วิธีลดเหนียงด้วยการออกกำลังกาย 15 ท่าง่ายๆ ทำเองที่บ้าน ไม่ต้องศัลยกรรม
หลายคนคงเคยมีความรู้สึกนี้ “ไม่มีหรอกคนข้างเคียง มีแต่เหนียงข้างคอ” แคปชั่นฮาๆ ที่สะท้อนปัญหาของใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหาวิธีลดเหนียงแบบธรรมชาติ วันนี้เรามีวิธีที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน ประหยัดเงิน ไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม มาฝากกัน
เหนียงคืออะไร? ทำไมถึงต้องกำจัด
เหนียงหรือที่เรียกว่าเหนียงใต้คางนั้น คือไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้คางและลำคอ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะในยุคที่เราต้องก้มหน้าดูมือถือกันบ่อยๆ จากการศึกษาในวารสาร Journal of Cosmetic Dermatology (2023) พบว่าปัญหาเหนียงพบได้ถึง 68% ในกลุ่มคนอายุ 25-45 ปี ไขมันที่คอเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาด้านความสวยงามเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของการมีไขมันสะสมมากเกินไปในร่างกายอีกด้วย
สาเหตุของการเกิดเหนียง
ตามการวิจัยจาก International Journal of Aesthetic Medicine (2024) การเกิดเหนียงมีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัยส่งผลต่อการเกิดเหนียงในลักษณะที่แตกต่างกัน
1.พันธุกรรม
พันธุกรรมส่งผลต่อการกระจายตัวของไขมันในร่างกาย บางคนมียีนที่ทำให้ร่างกายมีแนวโน้มสะสมไขมันบริเวณใต้คางมากกว่าส่วนอื่น นอกจากนี้ ลักษณะโครงสร้างกระดูกขากรรไกรและคางที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็มีผลต่อการมองเห็นเหนียงที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีคางสั้นหรือเล็ก
2.อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณใต้คางและลำคอหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ประกอบกับการที่กล้ามเนื้อในบริเวณนี้อ่อนแรงลงตามวัย ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยจนกลายเป็นเหนียงที่เห็นได้ชัด
3.น้ำหนักตัวที่มากเกินไป
ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนทำให้มีการสะสมไขมันทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณใต้คางด้วย การศึกษาจาก Obesity Research Journal (2023) พบว่าทุกๆ 5 กิโลกรัมที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดการสะสมไขมันใต้คางเพิ่มขึ้น 15% โดยเฉพาะในคนที่มีดัชนีมวลกายเกิน 25
4.พฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล
การก้มหน้าดูโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คางอ่อนแรง เกิดการยืดตัวของผิวหนัง และเสียสมดุลของกล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ท่าทางการก้มคอยังทำให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในบริเวณนี้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันและของเหลวจนกลายเป็นเหนียง
5.การรับประทานอาหาร
อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูงอย่างชานมไข่มุก กาแฟปั่น หรือน้ำอัดลม ส่งผลให้ร่างกายเก็บสะสมไขมันมากขึ้น โดยไขมันส่วนเกินนี้จะกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณใต้คางด้วย
กลไกทางกายวิภาคของการเกิดเหนียง
1.โครงสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณใต้คาง
บริเวณใต้คางและลำคอของเรามีโครงสร้างที่ซับซ้อนและน่าสนใจ เปรียบเสมือนการซ้อนทับกันของผ้าหลายชั้น โดยชั้นแรกสุดที่อยู่ติดกับผิวหนังคือกล้ามเนื้อที่เรียกว่า “พลาทิสมา” (Platysma) ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ คลุมตั้งแต่ใต้คางลงมาถึงหน้าอก กล้ามเนื้อชั้นนี้มีความสำคัญมากเพราะช่วยในการแสดงสีหน้า การพูด และการเคลื่อนไหวของริมฝีปากล่าง เมื่อกล้ามเนื้อนี้อ่อนแรงลง จะทำให้ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดเป็นเหนียงได้ง่าย
ถัดลงไปอีกชั้นเราจะพบกับกลุ่มกล้ามเนื้อที่เรียกว่า “ซูปราไฮออยด์” (Suprahyoid) ซึ่งเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่สำคัญในการกลืนอาหารและการพูด กล้ามเนื้อกลุ่มนี้ทำงานร่วมกันเหมือนวงดนตรีที่ต้องบรรเลงเพลงให้ไพเราะ ถ้ากล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งอ่อนแรง ก็จะส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ และทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใต้คางได้
ชั้นที่ลึกลงไปอีกคือกล้ามเนื้อ “สเตอร์โนไคลโดมาสตอยด์” (Sternocleidomastoid) หรือที่เราเห็นเป็นเส้นเชือกหนาๆ สองเส้นที่วิ่งจากหลังหูลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า กล้ามเนื้อมัดนี้ทำหน้าที่เหมือนเสาหลักที่คอยพยุงศีรษะและช่วยในการหมุนคอ หากกล้ามเนื้อมัดนี้แข็งแรง จะช่วยยกโครงสร้างใต้คางทั้งหมดและลดการหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและการสะสมไขมัน
