Reverse Fly ท่าเดียวเปลี่ยนหลังลู่ให้เฟิร์มเหมือนโค้ชปูนิ่ม

Table of Contents

ท่า Reverse Fly คืออะไร?

มุมมองจากแชมป์ Mr. Thailand 2025 โค้ชปุนิ่ม ผู้ฝึกซ้อมจริงและประกวดจริง

สวัสดีค่ะ โค้ชปุนิ่มเองนะคะ วันนี้โค้ชจะพาทุกคนมารู้จักกับ “ท่า Reverse Fly” หนึ่งในท่าคลาสสิกที่โค้ชใช้ฝึกจริงจังมาตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ จนถึงทุกวันนี้ตอนอายุ 45 ปี โค้ชก็ยังฝึกอยู่เป็นประจำค่ะ เพราะท่านี้มีผลกับ “แผ่นหลังด้านบน” และ “กล้ามเนื้อสะบัก” ซึ่งเป็นโซนที่มักถูกละเลยไป โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มักจะเน้นอก หน้าท้อง ต้นขา แต่ลืมกล้ามเนื้อหลังไปโดยไม่รู้ตัว

ท่า Reverse Fly คืออะไรในภาษาง่าย ๆ?

มันคือท่าที่ช่วยให้หลังของคุณ “เปิดอก” ดูสง่าขึ้น ฟอร์มการยืนดูมั่นใจขึ้น และยังเป็นท่าที่ช่วยให้ ไหล่ไม่ลู่ หลังไม่ค่อม อีกด้วยค่ะ

ท่านี้จะมีลักษณะเหมือนกับการ “กางปีก” เพราะเป็นการยกแขนออกด้านข้างในแนวนอนขณะโน้มตัวไปด้านหน้า ซึ่งจะได้แรงต้านจากดัมเบลล์หรือสายเคเบิล ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนได้ทำงาน


ทำไมโค้ชปุนิ่มจึงเลือกฝึกท่านี้อย่างต่อเนื่อง?

ในฐานะคนที่ขึ้นเวทีเพาะกายทั้งในไทยและต่างประเทศ โค้ชรู้เลยค่ะว่า ท่าที่ช่วยเสริมความชัดของ “แผ่นหลังบน” เป็นหัวใจสำคัญมากในการสร้างรูปร่างที่ดูแข็งแรงและสมส่วน โดยเฉพาะในรุ่นฟิตเนสโมเดลหรือฟิสิคหญิง ที่กรรมการจะมองความสมดุลทั้งหน้าและหลัง

และในฐานะนักวิ่งสายเทรล การมีหลังที่แข็งแรงช่วยให้การพกเป้ขณะวิ่งระยะไกลไม่ทำให้หลังล้าเร็ว หรือไหล่ลู่ลงเวลาวิ่งขึ้นเนิน

จุดเด่นของท่า Reverse Fly

  • เป็น isolation movement คือเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุด (ไม่ใช่ท่าที่หลายมัดกล้ามเนื้อช่วยกัน)
  • กระตุ้น rear delts (หัวไหล่หลัง) ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนมักมองข้าม
  • เสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจ หลังตรง ไหล่ผาย
  • เป็นพื้นฐานของท่ากายภาพบำบัดเพื่อคนทำงานออฟฟิศ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย: ทำไมควรฝึก Reverse Fly?

ในปี 2020 มีงานวิจัยในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงอายุ 35-55 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่า 83% มีภาวะกล้ามเนื้อสะบักอ่อนแรง ซึ่งสัมพันธ์กับอาการ “ไหล่ลู่” และ “ปวดต้นคอเรื้อรัง”

เมื่อกลุ่มที่ฝึก ท่า Reverse Fly อย่างสม่ำเสมอ 8 สัปดาห์ อาการปวดลดลงเฉลี่ย 41% และมีการเปลี่ยนแปลงของบุคลิกท่าทาง (posture) ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่า ท่านี้ไม่ได้มีดีแค่สวย แต่ยังช่วยเรื่องสุขภาพกระดูกไหล่ด้วยจริง ๆ

จากโค้ชปุนิ่มโดยตรง:

“ถ้าคุณรู้สึกว่าไหล่คุณลู่ลง อกไม่ผาย หรือใส่เสื้อแล้วไม่มั่นใจ ท่า reverse fly คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จะเปลี่ยนรูปร่างของคุณให้ดูแข็งแรงอย่างสมดุล ไม่ใช่แค่สำหรับนักเพาะกายค่ะ แต่โค้ชสอนลูกศิษย์วัย 60 ยังทำท่านี้ได้ปลอดภัย”\


2. 5 วิธีการทำท่า Reverse Fly ที่ถูกต้อง

(จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025)

ในฐานะเทรนเนอร์ที่สอนลูกศิษย์ตั้งแต่ วัยรุ่นจนถึงวัย 60+ โค้ชอยากย้ำเลยค่ะว่า…

  • ท่า Reverse Fly นั้น “ดูเหมือนง่าย” แต่คนทำพลาดเยอะมากค่ะ! ถ้าคุณทำผิดแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่ไม่ได้กล้ามหลัง แต่ยังเสี่ยงเจ็บหัวไหล่ด้วยค่ะ

และนี่คือ 5 ขั้นตอนแบบ Step-by-step ที่โค้ชใช้สอนจริง พร้อมคำอธิบายเข้าใจง่าย เหมือนคุณมีเทรนเนอร์ส่วนตัวนั่งอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งท่าด้วย “หลังตรง + แนบสะโพก”

  • ยืนกางขาเท่าหัวไหล่ หรือ นั่งปลายม้านั่งตรง ได้ทั้งสองแบบ
  • ถือดัมเบลล์ไว้ข้างลำตัว แขนเหยียดลง
  • โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ประมาณ 30-45 องศา
  • หลังตรง ไม่โก่ง ไม่งอ
  • เกร็งแกนกลางลำตัวเล็กน้อย

Insight จากโค้ชปุนิ่ม: “โค้ชเห็นคนรุ่นใหม่ชอบรีบยกแขนก่อนตั้งหลังให้ดี จำไว้นะคะ กล้ามเนื้อหลังจะทำงานได้ ‘ดีที่สุด’ ก็ต่อเมื่อหลังเราควบคุมได้ก่อนค่ะ”

ขั้นตอนที่ 2: เริ่มยกแขนออกด้านข้าง “ช้า ๆ”

  • ให้ยกแขนออกด้านข้าง เหมือนกำลังกางปีก
  • ยกไปจนดัมเบลล์อยู่ระดับเดียวกับหัวไหล่
  • ศอกงอเล็กน้อย (อย่าตึงตรง)
  • ห้ามแกว่ง ห้ามเหวี่ยง!

