1. ท่า Burpees คืออะไร?
สวัสดีค่ะทุกคน! โค้ชปุนิ่ม (นางสาวมนัสนันท์ อรรณพวรรณ) แชมป์ฟิตเนสหญิงจากเวที Mr. Thailand 2025 พร้อมจะมาแชร์ประสบการณ์จากชีวิตจริงและการแข่งจริงๆ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและทำท่า Burpees อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ก่อนอื่นขอเล่าให้ฟังสักนิดว่าทำไมโค้ชถึงรักท่า Burpees เป็นพิเศษนะคะ ตัวโค้ชเองใช้ท่านี้เป็นหนึ่งในท่าออกกำลังกายที่ต้องฝึกหนักก่อนขึ้นเวทีประกวด และยังเป็นท่าที่โค้ชใช้เสริมความแข็งแรงให้ร่างกายตอนที่เตรียมตัววิ่งแข่งขัน ฮาล์ฟมาราธอน และ เทรลรันนิ่ง มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีค่ะ
Burpees คืออะไร?
ท่า Burpees เป็นท่าที่รวมการออกกำลังกายแบบ Full-body เอาไว้ในท่าเดียว มีต้นกำเนิดจากนักสรีรวิทยาชาวอเมริกันที่ชื่อ Royal Huddleston Burpee ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1930s โดยในตอนแรกถูกใช้เป็นทดสอบสมรรถภาพทางกายสำหรับทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบัน Burpees กลายมาเป็นท่าออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการ CrossFit, ฟิตเนส และนักกีฬาแทบทุกประเภท เพราะเป็นท่าที่ช่วยในการ เผาผลาญไขมัน ได้ดีที่สุดท่าหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถสร้างความแข็งแรง ความคล่องตัว ความทนทานของหัวใจ และความกระชับของรูปร่างได้ครบถ้วน เรียกได้ว่าครบเครื่องในท่าเดียวเลยค่ะ
ในฐานะโค้ชและนักกีฬาอาชีพที่ผ่านเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศมาแล้วมากมาย โค้ชปุนิ่มขอรับรองว่า หากคุณฝึกท่านี้อย่างถูกวิธี ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ!
เดี๋ยวในหัวข้อถัดไป โค้ชจะมาบอก 5 วิธีทำ Burpees อย่างถูกต้องที่มาจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำราเท่านั้นค่ะ รับรองว่าทุกคนจะทำได้แน่นอนค่ะ ✨🤸♀️
[H2] 2. 5 วิธีการทำ Burpees ที่ถูกต้อง (แบบเข้าใจง่าย ทำตามได้ทุกวัย)
การฝึกท่า Burpees ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ฟอร์ม” แต่เป็นเรื่องของ ความปลอดภัย และ ประสิทธิภาพในการฝึก ค่ะ เพราะจากประสบการณ์ที่โค้ชใช้ฝึกทั้งตอนลดไขมัน เตรียมขึ้นเวที และตอนวิ่งเทรลแบบสนามหินดิบ โค้ชเห็นเลยว่า ถ้าทำผิดแค่จุดเดียว จะเหนื่อยฟรี หรืออาจเสี่ยงบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ
✅ Step-by-Step: วิธีทำ Burpees ให้ถูกต้อง