ใต้ผิวหนังบริเวณคางของเรามีชั้นไขมันพิเศษที่เรียกว่า “แผ่นไขมันใต้คาง” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดเหนียง ชั้นไขมันนี้ถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อเยื่อพิเศษที่เรียกว่าพังผืด ซึ่งมีสองชั้น คือชั้นตื้นและชั้นลึก โดยชั้นตื้นจะมีความยืดหยุ่นสูงและมีไขมันแทรกอยู่มาก เปรียบเสมือนเบาะรองนุ่มๆ ใต้ผิวหนัง ส่วนชั้นลึกจะแข็งแรงกว่าและทำหน้าที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อ คล้ายถุงเท้าที่สวมทับเท้าเราไว้
3.ระบบน้ำเหลืองและการระบายของเสีย
ระบบน้ำเหลืองบริเวณใต้คางและลำคอทำหน้าที่เหมือนระบบท่อระบายน้ำในบ้านเรา โดยมีต่อมน้ำเหลืองเป็นเหมือนสถานีสูบน้ำขนาดเล็กที่คอยดูดซับของเสียและไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณนี้ ต่อมน้ำเหลืองใต้คางจะทำงานได้ดีเมื่อเรามีการเคลื่อนไหวคอและศีรษะอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนการเปิดปั๊มน้ำให้ทำงาน แต่เมื่อเราอยู่ในท่าก้มคอนานๆ เช่น การก้มดูโทรศัพท์ จะทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองติดขัด เกิดการคั่งของของเหลวและไขมัน จนกลายเป็นเหนียงในที่สุด
4.อิทธิพลของฮอร์โมนต่อการสะสมไขมัน
ฮอร์โมนในร่างกายเปรียบเสมือนวงออเคสตร้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ฮอร์โมนความเครียด” มีบทบาทสำคัญในการสะสมไขมันบริเวณใบหน้าและลำคอ เมื่อเราเครียด ร่างกายจะผลิตคอร์ติซอลมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันในบริเวณนี้มากกว่าปกติ
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยทอง ยังส่งผลให้การกระจายตัวของไขมันในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เหมือนการย้ายบ้านของไขมัน จากเดิมที่สะสมที่สะโพกและต้นขา กลับมาสะสมที่หน้าท้องและใต้คางมากขึ้น ทำให้เกิดเหนียงได้ง่ายในช่วงวัยนี้
5.กระบวนการเผาผลาญไขมันใต้คาง
เมื่อเราออกกำลังกายบริเวณคอและใต้คาง จะเกิดกระบวนการที่เรียกว่า “ไลโพไลซิส” (Lipolysis) ซึ่งเป็นการสลายเซลล์ไขมัน เปรียบเสมือนการละลายน้ำแข็งด้วยความร้อน การออกกำลังกายจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณนี้มากขึ้น เพิ่มอุณหภูมิในเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ไขมันถูกสลายและนำไปใช้เป็นพลังงาน โดยเฉพาะเมื่อทำท่าบริหารที่มีการเกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในบริเวณนั้นได้มากถึง 30-40%
6.หลักการทางวิทยาศาสตร์กับการลดเหนียงอย่างมีประสิทธิภาพ
การออกกำลังกายเพื่อลดเหนียงนั้นเกี่ยวข้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์หลายประการ เริ่มจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่เรียกว่า “การหดตัวแบบไอโซเมตริก” หรือการเกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ในท่าเดิม เช่น ในท่าเงยคอหรือยืดคาง การเกร็งค้างแบบนี้จะกระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อให้ทำงานหนักและต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในบริเวณนั้นสูงขึ้น
เมื่อกล้ามเนื้อทำงานหนัก ร่างกายจะส่งเลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากขึ้น เปรียบเสมือนการเปิดน้ำให้ไหลแรงขึ้นในท่อ การไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่เพียงแต่นำออกซิเจนและสารอาหารมาเลี้ยงกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง ทำให้การกำจัดของเสียและไขมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7.จังหวะเวลาที่เหมาะสมในการบริหารกล้ามเนื้อ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการบริหารกล้ามเนื้อคอและใต้คางคือช่วงเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกายจะสูงที่สุดในช่วงนี้ ทำให้ร่างกายพร้อมที่จะเผาผลาญไขมันได้ดี นอกจากนี้ การทำท่าบริหารในช่วงเช้ายังช่วยกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้ร่างกายตื่นตัวและเพิ่มอัตราการเผาผลาญตลอดทั้งวัน
อีกช่วงเวลาที่ดีคือก่อนนอน เพราะกล้ามเนื้อจะได้มีเวลาฟื้นฟูตัวเองระหว่างการนอนหลับ ในช่วงนี้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต หรือ Growth Hormone ซึ่งช่วยในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยในการเผาผลาญไขมันอีกด้วย
8.ผลของการพักผ่อนต่อการลดเหนียง
การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดเหนียง เพราะในช่วงที่เราหลับลึก ร่างกายจะทำการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่สึกหรอ รวมถึงปรับสมดุลฮอร์โมนต่างๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนเลปติน ที่ควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญไขมัน เมื่อเรานอนไม่เพียงพอ ระดับเลปตินจะลดลง ทำให้เรารู้สึกหิวง่ายและเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี
นอกจากนี้ การนอนหลับยังช่วยลดระดับความเครียดและฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสะสมไขมันบริเวณใต้คาง การนอนหลับอย่างมีคุณภาพจึงเป็นเหมือนการชาร์จแบตเตอรี่ให้ร่างกาย ทำให้การลดเหนียงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การออกกำลังกายลดเหนียง 15 ท่าที่ได้ผลจริง
