ท่า Lunges เปลี่ยนขาและก้นให้แน่น! เคล็ดลับจากโค้ชปุนิ่ม แชมป์ฟิตเนส 2025

1. ท่า Lunges คืออะไร?

มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม: ท่าฝึกที่ง่ายแต่ทรงพลังที่สุดในการเปลี่ยนรูปร่างส่วนล่าง

Lunges คือท่าฝึกขาและสะโพกที่เน้นการ “ก้าว” ไปด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้าง โดยใช้เพียงน้ำหนักตัว หรือเสริมด้วยดัมเบล/บาร์เบล เพื่อเพิ่มแรงต้าน

หลายคนชอบมองว่า Squat คือท่าหลักของการปั้นขา… แต่ในความเป็นจริง Lunges เป็น “ท่าปั้นขา-ก้นทรงสวย” ที่ให้ผลเฉพาะจุดมากกว่า เพราะอะไร?

ทำไมโค้ชปุนิ่มถึงใช้ Lunges เป็นท่าหลักตลอดเกือบ 20 ปี?

  • เพราะมัน ฝึกกล้ามเนื้อทีละข้าง (Unilateral Training) ทำให้แก้ “ขาไม่เท่ากัน” ได้
  • เพราะมัน ฝึกสมดุล และแกนกลางลำตัว ไปพร้อมกัน
  • และที่สำคัญ… มัน “เอาอยู่” สำหรับคนที่เล่นที่บ้าน ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ

ถ้าวันไหนไม่มีเวลามาก โค้ชปุนิ่มจะเลือกทำ Lunges 3 เซ็ตแทน Leg Press ได้เลยค่ะ


2. 5 วิธีการทำ Lunges ที่ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา

📌 เทคนิคที่ 1: “ก้าวยาวพอ” เพื่อให้ได้กล้ามเนื้อเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ลงไปเฉย ๆ

หลายคนทำ Lunges แล้วบอกว่า “เข่าเจ็บ” หรือ “เมื่อยแค่ต้นขาหน้า”… ปัญหาคือ “ก้าวสั้นเกินไป”

สิ่งที่โค้ชมักเห็นเวลาฝึกกับลูกศิษย์:

  • ก้าวไปแค่ครึ่งช่วงขา เข่าหน้าเลยปลายเท้า
  • สะโพกหลังยกขึ้นแทนที่จะจมลง

✅ วิธีแก้:

ให้ลองยืนตรง ก้าวเท้าไปข้างหน้าแบบยาวกว่าเดินปกติ 1.5 เท่า

แล้วเช็กว่าเวลางอเข่า เข่าหน้าอยู่ “แนวเดียวกับข้อเท้า” เข่าหลังชี้ลงพื้น

Insight จากสนามประกวด:

ก่อนขึ้นเวที 3 เดือน โค้ชปุนิ่มจะเพิ่ม Lunges แบบ “ก้าวยาว” ให้กับโปรแกรม เพื่อเน้น “กล้ามสะโพกหลัง” และช่วยให้ขาดูเรียวยาวขึ้นเวลาขึ้นเวที

📌 เทคนิคที่ 2: “หลังตรง” ไม่แอ่น ไม่โก่ง เพื่อให้ได้ทั้งก้นและ Core

หลายคนเผลอก้มตัวไปด้านหน้า ทำให้กลายเป็น “ฝึกหลัง” แทนที่จะเป็น “ฝึกขา” โดยเฉพาะคนที่ถือดัมเบลข้างตัว

เคสลูกศิษย์วัย 52:

ตอนมาเริ่มฝึก เขามีปัญหาปวดหลังบ่อย โค้ชจับให้ “หงายอก – เกร็งหน้าท้อง – มองตรง” ทุกครั้งก่อนก้าวเท้า

หลังจากนั้น 4 สัปดาห์ อาการปวดหลังหาย แถมก้นเริ่มกลมขึ้น!

✅ วิธีแก้:

ให้ยืดตัวตรง หงายหน้าอกขึ้นเล็กน้อย เกร็งท้องไว้เหมือนโดนต่อยที่ท้องเบา ๆ แล้วค่อยก้าว

📌 เทคนิคที่ 3: “หายใจให้ถูก” เพราะท่านี้ใช้พลังเยอะมากกว่าที่คิด

หลายคนลืมหายใจ! พอฝึกไป 4-5 ครั้งก็เหนื่อยจนตัวโยก บางคนถึงขั้นหน้ามืดเพราะกลั้นหายใจ

จากประสบการณ์ขึ้นเวที:

เวลาซ้อมปั้นขาช่วงโค้งสุดท้าย โค้ชใช้ท่า Walking Lunges ถือดัมเบลหนัก 10 กิโล/ข้าง เดิน 12 ก้าวติดต่อกัน หัวใจเต้น 150-160 เลยนะคะ ถ้าไม่ควบคุมลมหายใจ → จะโยกทันที

✅ วิธีหายใจที่โค้ชใช้จริง:

หายใจเข้าเมื่อลงตัว → หายใจออกเมื่อลุกขึ้น

ถ้าเริ่มรู้สึก “เกร็งคอ-หน้ามืด-หายใจแรงขึ้น” แสดงว่ากลั้นหายใจอยู่

📌 เทคนิคที่ 4: “อย่าปล่อยเข่าหลังกระแทกพื้น”

ปัญหานี้เจอบ่อยโดยเฉพาะคนที่ใช้แผ่นโฟม หรือพื้นที่ลื่น — เพราะเข่าหลังจะแตะพื้นแรง ทำให้เสี่ยงบาดเจ็บกระดูกสะบ้า หรือเส้นเอ็นรอบเข่า

สิ่งที่โค้ชทำกับลูกศิษย์ทุกคน:

ฝึกแบบ “Kiss the Floor” คือเข่าหลังแค่ “แตะเบา ๆ” แล้วลุกทันที เพื่อให้ได้แรงต้านต่อเนื่องโดยไม่เสียฟอร์ม

📌 เทคนิคที่ 5: “อย่าฝึก Lunges คนเดียวในช่วงแรก (ถ้าไม่เคยทำเลย)”

ข้อนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง…

แต่โค้ชเจอมาเยอะ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 40+ ที่กลับมาเริ่มฝึกหลังห่างเวทมาหลายปี

เวลาฝึกคนเดียว จะไม่รู้ว่า “ฟอร์มเบี้ยว” หรือ “ตัวโยกข้าง” หรือ “กล้ามเนื้อไม่สมดุล”

หลายคนบอกว่าเจ็บสะโพกด้านนอก หรือปวดข้อเท้าหลังฝึก 2 วัน

✅ คำแนะนำจริงจากโค้ช:

ถ้าเพิ่งเริ่มเล่น ให้ใช้ กระจก หรือ กล้องมือถือ ตั้งถ่ายไว้ด้านข้าง แล้วดูเลยว่าเข่าอยู่ตรงไหน ตัวเอนไปข้างหน้ารึเปล่า หรือขาหลังยกสูงเกินไป

🎯 สรุปตาราง “5 จุดสำคัญที่ควรโฟกัสระหว่างทำ Lunges”

จุดที่ต้องโฟกัส สิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ห้ามทำ
ความยาวของก้าว ก้าวยาวกว่าเดินปกติ 1.5 เท่า ก้าวสั้น เข่าหน้าเลยปลายเท้า
แนวหลัง/อก หงายอก เกร็งหน้าท้อง ตัวตรง ก้มหลัง โก่งคอ แอ่นตัว
การหายใจ หายใจเข้าเมื่อลง – ออกเมื่อลุก กลั้นหายใจ นับรอบเร็วเกินไป
เข่าหลัง แตะพื้นเบา ๆ เท่านั้น กระแทกพื้นเสียงดัง หรือพับผิดองศา
ฟอร์มโดยรวม ใช้กระจกหรือกล้องช่วยเช็กท่าทาง ฝึกคนเดียวโดยไม่มีการมอนิเตอร์


3. 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง

💡 เคล็ดลับที่ 1: “เปลี่ยน Lunges ให้เป็นการฝึกแบบ HIIT เผาผลาญ + กระชับในชุดเดียว”

โค้ชใช้สูตรนี้บ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงเตรียมตัวก่อนแข่งเพาะกาย 4-6 สัปดาห์สุดท้าย — เพราะร่างกายต้องลดไขมันให้ได้แบบ “ไม่เสียกล้าม” และต้องเก็บทรงก้น-ต้นขาไว้ให้แน่น

เทคนิคนี้เรียกว่า:

“Lunges HIIT Circuit” — ใช้ 3 ท่าต่อเนื่อง โดยไม่พักระหว่างเซ็ต

  1. Walking Lunges – 20 ก้าว
  2. Static Lunges (แต่ละข้าง) – 10 ครั้ง
  3. Jumping Lunges – 10 ครั้ง

Insight จากสนามจริง:

ช่วงเตรียม Mr. Thailand 2025 ปุนิ่มทำวน 4 เซ็ตต่อวัน แค่เซ็ตที่ 2 ก็รู้สึกขาสั่น มือเย็น แต่ “ก้นยกขึ้นแบบเห็นเลยใน 2 สัปดาห์” แถมไม่มีอาการเมื่อยเอว เพราะ Core ถูกใช้งานตลอด

คำเตือนจากโค้ช:

อย่าเริ่มด้วย Jumping Lunges ถ้ายังไม่มีฟอร์มแน่นพอ เพราะจะทำให้เข่าพังได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในวัย 40+

💡 เคล็ดลับที่ 2: “ฝึกแบบเน้น Time Under Tension ไม่ใช่แค่จำนวนครั้ง”

หลายคนฝึก Lunges 10-12 ครั้งแบบเร็ว ๆ แล้วสงสัยว่า “ทำไมขาไม่ขึ้น?”