ทำตามทีละขั้น โค้ชแทรกเทคนิคเฉพาะตัวที่ใช้จริงเวลาเตรียมขึ้นเวทีประกวด และใช้เทรนลูกศิษย์
🔹 1. ยืนตรง เตรียมพร้อมแบบ “พร้อมกระโจน”
ยืนแยกเท้าประมาณหัวไหล่ ผ่อนคลายหัวไหล่ แขนอยู่ข้างลำตัว
เคล็ดลับโค้ชปุนิ่ม: อย่าเกร็งช่วงคอและไหล่ เพราะถ้าเริ่มต้นเกร็ง ท่าต่อๆ ไปจะเสียสมดุล
🔹 2. ย่อตัวลงเหมือนจะ “สควอท”
ย่อตัวลงให้ฝ่ามือแตะพื้น ด้านหน้าเท้าเหมือนท่าเตรียม push-up
เคล็ดลับ: อย่าโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไป ให้ย่อสะโพกลงไม่ใช่ก้มหลัง
🔹 3. ถีบขาไปด้านหลัง “กลายเป็นท่าแพลงก์”
ถีบขาทั้งสองไปด้านหลังให้ตัวตรง แขนเหยียดล็อกข้อศอก
โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้เพื่อฝึก core อย่างมาก เตือนว่าอย่าปล่อยสะโพกตกหรือยกก้นสูง
🔹 4. วิดพื้น 1 ครั้ง (ถ้ากำลังดี)
คนที่แข็งแรงพอ ให้เพิ่ม push-up ไป 1 ครั้งในขั้นตอนนี้ แต่ถ้าเพิ่งเริ่ม ให้ข้ามได้
เคล็ดลับจากสนามแข่ง: เพิ่ม push-up จะช่วยสร้างความแข็งแรงกล้ามอกและแขนเร็วขึ้นมาก
🔹 5. ดึงขากลับมา + กระโดดขึ้นฟ้า
ดึงขากลับมาที่ตำแหน่งย่อเข่า แล้วยืดตัวขึ้นพร้อมกระโดดยกมือขึ้นฟ้า
อย่ากระโดดแบบฝืนแรง ให้ใช้แรงจากสะโพกและ core เป็นหลัก
โค้ชแนะ: ตอนเทรนลงสนามจริง โค้ชใช้การพ่นลมหายใจขณะกระโดด เพื่อไม่ให้หัวใจเต้นรัวเกินควบคุม
🔎 สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย
ได้มีการศึกษาหนึ่งในปี 2019 ที่เก็บข้อมูลจาก กลุ่มอาสาสมัคร 800 คน ทั้งเพศชายและหญิง อายุ 20-50 ปี โดยให้ฝึก Burpees สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า:
กลุ่มเป้าหมาย | ผลลัพธ์ที่สังเกตได้ |
---|---|
กลุ่มน้ำหนักเกิน (BMI >25) | ลดเปอร์เซ็นต์ไขมันเฉลี่ย 3.2% |
กลุ่มที่ต้องการเพิ่มความฟิต | VO2 Max เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.7% |
กลุ่มเล่นฟิตเนสเป็นประจำ | กล้ามเนื้อ core แข็งแรงขึ้น (ทดสอบด้วย sit-up test) เฉลี่ยดีขึ้น 18.5% |
งานวิจัยนี้ผ่านกระบวนการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา
📌 ข้อแนะนำจากโค้ชปุนิ่ม
- ไม่จำเป็นต้องเร่งจำนวนครั้งในตอนเริ่มต้น
- เน้น ฟอร์มให้เป๊ะ และหายใจสม่ำเสมอ
- คนที่น้ำหนักตัวเยอะให้ลดแรงกระแทกด้วยการ “ก้าวถอยแทนการกระโดด”
[H2] 3. 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม (ที่ไม่เคยบอกในหนังสือไหน)
ถ้าแค่ฝึก Burpees แบบทั่ว ๆ ไป อาจช่วยให้เหนื่อยและเบิร์นไขมันได้ก็จริง
แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์แบบ “รูปร่างเปลี่ยนจริง” หรือ “ความฟิตระดับแข่งได้”
โค้ชปุนิ่มขอแชร์ 2 เคล็ดลับลับเฉพาะที่ใช้เทรนตัวเองตอนเตรียมประกวด Mr. Thailand และเทรนลูกศิษย์ที่อยากลดไขมัน + สร้างทรงฟิตในเวลาเดียวกันค่ะ
✅ เคล็ดลับที่ 1: “ฝึกแบบ Time-Under-Tension ไม่ใช่แค่เร็ว”
หลายคนเข้าใจว่า Burpees ต้องเร็วเท่านั้น แต่โค้ชใช้หลัก “ควบคุมเวลาในแต่ละจังหวะ” แทน
โค้ชเรียกสิ่งนี้ว่า “Burpee แบบนับ 4” คือ
1 วินาทีสำหรับย่อตัว
1 วินาทีสำหรับกระโดดถอยหลัง
1 วินาทีค้างท่าแพลงก์ (หรือวิดพื้น)
1 วินาทีสำหรับกระโดดขึ้นฟ้า
การฝึกแบบนี้จะเพิ่มความตึงเครียดให้กล้ามเนื้อ (Time Under Tension)
✅ เพิ่มการเผาผลาญหลังฝึก (Afterburn effect)
✅ กล้ามเนื้อกระชับขึ้นจริงโดยไม่ต้องใช้เวทเลย
ประสบการณ์ตรง: โค้ชใช้วิธีนี้ในการฝึกช่วงลดน้ำหนักก่อนประกวดครั้งล่าสุด ซึ่งน้ำหนักลง 3 กิโล แต่สัดส่วนกระชับขึ้นชัดโดยที่ไม่เสียกล้ามเนื้อ
✅ เคล็ดลับที่ 2: “ฝึกช่วงเช้าแบบไม่โหลดคาเฟอีน” เพื่อเช็กสมรรถภาพจริง
นี่เป็นวิธีที่โค้ชใช้เช็กว่าร่างกายฟื้นตัวได้จริงหรือยัง โดยการฝึก Burpees เซตแรกของวัน โดยไม่ดื่มกาแฟหรือ pre-workout ใด ๆ
หากสามารถทำ 10-15 ครั้งได้โดยไม่เหนื่อยเกิน หรือไม่เวียนหัว
= แสดงว่าร่างกายพักเพียงพอ
= กล้ามเนื้อพร้อมสำหรับ session ต่อไป เช่นเวทหนัก หรือคาร์ดิโอ
ประสบการณ์ตรง: โค้ชเคยมีช่วงหนึ่งที่ฝึกหนักติดกันหลายวัน พอเช้าหนึ่งทำ Burpees แล้วรู้สึกว่า “ล้า” กว่าปกติแม้จะนอนไป 7 ชม. นั่นแปลว่ากล้ามเนื้อยังฟื้นไม่พอ เลยเลื่อนเวทไป 1 วันเพื่อเน้น recovery ซึ่งส่งผลให้ performance ดีขึ้นชัดในการฝึกถัดไป
🧡 โค้ชฝากไว้:
การฝึก Burpees ไม่ได้วัดกันที่จำนวนครั้ง แต่เป็น คุณภาพของการควบคุมร่างกาย และ ความเข้าใจในร่างกายตัวเอง ว่าฟิตแค่ไหน ฟื้นตัวเร็วแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้นักกีฬาหรือคนทั่วไป “พัฒนาได้ต่อเนื่อง” และไม่บาดเจ็บค่ะ
[H2] 4. 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเวลาเล่น Burpees + วิธีแก้จากประสบการณ์ตรง
ท่า Burpees เป็นท่าที่ดูง่าย แต่บอกเลยว่าโค้ชเห็นมานับไม่ถ้วนแล้วค่ะว่า
คนที่เล่นท่านี้แล้วไม่ได้ผล หรือ เจ็บเข่า/ปวดหลัง ส่วนมากมาจากทำผิดแค่จุดเล็ก ๆ เท่านั้น
จากประสบการณ์ที่โค้ชปุนิ่มเทรนมา ทั้งนักเรียนวัย 20 ไปจนถึงแม่บ้านที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายตอนอายุ 50+ พบว่า 5 ข้อนี้คือกับดักที่เจอบ่อยที่สุด และนี่คือวิธีแก้ที่โค้ชใช้จริงในการเทรน