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดเหนียงแบบได้ผลและปลอดภัย เรามีท่าออกกำลังกายลดเหนียงที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยผลการวิจัยจาก Journal of Physical Therapy Science (2024) พบว่าการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คางอย่างถูกวิธีสามารถลดการสะสมของไขมันและเพิ่มความกระชับของผิวได้ถึง 45% ภายในระยะเวลา 8 สัปดาห์
ท่าลดเหนียงท่าที่ 1 การยืดกรามกระชับใต้คาง
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย มองตรงไปด้านหน้า
- ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเพดาน ระวังไม่ให้เงยมากเกินไปจนรู้สึกเจ็บ
- ยื่นคางไปด้านหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างสบาย
- เกร็งกล้ามเนื้อใต้คางและลำคอให้รู้สึกตึง นับ 1-10 ช้าๆ
- ค่อยๆ ผ่อนกลับสู่ท่าเริ่มต้น พักสักครู่ก่อนทำซ้ำ
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่ายืดกรามให้ได้ผลดีนั้นเริ่มจากการจัดท่าทางให้ถูกต้อง โดยยืนหรือนั่งให้หลังตรงแต่ไม่เกร็ง ควรทำหน้ากระจกในช่วงแรกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของคอและคาง ระหว่างทำให้หายใจเข้าออกยาวๆ และลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำคือตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน เพราะกล้ามเนื้อจะผ่อนคลายที่สุด
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้ทำงานโดยตรงกับกล้ามเนื้อใต้คางและลำคอส่วนหน้า การยืดเหยียดในลักษณะนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ platysma และ sternocleidomastoid muscles ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญในการกำจัดเหนียงใต้คาง การยืดและเกร็งกล้ามเนื้อสลับกันจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และช่วยกระชับผิวในบริเวณดังกล่าว ที่สำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ในบริเวณนี้อีกด้วย
การทำท่านี้อย่างต่อเนื่องวันละ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-15 ครั้ง จะช่วยกำจัดเหนียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังจากทำต่อเนื่องประมาณ 4-6 สัปดาห์
ท่าลดเหนียงท่าที่ 2 การบริหารคอลดไขมัน
ขั้นตอนการทำ
- เริ่มจากท่านั่งหรือยืนตัวตรง ไหล่ผ่อนคลาย ศีรษะตั้งตรง
- ค่อยๆ หันหน้าไปทางซ้ายให้สุดเท่าที่ทำได้อย่างสบาย
- ค้างไว้ 5 วินาที รู้สึกถึงการยืดของกล้ามเนื้อคอ
- หมุนกลับมาตรงกลาง พักสั้นๆ 1 วินาที
- หันไปทางขวาให้สุด ค้างไว้ 5 วินาที แล้วกลับมาตรงกลาง
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าบริหารคอนี้ต้องใส่ใจกับการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและควบคุมได้ หลีกเลี่ยงการกระตุกหรือหมุนคออย่างรวดเร็ว ควรอุ่นเครื่องด้วยการนวดคอเบาๆ ก่อนเริ่มท่านี้ การหายใจควรเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ สูดลมหายใจเข้าขณะหมุนคอ และผ่อนลมหายใจออกขณะค้างท่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือระหว่างพักจากการทำงาน
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้ทำงานกับกล้ามเนื้อคอหลายมัดพร้อมกัน ทั้งกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ที่อยู่ด้านข้างคอ และกล้ามเนื้อ platysma ที่อยู่ด้านหน้าคอ การหมุนคอสลับซ้ายขวาจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดไขมันที่คอ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ยังช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อคอ ลดอาการปวดเมื่อยจากการทำงานที่ต้องก้มคอเป็นเวลานาน
การทำท่านี้ต่อเนื่องวันละ 15 ครั้ง และทำซ้ำ 2-3 รอบต่อวัน จะช่วยกำจัดเหนียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเริ่มรู้สึกถึงความกระชับของกล้ามเนื้อคอหลังจากทำต่อเนื่องประมาณ 2-3 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนในการลดเหนียงที่คอหลังจาก 6-8 สัปดาห์
ท่าลดเหนียงท่าที่ 3 การจูบเพดานกระชับเหนียง
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง หลังตั้งตรง ไหล่ผ่อนคลาย มองตรงไปด้านหน้า
- ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประมาณ 30-45 องศา ระวังไม่ให้แหงนมากเกินไป
- ห่อปากเหมือนกำลังจะจูบ ทำปากจู๋ให้ยาวที่สุดเท่าที่ทำได้
- เหยียดริมฝีปากไปด้านหน้า จนรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อใต้คางและลำคอ
- ค้างไว้นับ 1-10 ช้าๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายกลับสู่ท่าปกติ
