด หรือทำอะไรที่ชอบ แต่ไม่ทำลายผลลัพธ์ที่เราตั้งใจทำมา
เรื่องสำคัญที่สุด อย่าท้อ!
ถ้าวันไหนพลาดไป ก็ไม่ต้องเครียด เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ร่างกายของเราไม่ได้รีเซ็ตทุกวัน สิ่งดีๆ ที่ทำมายังอยู่ แค่กลับมาทำต่อ รับรองว่าต้องสำเร็จ!
สรุป เส้นทาง 3 วันสู่พุงที่ยุบลง
เห็นไหมว่าการลดพุงไม่ได้ยากอย่างที่คิด! แค่เข้าใจหลักการง่ายๆ ทำตามคำแนะนำที่แชร์ไป รับรองว่าใน 3 วันคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจ
- ทานอาหารให้เป็นเวลา เน้นโปรตีนและผัก
- ดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ
- นอนให้เป็นเวลา อย่างช้า 4 ทุ่ม
- ทำใจให้สบาย ไม่เครียด
แต่ที่สำคัญที่สุด คือการทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ 3 วันแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ให้มองว่า 3 วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดี พุงที่แบนราบ และชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น!