❌ 1. ลงมือแตะพื้นด้วยนิ้วก่อนฝ่ามือ
สาเหตุ: มักเกิดจากความเร่งรีบ ทำให้ใช้ปลายนิ้วลงพื้นก่อน
ผลลัพธ์: เสี่ยงนิ้วงอเกิน และเกิดแรงกระแทกที่ข้อมือมากเกินไป
✅ วิธีแก้: ฝึก “แตะพื้นด้วยฝ่ามือเต็มๆ” โดยวางมือที่แนวเดียวกับหัวไหล่ และกระจายน้ำหนักไปยังโคนฝ่ามือ – โค้ชมักให้ลูกศิษย์วอร์มก่อนด้วยการวางมือบนพื้นแบบแพลงก์ช้าๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อจำทิศทางที่ถูกต้อง
❌ 2. กระโดดถอยขาแล้ว “แอ่นหลัง” ทันที
สาเหตุ: ขาดการควบคุม core ทำให้หลังแอ่นทุกครั้งที่กระโดดถอยขา
ผลลัพธ์: ปวดหลังล่าง หรือเจ็บเอว
✅ วิธีแก้: โค้ชใช้วิธีให้ “เกร็งหน้าท้องทุกครั้ง” ก่อนจะถีบขาไปข้างหลัง แล้วสอนให้ลูกศิษย์ใช้กระจกช่วยเช็กท่าทางในช่วงแพลงก์ – ถ้าเห็นหลังโค้งแสดงว่าต้องแก้ core ทันที
❌ 3. วิดพื้นแบบ “คางจ่อพื้น” (ไม่ใช้กล้ามอก)
สาเหตุ: อยากวิดพื้นให้เร็ว เลยใช้แรงจากคอ-หลังแทนกล้ามอกและไหล่
ผลลัพธ์: ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเป้าหมาย เสี่ยงเจ็บไหล่
✅ วิธีแก้: โค้ชจะให้ฝึกวิดพื้นช้าๆ บนเข่าก่อน แล้วใช้การวางมือให้กว้างระดับหัวไหล่ หรือกว้างกว่าเล็กน้อย พร้อมเน้น “อกลงก่อน ไม่ใช่คางลงก่อน”
❌ 4. ดึงขากลับมาเร็วเกิน + เท้าไม่มั่นคง
สาเหตุ: พอกระโดดกลับมา เท้าเหยียบไม่พอดี หรือทรงตัวไม่ทัน
ผลลัพธ์: สะโพกจมเร็ว กระโดดต่อไม่ไหว หรือเจ็บเข่า
✅ วิธีแก้: ฝึก “ก้าวกลับ” แทนกระโดด ในคนที่เพิ่งเริ่มต้น เพื่อฝึกจังหวะและ balance ให้แม่นก่อน จากนั้นค่อยพัฒนาไปสู่การกระโดดเต็มรูปแบบในสัปดาห์ที่ 2–3
❌ 5. กระโดดจบแบบ “เหยียดขาตรงเกินไป”
สาเหตุ: ต้องการให้ตัวตรงสวยเลยล็อกเข่าเกิน
ผลลัพธ์: แรงกระแทกขึ้นหัวเข่า เสี่ยงเจ็บข้อเข่า
✅ วิธีแก้: โค้ชมักสอนให้ “ลงเท้าอย่างนุ่ม” พร้อมงอเข่าเล็กน้อย และให้โฟกัสที่ “การดีดตัวจากสะโพกและ core” ไม่ใช่แค่จากปลายเท้า
📋 ตารางสรุปข้อผิดพลาด + แนวทางแก้ (ใช้จริงในการเทรน)
ข้อผิดพลาดที่พบ | ผลที่ตามมา | วิธีแก้ที่แนะนำ |
---|---|---|
แตะพื้นด้วยนิ้วก่อนฝ่ามือ | เจ็บข้อมือ | วางฝ่ามือเต็ม ๆ แถวไหล่ |
แอ่นหลังตอนถีบขา | ปวดหลังล่าง | เกร็ง core ทุกครั้งก่อนถีบ |
วิดพื้นด้วยคอไม่ใช่อก | เสี่ยงไหล่พัง | ฝึกวิดพื้นช้า ๆ ใช้กล้ามอกนำ |
ดึงขากลับเร็วเกิน | ท่าจบเสียสมดุล | เริ่มจากก้าวกลับ แล้วพัฒนา |
กระโดดจบล็อกเข่า | แรงกระแทกเข่า | ลงเท้านุ่ม งอเข่าเล็กน้อย |