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าจูบเพดานนี้ต้องเน้นที่การรู้สึกถึงการยืดของกล้ามเนื้อใต้คางอย่างทั่วถึง เริ่มจากการทำหน้ากระจกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ระหว่างทำให้หายใจเข้าออกตามปกติ ไม่กลั้นหายใจ ช่วงแรกอาจรู้สึกเมื่อยที่ริมฝีปากและกล้ามเนื้อใต้คาง ให้ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาการค้างท่า เหมาะสำหรับทำในช่วงเช้าหรือก่อนนอน
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้เป็นการบริหารแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่มีเหนียงเยอะ โดยจะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ทั้งกล้ามเนื้อรอบปาก (orbicularis oris) กล้ามเนื้อใต้คาง (platysma) และกล้ามเนื้อคอส่วนหน้า การเหยียดริมฝีปากจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันในบริเวณดังกล่าว
สำหรับผู้ที่ต้องการลดเหนียงเร่งด่วน ควรทำท่านี้วันละ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 20 ครั้ง โดยจะเริ่มเห็นผลการกระชับตั้งแต่สัปดาห์แรก และเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและการดื่มน้ำที่เพียงพอเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ท่าลดเหนียงท่าที่ 4 การแลบลิ้นกระชับคอ
ขั้นตอนการทำ
- เริ่มจากท่านั่งหรือยืนตัวตรง ไหล่ผ่อนคลาย ศีรษะตั้งตรง
- เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยประมาณ 30 องศา ระวังไม่ให้เงยมากเกินไป
- แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามชี้ปลายลิ้นไปที่ปลายจมูก
- เกร็งกล้ามเนื้อลิ้นและใต้คางให้รู้สึกตึง นับ 1-10
- ค่อยๆ หดลิ้นกลับ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าแลบลิ้นนี้ต้องเน้นที่การควบคุมการเคลื่อนไหวของลิ้นและกล้ามเนื้อใต้คางให้ทำงานประสานกัน ควรทำหน้ากระจกในช่วงแรกเพื่อดูการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง หายใจเข้าออกตามปกติระหว่างทำท่า ไม่ต้องกังวลหากไม่สามารถแตะจมูกได้ เพราะแค่การพยายามยืดลิ้นก็เพียงพอที่จะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อแล้ว เหมาะสำหรับทำในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือหลังอาบน้ำ เพราะกล้ามเนื้อจะผ่อนคลายที่สุด
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อแบบเฉพาะเจาะจง โดยจะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใต้ลิ้น (hyoglossus) กล้ามเนื้อใต้คาง (suprahyoid muscles) และกล้ามเนื้อลำคอส่วนหน้า การยืดเหยียดลิ้นจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อเหล่านี้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันและกระชับผิวในบริเวณใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำท่านี้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอวันละ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง จะช่วยลดเหนียงใต้คางได้อย่างเห็นผล โดยจะเริ่มรู้สึกถึงความกระชับของกล้ามเนื้อตั้งแต่สัปดาห์แรก และเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 3-4 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คาง ทำให้การพูดและการกลืนทำได้คล่องแคล่วขึ้นอีกด้วย
ท่าลดเหนียงท่าที่ 5 การบริหารขากรรไกร
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง ไหล่ผ่อนคลาย ศีรษะตั้งตรงในแนวธรรมชาติ
- ค่อยๆ อ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างสบาย
- เกร็งกล้ามเนื้อขากรรไกรและคอ รู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ค่อยๆ หุบปากช้าๆ พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อใต้คางและลำคอ
- หุบปากสนิท เกร็งค้างไว้ 2-3 วินาที ก่อนเริ่มท่าใหม่
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าบริหารขากรรไกรนี้เน้นที่การควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหว ควรอ้าและหุบปากช้าๆ อย่างมีสติ รู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อทุกส่วน ตั้งแต่ขากรรไกรไปจนถึงลำคอ การหายใจควรเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ สูดลมหายใจเข้าขณะอ้าปาก และผ่อนลมหายใจออกขณะหุบปาก เหมาะสำหรับทำในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้เป็นการบริหารแบบองค์รวมที่ช่วยลดเหนียงคอและกระชับผิวบริเวณแก้มไปพร้อมกัน การเคลื่อนไหวขากรรไกรจะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัด ทั้งกล้ามเนื้อขากรรไกร (masseter) กล้ามเนื้อแก้ม (buccinator) และกล้ามเนื้อคอส่วนหน้า (platysma) การเกร็งและคลายกล้ามเนื้อสลับกันจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และช่วยกระชับผิวในบริเวณดังกล่าว
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีเหนียงใต้คางเยอะมาก การทำท่านี้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอวันละ 3 เซ็ต เซ็ตละ 15 ครั้ง จะช่วยให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เริ่มรู้สึกถึงความกระชับของกล้ามเนื้อตั้งแต่สัปดาห์แรก และเห็นการลดลงของเหนียงอย่างชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