โค้ชเจอมาหลายคนแล้วที่เล่นเร็วเกิน จนกล้ามเนื้อไม่ทันรับแรงต้าน

ปุนิ่มจึงใช้สูตรที่เรียกว่า “3-1-1 Lunges”

  • 3 วินาที ลงช้า ๆ
  • 1 วินาที ค้างข้างล่าง
  • 1 วินาที ยกตัวกลับ

จากประสบการณ์การประกวด:

เวลาค้างข้างล่าง 1 วินาที ทำให้กล้ามเนื้อก้นและต้นขา “ตึงแบบยืดเต็มช่วง” ซึ่งตรงกับการโชว์โพสในเวทีเพาะกาย เพราะกรรมการจะมองทรงขา-ก้น จากความ Tight ตอนยืนนิ่งเป็นหลัก ไม่ใช่ตอนขยับเร็ว

Insight จากลูกศิษย์วัย 46:

ลูกศิษย์คนนี้เคยเล่นแบบนับเร็ว ๆ แล้วบอกว่าไม่รู้สึกอะไร โค้ชเลยเปลี่ยนให้เล่นแบบ 3-1-1 เพียงแค่ 8 ครั้ง/ข้าง พอจบเซ็ต เธอนั่งลงไม่ได้เลยค่ะ… แต่ผ่านไป 3 สัปดาห์ เริ่มเห็นกล้ามต้นขาชัดขึ้นแม้อายุเกิน 45 ปีแล้ว

📊 ตารางเปรียบเทียบ “เล่นเร็ว” VS “เล่นแบบ Time Under Tension”

วิธีฝึก ระยะเวลาต่อครั้ง ความตึงกล้ามเนื้อ ความเสี่ยงบาดเจ็บ เหมาะกับวัย 40+
เล่นเร็ว นับรัว ๆ 0.5-1 วินาที ต่ำ สูง ไม่เหมาะ
เล่นแบบ 3-1-1 5-6 วินาที สูง ต่ำ เหมาะมาก

เคล็ดลับทั้งสองข้อนี้ คือสิ่งที่ “ไม่มีใครพูดใน YouTube” แต่โค้ชใช้มันทุกครั้งจริง ๆ ทั้งตอนฝึกเอง และตอนเทรนลูกศิษย์


4. 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่ 20 จนถึงวัย 60+

⚡ ข้อผิดพลาดที่ 1: ก้าวสั้นเกินไป

เหตุผลที่ทำให้เข่าบาดเจ็บ:

การก้าวสั้นเกินไปทำให้เข่าหนาไปเกิน “ปลายเท้า” อาจก่อให้เกิดอาการปวดเข่าและความไม่สมดุลของร่างกาย

วิธีแก้:

ทำให้ก้าวยาวขึ้น เพื่อให้เข่าและข้อเท้าอยู่ในแนวเดียวกัน และแน่ใจว่าเข่าหน้ายืดตรงในแต่ละรอบ

โค้ชเคยเจอลูกศิษย์วัย 52 ปีที่มาปวดเข่าแค่สองครั้งแรก พอให้ก้าวยาวขึ้น เข่าหลังไม่แตะพื้นเกินไปเลย ไม่มีอาการปวดเข่าอีกเลยค่ะ

⚡ ข้อผิดพลาดที่ 2: ก้มตัวไปข้างหน้าเกินไป

เหตุผลที่ทำให้ปวดหลัง:

การก้มตัวไปข้างหน้าโดยไม่เกร็งหน้าท้อง ทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักเกินไป ปากหลังก็เริ่มโก่งไม่เป็นธรรมชาติ

วิธีแก้:

ให้ยืดตัวตรง หงายอก เกร็งหน้าท้องเหมือนโดนต่อยบริเวณท้องเบา ๆ

หากยังยาก ให้ลองทำหน้าท้องให้กระชับขณะทำ Lunges จนกระทั่งรู้สึกหน้าท้องถูกใช้งาน

เคสจริง:

ลูกศิษย์ที่อายุ 48 ปี เคยทำ Lunges แบบก้มตัวตลอด จนกระทั่งมีอาการปวดหลังเรื้อรัง โค้ชแนะนำให้เกร็งท้องและหงายอก ทำได้ 2-3 ครั้ง แล้วเห็นผลภายใน 3 สัปดาห์

⚡ ข้อผิดพลาดที่ 3: กลั้นหายใจ

เหตุผลที่ทำให้ขาดออกซิเจน:

หลายคนเวลาฝึกมักกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวเหนื่อย หรือบางคนเน้นแรงต้านโดยไม่สนใจการหายใจ

วิธีแก้:

ให้หายใจเข้าเมื่อย่อตัวลง และหายใจออกเมื่อยืนขึ้น เพื่อให้ร่างกายรับออกซิเจนอย่างเต็มที่

Insight จริงจากการแข่ง:

การหายใจที่ไม่ถูกต้องสามารถทำให้เหนื่อยเร็วเกินไป โดยเฉพาะในช่วงการซ้อมก่อนขึ้นเวที โค้ชปุนิ่มจะฝึกหายใจควบคู่กับการยืดเหยียดอย่างมีจังหวะทุกครั้ง เพื่อให้ร่างกายสามารถรับออกซิเจนและรักษาความอึดได้ดี

⚡ ข้อผิดพลาดที่ 4: กระแทกเข่าหลังลงพื้น

เหตุผลที่ทำให้เสี่ยงบาดเจ็บ:

การกระแทกเข่าหลังลงพื้นอาจทำให้เกิดบาดแผลในเส้นเอ็น และทำให้กล้ามเนื้อส่วนขาที่ทำงานผิดพลาดได้

วิธีแก้:

ให้แตะพื้นเบา ๆ โดยไม่ให้แรงกระแทกมากเกินไป และใช้การเกร็งสะโพกหลังช่วยให้ร่างกายทรงตัวได้ดีขึ้น

คำแนะนำจากโค้ช:

โค้ชใช้วิธีสอนว่า “ให้เข่าหลังเพียงแค่แตะพื้นเบา ๆ ไม่ให้กระแทกลงไป” ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บโดยเฉพาะคนที่เริ่มเล่นใหม่

⚡ ข้อผิดพลาดที่ 5: เล่นซ้ำๆ แต่ไม่ปรับรูปแบบการฝึก

เหตุผลที่ทำให้ไม่เห็นผล:

การฝึก Lunges ด้วยวิธีเดียว ๆ ซ้ำ ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อคุ้นเคยกับการฝึก ทำให้ไม่มีการเติบโต หรือการเปลี่ยนแปลง

วิธีแก้:

เพิ่มความหลากหลาย เช่น เปลี่ยนจาก Static Lunges เป็น Walking Lunges หรือเพิ่มดัมเบลเพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้นที่แตกต่างกัน

ประสบการณ์ตรง:

โค้ชเคยฝึกเองด้วยการทำ Walking Lunges ทุกวันเพื่อเพิ่มพลังขาและความทนทาน จนกระทั่งเริ่มเพิ่มดัมเบลที่หนักขึ้น ค่ะ สองสัปดาห์ต่อมา ขาแข็งแรงขึ้นและมีมัดกล้ามชัดเจน

🔥 สรุป 5 ข้อผิดพลาดและวิธีแก้

ข้อผิดพลาด วิธีแก้
ก้าวสั้นเกินไป ก้าวยาวขึ้น 1.5 เท่าของระยะการเดินปกติ
ก้มตัวไปข้างหน้าเกินไป เกร็งหน้าท้อง หงายอก ยืดตัวตรงขณะฝึก
กลั้นหายใจ หายใจเข้าเมื่อย่อตัวลง หายใจออกเมื่อยืนขึ้น
กระแทกเข่าหลังลงพื้น แตะพื้นเบา ๆ ไม่ให้กระแทกแรงเกินไป
เล่นซ้ำ ๆ แต่ไม่ปรับรูปแบบ เปลี่ยนการฝึก เพิ่มดัมเบล หรือปรับเป็น Walking Lunges

5. 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Lunges

และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

💪 กล้ามเนื้อที่ 1: Quadriceps (กล้ามเนื้อขาด้านหน้า)

ทำไม Quadriceps ถึงสำคัญในการเล่น Lunges?