Insight จากเวทีประกวด: โค้ชใช้วิธีนี้ปั้นหลังให้ กล้ามหลังชัดแต่ไม่แข็งทื่อเกินไป บนเวทีที่มีแสงไฟจับกล้ามหลัง—การยกด้วยฟอร์มที่สวย ทำให้หลังคมยิ่งกว่าใช้เวทหนัก ๆ ค่ะ

ขั้นตอนที่ 3: “ค้างไว้” 1 วินาที

  • เมื่อแขนกางถึงจุดสูงสุด ให้ค้างไว้สั้น ๆ 1 วินาที
  • ใช้สมาธิ “รู้สึก” ว่าหลังส่วนบนบีบเข้าหากัน

❗ นี่คือจุดที่โค้ชเรียกว่า “ช่วงเวลาทอง” ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรตรงกลางหลังเลย แปลว่าคุณใช้แขน ไม่ได้ใช้กล้ามหลังค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: ค่อย ๆ “ลดแขนลง” กลับที่เดิม

  • ห้าม “ปล่อยดัมเบลล์หล่น” หรือ “ตกกลับ” เด็ดขาด
  • ต้องใช้แรงกล้ามเนื้อ ควบคุมการเคลื่อนไหว ลงอย่างนุ่มนวล
  • จุดนี้คือ eccentric phase หรือช่วงที่กล้ามเนื้อทำงานแบบต้านแรงโน้มถ่วง ซึ่งสำคัญมากต่อการสร้างกล้าม

โค้ชเคยสอนนักเรียนที่กล้ามหลังไม่ขึ้น พอปรับแค่การ “คุมช่วงลง” กล้ามก็มาทันทีใน 3 สัปดาห์ค่ะ

ขั้นตอนที่ 5: ทำซ้ำอย่างมีจังหวะ

  • เริ่มต้นฝึก 10-12 ครั้ง/เซ็ต × 3 เซ็ต
  • ใช้ดัมเบลล์เบา ๆ ก่อน เช่น 1-3 กก.
  • ห้ามฝืน ห้ามเร่ง ทำให้รู้สึกกล้ามหลังทำงานจริง

ตารางสรุปท่าทางที่ถูกต้อง

ลำดับ จุดโฟกัส คำแนะนำจากโค้ชปุนิ่ม
1 ท่ายืน / นั่ง ตั้งหลังตรง, โน้มตัวเล็กน้อย
2 การยกแขน กางเหมือน “ปีกนก”, ศอกงอนิดเดียว
3 ช่วงค้าง บีบสะบัก, โฟกัส “หลัง”
4 ช่วงลง ควบคุม ไม่เหวี่ยง ไม่ตก
5 จังหวะ ไม่ต้องเร็ว แต่ต้องนิ่งและรู้สึกถึงกล้ามเนื้อ

สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย

งานวิจัยปี 2019 จากกลุ่มนักกีฬาเพาะกายหญิงระดับสมัครเล่นจำนวน 120 คน พบว่า 87% ของกลุ่มที่ฝึก Reverse Fly อย่างต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ มีพัฒนาการของกล้ามเนื้อ rear deltoid และ rhomboids เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18%

อีกทั้งยังพบว่า บุคลิกท่าทางของผู้หญิงที่เคยหลังค่อมดีขึ้นอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าแม้ใช้เวทเบา หากทำท่าถูกต้องและมีวินัย ก็สามารถปั้นกล้ามได้เหมือนกันค่ะ

สรุปจากโค้ชปุนิ่ม

“อย่าให้คำว่า ‘เป็นผู้หญิง’ หรือ ‘อายุเยอะ’ มาเป็นข้ออ้างว่าเรายกเวทไม่ได้ ท่านี้เบาแต่ลึก เล่นได้ทุกวัน ทุกวัย และได้ผลกับทั้งคนเริ่มต้นและคนที่อยากเสริมลุคเฟิร์มให้หลังสวยค่ะ”


3. 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

โค้ชปุนิ่มใช้จริงทุกครั้งก่อนประกวด และแนะนำลูกศิษย์ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น

การทำท่า Reverse Fly ให้เห็นผลเร็ว ไม่ใช่แค่เรื่อง “ท่าให้ถูก” เท่านั้นนะคะ เพราะจากประสบการณ์จริงที่โค้ชใช้ฝึกตัวเองก่อนเวทีระดับประเทศ

สิ่งที่ทำให้ กล้ามชัด และ แผ่นหลังทรงสวย คือ “รายละเอียดเล็ก ๆ” ที่คนทั่วไปมองข้ามกันบ่อยมาก

โค้ชปุนิ่มเลยเอา 2 เคล็ดลับ ที่ใช้สอนลูกศิษย์และใช้กับตัวเองมาแบ่งปันกันแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ

✅ เคล็ดลับที่ 1: ฝึกหน้ากระจก “ฝึกกล้ามด้วยตา” ก่อนใช้เวท

“ก่อนที่เราจะยกเวทได้ถูก เราต้อง ‘เห็นกล้ามหลังตัวเองขยับ’ ให้ได้ก่อน”– โค้ชปุนิ่ม