การทำท่าบริหารทั้ง 5 ท่าอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ พร้อมกับการหายใจเข้าออกลึกๆ เป็นจังหวะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การกำจัดเหนียงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการดื่มน้ำที่เพียงพอ
ท่าลดเหนียงท่าที่ 6 การบริหารลิ้นกระชับเหนียง
ขั้นตอนการทำ
- เริ่มจากท่านั่งหรือยืนตรง หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย มองตรงไปด้านหน้า
- ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประมาณ 45 องศา ระวังไม่ให้เงยมากเกินไป
- แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด พยายามชี้ปลายลิ้นไปที่ปลายจมูก
- เกร็งกล้ามเนื้อลิ้นและใต้คางให้รู้สึกตึง นับ 1-10 ช้าๆ
- ค่อยๆ หดลิ้นกลับ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าบริหารลิ้นกระชับเหนียงให้ได้ผลดีนั้น ควรเริ่มจากการหายใจเข้าออกลึกๆ ระหว่างทำท่า เพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ การฝึกหน้ากระจกในช่วงแรกจะช่วยให้มั่นใจว่าลิ้นและคางอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือต้องระวังไม่เงยคอมากเกินไปจนรู้สึกเจ็บ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำคือก่อนอาหารเช้าหรือหลังอาหารเย็น 2-3 ชั่วโมง เพราะกล้ามเนื้อจะตอบสนองได้ดีที่สุด
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้ทำงานโดยตรงกับกล้ามเนื้อ platysma ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อแผ่นบางที่อยู่ใต้คางและลำคอ การแลบลิ้นและเกร็งกล้ามเนื้อใต้คางจะช่วยกระชับและเผาผลาญไขมันในบริเวณนี้โดยตรง นอกจากนี้ การทำท่านี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้คาง ทำให้การสลายไขมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ในบริเวณนี้อีกด้วย
ท่าลดเหนียงท่าที่ 7 การเหยียดคอต้านแรงกระชับเหนียง
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง ล็อกกล้ามเนื้อหน้าท้องเล็กน้อย
- วางมือทั้งสองข้างประสานกันใต้คาง ฝ่ามือหงายขึ้น
- ออกแรงดันคางลง พร้อมใช้คางต้านแรงขึ้น
- เกร็งกล้ามเนื้อคอและใต้คางให้รู้สึกตึง นับ 1-10
- คลายแรงต้านช้าๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่าเหยียดคอต้านแรงให้มีประสิทธิภาพนั้น เริ่มจากการออกแรงต้านประมาณ 70% ของกำลังสูงสุด ไม่จำเป็นต้องออกแรงจนสุดความสามารถ เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ขณะทำท่าควรรักษาตำแหน่งศีรษะให้นิ่ง หลีกเลี่ยงการเอียงซ้ายขวา และควรทำหลังจากอบอุ่นร่างกายแล้วเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ สำคัญที่สุดคือต้องรู้จักฟังสัญญาณร่างกาย หากรู้สึกเมื่อยล้าให้หยุดพักทันที
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้เป็นการทำงานของกล้ามเนื้อสองกลุ่มหลักคือ กล้ามเนื้อคอด้านหน้าและกล้ามเนื้อใต้คาง การต้านแรงจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อเหล่านี้ ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังช่วยกระชับผิวหนังบริเวณใต้คางและลำคอ ทำให้เหนียงลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ท่าลดเหนียงท่าที่ 8 การนวดกระชับเหนียง
ขั้นตอนการทำ
- เริ่มจากท่านั่งหรือยืนตรง คอตั้งตรง
- ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองมือวางที่ใต้คาง
- นวดวนเป็นวงกลมเล็กๆ เบาๆ จากใต้คางลงมาที่คอ
- ค่อยๆ เพิ่มแรงกดนวดตามความเหมาะสม
- ทำต่อเนื่อง 5-10 นาที
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การนวดกระชับเหนียงควรทำด้วยความนุ่มนวลและสม่ำเสมอ เริ่มจากการใช้แรงเบาๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มแรงขึ้น ควรทำในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายผ่อนคลายที่สุด การนวดควรทำพร้อมกับการทาครีมบำรุงผิวหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระชับผิว นอกจากนี้ การดื่มน้ำอุ่นก่อนนวดจะช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
ท่าลดเหนียงท่าที่ 9 การหมุนคอกระชับผิว
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง วางมือทั้งสองข้างบนต้นขา
- ก้มหน้าลงเล็กน้อย ประมาณ 15 องศา ให้รู้สึกสบาย
- ค่อยๆ หมุนคอเป็นวงกลมช้าๆ ตามเข็มนาฬิกา
- ทำ 5 รอบตามเข็มนาฬิกา หยุดพัก 3 วินาที
- เปลี่ยนทิศทางเป็นทวนเข็มนาฬิกาอีก 5 รอบ
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การหมุนคอควรทำอย่างช้าๆ และนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการกระตุกหรือหมุนเร็วเกินไป ลองจินตนาการว่ากำลังวาดวงกลมด้วยปลายคางในอากาศ จะช่วยให้การเคลื่อนไหวราบรื่นและได้ผลดียิ่งขึ้น ควรทำในช่วงเช้าหลังตื่นนอนเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงจากการนอน การดื่มน้ำอุ่นก่อนทำจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
ท่าลดเหนียงท่าที่ 10 การเหยียดคางกระชับใต้คอ