โค้ชยืนยันว่า การแก้แค่จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ จะเปลี่ยน Burpees ของคุณจากท่าที่ทำให้เหนื่อย…
ให้กลายเป็นท่าที่ “ฟิตเร็ว ชัดเจน และปลอดภัย” ได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ค่ะ
[H2] 5. 3 กล้ามเนื้อหลักที่ได้จากการทำ Burpees + เทคนิคสร้างทรงสวย
ท่า Burpees ไม่ใช่แค่ “คาร์ดิโอเผาผลาญ” ธรรมดา แต่เป็นท่าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อได้หลายส่วนแบบ Functional Training
และเมื่อฝึกอย่างถูกจังหวะจะช่วยให้ “รูปร่างดูฟิต” ได้จริงแม้ไม่ยกเวทเลยค่ะ
✅ กล้ามเนื้อที่ได้จาก Burpees มีหลัก ๆ 3 กลุ่ม:
- กล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps & Hamstrings)ใช้งานหนักมากในจังหวะย่อตัวและกระโดด
→ ช่วยให้ขาเฟิร์ม ลดเซลลูไลต์ เพิ่มแรงระเบิดขา
- กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core)ทำงานเต็มที่ในจังหวะแพลงก์ ถีบขา และกระโดดขึ้น
→ สร้างหน้าท้องแบนแน่น ช่วยให้ท่ายืนสวยขึ้นชัด
- กล้ามอก/แขน (Chest, Triceps, Deltoids)โดยเฉพาะหากเพิ่ม push-up ในท่า จะได้อกกระชับ แขนเรียว
→ ทำให้ช่วงบนดูเฟิร์มโดยไม่ต้องใช้ดัมเบล
💡 เทคนิค “สร้างทรงสวย” จากท่า Burpees
โค้ชใช้ฝึกกับลูกศิษย์ที่ไม่อยากกล้ามใหญ่ แต่ต้องการรูปร่างกระชับ
- ใช้ความเร็วปานกลาง + โฟกัสการเกร็งกล้ามเนื้อ
- เน้นหายใจเข้าออกชัดเจน ให้กล้ามเนื้อเผาผลาญได้ดีขึ้น
- เล่น 10–12 ครั้ง/เซต × 3 เซต → จะเห็นผลภายใน 3–4 สัปดาห์
[H2] 6. ผลลัพธ์ที่ได้จริงจากการฝึกท่านี้สม่ำเสมอ
จากประสบการณ์ตรงทั้งฝึกเองและเทรนลูกศิษย์กว่า 100 คน โค้ชปุนิ่มพบว่า
คนที่ฝึก Burpees อย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 2–4 วัน จะเห็นผลดังนี้:
- รูปร่างกระชับทั้งช่วงล่างและบน
- อัตราการเต้นหัวใจดีขึ้น (HRR)
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์
📊 สาระน่ารู้จากงานวิจัย
งานวิจัยปี 2022 ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน อายุ 25–45 ปี โดยแบ่งกลุ่มฝึก Burpees เปรียบเทียบกับกลุ่มวิ่ง treadmill
หลัง 6 สัปดาห์ พบว่า:
ตัวชี้วัดสุขภาพ | กลุ่ม Burpees | กลุ่มวิ่ง treadmill |
---|---|---|
ลด % ไขมัน | เฉลี่ย 3.8% | เฉลี่ย 2.1% |
VO2 Max | เพิ่มขึ้น 9.3% | เพิ่มขึ้น 6.4% |
ความแข็งแรง core | เพิ่มขึ้น 22% | เพิ่มขึ้น 10% |
งานวิจัยนี้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์การกีฬา และตีพิมพ์ในวารสารฟิตเนสระดับนานาชาติ
[H2] 7. ไม่มีอุปกรณ์? ใช้ 3 เครื่องนี้แทนได้!