Lunges เป็นท่าที่ทำให้ข้างหน้าของต้นขา (Quadriceps) ได้รับการกระตุ้นเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงที่คุณย่อตัวลงและยืนกลับขึ้นมา

Insight จริงจากประสบการณ์:

ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่มฝึก Lunges สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพิ่มการใช้ Quadriceps เพื่อช่วยให้ขาแข็งแรงและดูมีเส้นกล้ามเนื้อชัดเจน เมื่อเวลายืนโพสต์เวที ท่านี้จะทำให้ขาของเราดูเรียวเล็ก และมีความกระชับจากการฝึกที่ยาวนาน

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก:

  • ให้ก้าวไปข้างหน้าลึก ๆ แล้ว เกร็ง Quadriceps ขาให้ตึง ก่อนจะยืนขึ้นมาด้วยแรงจากขาหน้า
  • หากต้องการให้การฝึกเห็นผลเร็วขึ้น ลองใช้ ดัมเบล หรือ บาร์เบล ที่ข้างตัวเพื่อเพิ่มแรงต้าน

💪 กล้ามเนื้อที่ 2: Glutes (กล้ามเนื้อสะโพก)

ท่า Lunges เป็นท่าที่ช่วยสร้างก้นสวยมาก เพราะมันทำให้เราต้องใช้กล้ามเนื้อสะโพกเป็นหลักเพื่อยืนขึ้นจากท่า

การเกร็งสะโพกช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับและช่วยป้องกันไม่ให้สะโพกหย่อนคล้อยไปตามอายุ

Insight จากลูกศิษย์:

ลูกศิษย์วัย 47 ปี ที่มีปัญหาก้นแบนจากการนั่งโต๊ะทั้งวัน มาเริ่มฝึก Lunges 3 วัน/สัปดาห์ ปรับกล้ามเนื้อสะโพกจนสามีทักว่า “ก้นกลับมาดูดีขึ้น” ภายใน 8 สัปดาห์

วิธีเพิ่มการกระตุ้นกล้ามเนื้อ Glutes:

  • ก้าวยาว ๆ และ เกร็งสะโพกด้านหลัง ตอนยืนขึ้น
  • กระดกก้นขึ้น ขณะทำ Lunges ช่วยให้กล้ามเนื้อสะโพกกระชับ
  • ท่านี้ทำให้สะโพกยกขึ้นและเห็นผลชัดเจนเมื่อฝึกต่อเนื่อง

💪 กล้ามเนื้อที่ 3: Hamstrings (กล้ามเนื้อขาด้านหลัง)

กล้ามเนื้อ Hamstrings เป็นกล้ามเนื้อขาด้านหลังที่มีบทบาทสำคัญในการยืดตัวขึ้นจากท่า Lunges โดยเฉพาะในช่วงที่เราใช้ขาหลังดันตัวขึ้น

Insight จากโค้ช:

ในระหว่างการซ้อมเพาะกาย โค้ชปุนิ่มฝึก Lunges โดยให้เท้าหลังยืดตรง ขณะทำท่า เพราะ Hamstrings ที่ได้รับการกระตุ้นจะทำให้ช่วงขาหลังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

วิธีการฝึกเพื่อเน้น Hamstrings:

  • หลีกเลี่ยงการกระชากตัวขึ้นเร็วเกินไป
  • ให้ เกร็งขาหลัง ที่ขณะยืนขึ้นเพื่อการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มน้ำหนักเมื่อท่าเริ่มเป็นธรรมชาติ จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อขาหลังให้ชัดเจนขึ้น

🔥 สรุปการฝึกเพื่อเสริม 3 กล้ามเนื้อหลักจาก Lunges

กล้ามเนื้อ วิธีฝึกที่เหมาะสม เทคนิคเพิ่มเติม
Quadriceps (ขาหน้า) ก้าวยาว ลงช้า ๆ เกร็งขาหน้า เพิ่มดัมเบลข้างตัวเพื่อเพิ่มแรงต้าน
Glutes (สะโพก) ก้าวยาว กระดกก้นขึ้น และเกร็งสะโพกในขณะที่ยืนขึ้น เน้นการเกร็งสะโพกในระหว่างฝึกทุกครั้ง
Hamstrings (ขาหลัง) ใช้ขาหลังยืดตัว และเกร็งกล้ามเนื้อขาหลังในการยืนขึ้น เพิ่มน้ำหนักเมื่อฝึกจนร่างกายเริ่มปรับตัว

🎯 เทคนิคสำคัญเพื่อสร้างทรงขา-ก้นแบบมืออาชีพ

  1. ท่าฝึก Lunges ต้องการเวลา อย่าฝึกเร่งรีบ ปล่อยให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่
  2. ความสมดุลและการหายใจ ใช้การหายใจควบคู่กับการฝึกเพื่อไม่ให้ร่างกายเกร็งเกินไป
  3. ฝึกหนัก สลับเบา ปรับการฝึกจากวันละหลายรอบเป็นการฝึกเต็มรูปแบบ สลับระหว่างความหนักเบา

6. ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด

🔥 ผลลัพธ์ที่ 1: การเพิ่มมัดกล้ามเนื้อขาและสะโพกที่แข็งแรง

เมื่อฝึก Lunges อย่างต่อเนื่อง ขาจะเริ่มมีกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะส่วนของ Quadriceps, Glutes, และ Hamstrings จะมีมัดกล้ามเนื้อที่เด่นชัดจากการฝึกที่ถูกต้อง

Insight จากการประกวด:

ในช่วงซ้อมก่อนขึ้นเวทีเพาะกาย โค้ชปุนิ่มเน้นการฝึก Lunges แบบ Time Under Tension (3-1-1) เพราะมันช่วยให้ขาและสะโพกกระชับเร็วที่สุด

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ใน 6 สัปดาห์คือ กล้ามเนื้อสะโพกเต็มกว่าเดิม และ “ก้น” ที่ยกขึ้นมาชัดเจนขณะโชว์โพสต์

งานวิจัย:

งานวิจัยจาก American College of Sports Medicine (2019) พบว่า การฝึกแบบ Resistance Training เช่น Lunges สามารถช่วยเพิ่มมัดกล้ามเนื้อในระยะเวลาเพียง 6-8 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักมากมาย

🔥 ผลลัพธ์ที่ 2: ลดไขมันสะสมในร่างกาย

เมื่อฝึก Lunges เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของ ต้นขา และสะโพก ที่เป็นจุดสะสมไขมันมากที่สุดในร่างกาย

เคสจริงจากลูกศิษย์:

ลูกศิษย์วัย 55 ปีที่เคยฝึกเพียงการเดินเร็ว และทำ Lunges ทุกวัน 3 เซ็ต ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งภายใน 8 สัปดาห์—ไขมันสะโพกลดลง 2% และขาเริ่มกระชับขึ้นอย่างชัดเจน

Insight จากโค้ช:

โค้ชปุนิ่มแนะนำให้ใช้ Lunges ร่วมกับการฝึก HIIT เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน เพราะมันจะช่วยให้ได้ทั้งกล้ามเนื้อและลดไขมันได้ในเวลาเดียวกัน

🔥 ผลลัพธ์ที่ 3: การปรับปรุงความสมดุลและความยืดหยุ่น

Lunges เป็นท่าที่ช่วยเสริม การทรงตัวและความสมดุล เพราะการทำ Lunges จะกระตุ้นกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้ทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะ Core และกล้ามเนื้อขา

เคสจริง:

ลูกศิษย์วัย 60 ปีที่มีอาการขาอ่อนแรงจากการนั่งทำงานมานานมาเริ่มฝึก Lunges ครั้งแรก ตอนเริ่มต้นบอกว่า “ขาไม่แข็งแรง” แต่พอฝึก 6 สัปดาห์ เขากลับมาเดินได้อย่างมั่นใจและเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น

งานวิจัย:

ตามผลการศึกษาของ Journal of Strength and Conditioning Research (2018) การฝึก Unilateral Exercise อย่าง Lunges ช่วยพัฒนาความสมดุลได้ดี โดยมีผลลัพธ์ในการปรับปรุงการทรงตัวได้อย่างชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์

🔥 ผลลัพธ์ที่ 4: ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายและความทนทาน

Lunges สามารถช่วย เพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ และ สมรรถภาพทางกาย โดยเฉพาะในการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ขาเยอะ ๆ เช่น วิ่ง เทรล หรือแม้แต่การขึ้นเวทีประกวด

Insight จากสนามแข่ง:

ก่อนขึ้นวิ่ง Khao Yai Trail 2024 ปุนิ่มฝึก Walking Lunges ทุกวัน 2 เซ็ต เพื่อเสริมพลังขาให้แข็งแรง ก่อนที่จะแข่ง วิ่งไปในเส้นทางที่ยากและยาวนานได้อย่างไม่เหนื่อยล้า

ผลที่ได้คือ การฟื้นฟูเร็ว และทำเวลาในสนามแข่งได้ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมาค่ะ

🔥 สรุปผลลัพธ์จากการฝึก Lunges สม่ำเสมอ

ผลลัพธ์ที่ได้ วิธีการฝึกที่ควรใช้ ระยะเวลาในการเห็นผล
มัดกล้ามเนื้อขาและสะโพก Time Under Tension, เพิ่มดัมเบล 6-8 สัปดาห์
ลดไขมันสะสม HIIT Lunges, ฝึกกับน้ำหนักเพิ่ม 6 สัปดาห์
ความสมดุลและความยืดหยุ่น ฝึก Unilateral Lunges 4-6 สัปดาห์
สมรรถภาพทางกายและความทนทาน Walking Lunges, HIIT 4-8 สัปดาห์

7. 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก

🏋️‍♀️ เครื่องที่ 1: Smith Machine

Smith Machine คือเครื่องที่ใช้สำหรับการฝึกแรงต้าน มีรางให้บาร์เบลเลื่อนไปตามแนวเส้นตรง ช่วยให้การฝึกมีความมั่นคงมากขึ้น

ทำไมต้องใช้ Smith Machine?

  • เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึก Lunges เพราะมันช่วยรักษาความมั่นคงของร่างกาย
  • สามารถฝึกได้ทั้ง Lunges แบบ Static หรือ Walking Lunges โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการทรงตัว
  • สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความต้องการ

Insight จากโค้ช:

“ตอนเตรียมตัวแข่งขัน Mr. Thailand 2025 ผมใช้ Smith Machine ทำ Lunges เพื่อเพิ่มน้ำหนักและการควบคุม ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อขาและสะโพกกระชับขึ้นเร็วมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องฟอร์มผิดเพี้ยน”

วิธีฝึก:

  • ตั้งค่า Smith Machine ให้เหมาะสมกับความสูงของตัวเอง
  • เลือกน้ำหนักที่พอดี จากนั้นทำ Static Lunges 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ครั้ง ขาแต่ละข้าง

🏋️‍♀️ เครื่องที่ 2: Leg Press Machine

Leg Press Machine เป็นเครื่องที่ช่วยเพิ่มแรงต้านในการฝึกขาโดยไม่ต้องใช้การทรงตัวเยอะเกินไป

ทำไมต้องใช้ Leg Press Machine?

  • เครื่องนี้ช่วยให้สามารถเน้นฝึก Quadriceps และ Glutes ได้อย่างเต็มที่
  • สามารถใช้ เทคนิค Unilateral (ฝึกขาแต่ละข้าง) ด้วยการใช้ Leg Press ข้างละข้าง

Tips จากโค้ช:

“หลายคนมีปัญหาขาไม่เท่ากัน หรือขาไม่แข็งแรงในข้างหนึ่ง Leg Press ช่วยได้ดีมากในกรณีนี้ ผมใช้เครื่องนี้เสริมในการฝึกกล้ามเนื้อขาและสะโพก เพราะมันให้การฝึกที่มีแรงต้านมากกว่า แต่ไม่เสี่ยงบาดเจ็บ”

วิธีฝึก:

  • เลือกน้ำหนักที่พอดี นอนบนเครื่องแล้วฝึก Leg Press แต่ละข้างทีละข้าง โดยเริ่มจากข้างที่อ่อนแอกว่า
  • ทำ 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ครั้ง

🏋️‍♀️ เครื่องที่ 3: Cable Machine

Cable Machine หรือเครื่องเคเบิล เป็นเครื่องที่สามารถปรับทิศทางของแรงต้านได้ ทำให้เหมาะกับการฝึกหลายท่า รวมถึง Lunges ที่จะใช้เคเบิลเพื่อเพิ่มแรงต้านขณะก้าวเท้า

ทำไมต้องใช้ Cable Machine?

  • สามารถใช้ทำ Lunges แบบ Dynamic ที่มีการเคลื่อนไหวในแนวขวาง ทำให้ได้แรงต้านจากหลายทิศทาง
  • ช่วยเพิ่มการกระตุ้นกล้ามเนื้อ Glutes และ Hamstrings ขณะฝึก

Insight จากโค้ช:

“ในบางช่วงการซ้อม ผมใช้ Cable Machine เพื่อฝึก Lunges ในมุมต่าง ๆ โดยการตั้งเครื่องให้มีแรงต้านจากข้างหน้า ช่วยให้กล้ามเนื้อก้นและขาด้านหลังกระชับมากขึ้น”

วิธีฝึก:

  • ปรับความสูงของเคเบิลให้พอดีกับระดับสะโพก จากนั้นใช้สายเคเบิลดึงไปข้างหน้า ขณะที่ทำ Lunges 3 เซ็ต เซ็ตละ 12 ครั้ง

💡 สรุปเครื่องที่ใช้ฝึก Lunges และวิธีฝึก

เครื่องที่ใช้ฝึก เหมาะสำหรับ วิธีฝึกที่แนะนำ
Smith Machine การควบคุมฟอร์มและเพิ่มน้ำหนัก Static Lunges 3 เซ็ต 12-15 ครั้ง ขาแต่ละข้าง
Leg Press Machine การฝึกขาและสะโพกอย่างเต็มที่ Unilateral Leg Press 3 เซ็ต 12-15 ครั้ง ต่อข้าง
Cable Machine การกระตุ้นกล้ามเนื้อในมุมต่าง ๆ Cable Lunges 3 เซ็ต 12 ครั้ง ขาแต่ละข้าง

หากไม่มียกเครื่องเหล่านี้สามารถใช้ Bodyweight Lunges หรือ Resistance Bands ในการเสริมฝึกได้ค่ะ


8. ท่านี้เหมาะกับใคร?

โค้ชอายุ 45 ปีบอกเลยว่า “ไม่สายเกินไป ถ้าคุณอยากเริ่มตอนนี้”

👩‍🦳 กลุ่มที่ 1: ผู้เริ่มต้นฝึกฟิตเนส (ทุกวัย)

เหมาะมากกับผู้เริ่มต้นฝึกฟิตเนส เนื่องจาก Lunges เป็นท่าที่สามารถทำได้ง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษเลย หากทำให้ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความสมดุลของร่างกายได้ดี

Insight จากโค้ช:

ลูกศิษย์วัย 40 ปีที่เริ่มฝึกฟิตเนสใหม่ ๆ มักจะกลัวการฝึกเวทเทรนนิ่งใหญ่ ๆ แต่การฝึก Lunges จะทำให้รู้สึกว่า “ไม่น่ากลัว” เพราะท่านี้ทำได้แบบ Bodyweight หรือใช้ดัมเบลล์เบา ๆ เริ่มฝึกแค่ 3-4 เซ็ตต่อวัน ในไม่ช้าก็จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ขาและสะโพกที่แข็งแรงขึ้น

🧑‍🦳 กลุ่มที่ 2: ผู้สูงอายุที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงขาและความสมดุล

Lunges เป็นท่าฝึกที่เหมาะสำหรับ ผู้สูงอายุ ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของขา และเสริมความสมดุลในการเดิน การขึ้นบันได หรือการทำกิจกรรมประจำวัน เนื่องจากท่านี้ช่วยเสริมสร้างความสมดุลและการทรงตัวของร่างกาย

งานวิจัย:

งานวิจัยจาก National Institute on Aging (2020) พบว่า การฝึก Unilateral Training เช่น Lunges ช่วยพัฒนาความสมดุลและการทรงตัวในผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

👩‍🦳 กลุ่มที่ 3: นักกีฬาหรือผู้ที่ฝึกฟิตเนสอย่างจริงจัง

Lunges เป็นท่าฝึกที่เหมาะสำหรับ นักกีฬา หรือผู้ที่ฝึกฟิตเนสอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการพัฒนากล้ามเนื้อขา, สะโพก, และความทนทาน เพราะท่านี้ช่วยฝึกกล้ามเนื้อหลายมัดไปพร้อมกัน

Insight จากโค้ช:

ในช่วงเตรียมตัวสำหรับการประกวด Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่มฝึก Lunges อย่างเข้มข้นเพื่อสร้าง “ทรงขา” ที่กระชับและชัดเจน โดยใช้เทคนิค Time Under Tension ทุกครั้ง และยังทำให้ร่างกายมีความทนทานขึ้น

👩‍🦰 กลุ่มที่ 4: คนที่มีปัญหาขาไม่เท่ากันหรืออาการขาอ่อนแรง

หลายคนมีปัญหาขาไม่เท่ากันหรือขาอ่อนแรงจากการนั่งนาน ๆ หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่มีกิจกรรมทางกายที่กระตุ้นกล้ามเนื้อ

🔥 สรุปท่า Lunges เหมาะกับใคร?