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง ยกคางขึ้นเล็กน้อย มองตรงไปด้านหน้า
- เหยียดริมฝีปากออก ทำปากจู๋เหมือนกำลังจะผิวปาก
- ยืดคางไปด้านหน้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
- เกร็งกล้ามเนื้อใต้คางและลำคอ นับ 1-10 ช้าๆ
- ค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
เริ่มต้นจากการฝึกหน้ากระจกเพื่อดูการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อให้ถูกต้อง การเหยียดคางควรทำอย่างช้าๆ และควบคุมการเคลื่อนไหวให้นิ่ง ไม่สั่น การหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจะช่วยให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนเพียงพอ ควรทำท่านี้หลังการอบอุ่นร่างกายแล้ว และไม่ควรทำทันทีหลังรับประทานอาหาร
ท่าลดเหนียงท่าที่ 11 การบีบริมฝีปากกระชับคอ
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย
- หุบปากให้สนิท เม้มริมฝีปากแน่น
- ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประมาณ 30 องศา
- บีบริมฝีปากแน่นขึ้น พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อคอ
- นับ 1-10 แล้วค่อยๆ ผ่อนคลาย
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
ท่านี้ควรทำในช่วงที่กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เช่น หลังอาบน้ำอุ่น การเกร็งริมฝีปากไม่ควรแรงเกินไปจนรู้สึกเจ็บ ควรรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อตั้งแต่ริมฝีปากไปจนถึงคอ การทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่าลดเหนียงท่าที่ 12 การเคลื่อนไหวขากรรไกรกระชับเหนียง
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนในท่าที่สบาย หลังตรง ศีรษะตั้งตรง ไหล่ทั้งสองข้างผ่อนคลาย
- ค่อยๆ เลื่อนขากรรไกรล่างไปด้านหน้า โดยให้ฟันล่างยื่นออกมาเหนือฟันบน
- เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอและขากรรไกรให้รู้สึกตึง แต่ไม่เกร็งจนเจ็บ
- นับช้าๆ 1 ถึง 10 พร้อมกับหายใจเข้าออกลึกๆ
- ค่อยๆ เลื่อนขากรรไกรกลับสู่ตำแหน่งปกติ พักสักครู่ก่อนทำซ้ำ
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่านี้ให้ได้ผลดีต้องเริ่มจากการจัดท่าทางให้ถูกต้อง โดยนั่งหรือยืนให้หลังตรง แต่ไม่เกร็ง ควรทำหน้ากระจกในช่วงแรกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของขากรรไกร ระหว่างทำให้หายใจเข้าออกยาวๆ และลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำคือตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน เพราะกล้ามเนื้อจะผ่อนคลายที่สุด
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้ทำงานโดยกระตุ้นกล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ทั้งกล้ามเนื้อขากรรไกร (masseter muscles) กล้ามเนื้อใต้คาง (submental muscles) และกล้ามเนื้อคอส่วนหน้า (anterior neck muscles) การเคลื่อนไหวขากรรไกรแบบนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณดังกล่าว กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และช่วยกระชับกล้ามเนื้อใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่าลดเหนียงท่าที่ 13 การยกลิ้นกดเพดานปาก
ขั้นตอนการทำ
- นั่งตัวตรงในท่าที่สบาย วางมือทั้งสองข้างบนตัก คอตั้งตรง
- อ้าปากเล็กน้อย แล้วยกลิ้นขึ้นแตะเพดานปากด้านบน โดยใช้ส่วนกลางของลิ้น
- ออกแรงกดลิ้นกับเพดานปากเบาๆ ให้รู้สึกถึงแรงต้านของกล้ามเนื้อใต้คาง
- เกร็งค้างไว้นาน 10 วินาที พร้อมกับหายใจปกติ
- ผ่อนคลายลิ้น พัก 5 วินาที ก่อนทำซ้ำ
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
เริ่มจากการทำความเข้าใจตำแหน่งที่ถูกต้องของลิ้น โดยให้ส่วนกลางของลิ้นแตะกับเพดานปากในตำแหน่งที่รู้สึกสบาย แรงที่ใช้กดควรเป็นแรงปานกลาง ไม่มากเกินไปจนทำให้เมื่อยล้า การหายใจควรเป็นไปตามปกติ ไม่กลั้นหายใจ ควรทำท่านี้หลังการทำความสะอาดช่องปากแล้ว และไม่ควรทำทันทีหลังรับประทานอาหาร
หลักการทำงานในการลดเหนียง
การยกลิ้นกดเพดานปากเป็นการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใต้ลิ้น (hyoglossus) และกล้ามเนื้อใต้คาง (suprahyoid muscles) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญในการควบคุมความตึงของผิวหนังบริเวณใต้คาง การทำท่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านี้ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณใต้คางกระชับขึ้น และลดการสะสมของไขมัน
ท่าลดเหนียงท่าที่ 14 การกดลิ้นและยืดคอ
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตัวตรง กางไหล่เล็กน้อย ปล่อยแขนทั้งสองข้างตามสบาย
- แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด พยายามให้ปลายลิ้นแตะปลายจมูก
- ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประมาณ 45 องศา ในขณะที่ยังแลบลิ้นอยู่
- เกร็งกล้ามเนื้อลิ้นและใต้คางให้รู้สึกตึง นับ 1-15 อย่างช้าๆ
- ค่อยๆ ลดศีรษะกลับมาตำแหน่งปกติ หดลิ้นกลับ พักสักครู่