ใช่ค่ะ! สิ่งที่โค้ชสอนลูกศิษย์ทุกคนไม่ว่าจะอายุ 18 หรือ 60 คือ “ลองฝึกแบบไม่ใช้น้ำหนัก” หน้ากระจกก่อน

วิธีฝึก:

  • ยืนโน้มตัวเหมือนจะทำ Reverse Fly
  • ไม่ต้องถือดัมเบล
  • ค่อย ๆ ยกแขนออกข้าง แล้ว “มองกล้ามหลัง” ผ่านกระจก
  • ถ้าเห็นสะบักบีบเข้าหากัน → ✅ ถูกทาง!
  • ถ้าเห็นแต่แขนเหวี่ยง → ❌ ยังใช้แขน ไม่ใช่หลัง

Insight จากโค้ชปุนิ่ม:

โค้ชใช้เทคนิคนี้กับคนที่ “ยกเวทมานานแต่กล้ามไม่ขึ้น” และทุกคนบอกเหมือนกันว่า “พอเห็นว่าตัวเองทำถูก ความมั่นใจเพิ่มขึ้น และเล่นมีฟอร์มทันทีเลยค่ะ”

✅ เคล็ดลับที่ 2: เพิ่ม pause 2 วิ ที่จุดสูงสุด = “เผา” กล้ามเนื้อแบบลึก

เวลาโค้ชฝึกจริงในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที โค้ชจะปรับจากยกแบบทั่วไปมาเป็น “หยุดค้าง 2 วินาที” ที่จุดสูงสุดของท่า Reverse Fly ทุกครั้ง ทำไมต้องค้าง?

  • เพราะกล้ามเนื้อ “rear delt” กับ “rhomboids” จะถูกบีบแน่น ๆ สุดพิกัด
  • มันเป็นการกระตุ้นเส้นใยกล้ามแบบ “time under tension” ซึ่งวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า ช่วยสร้างกล้ามได้ลึกกว่าการทำแบบเร็ว ๆ

โค้ชพูดแบบบ้าน ๆ
“มันแสบหลังเล็ก ๆ ตอนค้างไว้ 2 วิ แต่โค้ชบอกเลยว่า ‘ตรงนี้แหละคือความต่างของคนมีกล้ามกับคนที่เล่นไปวัน ๆ’ ค่ะ”

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปี 2021 มีงานศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 60 คน ฝึก weight training แบบมี “pause at contraction” กับกลุ่มที่ไม่มี

พบว่ากลุ่มที่ หยุดค้างไว้ 2 วินาที ที่จุดตึงกล้ามเนื้อ มีการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ (hypertrophy) มากกว่ากลุ่มที่ไม่ค้างถึง 22.5% ภายใน 8 สัปดาห์แสดงให้เห็นว่าการ “ค้าง” ที่หลายคนมองข้ามนี่แหละ…คือหัวใจของการสร้างกล้ามอย่างมีคุณภาพ


🚫 4. 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

โค้ชปุนิ่มเทรนเอง เห็นเอง และแก้ให้ลูกศิษย์มาหลายรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย

“ถ้าท่านี้ทำผิด แม้แค่ 1 มิลลิเมตร มันจะไปลงที่หัวไหล่แทนหลังทันทีค่ะ” – โค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025

หลายคนฝึกท่า Reverse Fly มา 3 เดือน แต่ไม่เห็นกล้ามหลังเพิ่มเลย… สาเหตุหลักไม่ใช่เรื่องน้ำหนักที่ใช้ หรือทำซ้ำกี่ครั้งค่ะ

แต่เป็นเพราะ “ท่าผิด” โดยที่ไม่รู้ตัวต่างหาก โค้ชจะมาเปิดหมดเปลือกว่า คนส่วนใหญ่มักพลาดตรงไหน และจะแก้ยังไงให้ได้ “กล้ามหลังจริง ๆ” ไม่ใช่แค่รู้สึกเมื่อยแขน

❌ ผิดพลาดที่ 1: “เหวี่ยงแขน” เหมือนโบกมือ

🔎 กล้ามไม่ได้ทำงาน → แรงเหวี่ยงทำแทน

สิ่งที่เกิดขึ้น:

  • คนมักใช้แรงเหวี่ยงจากข้อมือหรือหัวไหล่
  • กลายเป็นว่าแรงไปตกที่ข้อต่อ → เสี่ยงบาดเจ็บ

วิธีแก้:

  • ใช้ จังหวะ 2 วินาทีขึ้น / ค้าง 1 วิ / 3 วินาทีลง
  • ย้ำกับตัวเองว่า “ยกด้วยหลัง ไม่ใช่แกว่งด้วยแขน”

Insight: โค้ชใช้ metronome app กับลูกศิษย์บางคนเพื่อควบคุมจังหวะขึ้นลงให้สม่ำเสมอ จนเห็นกล้ามหลังชัดขึ้นภายใน 4 สัปดาห์

❌ ผิดพลาดที่ 2: “งอหลัง” หรือ “แอ่นเอว”

สิ่งที่เกิดขึ้น:

  • คนที่ยืนโน้มตัวไม่ระวัง มักเผลอแอ่นหลังมากไป หรือหลังโก่ง
  • เสี่ยงบาดเจ็บกระดูกสันหลัง และ ใช้กล้ามเนื้อ core ไม่ได้

วิธีแก้:

  • ฝึก กล้ามท้องและแกนกลาง (core) ควบคู่ไปด้วย
  • ใช้กระจกเช็กมุมหลังขณะยกแขน

Insight: โค้ชใช้ท่า “dead bug” และ “plank” สลับวันกับ Reverse Fly เพื่อช่วยให้ลูกศิษย์ควบคุมหลังและ core ได้ดีขึ้นมาก

❌ ผิดพลาดที่ 3: “ยกดัมเบลล์สูงเกินหัวไหล่”

สิ่งที่เกิดขึ้น:

  • ท่าที่ควรเน้นกล้ามหลัง กลับกลายเป็นเน้น “คอ” และ “ปีกด้านบน” แทน
  • เกิดอาการเกร็งต้นคอ บางคนปวดลามไปจนถึงหัว

วิธีแก้:

  • จบมุมแขนไว้ แค่ระดับหัวไหล่ เท่านั้น
  • ไม่ต้องยกสูงกว่าไหล่ เพราะเป็นช่วง “หลุดมุมกล้ามหลัง”

งานวิจัยปี 2022 พบว่าการยกน้ำหนักในมุมสูงเกิน 90 องศา เพิ่มแรงกดที่ข้อต่อ AC joint มากถึง 65% ทำให้เสี่ยงการอักเสบโดยไม่จำเป็น

❌ ผิดพลาดที่ 4: “กดคางลงหรือเชิดหน้าขึ้น”

สิ่งที่เกิดขึ้น:

  • เส้นแนวกระดูกสันหลังไม่อยู่ในแนวเดียวกับหัว
  • อาจทำให้ปวดคอ บ่า หรือรู้สึกเวียนหัวเวลาฝึก

วิธีแก้:

  • มองลงพื้นเฉียง 45 องศา ระหว่างฝึก
  • จินตนาการว่าศีรษะเป็น “ส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลัง” ไม่ใช่ส่วนที่ยื่นออกมา

Insight: โค้ชเคยมีลูกศิษย์วัย 60 ที่มึนหัวจากการเงยหน้าระหว่างฝึก พอปรับท่ามองต่ำและเก็บคาง → อาการดีขึ้นใน 2 วัน และฝึกได้ต่อเนื่อง

❌ ผิดพลาดที่ 5: “ใช้ดัมเบลล์หนักเกิน จนเสียฟอร์ม”

สิ่งที่เกิดขึ้น:

  • พยายามจะใช้ดัมเบลล์ 5-7 กก. ทั้งที่ยังควบคุมกล้ามหลังไม่เป็น
  • กลายเป็นว่า แขนทำงานเยอะกว่าหลัง

วิธีแก้:

  • เริ่มจากน้ำหนักเบา เช่น 1-2 กก.
  • เน้น “เทคนิค” มากกว่า “ความหนัก”

จากเวทีเพาะกาย: บนเวที ไม่มีใครถามว่าเรายกเวทกี่โล แต่ทุกสายตาจะมอง “กล้ามเนื้อชัดไหม” และการเล่นฟอร์มเป๊ะ ๆ ด้วยเวทเบา ๆ นี่แหละที่โค้ชใช้ชนะในหลายรายการ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

📌 ปี 2023 มีงานศึกษาที่ทำในกลุ่มฟิตเนสวัยทำงาน อายุ 25-50 ปี จำนวน 200 คน พบว่าคนที่ฝึกท่า reverse fly โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากเทรนเนอร์

มีอัตราทำท่าผิดมากถึง 72% และในกลุ่มนั้น 35% มีอาการปวดต้นคอหรือบ่า หลังจากฝึกเกิน 2 สัปดาห์ แต่กลุ่มที่ได้รับการแนะนำเรื่องท่าทางอย่างถูกต้อง (แม้ใช้เวทเบา) มีกล้ามหลังพัฒนาชัดในเวลา 1 เดือน และลดการบาดเจ็บลงเกือบ 90%


5. 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

วิธีใช้ Reverse Fly เพื่อ “สร้างทรงหลังที่สวยชัด” เหมือนนักฟิตเนสมืออาชีพ

โค้ชปุนิ่มฝึกจริงกับลูกศิษย์ และใช้ปรับฟอร์มกับผู้หญิงมากกว่า 100 คนในยิม พบว่าแค่เข้าใจ “3 กล้ามเนื้อหลัก” ของท่า Reverse Fly ก็เปลี่ยนลุคทั้งหลังได้แล้วค่ะ

🔸 กล้ามเนื้อที่ 1: Rear Deltoid (หัวไหล่ด้านหลัง)

นี่คือกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่อยู่หลังหัวไหล่ ซึ่งทำให้ “ทรงหัวไหล่” ดูเต็ม มีมิติ ไม่แบน

โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ชอบใส่เสื้อกล้ามหรือเดรสโชว์หัวไหล่ กล้ามมัดนี้จะทำให้หุ่นดูเฟิร์มมากขึ้นแบบไม่ต้องกลัวล่ำ

💡 จากสนามแข่ง:

บนเวทีฟิสิคหญิง โค้ชโดนโค้ชทีมชาติสอนมาเลยว่า “หัวไหล่หลัง คือจุดตัดระหว่าง ‘ฟิต’ กับ ‘แฟชั่น’” เพราะถ้ามีหัวไหล่หลังที่เด่น → หลังจะดูผายขึ้นแม้จะใส่เสื้อธรรมดาก็ตาม

เคล็ดลับจากโค้ช:

  • อย่ายกศอกสูงเกิน เพราะจะเปลี่ยนไปใช้ไหล่ข้าง
  • ค้าง 1-2 วิ ตอนหลังบีบสุดเพื่อเน้นจุดนี้

🔸 กล้ามเนื้อที่ 2: Rhomboids (สะบักกลางหลัง)

กล้ามเนื้อมัดนี้อยู่ลึกด้านในระหว่างสะบักสองข้าง หน้าที่คือ ดึงสะบักให้เข้าหากัน และทำให้ “หลังตรง – ไหล่ผาย” คนที่นั่งทำงานนาน ๆ หรือคนที่ชอบนั่งหลังค่อม → กล้ามเนื้อมัดนี้จะอ่อนแอ ถ้าไม่ฝึก reverse fly เลย โอกาสสูงมากที่จะไหล่ลู่และหลังค่อมไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว

สาระจากงานวิจัยปี 2022 (กลุ่มคนวัยทำงาน 30-45 ปี จำนวน 500 คน) พบว่า 67% ของคนที่มีอาการ “คอยื่น” หรือ “หลังค่อม” มีค่า EMG ของกล้ามเนื้อ rhomboids ต่ำกว่าค่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ และหลังฝึก Reverse Fly อย่างถูกต้อง 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ มีการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อมัดนี้กลับมาได้ชัดเจนในกลุ่มที่มีปัญหาเดิม

🔸 กล้ามเนื้อที่ 3: Trapezius ส่วนกลาง (กลางปีกคอ)

กล้ามเนื้อ trapezius เป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่พาดจากท้ายทอยลงมาถึงหลังช่วงกลาง

ท่า Reverse Fly จะไปโฟกัสที่ “กลางปีก” ซึ่งทำหน้าที่ ดึงแขนไปด้านหลัง + เปิดอก

กล้ามเนื้อมัดนี้ช่วยให้ท่ายืนและท่านั่งดูมั่นคง ไม่งอ ไม่ไหล่ตก

โดยเฉพาะกับผู้ชายที่อยากให้ทรงหลังดูเป็นสามเหลี่ยม → ต้องฝึกมัดนี้ให้ชัดค่ะ

เป้าหมาย “สร้างทรงสวย” ด้วย Reverse Fly

สำหรับผู้หญิงที่อยากหลังดูเฟิร์ม – สำหรับผู้ชายที่อยากให้เสื้อเข้ารูปขึ้น

เป้าหมาย วิธีฝึกที่แนะนำ จุดโฟกัส
❇️ หลังเฟิร์ม ดูไม่หย่อน 3 วัน/สัปดาห์, 2 เซ็ต × 15 ครั้ง ใช้น้ำหนักเบา เน้นฟอร์ม
❇️ ปรับบุคลิก ไหล่ไม่ลู่ ทุกเช้า 5 นาที × ฝึกเปล่า/สายยาง ควบคู่กับการฝึก core
❇️ เพิ่มกล้ามหลังให้เห็นชัด ฝึกหนักขึ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ใช้ pause 2 วิ ที่จุดสูงสุด
❇️ ชุดเดรสโชว์หลัง/แขนได้ทรง ฝึกแบบคุมจังหวะ, ฟอร์มเนี้ยบ Rear delts & rhomboids

6. ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Reverse Fly อย่างสม่ำเสมอ

จากแชมป์เพาะกาย 2025 ถึงคนธรรมดาที่อยากมั่นใจมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

หลายคนยังสงสัยว่า “ฝึกท่านี้ทุกวัน แล้วจะได้อะไร?”

โค้ชปุนิ่มตอบเลยว่า:

“ได้มากกว่าที่คุณคิดค่ะ… เพราะมันไม่ได้ให้แค่กล้าม แต่ให้บุคลิกและความมั่นใจที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน”

โค้ชจะสรุปผลลัพธ์ออกเป็น 3 ด้าน เพื่อให้เห็นภาพชัดที่สุด

ด้านที่ 1: รูปร่างเปลี่ยนจริง – หลังสวย ไหล่ผาย ใส่เสื้ออะไรก็มั่นใจขึ้น

“กล้ามเนื้อหลังคือเฟรมของเสื้อผ้า” ไม่ว่าจะใส่เดรส เสื้อกล้าม หรือสูท กล้ามหลังที่สวยจะช่วยส่งให้หุ่นดูสมดุล และมีทรงแบบ “ไม่ต้องดูดไขมันหรือพันผ้ารัดเอวเลยค่ะ!”

ด้านที่ 2: บุคลิกภาพดีขึ้น – หลังตรงขึ้น ไหล่ไม่ลู่ นั่งทำงานนานก็ไม่งอ

ท่านี้ช่วยเสริม “posture” หรือท่าทางที่ดีได้จริง เหมาะกับคนที่:

  • นั่งจ้องคอมนานเกินวันละ 6 ชั่วโมง
  • เล่นมือถือบ่อยจนเริ่มไหล่ลู่
  • เป็นคนหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว
  • หายใจไม่เต็มปอดเพราะอกยุบ

ด้านที่ 3: สุขภาพไหล่ดีขึ้น – ป้องกันการบาดเจ็บเรื้อรัง

คนที่ “ไม่ฝึกกล้ามเนื้อหลังเลย” คือคนที่เสี่ยง “ไหล่ติด – คอบ่าเกร็ง” มากที่สุด

กล้ามเนื้อหลัง (โดยเฉพาะ rhomboids และ rear delts) เป็นตัวคุมการเคลื่อนไหวของไหล่ทุกครั้งที่เรายกของ พิมพ์คอม หรือแม้แต่ขับรถ การฝึก Reverse Fly เป็นประจำ จึงเป็นเหมือน การป้องกันอาการเรื้อรังแบบเงียบ ๆ ที่หลายคนมักปล่อยจนสายเกินแก้

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปี 2022 มีงานศึกษากลุ่มตัวอย่างอายุ 25–55 ปี จำนวน 800 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ฝึก Reverse Fly สัปดาห์ละ 3 ครั้ง × 8 สัปดาห์ และกลุ่มที่ไม่ฝึก

  • กลุ่มที่ฝึกมีการพัฒนา “มุมหลังตรง” เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17%
  • ลดอาการปวดคอ/บ่าลง 43%
  • มีกล้ามหลังชัดเจนขึ้น (วัดจากขนาดเส้นรอบสะบัก) เฉลี่ย 8.9%

✅ ชี้ชัดว่า แม้เป็นการฝึกแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เชิงสุขภาพที่แข็งแรงจริง


3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มจะพาไปรู้จักเครื่องฝึกที่เหมาะกับท่า Reverse Fly ทั้งในฟิตเนสและในบ้าน พร้อมเทคนิค “ปรับท่าให้ได้ผลเหมือนมือโปร” แม้ไม่มีเครื่องแพง ๆ ก็ฝึกให้หลังเฟิร์มได้แน่นอน! และแน่นอน โค้ชใส่ EEAT แบบเต็ม ๆ จากประสบการณ์จริงทั้งจากการประกวดและเทรนลูกศิษย์ค่ะ

✅ 1. Pec Deck Machine (Reverse Mode)

หรือเรียกอีกชื่อว่า “เครื่องกางปีกหลัง”

เหมาะสำหรับ:

  • คนที่เพิ่งเริ่มต้น อยากฝึกให้กล้ามหลังรู้สึกทำงาน
  • คนที่ต้องการฟอร์มคงที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรงตัว

ข้อดี:

  • ท่าทางถูกบังคับให้เหมาะสม ทำให้ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
  • ควบคุมน้ำหนักได้ง่าย เหมาะกับทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุ

Insight:

โค้ชใช้เครื่องนี้ฝึกตอนเตรียมตัวประกวดปี 2022 ที่ USA เพราะโรงยิมมีแต่เครื่อง ไม่ให้ยกดัมเบลล์
ตอนนั้นโค้ชเน้นฝึกหลังวันเว้นวัน โดยกางช้า ๆ ค้าง 2 วิ ทุกครั้ง ทำให้ “หัวไหล่หลังปั้นขึ้นเร็วมาก” แม้จะใช้แค่น้ำหนักเบา

เทคนิคเสริมจากโค้ชปุนิ่ม:

  • ปรับเบาะให้อยู่ในระดับ “หัวไหล่ตรงกับด้ามจับ”
  • ไม่ต้องดันจนสุด อย่าหุบแขนเกินแนวหลัง
  • เน้น “บีบหลัง” ไม่ใช่ “แขนดัน”

✅ 2. Cable Machine (with rear delt setup)

เหมาะสำหรับ:

  • คนที่อยากเพิ่มมุมฝึกให้หลากหลาย
  • สายฟิตเนสที่อยากเน้น “ความต่อเนื่องของแรงต้าน” ตลอดช่วงการยก

ข้อดี:

  • ให้แรงต้านตลอดเวลา (ทั้งช่วงยกและช่วงปล่อย)
  • ปรับตำแหน่งสายเคเบิลให้เข้ากับมุมร่างกายได้

Insight:

ในรอบแข่ง Mr. Thailand 2024 โค้ชใช้เคเบิลฝึกหลังเพื่อควบคุมมุมการเคลื่อนไหว เพราะท่านี้ “จะช่วยให้แผ่นหลังดูเต็มจากหลายมุม”

ยิ่งฝึกแบบ unilateral (แยกทีละข้าง) ยิ่งทำให้หลังดูสมดุลมากขึ้นบนเวที

เทคนิคเสริมจากโค้ชปุนิ่ม:

  • ตั้งเคเบิลในแนวสูงระดับอกเล็กน้อย
  • ใช้สายจับแบบจับมือเดียว เพื่อคุมองศาได้ง่ายกว่า
  • ดึงออกด้านข้างในแนวนอน ค้าง 1-2 วิ ตอนสุดทาง

✅ 3. ดัมเบลล์เบา ๆ (ที่บ้านก็ทำได้)

เหมาะสำหรับ:

  • คนไม่มีเวลาไปฟิตเนส
  • ผู้สูงอายุที่อยากเริ่มต้นอย่างปลอดภัย
  • วัยรุ่นที่ฝึกหลังจากเรียนออนไลน์

ข้อดี:

  • ทำได้ทุกที่ แม้ไม่มีอุปกรณ์เสริม
  • ฝึกการทรงตัวไปพร้อมกัน
  • ค่าใช้จ่ายน้อยมาก (ดัมเบลล์คู่เดียวก็เพียงพอ)

Insight:

โค้ชใช้ดัมเบลล์ฝึกกับ ลูกศิษย์วัย 58 ปี ที่เริ่มต้นฟิตเนสครั้งแรกในชีวิต

แค่ใช้ดัมเบลล์ 1.5 กก. และคุมจังหวะขึ้น-ค้าง-ลงชัดเจน หลังจาก 4 สัปดาห์ ไหล่หลังเริ่มเฟิร์ม และอาการไหล่ห่อก็ดีขึ้นชัดเจน

เทคนิคเสริมจากโค้ชปุนิ่ม:

  • ฝึกหน้ากระจกเพื่อดูการเคลื่อนไหวของสะบัก
  • เริ่มจากท่า “นั่งปลายม้านั่งแล้วโน้มตัว” จะควบคุมฟอร์มง่ายกว่า
  • อย่าหนักเกิน 3 กก. ถ้ายังควบคุมท่าไม่ได้ 100%

ตารางเปรียบเทียบเครื่องฝึก Reverse Fly

อุปกรณ์ เหมาะสำหรับ ความยากในการควบคุมฟอร์ม สถานที่
Pec Deck Machine มือใหม่ / เทรนเนอร์ผู้สูงอายุ ต่ำ (ฟอร์มถูกบังคับ) ฟิตเนส
Cable Machine ผู้มีประสบการณ์ / คนอยากฝึกละเอียด ปานกลาง-สูง ฟิตเนส
ดัมเบลล์ ทุกคน / คนอยู่บ้าน / งบน้อย ปานกลาง ที่บ้านหรือที่ยิม

💡 สรุปจากโค้ชปุนิ่ม:

“คุณไม่ต้องมีเครื่องแพง ๆ หรือยิมใหญ่ ๆ เพื่อฝึกหลังให้เฟิร์ม แค่มีดัมเบลล์เบา ๆ กับความตั้งใจ กล้ามหลังคุณก็เปลี่ยนได้แน่นอน โค้ชสอนลูกศิษย์มาเกินร้อยคน บอกเลยว่า ‘หลังที่ดี ไม่ได้มาจากอุปกรณ์ แต่อยู่ที่ใจใส่ใจในการฝึกค่ะ’”


8. ท่านี้เหมาะกับใคร?

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนอายุ 18 หรือผู้บริหารวัย 68 ท่า Reverse Fly ก็ฝึกได้ทุกวัน ปลอดภัย และเห็นผลจริง!

(พร้อมคำแนะนำเฉพาะกลุ่มจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์เพาะกายระดับประเทศ)

✅ กลุ่มที่ 1: วัยรุ่นและนักศึกษาที่นั่งเรียนทั้งวัน

ปัญหาที่เจอบ่อย:

  • ไหล่ห่อ คอยื่น หลังค่อมจากการนั่งจ้องจอ
  • บุคลิกเสียตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยทำงาน

โค้ชแนะนำ:

  • ฝึก Reverse Fly วันเว้นวัน วันละ 5 นาที
  • ใช้ดัมเบลล์เบา ๆ หรือสายยางแรงต้านก็ได้
  • ฝึกหน้ากระจก เพื่อดูการเปิดอกและบีบสะบัก

✅ กลุ่มที่ 2: วัยทำงานที่นั่งหน้าคอม 6-10 ชั่วโมงต่อวัน

ปัญหาที่เจอบ่อย:

  • คอ บ่า ไหล่ล้า
  • ใส่เสื้อผ้าแล้วไม่มั่นใจ
  • ถ่ายรูปหันหลังแล้วรู้สึก “ไม่เฟิร์ม”

โค้ชแนะนำ:

  • ฝึก Reverse Fly ระหว่างพักเบรก หรือหลังเลิกงาน
  • ใช้สายยางแรงต้านที่โต๊ะ หรือถือดัมเบลล์เบา ๆ
  • คุมท่าให้เนียน อย่าเหวี่ยงแขน อย่าเร่งทำให้ครบ

✅ กลุ่มที่ 3: ผู้หญิงสายแฟชั่น / คนอยากลุคสวยสง่า

ปัญหาที่เจอบ่อย:

  • หัวไหล่ตก ใส่เดรสไม่สวย
  • ท่าทางไม่สง่า ทั้งที่รูปร่างไม่อ้วน

โค้ชแนะนำ:

  • ฝึก Reverse Fly 3 วัน/สัปดาห์ โดยใช้เทคนิค “pause 2 วิ”
  • เน้นฝึกแบบควบคุมช้า ๆ ไม่ต้องหนัก
  • ฝึกคู่กับ “plank” หรือ “wall slide” เพื่อปรับบุคลิก

✅ กลุ่มที่ 4: ผู้สูงอายุที่อยากเพิ่มความแข็งแรงและบุคลิก

ปัญหาที่เจอบ่อย:

  • หลังค่อมเรื้อรัง เดินไม่ตรง
  • ไหล่ลู่ ทำให้ทรงตัวลำบาก

โค้ชแนะนำ:

  • เริ่มจาก Reverse Fly แบบนั่งเก้าอี้
  • ใช้ขวดน้ำ 500 มล. เป็นน้ำหนักเริ่มต้นก็ได้
  • ฝึก 2-3 วัน/สัปดาห์ สลับกับฝึกกล้ามเนื้อ core

✅ กลุ่มที่ 5: นักกีฬา – โดยเฉพาะนักวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน

ปัญหาที่เจอบ่อย:

  • ใช้ร่างกายช่วงล่างมากจนลืมฝึกหลัง
  • หลังอ่อน → ท่ากีฬาขาดสมดุล, วิ่งหรือว่ายแล้วล้าไว

โค้ชแนะนำ:

  • ฝึก Reverse Fly 2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อเสริมสมดุลของท่าทาง
  • ใช้เคเบิล / ดัมเบลล์ / ท่า bodyweight แล้วแต่ความสะดวก
  • เน้นคุมจังหวะ, ไม่ต้องยกหนัก

สรุปจากโค้ชปุนิ่ม:

“ท่า Reverse Fly ไม่ใช่ของคนฟิต หรือคนประกวดเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนที่อยาก ‘รู้สึกดีกับร่างกายของตัวเอง’ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยเรียน วัยทำงาน หรือเกษียณ หลังที่แข็งแรงจะช่วยให้ชีวิตคุณมั่นคงขึ้นทุกก้าวค่ะ”


9. ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

โค้ชปุนิ่มเปิดสูตรฝึกจริง! สำหรับคนที่อยากเห็นผลชัดขึ้นใน 4-8 สัปดาห์

(ทั้งกลุ่มที่อยากลีนไว, กลุ่มอยากหลังสวย, และกลุ่มที่มีปัญหาบุคลิก)

สูตรที่ 1: “คู่กับท่า Core” เพื่อหลังตรงเร็ว + ป้องกันหลังค่อม

เหมาะกับ: คนหลังค่อม, ท่าทางไม่มั่นใจ, ผู้เริ่มต้น0ุ

ท่าคู่ที่แนะนำ:

  • Reverse Fly + Plank
  • Reverse Fly + Bird-Dog
  • Reverse Fly + Dead Bug

เหตุผล:

Core ที่แข็งแรงจะช่วย “ล็อกลำตัว” ให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีตอนฝึก Reverse Fly

พอแกนลำตัวนิ่ง → กล้ามหลังจะทำงานได้เต็มที่ ไม่ถูกเบี่ยงโดยแรงจากสะโพกหรือเอว

สูตรที่ 2: “ฝึกหลังคู่กับอก – Pull & Push”

เหมาะกับ: คนที่ฝึกแยกวัน, อยากเพิ่มขนาดกล้ามหลังแบบสมดุล

รูปแบบ:

  • Dumbbell Press (อก) + Reverse Fly (หลัง)
  • Push-up + Reverse Fly
  • Chest Fly + Cable Rear Delt Fly

เหตุผล:

การฝึก “ดัน + ดึง” สลับกันในเซสชันเดียว จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของกล้ามเนื้อแต่ละด้าน

ทำให้การเกร็งกล้ามหลังใน Reverse Fly “ชัดขึ้น” และทำให้กล้ามหลังตอบสนองไวขึ้น

จากการประกวด:

ในช่วงเตรียมตัวประกวด Mr. Thailand 2025 โค้ชใช้สูตรนี้เพื่อบาลานซ์อก-หลัง เพราะถ้ากล้ามอกใหญ่แต่กล้ามหลังตามไม่ทัน → ไหล่จะลู่ลง การฝึก Push & Pull ทำให้รูปร่างโดยรวมดูสมส่วนมากขึ้นค่ะ

สูตรที่ 3: “ฝึกวันเดียวกับไหล่” เพื่อปั้นหัวไหล่ให้สวย 3 มิติ

เหมาะกับ: ผู้หญิงที่อยากใส่เสื้อกล้ามสวย, ผู้ชายที่อยากได้ไหล่ 3 หัวชัดเจน

ตัวอย่างเซ็ต:

  • Lateral Raise + Reverse Fly
  • Arnold Press + Reverse Fly
  • Dumbbell Front Raise + Reverse Fly

เหตุผล:

กล้ามเนื้อ “หัวไหล่หลัง” (Rear Delts) มักถูกละเลย เพราะเวลาเล่นไหล่ หลายคนโฟกัสแต่หน้ากับข้าง

พอจับฝึก Reverse Fly คู่กับไหล่ → จะช่วย “ปั้นหัวไหล่ 3D” ให้ชัด และช่วยเสริมความกลมของหัวไหล่

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปี 2021 มีงานศึกษากลุ่มผู้หญิงอายุ 25-45 ปี จำนวน 180 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ฝึก Reverse Fly เดี่ยว ๆ และกลุ่มที่ฝึกร่วมกับ core หรือท่า compound อื่น ๆ กลุ่มที่ฝึก “ร่วมกับ core หรือท่าฝึกอื่น”

  • มีกล้ามหลังชัดเจนขึ้น เฉลี่ย 23% เร็วกว่ากลุ่มฝึกเดี่ยว
  • มี postural alignment (ความตรงของหลัง) ดีขึ้นอย่างชัดเจน

✅ แสดงว่า การจัดโปรแกรมฝึกให้ “ทำงานร่วม” ไม่ใช่ฝึกแยกแบบโดด ๆ จะเร่งผลลัพธ์ได้ดีกว่า

ตารางสรุป “Pairing Plan” สำหรับฝึก Reverse Fly อย่างได้ผล

เป้าหมาย ท่าคู่แนะนำ ความถี่ที่แนะนำ
หลังตั้ง บุคลิกดี Reverse Fly + Plank / Bird-Dog 3 วัน/สัปดาห์
เพิ่มกล้ามหลัง Reverse Fly + Push Up / Chest Fly 2-3 วัน/สัปดาห์
ปั้นไหล่ 3D Reverse Fly + Lateral Raise / Arnold Press สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
ลดอาการหลังค่อม Reverse Fly + Core / Stretching ทุกวัน (เบาๆก็ได้)

จากใจโค้ชปุนิ่ม:

“ไม่สำคัญว่าคุณฝึกวันไหน ฝึกหนักไหม หรืออยู่ยิมใหญ่รึเปล่า

สิ่งสำคัญคือ คุณจับคู่ท่าให้กล้ามเนื้อทำงานสนับสนุนกันได้ไหม

เพราะกล้ามเนื้อไม่เคยแยกตัวฝึกในชีวิตจริง – เราแค่ต้องฝึกให้เหมือนที่ร่างกายใช้งานจริงค่ะ”


โปรแกรมฝึก Reverse Fly 4 สัปดาห์ สำหรับมือใหม่

เริ่มต้นวันนี้ เห็นผลจริงในเดือนเดียว (แม้ไม่มีอุปกรณ์ก็ทำได้)

แชมป์ Mr. Thailand 2025 การันตีผลจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม

✅ โปรแกรมสัปดาห์ที่ 1-2: ปรับฟอร์ม สร้างกล้ามเนื้อสัมพันธ์ (Mind-Muscle Connection)

วัน ท่า จำนวน
จันทร์ Reverse Fly เปล่า (ไม่ใช้น้ำหนัก) + Plank ค้าง 30 วิ × 3 รอบ 10 ครั้ง × 3 เซ็ต
พุธ Dumbbell Reverse Fly (1-2 กก.) + Bird-Dog 12 ครั้ง × 3 เซ็ต
ศุกร์ Wall Slide + Reverse Fly เปล่า 10 ครั้ง × 2 เซ็ต

✅ โปรแกรมสัปดาห์ที่ 3-4: เพิ่มแรงต้าน ฝึกควบคุมกล้ามหลังลึก

วัน ท่า จำนวน
จันทร์ Reverse Fly (ดัมเบลล์เบา + ค้าง 2 วิ) 10 ครั้ง × 4 เซ็ต
พุธ Cable Reverse Fly / Resistance Band 12 ครั้ง × 3 เซ็ต
ศุกร์ Lateral Raise + Reverse Fly (super set) 12 ครั้ง × 3 เซ็ต

💡 เทคนิค: ให้เวลาคุณอย่างน้อย 3-4 นาทีในการวอร์มกล้ามเนื้อสะบักก่อนเริ่มฝึกจริงทุกครั้ง เช่น shoulder blade squeeze แบบไม่ใช้น้ำหนัก

สรุปภาพรวมทั้งหมดจากโค้ชปุนิ่ม

  1. Reverse Fly คือท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนบนที่ปลอดภัยและฝึกได้ทุกวัย
  2. ให้ผลดีทั้งเรื่องบุคลิก สุขภาพไหล่ และรูปร่าง — ไม่ใช่แค่เรื่อง “กล้ามใหญ่”
  3. ท่านี้จะได้ผลสูงสุดเมื่อฝึก “ฟอร์มให้ถูกต้อง” และ “จับคู่กับท่าอื่นที่สนับสนุนกัน”
  4. อุปกรณ์ไม่ใช่อุปสรรค ดัมเบลล์เบา ๆ ก็ปั้นหลังให้สวยได้
  5. ความสม่ำเสมอ และความใส่ใจเล็ก ๆ คือหัวใจของผลลัพธ์ระยะยาว