กลุ่มที่ฝึก ประโยชน์ที่ได้รับ วิธีปรับการฝึก
ผู้เริ่มต้นฝึกฟิตเนส ช่วยเพิ่มความแข็งแรงขาและสมดุล เริ่มจาก Bodyweight Lunges แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนัก
ผู้สูงอายุ เพิ่มความสมดุลและเสริมความแข็งแรงของขา ทำ Lunges แบบสั้น ๆ 3 เซ็ต วันละ 10-12 ครั้ง
นักกีฬาหรือผู้ฝึกฟิตเนส สร้างกล้ามเนื้อขา, สะโพก, และความทนทาน เพิ่มการฝึกด้วยการใช้ดัมเบลหรือการฝึกแบบ HIIT
คนที่มีปัญหาขาไม่เท่ากัน เสริมกล้ามเนื้อให้สมดุลระหว่างขา ฝึก Unilateral Lunges 3 เซ็ตต่อข้าง

9. ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที

🏋️‍♀️ 1. ร่วมกับ Squats (สควอท)

ทำไม Squats?

Squats และ Lunges เป็นท่าฝึกที่ทำงานร่วมกันได้ดีมากสำหรับการสร้างขาและสะโพก โดย Squats จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในขาและสะโพกโดยรวม ส่วน Lunges จะช่วยเพิ่มมิติให้กับกล้ามเนื้อและความสมดุล

Insight จากโค้ช:

ตอนเตรียมตัวขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่มใช้ Squats + Lunges ในการฝึกช่วง Leg Day ทุกสัปดาห์ โดยจะเริ่มฝึก Squats ก่อนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อขา จากนั้นจะใช้ Lunges เพื่อให้ขาและสะโพกมีมัดกล้ามเนื้อที่เด่นชัดขึ้น

วิธีฝึก:

  • Squats 4 เซ็ต (12-15 ครั้ง)
  • Lunges 3 เซ็ต (12-15 ครั้งต่อข้าง)
  • ทำทั้งสองท่าในวันเดียวกัน เพื่อเสริมกล้ามเนื้อขาและสะโพก

🏋️‍♀️ 2. ร่วมกับ Deadlifts (เดดลิฟท์)

ทำไม Deadlifts?

การฝึก Deadlifts ร่วมกับ Lunges จะช่วยเสริมความแข็งแรงใน Hamstrings และ Glutes โดยเฉพาะ หากคุณต้องการสร้างขาและสะโพกที่แข็งแรง Deadlifts จะช่วยได้ดีมาก

Insight จากการฝึกจริง:

เมื่อฝึก Deadlifts ร่วมกับ Lunges โค้ชปุนิ่มจะทำ Deadlifts 3 เซ็ต เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของขาหลัง แล้วตามด้วย Lunges 3 เซ็ตเพื่อให้สะโพกและกล้ามเนื้อขาด้านหน้ามีมัดกล้ามเนื้อที่ชัดเจน

วิธีฝึก:

  • Deadlifts 3 เซ็ต (10-12 ครั้ง)
  • ตามด้วย Lunges 3 เซ็ต (12-15 ครั้งต่อข้าง)
  • การฝึกทั้งสองท่านี้ร่วมกันจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วในการพัฒนากล้ามเนื้อขาและสะโพก

🏋️‍♀️ 3. ร่วมกับ Core Exercises (ฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง)

ทำไมต้องฝึก Core?

การมี Core ที่แข็งแรงจะช่วยให้คุณทรงตัวได้ดีขึ้นในขณะทำ Lunges ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ และเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึก

เคล็ดลับจากโค้ช:

โค้ชปุนิ่มชอบใช้ท่า Plank และ Russian Twists ร่วมกับ Lunges เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) และสะโพกทำงานร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้การทรงตัวและการเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น

วิธีฝึก:

  • Plank 3 เซ็ต (30-45 วินาที)
  • Russian Twist 3 เซ็ต (15-20 ครั้งต่อข้าง)
  • Lunges 3 เซ็ต (12-15 ครั้งต่อข้าง)
  • ทำตามลำดับนี้ในวันเดียวกัน เพื่อเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลางและขา

🏋️‍♀️ 4. ร่วมกับ HIIT (High Intensity Interval Training)

ทำไม HIIT?

การฝึก Lunges ร่วมกับ HIIT จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันและเสริมความทนทานให้กับร่างกาย โดยการฝึกแบบ HIIT จะทำให้กล้ามเนื้อขาได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่

Insight จากโค้ช:

ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่มใช้ HIIT Lunges เพื่อลดไขมันและเสริมกล้ามเนื้อขาในช่วงท้ายของการฝึก เน้นทำ Lunges สลับกับการทำท่าอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว

วิธีฝึก:

  • ฝึก Lunges สลับกับ Jumping Jacks หรือ Mountain Climbers
  • ทำ 4 เซ็ต โดยแต่ละเซ็ตใช้เวลา 40 วินาทีทำท่าลงและ 20 วินาทีพัก

🔥 สรุปการฝึกที่ดีที่สุดเพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

ท่าอื่นที่ร่วมฝึก ประโยชน์ที่ได้รับ วิธีฝึกที่แนะนำ
Squats เสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อขาและสะโพก Squats 4 เซ็ต (12-15 ครั้ง) + Lunges 3 เซ็ต (12-15 ครั้ง)
Deadlifts เพิ่มความแข็งแรงขาหลังและสะโพก Deadlifts 3 เซ็ต (10-12 ครั้ง) + Lunges 3 เซ็ต (12-15 ครั้ง)
Core Exercises เพิ่มความมั่นคงและทรงตัวในการทำ Lunges Plank 3 เซ็ต (30-45 วินาที) + Russian Twist 3 เซ็ต (15-20 ครั้ง)
HIIT เพิ่มการเผาผลาญไขมันและความทนทาน Lunges + Jumping Jacks 4 เซ็ต (40 วินาทีทำท่า, 20 วินาทีพัก)

10. Special Tip จากเวทีจริง & สนามแข่ง

บทเรียนที่ไม่มีใน YouTube แต่โค้ชเจอมาเองกับตัว

⚡ Tip ที่ 1: การฝึกกล้ามเนื้อขาในช่วงล่างที่เหนื่อยที่สุด

จากประสบการณ์ในการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน

ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่มเจอความท้าทายในการรักษารูปร่างที่กระชับโดยไม่สูญเสียกล้ามเนื้อขา ท่า Lunges และ Squats เป็นท่าหลักที่ช่วยสร้างความแข็งแรงในขาและสะโพก แต่ก็มีช่วงที่เหนื่อยล้าจากการฝึกจนแทบจะล้มเลิก แต่สิ่งที่โค้ชได้เรียนรู้คือ “ฝึกหนักในช่วงที่เหนื่อยที่สุด” เพราะนั่นคือช่วงที่กล้ามเนื้อจะเติบโตและฟื้นฟู

Insight จากโค้ช:

“ตอนฝึกขึ้นเวที เราต้องดันตัวเองจนเหนื่อยที่สุดเพื่อลงรายละเอียดในแต่ละท่า แม้ท่า Lunges จะรู้สึกหนักแค่ไหน แต่ก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้”

วิธีฝึก:

ให้ฝึก Lunges ในการฝึกแบบ HIIT และจบด้วยการเพิ่มน้ำหนัก เพื่อเสริมความทนทานและช่วยให้กล้ามเนื้อขาและสะโพกมีความแข็งแรงขึ้นมากในระยะยาว

⚡ Tip ที่ 2: ใช้เวลาในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้เต็มที่

ในการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันแต่ละครั้ง โค้ชจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูหลังการฝึกอย่างมาก เพราะหลังจากการฝึกหนักมาหลายวัน กล้ามเนื้อจะต้องการการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับจากโค้ช:

หลังจากการฝึก Lunges ในแต่ละวัน โค้ชปุนิ่มจะใช้ Foam Rolling และการยืดเหยียด เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อขาและสะโพกได้ผ่อนคลาย และลดการอักเสบจากการฝึกหนัก

Insight จากการฝึก:

“ไม่ว่าเราจะฝึกหนักแค่ไหน แต่ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อก็จะไม่ได้รับการสร้างอย่างเต็มที่ ควรให้เวลาฟื้นฟู 48 ชั่วโมงระหว่างการฝึกหนัก”

วิธีฟื้นฟู:

  • ใช้ Foam Roller บริเวณ Hamstrings, Quadriceps, และ Glutes
  • ทำการ ยืดเหยียด หลังการฝึกทุกครั้ง
  • ใช้ การนวดกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการปวด

⚡ Tip ที่ 3: ฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) พร้อมกับการฝึกขาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด**

โค้ชปุนิ่มเคยกล่าวไว้ว่า “การฝึก Core คือการเตรียมร่างกายให้พร้อมในการเคลื่อนไหวทุกท่า” ซึ่งจริง ๆ แล้วการฝึก Lunges ต้องการการควบคุมจาก Core ที่แข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อเพิ่มดัมเบลหรือบาร์เบลเข้าไปในท่า

Insight จากโค้ช:

“การฝึก Lunges และ Core ไปพร้อมกันนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับท่าทั้งสอง ซึ่งจะช่วยให้การทรงตัวและความแข็งแรงของร่างกายดีขึ้น”

วิธีฝึก Core ร่วมกับ Lunges:

  • ทำ Plank ก่อนและหลังการฝึก Lunges เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับ Core
  • ใช้ท่า Russian Twist หรือ Bicycle Crunches เพิ่มในการฝึกเสริมความแข็งแรงให้กับแกนกลาง

⚡ Tip ที่ 4: ตั้งเป้าหมายและวางแผนการฝึกอย่างเป็นระบบ

การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งในสนามแข่งและการแข่งขันฟิตเนสจำเป็นต้องมี แผนการฝึกที่ชัดเจน การฝึก Lunges ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฝึกที่เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อขาและสะโพกอย่างมีระเบียบ

Insight จากโค้ช:

“ก่อนการแข่งขันทุกครั้ง โค้ชจะวางแผนฝึก Lunges เป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยปรับระดับความยากขึ้นทุกสัปดาห์ ทั้งการเพิ่มน้ำหนักและการเพิ่มเซ็ตให้มากขึ้น”

วิธีตั้งเป้าหมาย:

  • ตั้งเป้าหมายการเพิ่มน้ำหนักในทุกๆ 2 สัปดาห์
  • ปรับท่าให้ยากขึ้น เช่น เปลี่ยนจาก Static Lunges เป็น Walking Lunges หรือ Jump Lunges
  • ตรวจสอบฟอร์มทุกครั้งเพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงสุด

🔥 สรุป Special Tips จากสนามแข่ง & เวทีจริง

Tip สิ่งที่ควรทำ วิธีปฏิบัติที่แนะนำ
ฝึกกล้ามเนื้อขาในช่วงที่เหนื่อยที่สุด ฝึก Lunges ในช่วงที่รู้สึกเหนื่อยที่สุด ใช้ HIIT Lunges เพิ่มความทนทาน
ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้เต็มที่ ให้เวลาในการฟื้นฟูและใช้ Foam Roller หลังการฝึก ฟื้นฟู 48 ชั่วโมงก่อนฝึกครั้งถัดไป
ฝึก Core ร่วมกับการฝึกขา ฝึก Core เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึก Lunges ใช้ Plank และ Russian Twist
ตั้งเป้าหมายการฝึกอย่างเป็นระบบ วางแผนการฝึกอย่างชัดเจน โดยเพิ่มความท้าทายทุกสัปดาห์ ตั้งเป้าหมายเพิ่มน้ำหนักทุก 2 สัปดาห์

11. ท่านี้เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาไปฟิตเนส

เพราะท่า Lunges สามารถฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลา

🕒 ทำไม Lunges ถึงเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาไปฟิตเนส?

Lunges เป็นท่าฝึกที่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ และสามารถทำได้ในพื้นที่จำกัด เพียงแค่มีพื้นที่พอสำหรับการก้าว ท่านี้สามารถปรับความยากง่ายได้ตามระดับความสามารถ และทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือแม้แต่ที่ทำงานหากคุณต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

Insight จากโค้ช:

“การฝึก Lunges ไม่จำเป็นต้องไปฟิตเนสเลยค่ะ เราสามารถฝึกที่บ้านได้ทุกวัน และผลลัพธ์มันไม่ได้ต่างจากการไปยิมเลย การฝึกท่านี้ช่วยให้ร่างกายกระชับขึ้น ทั้งขาและสะโพกแน่นขึ้นจริง ๆ แค่ฝึก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์”

🏠 ฝึกที่บ้านได้อย่างไร?

Lunges เป็นท่าฝึกที่เน้นการเคลื่อนไหวของขาและสะโพก การฝึกที่บ้านไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ ยกเว้น ดัมเบล หรือ บาร์เบล หากต้องการเพิ่มแรงต้าน

วิธีฝึกที่บ้าน:

  1. Bodyweight Lunges: ใช้แค่ร่างกายเป็นน้ำหนัก โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์
  2. เพิ่มน้ำหนัก: ใช้ดัมเบลหรือขวดน้ำเพื่อเพิ่มความท้าทาย
  3. ใช้กระจก: ตรวจสอบฟอร์มการทำท่ากระจกเพื่อให้มั่นใจว่าท่าถูกต้อง

Insight จากโค้ช:

“ฝึกที่บ้าน โค้ชไม่แนะนำให้ฝึกแบบรีบร้อนค่ะ ลองใช้เวลาในการทำท่าด้วยการควบคุมอย่างเต็มที่ เช่น Lunges Time Under Tension ที่จะช่วยเพิ่มมัดกล้ามเนื้อขาและสะโพกได้ดี”

🏢 ทำได้แม้ที่ทำงาน

หากคุณมีเวลาว่างระหว่างการประชุมหรือตอนพักทานอาหารกลางวัน คุณสามารถทำ Lunges ได้ง่าย ๆ ในสำนักงาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่แคบ

เคล็ดลับจากโค้ช:

“หลายครั้งในระหว่างการประชุมที่ทำงาน โค้ชก็ทำ Lunges สั้น ๆ สัก 5-10 ครั้งระหว่างพัก ทำแบบนี้เราจะได้ไม่แค่ฝึกกล้ามเนื้อขา แต่ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น”

🧑‍💼 กรณีศึกษาจากลูกศิษย์ที่มีเวลาจำกัด

ลูกศิษย์ของโค้ชปุนิ่มคนหนึ่งทำงาน 9-5 ทุกวัน และไม่มีเวลาฝึกที่ฟิตเนส เขาจึงฝึก Lunges ทุกวันระหว่างพักกลางวันที่บ้าน โดยเริ่มจากการทำ Bodyweight Lunges 3 เซ็ตต่อวัน 10-12 ครั้ง และเพิ่มน้ำหนักเมื่อรู้สึกว่าท่าทางถูกต้องและฟอร์มเริ่มดีขึ้น

ผลลัพธ์ที่เห็น:

  • ขาและสะโพกกระชับขึ้นในเวลาเพียง 4 สัปดาห์
  • ไม่มีอาการปวดเข่าเหมือนตอนเริ่มฝึก
  • มีพลังมากขึ้นในการทำงานระหว่างวัน

🔥 วิธีการเพิ่มความท้าทายให้ฝึก Lunges ที่บ้าน

เทคนิค สิ่งที่ต้องทำ
เพิ่มน้ำหนัก ใช้ ดัมเบล หรือ ขวดน้ำ ที่มีน้ำหนักเพื่อเพิ่มความท้าทาย
Lunges แบบก้าวยาว ก้าวเท้ายาวให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อขาให้มากขึ้น
เพิ่มการเคลื่อนไหว เปลี่ยนจาก Static Lunges เป็น Walking Lunges หรือ Jump Lunges
Time Under Tension ทำ Lunges ช้า ๆ โดยใช้เวลามากขึ้นในการลงและขึ้น (3-1-1)

🎯 สรุปการฝึก Lunges ที่บ้าน

กลุ่มที่ฝึก วิธีการฝึก ผลลัพธ์ที่ได้
ผู้เริ่มต้นฝึกฟิตเนส Bodyweight Lunges 3 เซ็ต เพิ่มความแข็งแรงและความสมดุลของขา
ผู้ที่มีเวลาน้อย Lunges ระหว่างพัก 5-10 ครั้ง เพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการเมื่อยล้า
คนที่ต้องการเสริมกล้ามเนื้อ Lunges + ดัมเบล 3 เซ็ต สร้างกล้ามเนื้อขาและสะโพกที่กระชับและแข็งแรง

12. เคล็ดลับการฝึกที่ใช้ในการเทรนด์ผู้สูงอายุ

การฝึก Lunges สำหรับผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ารู้วิธีปรับและมีความเข้าใจในร่างกายของลูกศิษย์

🧑‍🦳 ผู้สูงอายุควรเริ่มต้นจาก Bodyweight Lunges

ทำไมต้องเริ่มจาก Bodyweight Lunges?

สำหรับผู้สูงอายุ Lunges เป็นท่าฝึกที่เหมาะสมในการเพิ่มความแข็งแรงของขาและสะโพก แต่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการใช้ดัมเบลหรือบาร์เบลหนัก ๆ ในการฝึก

Insight จากโค้ช:

“สำหรับผู้สูงอายุที่เพิ่งเริ่มฝึกฟิตเนส ท่า Bodyweight Lunges จะช่วยเสริมความแข็งแรงในขาและสะโพกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้แรงต้านเยอะเกินไป ค่อย ๆ เริ่มจากน้ำหนักตัวเป็นพื้นฐาน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความท้าทาย”

วิธีฝึก:

  • เริ่มจาก Lunges แบบก้าวขาไปข้างหน้า 5-6 ก้าวต่อข้าง
  • ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง
  • เน้นความมั่นคงในการทรงตัวและการก้าวขา

🧑‍🦳 ใช้กระจกหรือให้คนอื่นช่วยดูฟอร์ม

การฝึก Lunges อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้หากฟอร์มไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหากับการทรงตัว หรือขาที่อ่อนแรง

Insight จากโค้ช:

“ในการฝึกผู้สูงอายุ โค้ชมักจะใช้กระจกหรือให้คนช่วยดูฟอร์ม เพื่อให้มั่นใจว่าฝึกได้ถูกต้อง การก้าวขาให้ยาวเกินไปหรือก้มตัวผิดจะทำให้เกิดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ”

วิธีฝึก:

  • ให้ใช้กระจกหรือบันทึกการฝึกเพื่อเช็กฟอร์ม
  • มั่นใจว่าขาหน้าก้าวยาวพอและเข่าไม่เกินปลายเท้า

🧑‍🦳 เพิ่มความท้าทายทีละนิด

เมื่อผู้สูงอายุฝึก Lunges ได้ดีขึ้นแล้ว การเพิ่มความท้าทายจะช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ค่อย ๆ เพิ่มการใช้ดัมเบลเบา ๆ หรือเพิ่มจำนวนเซ็ต

เคล็ดลับจากโค้ช:

“ถ้าผู้สูงอายุฝึกได้ดีขึ้นหลังจาก 2-3 สัปดาห์ การเพิ่ม ดัมเบลเบา ๆ หรือทำ Walking Lunges จะช่วยให้ขาและสะโพกแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังและขาได้”

วิธีฝึก:

  • ใช้ดัมเบลเบา ๆ 2-4 กิโลกรัม หรือ น้ำหนักขวดน้ำ แทน
  • ทำ Walking Lunges 10-12 ก้าวต่อข้าง เพิ่มความยาวของการก้าว

🧑‍🦳 เน้นการฝึกที่ช่วยเพิ่มสมดุลและการทรงตัว

ผู้สูงอายุควรฝึกท่า Lunges แบบที่สามารถช่วยเพิ่มความสมดุลได้ด้วย เช่น การฝึกที่ใช้ขาทั้งสองข้างและการฝึกที่ไม่ต้องใช้แรงต้านมากจนเกินไป

Insight จากโค้ช:

“การฝึกผู้สูงอายุต้องใส่ใจในเรื่องความสมดุลและการทรงตัว เช่นการทำ Lunges สั้น ๆ หรือทำ Static Lunges ช่วยให้ลูกศิษย์ไม่ต้องเคลื่อนไหวมากเกินไป และสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้”

วิธีฝึก:

  • เริ่มฝึก Static Lunges ก่อนที่จะเพิ่มการเคลื่อนไหว
  • ใช้เวลา 5-10 วินาที ในการค้างในท่า แต่ละข้าง
  • ฝึกสัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อเพิ่มความสมดุล

🧑‍🦳 ระมัดระวังไม่ให้ทำท่าเร็วเกินไป

การฝึก Lunges สำหรับผู้สูงอายุไม่ควรรีบร้อน พยายามให้การเคลื่อนไหวช้า ๆ และมั่นคง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด

Insight จากโค้ช:

“อย่าคาดหวังผลเร็วเกินไป การฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีกว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ”

วิธีฝึก:

  • เริ่มจากการเคลื่อนไหวช้า ๆ โดยเน้นการควบคุมร่างกายให้มั่นคง
  • ไม่ต้องรีบร้อนทำท่า ควรให้เวลาในการปรับตัว 3-4 สัปดาห์

🔥 สรุปเคล็ดลับการฝึก Lunges สำหรับผู้สูงอายุ

เทคนิค สิ่งที่ควรทำ วิธีปฏิบัติที่แนะนำ
เริ่มจาก Bodyweight Lunges ฝึกโดยใช้แค่ร่างกายเป็นน้ำหนัก ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง
ใช้กระจกหรือคนช่วยดูฟอร์ม เช็กฟอร์มให้ถูกต้อง เช่น เข่าหน้าไม่เกินปลายเท้า ใช้กระจกหรือบันทึกการฝึก
เพิ่มความท้าทายทีละนิด เพิ่มดัมเบลหรือทำ Walking Lunges ใช้ดัมเบลเบา ๆ หรือขวดน้ำ 2-4 กิโลกรัม
ฝึกเพื่อสมดุลและทรงตัว ฝึก Static Lunges และ Walking Lunges สำหรับสมดุล ทำ 3 เซ็ตต่อข้าง 10-12 ก้าว และเก็บฟอร์มให้ถูกต้อง
ทำท่าช้า ๆ ฝึกอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ฝึกช้า ๆ เพื่อควบคุมท่าทุกครั้ง

13. เทคนิคการฝึกที่ใช้ในการเทรนด์คนที่มีอาการบาดเจ็บ

การฝึก Lunges สำหรับคนที่มีอาการบาดเจ็บต้องระมัดระวังและปรับท่าฝึกให้เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

🏋️‍♀️ 1. เริ่มจากการทำ Lunges แบบ Static (ไม่เคลื่อนไหว)

สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการฝึก จำเป็นต้องเริ่มจากการทำ Lunges แบบ Static ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และลดการเคลื่อนไหวที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

Insight จากโค้ช:

“สำหรับคนที่มีอาการบาดเจ็บจากการฝึกหรือการเคลื่อนไหว เราจะเริ่มจากการทำ Lunges แบบ Static ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้ฝึกกล้ามเนื้อขาและสะโพกโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเยอะเกินไป ทำให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น”

วิธีฝึก:

  • เริ่มจาก Static Lunges โดยก้าวเท้าไปข้างหน้าและเกร็งกล้ามเนื้อขา
  • ค้างในท่าทั้งสองข้าง 5-10 วินาที แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนข้าง
  • ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง

🏋️‍♀️ 2. ลดความลึกในการทำ Lunges

การฝึก Lunges สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บจำเป็นต้องลดความลึกของการก้าวลง เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดที่มากเกินไปที่เข่าและข้อต่อ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการฝึก

Insight จากโค้ช:

“คนที่มีอาการบาดเจ็บจากการฝึกในอดีต ควรเริ่มฝึก Lunges ด้วยการก้าวลงเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของท่าปกติ เพื่อลดความเสี่ยงจากการกดทับที่ข้อต่อ โดยค่อย ๆ เพิ่มความลึกเมื่อฟื้นฟูร่างกายดีขึ้น”

วิธีฝึก:

  • ให้เริ่มก้าวลงแค่ประมาณ ครึ่งหนึ่ง ของระยะการก้าวในท่าปกติ
  • ทำอย่างช้า ๆ และระมัดระวังการเคลื่อนไหว
  • ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง

🏋️‍♀️ 3. เพิ่มการฝึกกับ Resistance Bands

Resistance Bands เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในการฝึก Lunges ได้โดยไม่ทำให้เกิดแรงกระแทกหรือความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากเกินไป โดยจะช่วยเพิ่มความต้านทานที่กล้ามเนื้อได้เรียนรู้ในการควบคุมการเคลื่อนไหว

Insight จากโค้ช:

“ในการฝึกผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ โค้ชใช้ Resistance Bands เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างนุ่มนวล เพิ่มแรงต้านโดยไม่ต้องใช้ดัมเบลที่หนักเกินไป”

“ช่วงที่ลูกศิษย์ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บที่เข่า เราใช้ Resistance Bands เพื่อช่วยให้เขาทำ Lunges ได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ”

วิธีฝึก:

  • สวม Resistance Bands รอบเข่าหรือสะโพก
  • ทำ Lunges แบบ Static หรือ Walking Lunges โดยใช้ความต้านทานจาก Bands
  • ฝึก 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-12 ครั้ง

🏋️‍♀️ 4. ใช้การฝึกที่เพิ่มความสมดุลและแกนกลาง

การฝึกที่เพิ่มความสมดุลและการทรงตัวจะช่วยให้การฝึก Lunges มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวหรือมีการบาดเจ็บจากข้อเท้า ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อ

Insight จากโค้ช:

“การเพิ่มการฝึกที่ช่วยเพิ่มความสมดุลเช่น Plank หรือ Single Leg Stand ก่อนการฝึก Lunges จะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด ทำให้การฝึกปลอดภัยและได้ผลดีกว่า”

วิธีฝึก:

  • ฝึก Plank 3 เซ็ต (30-45 วินาที)
  • ฝึก Single Leg Stand 3 เซ็ต (20-30 วินาทีต่อข้าง)
  • ทำก่อนเริ่มฝึก Lunges เพื่อเพิ่มความสมดุล

🏋️‍♀️ 5. ฝึกแบบเป็นขั้นตอน

การฝึก Lunges สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บต้องมีความค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวัง ไม่ควรฝึกแบบเร่งรีบ ควรทำการเพิ่มความท้าทายทีละขั้นตอนตามการฟื้นฟูของร่างกาย

Insight จากโค้ช:

“การฝึกกับผู้ที่มีการบาดเจ็บต้องระมัดระวังและให้เวลาในการฟื้นฟู เริ่มจากการฝึกแบบเบา ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับการฝึกเมื่อร่างกายพร้อม”

วิธีฝึก:

  • เริ่มฝึก Bodyweight Lunges 2 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง
  • ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนัก หรือความยาวของการก้าวเมื่อฝึกไปได้ 2-3 สัปดาห์
  • เน้นการทำท่าที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำ

🔥 สรุปการฝึก Lunges สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ

เทคนิค สิ่งที่ควรทำ วิธีปฏิบัติที่แนะนำ
เริ่มจาก Static Lunges ฝึกโดยไม่เคลื่อนไหวมากเกินไป ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-10 ครั้ง
ลดความลึกในการทำ Lunges ก้าวลงแค่ครึ่งหนึ่งของระยะการก้าว ทำช้า ๆ และระมัดระวังการเคลื่อนไหว
ใช้ Resistance Bands เพิ่มแรงต้านในการฝึกโดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บมากเกินไป สวม Bands และฝึก 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 8-12 ครั้ง
เพิ่มการฝึกสมดุลและ Core ฝึกสมดุลด้วยท่า Plank และ Single Leg Stand ฝึก 3 เซ็ต ก่อนเริ่ม Lunges
ฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มการฝึกทีละขั้นตอน ไม่เร่งรีบ เริ่มจาก Bodyweight Lunges แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนัก

14. เทคนิคการฝึกสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

การฝึก Lunges สามารถเสริมความเร็วในการวิ่งได้โดยตรง เพราะมันช่วยพัฒนากล้ามเนื้อขาและสะโพกที่ใช้ในการยึดร่างกายและเร่งความเร็ว

🏃‍♀️ 1. ฝึก Lunges แบบ Walking Lunges เพื่อพัฒนาความเร็วในการออกตัว

การฝึก Walking Lunges เป็นการฝึกที่ทำให้เราสามารถพัฒนาการก้าวออกไปข้างหน้าได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มความเร็วในการวิ่ง เพราะการทำ Lunges แบบก้าวไปข้างหน้า จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับ Quadriceps, Hamstrings, และ Glutes ที่ใช้ในการเร่งความเร็วขณะวิ่ง

Insight จากโค้ช:

“ตอนที่ผมฝึกการวิ่งระยะทางสั้น ๆ เพื่อเตรียมตัวลงแข่งขัน Khao Yai Trail 2024 ผมฝึก Walking Lunges ทุกวันเพื่อเสริมกล้ามเนื้อขาให้มีความแข็งแรงและความเร็วในการออกตัว ช่วยให้การวิ่งเร็วขึ้นและสามารถวิ่งขึ้นเขาได้ดีขึ้นด้วย”

วิธีฝึก:

  • ก้าวเท้าไปข้างหน้าให้ยาวพอสมควรแล้วทำ Walking Lunges
  • ทำ 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ก้าวต่อข้าง
  • ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วในการทำแต่ละเซ็ต

🏃‍♀️ 2. ใช้ Lunges ร่วมกับการฝึก Plyometric Training สำหรับการเพิ่มพลังการระเบิดในขา

การฝึก Plyometric Training หรือการฝึกแบบระเบิดพลัง จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อขาและสะโพกในการวิ่ง ด้วยการทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้สามารถสร้างแรงระเบิดได้ดีขึ้นในเวลาที่สั้น ซึ่งจะช่วยให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น

Insight จากการฝึก:

“การฝึก Jump Lunges หรือ Lunges แบบพลิ้ว เป็นการฝึกที่เสริมพลังการระเบิดในขา ช่วยให้การวิ่งระยะสั้นมีการออกตัวที่เร็วขึ้น ผมใช้ท่านี้ในการเตรียมตัววิ่ง 5K ก่อนที่จะแข่งขัน โดยทำทุกวันสัปดาห์ละ 3 ครั้ง”

วิธีฝึก:

  • ทำ Jump Lunges 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
  • เน้นการกระโดดขึ้นและลงในแต่ละท่ากระโดดเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง
  • พัก 20-30 วินาทีระหว่างเซ็ต

🏃‍♀️ 3. ทำ Lunges แบบ Bulgarian Split Squats เพื่อเสริมความแข็งแรงของขาและเพิ่มความเร็วในการยึดร่างกาย

การฝึก Bulgarian Split Squats โดยการใช้เก้าอี้หรือเบาะรองสำหรับวางขาหลังจะช่วยเสริมสร้าง Glutes และ Hamstrings ที่จำเป็นต่อการยึดร่างกายในระหว่างวิ่ง

Insight จากโค้ช:

“การฝึก Bulgarian Split Squats ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อขาและสะโพกที่แข็งแรง ผมใช้การฝึกนี้ทุกวันในการฝึกวิ่งระยะยาว เพราะมันช่วยให้ขามีความแข็งแรงในการวิ่งระยะยาว รวมถึงการวิ่งขึ้นเนินที่ต้องใช้พลังขาเป็นหลัก”

วิธีฝึก:

  • วางขาหลังบนเก้าอี้หรือเบาะรอง จากนั้นทำ Bulgarian Split Squats 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
  • เน้นการรักษาฟอร์มให้ดี และทำช้า ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่
  • พักระหว่างเซ็ต 30-45 วินาที

🏃‍♀️ 4. เพิ่มความเร็วด้วยการฝึก Lunges กับการวิ่ง Sprinting

การฝึก Lunges ควบคู่ไปกับการวิ่ง Sprinting หรือการวิ่งระยะสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยเพิ่มพลังในการวิ่งของคุณ โดยการฝึก Sprint จะช่วยเพิ่มการระเบิดพลังที่ขาและสะโพก ทำให้สามารถวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Insight จากการฝึก:

“การวิ่ง Sprinting ควบคู่กับ Lunges ช่วยให้ร่างกายสามารถระเบิดพลังได้ดีขึ้น เวลาฝึกเสร็จการทำท่าทั้งสองนี้ช่วยเสริมกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรงขึ้น และสามารถวิ่งเร็วขึ้นในสนามจริงได้”

วิธีฝึก:

  • ฝึก Sprinting 30 วินาทีเต็ม ความเร็วสุดความสามารถ แล้วทำ Walking Lunges 1 นาที
  • ทำ 3 เซ็ต ต่อด้วยพัก 1 นาทีระหว่างเซ็ต

🎯 สรุปการฝึก Lunges เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

เทคนิคการฝึก สิ่งที่ได้จากการฝึก วิธีฝึกที่แนะนำ
Walking Lunges พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและสะโพก Walking Lunges 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ก้าวต่อข้าง
Jump Lunges (Plyometric) เพิ่มพลังระเบิดในขา เพิ่มความเร็วในการออกตัว Jump Lunges 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
Bulgarian Split Squats เพิ่มความแข็งแรงของสะโพกและขา เพิ่มความเร็วในระยะยาว Bulgarian Split Squats 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-12 ครั้ง
Sprinting + Lunges เพิ่มพลังการวิ่งและความเร็วในการออกตัว ฝึก Sprinting 30 วินาทีแล้วตามด้วย Walking Lunges 1 นาที