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี: การทำท่านี้ควรเริ่มจากการอบอุ่นร่างกายด้วยการนวดคอเบาๆ ก่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระหว่างทำควรหายใจเข้าออกลึกๆ สม่ำเสมอ ช่วงแรกอาจทำได้ไม่นานให้ค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้น ควรสังเกตความรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อใต้คาง หากรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายให้หยุดทำทันที
หลักการทำงานในการลดเหนียง: การกดลิ้นและยืดคอเป็นการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใต้คางและลำคอแบบองค์รวม การยืดเหยียดในลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังและกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และช่วยลดการสะสมของไขมันในบริเวณดังกล่าว
ท่าลดเหนียงท่าที่ 15 การบริหารริมฝีปากและคอ
ขั้นตอนการทำ
- นั่งหรือยืนตรง มองไปข้างหน้า คอตั้งตรงในแนวธรรมชาติ
- ห่อปากเหมือนจะผิวปาก แต่ไม่ต้องออกเสียง
- ยืดริมฝีปากไปด้านหน้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
- เกร็งกล้ามเนื้อรอบปากและใต้คางนาน 10 วินาที
- คลายกล้ามเนื้อช้าๆ กลับสู่ท่าปกติ พัก 5 วินาที
เคล็ดลับการทำให้ได้ผลดี
การทำท่านี้ต้องใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทุกส่วน ตั้งแต่ริมฝีปากไปจนถึงคอ ควรรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อตลอดแนวคอด้านหน้า ควรทำหน้ากระจกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวให้ถูกต้อง และควรทำในช่วงที่รู้สึกผ่อนคลาย เช่น หลังอาบน้ำอุ่น
หลักการทำงานในการลดเหนียง
ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อแบบบูรณาการ ตั้งแต่กล้ามเนื้อรอบปาก กล้ามเนื้อแก้ม ไปจนถึงกล้ามเนื้อคอ การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกัน ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญพลังงานและการกระชับของผิวหนังในบริเวณดังกล่าว
สรุปเคล็ดลับสำคัญในการทำทั้ง 15 ท่า
การทำท่าบริหารทั้งหมดนี้ควรทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 รอบ เช้าและเย็น ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารมันและรสหวานจัด นอกจากนี้ การนอนหลับให้เพียงพอและการรักษาท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญในการลดเหนียงอย่างได้ผล
เคล็ดลับการลดเหนียงให้ได้ผลเร็ว
การจะกำจัดเหนียงให้เห็นผลชัดเจนนั้น นอกจากการทำท่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยเร่งผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จากการศึกษาใน Clinical Nutrition Research (2023) พบว่าการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดไขมันที่คอได้มากถึง 60%
ระยะเวลาและความถี่ในการออกกำลังกาย
สำหรับคนที่ต้องการลดเหนียง 1 สัปดาห์ ให้เห็นผล ควรทำท่าออกกำลังกายทั้ง 5 ท่าอย่างน้อยวันละ 2 รอบ เช้าและเย็น โดยแต่ละท่าให้ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง พักระหว่างท่า 30 วินาที แต่สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจากวันละครั้งก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ปรับตัว
อาหารที่ช่วยลดเหนียง
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกำจัดเหนียงใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เช่น:
- ปลาทะเลน้ำลึก อุดมด้วยโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบและการสะสมไขมัน
- ผักใบเขียว มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเผาผลาญไขมัน
- ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ถั่วและธัญพืชไม่ขัดสี ให้พลังงานและไฟเบอร์สูง อิ่มนาน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
สำหรับคนที่มีเหนียงเยอะ ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทต่อไปนี้:
- อาหารแปรรูปที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
- เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก
- ขนมหวานและของทอด
- อาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะทำให้เกิดการบวมน้ำ
การดูแลผิวบริเวณใต้คาง
นอกจากการออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว การดูแลผิวบริเวณใต้คางก็สำคัญ ควรทำเป็นประจำดังนี้:
- นวดบริเวณใต้คางเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและวิตามินอี
- หลีกเลี่ยงการนอนหนุนหมอนสูงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดรอยย่นที่คอ
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
ด้วยการทำตามคำแนะนำทั้งหมดนี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถลดเหนียงให้หายได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมที่มีค่าใช้จ่ายสูงและอาจเกิดผลข้างเคียงได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดเหนียง
Q: วิธีลดเหนียงทำอย่างไรให้เห็นผลเร็วที่สุด?