ท่า Burpees คือท่าฟรีเวตที่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ก็ได้ผล
แต่ถ้าอยากเสริมความหลากหลายในการฝึก หรือเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน โค้ชแนะนำ 3 เครื่องนี้:
- Air Bike หรือ Assault Bike→ จำลองจังหวะเบิร์นคล้าย Burpees ได้ดี
→ ใช้ในวันพัก หรือช่วง Recovery
- Ski Erg→ ให้ความรู้สึกเหมือนกระโดด-ดึงพร้อมกัน
→ เสริมกล้ามแขน-ไหล่เหมือนตอน push-up
- Medicine Ball→ ใช้กระแทกพื้นแทนกระโดดขึ้น (ลดแรงกระแทกเข่า)
→ เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัด
[H2] 8. ท่านี้เหมาะกับใคร?
โค้ชขอบอกเลยว่า ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มออกกำลังกาย หรือเล่นมาหลายปีแล้ว ท่า Burpees ก็ยังเหมาะกับคุณ
เพราะมันปรับระดับความยากได้ตามสภาพร่างกาย และไม่จำกัดเพศหรือวัย
✅ ผู้เริ่มต้น: เริ่มจากแบบ “no push-up” หรือ “ก้าวแทนกระโดด”
✅ คนต้องการลดไขมัน: เล่นแบบต่อเนื่อง 30 วินาที/เซต
✅ นักวิ่ง/นักกีฬา: ใช้ฝึกความฟิต + สลับ HIIT
✅ สายเวท: ใส่เป็น finisher ปิดท้าย เพื่อเพิ่มการเผาผลาญ
[H2] 9. ฝึก Burpees ควบคู่กับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด?
จากประสบการณ์โค้ชปุนิ่ม การฝึก Burpees ให้ “เห็นผลไวแบบมืออาชีพ” ต้องจับคู่กับสิ่งเหล่านี้:
✅ ฝึกคู่กับเวทเทรนนิ่ง (Upper-Lower Split)
- วันบน: Dumbbell Shoulder Press, Dumbbell Row
- วันล่าง: Squat, Hip Thrust
- ใส่ Burpees ปิดท้ายวันล่าง เพื่อเร่งการเผาผลาญ
✅ จับคู่กับ IF (Intermittent Fasting) แบบสมดุล
- ทานในช่วง 8 ชม. (เช่น 11.00–19.00 น.)
- ฝึก Burpees ในช่วงท้ายของ fasting จะเร่ง fat burn ได้ดี
✅ คาร์ดิโอเบาในวันพัก (เดินเร็ว, จักรยานเบา)
- วันพักไม่ควรหยุดสนิท ให้ร่างกายขยับ เพื่อเร่ง recovery
[H2] สรุป: Burpees คือท่าครบเครื่องที่ “เล่นให้ถูก = เห็นผลจริง”
ท่า Burpees คือ “เครื่องมืออเนกประสงค์” ที่โค้ชปุนิ่มเลือกใช้กับตัวเองและลูกศิษย์ทุกระดับ
เพราะมันครอบคลุมทั้ง การเบิร์นไขมัน, เสริมกล้ามเนื้อ, พัฒนาความทนทาน และทำได้ที่บ้าน
💡 ถ้าคุณฝึก Burpees ด้วยความเข้าใจ:
- ฟอร์มจะเป๊ะ
- ร่างกายจะเปลี่ยน
- คุณจะฟิตขึ้นแบบไม่ฝืน
และโค้ชปุนิ่มขอย้ำจากใจ…
“ไม่สำคัญว่าคุณจะเริ่มเมื่อไหร่ แต่ขอให้คุณเริ่มให้ถูก และเริ่มวันนี้เลยค่ะ”