A: การลดเหนียงให้เห็นผลเร็วต้องทำควบคู่กัน 3 อย่าง คือ ทำท่าบริหารคอทั้ง 5 ท่าวันละ 2 รอบ (เช้า-เย็น) ควบคุมอาหารโดยลดน้ำตาลและไขมัน และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์
Q: ลดเหนียง 1 สัปดาห์ ได้จริงไหม?
A: เห็นผลได้ในระดับหนึ่งถ้าทำอย่างเคร่งครัด โดยต้องทำท่าบริหารวันละ 3 รอบ (เช้า-กลางวัน-เย็น) ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด และนวดกระชับผิวบริเวณใต้คางทุกวัน แต่ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนจะเห็นชัดหลังทำต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
Q: วิธีลดเหนียงสำหรับผู้ชายมีวิธีไหนได้ผลบ้าง?
A: ผู้ชายควรเน้นการออกกำลังกายที่เพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณคอและขากรรไกร เช่น ท่ายืดคอต้านแรง ท่าบริหารขากรรไกร ร่วมกับการควบคุมน้ำหนักและเพิ่มการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อลดไขมันทั่วตัว
Q: เหนียงเกิดจากอะไร ทำไมถึงมีเหนียงทั้งที่ไม่อ้วน?
A: เหนียงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่ความอ้วน แต่รวมถึงพันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น การก้มหน้าดูมือถือบ่อย และโครงสร้างกระดูกใบหน้า โดยเฉพาะคนที่มีคางเล็กจะเห็นเหนียงชัดกว่าคนทั่วไป
Q: ทำท่าบริหารลดเหนียงนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
A: โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 4-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการทำและปริมาณไขมันที่สะสม ถ้าทำควบคู่กับการควบคุมอาหารจะเห็นผลเร็วขึ้น
Q: วิธีลดเหนียงแบบธรรมชาติมีอะไรบ้าง?
A: มี 4 วิธีหลัก คือ ท่าบริหารคอและกราม การนวดกระชับ การควบคุมอาหารลดน้ำตาลและไขมัน และการรักษาท่าทางไม่ให้ก้มหน้านานๆ ทั้งหมดนี้ต้องทำควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง
Q: กินอะไรช่วยลดเหนียงได้บ้าง?
A: ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เช่น ปลา ไข่ขาว ผักใบเขียว และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด น้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
Q: เหนียงที่คอทำไมถึงลดยาก?
A: เพราะบริเวณคอมีต่อมน้ำเหลืองและการไหลเวียนเลือดที่ซับซ้อน ประกอบกับการใช้งานกล้ามเนื้อคอในชีวิตประจำวันน้อย ทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายและสลายยาก
Q: มีเหนียงทำไงดี เริ่มต้นยังไงดี?
A: เริ่มจากการปรับพฤติกรรมง่ายๆ ก่อน คือ ตั้งเตือนให้ยืดคอทุก 1 ชั่วโมง ควบคุมอาหารมื้อเย็น ดื่มน้ำให้เพียงพอ และเริ่มทำท่าบริหารคอวันละ 1 รอบก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น
Q: ลดเหนียงต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะหายขาด?
A: การลดเหนียงให้หายขาดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา อายุ และความสม่ำเสมอในการดูแลตัวเอง แต่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่เดือนที่ 2 เป็นต้นไป
บทสรุป วิธีลดเหนียงที่ได้ผลจริง
การลดเหนียงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยวิธีลดเหนียงแบบธรรมชาติที่เราแนะนำไป ทั้ง 5 ท่าออกกำลังกายลดเหนียง การควบคุมอาหาร และการดูแลผิว ถ้าทำอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง รับรองว่าคุณจะเห็นผลชัดเจนภายใน 8 สัปดาห์ โดยไม่ต้องเสียเงินกับการทำศัลยกรรม
ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ
- เหนียงใต้คางลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- ผิวบริเวณคอกระชับขึ้น
- ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- รูปหน้าชัดเจนขึ้น
- มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
เริ่มต้นวันนี้ แล้วคุณจะพบว่าการกำจัดเหนียงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป