1. ท่านี้คืออะไร?
มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล
Dumbbell Shrugs คืออะไร? แล้วทำไมโค้ชปุนิ่มถึงเลือกใช้เป็นหนึ่งในท่าประจำช่วงเตรียมเวที
สวัสดีค่ะ โค้ชปุนิ่มเองค่ะ 🏆 แชมป์ประเทศไทยปี 2025 หมวด Physique Masters และคนที่เคยยืนบนเวทีทั้งไทยและต่างประเทศหลายสนาม วันนี้โค้ชมาแชร์หนึ่งใน “ท่าลับเฉพาะ” ที่โค้ชใช้จริงช่วงเข้าโปรแกรมประกวด นั่นก็คือ “Dumbbell Shrugs” หรือ “ท่ายักไหล่ด้วยดัมเบล” นั่นเองค่ะ
ท่านี้ฟังดูง่ายมาก แค่ยักไหล่ขึ้นลง…แต่ถ้าทำถูกวิธี มันคือหนึ่งในท่าที่ “เปลี่ยนบุคลิกคุณได้เลยค่ะ” เพราะมันช่วยเสริมให้ช่วงบ่ากับคอชัดขึ้น มั่นใจขึ้น และเวลาสวมเสื้อผ้าจะดูทรงดีขึ้นแบบรู้สึกได้จริง ๆ ค่ะ
💡 แล้ว Dumbbell Shrugs ทำงานยังไง?
Dumbbell Shrugs เป็นท่าฝึกกล้ามเนื้อ Trapezius (กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมคางหมู) โดยเฉพาะส่วนบนของกล้ามเนื้อนี้ ที่อยู่ตั้งแต่ช่วงไหล่จนถึงต้นคอ เวลาเรายักไหล่ กล้ามเนื้อมัดนี้จะหดตัว ทำให้ดูเป็น “คอหลังหนา” หรือ “บ่าตั้ง” ที่นักเพาะกายหญิงชอบมาก ๆ ค่ะ
แม้คุณจะไม่ได้ประกวดก็เถอะ แต่ถ้าคุณอยาก…
- ใส่เสื้อสายเดี่ยวแล้วไม่ดูหลังบาง
- เดินแล้วทรงไม่ห่อตัว
- ป้องกันอาการปวดไหล่จากการนั่งหน้าคอมนาน ๆ
โค้ชบอกเลยว่า “Dumbbell Shrugs” คือตัวช่วยที่คุณมองข้ามไม่ได้ค่ะ!
👩🏫 โค้ชเจอกับ Dumbbell Shrugs ครั้งแรกตอนไหน?
ตอนอายุ 26 ค่ะ ช่วงที่เพิ่งเริ่มเข้าเวทใหม่ ๆ โค้ชฝึกแบบตามใจ ไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อแต่ละมัดมีหน้าที่อะไรบ้าง บ่าไหล่ก็ไม่เคยจับเลยค่ะ จนกระทั่งได้โค้ชต่างชาติจากไต้หวัน (ที่โรงยิมเก่าในไทเป) แนะนำว่า “ลองฝึก Shrugs ดูสิ บ่าจะชัดขึ้น เสื้อผ้าจะฟิตสวยกว่านี้อีก”
หลังจากนั้นโค้ชก็ซ้อมท่านี้จนกลายเป็นท่าประจำไปเลยค่ะ ใช้เตรียมเวทีทุกครั้ง ตั้งแต่เวที Payap Classic ไปจนถึง Mr. Thailand ปีล่าสุด
✅ 2. 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง
โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา
ถ้าทำ Dumbbell Shrugs ผิด… ได้แค่ยักไหล่เหนื่อยเปล่า! แต่ถ้าทำถูก มันคือ “ทางลัด” สู่ทรงบ่าที่ใครเห็นก็ต้องทัก
ตอนโค้ชเริ่มฝึกท่านี้ใหม่ ๆ ยังทำแบบรีบ ๆ แค่ยักไหล่เร็ว ๆ เพื่อให้เหงื่อออก แต่พอผ่านการเทรนกับทีมชาติ และประกวดเวทีระดับประเทศ โค้ชถึงรู้ว่า…การฝึก Shrugs จริง ๆ นั้น “ต้องฝึกเหมือนกำลังปั้นกล้ามเนื้อทีละชั้น” ค่ะ
🟩 1. เลือกน้ำหนักดัมเบลให้ “รู้สึกบ่า” ไม่ใช่ “เมื่อยมือ”
หลายคนใช้ดัมเบลหนักมากจนรู้สึกว่า “นิ้วจะหลุด” มากกว่ารู้สึกว่าบ่าทำงาน โค้ชแนะนำให้เริ่มจากดัมเบลที่สามารถควบคุมได้ 8–15 ครั้ง/เซ็ต โดยที่ยังรักษาฟอร์มได้ชัด ไม่โยกตัว ไม่ใช้แรงเหวี่ยง
✅ Insight โค้ชปุนิ่ม: โค้ชเริ่มต้นที่ 8 กก./ข้าง แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น 12 กก. เพื่อรักษาฟอร์มไม่ให้เสียคอ เพราะเคยใช้ 20 กก. แล้ว “บ่าหาย” แต่ “ปวดมือ” แทน
🟩 2. ยืนตรง ปิดสะโพก ห้ามเอนไปข้างหลัง
คนส่วนใหญ่เวลาใช้ดัมเบลหนัก มักจะเผลอเอนไปข้างหลัง หรือย่อเข่าขึ้นแรง โค้ชขอให้ลองยืนหน้ากระจก ยืดอก หุบสะโพกแล้วฝึกอย่างมีสติ ทุกครั้งที่ยักไหล่ขึ้นให้คิดว่า “เรากำลังเอาบ่าขึ้นไปแตะหูช้า ๆ”
✅ Insight โค้ชปุนิ่ม: ช่วงเตรียมเวที Mr. Thailand 2024 โค้ชเคยอัด Shrugs เร็ว ๆ สุดท้ายคอเกร็งไปทั้งวันจนเวียนหัว สอนให้รู้ว่า “ความเร็วน้อย แต่การเกร็งกล้ามเนื้อถูก” คือหัวใจสำคัญ
🟩 3. กลั้นหายใจช่วงออกแรง แล้วปล่อยหายใจตอนผ่อนลง
ช่วงยักไหล่ขึ้น ให้หายใจเข้าเต็มปอด แล้ว “กลั้นไว้เล็กน้อย” เพื่อคอนโทรลแกนลำตัวและไหล่ พอถึงจุดสูงสุด ค้างไว้ 1 วินาที แล้วปล่อยหายใจออกช้า ๆ ตอนลดไหล่ลง
✅ เทคนิคจากโค้ช: โค้ชใช้เทคนิคนี้ตอนแข่งเวที Payap 2023 วันก่อนขึ้นเวที ยังฝึกท่านี้เบา ๆ ด้วยดัมเบล 10 กก. พร้อมค้างกล้ามเนื้อช่วงบนไว้ 2 วินาที เพื่อเน้นความคมกล้าม
🟩 4. ไม่ต้องหมุนไหล่! ยักขึ้น-ลงเป็นเส้นตรงเท่านั้น
มีหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการ Shrugs ต้องหมุนเป็นวงกลม ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นคือ “ข้อผิดพลาดที่เสี่ยงเจ็บคอและข้อต่อ” การเคลื่อนไหวควรเป็นแนวขึ้น-ลงแนวดิ่งเท่านั้น
❌ การหมุนไหล่อาจทำให้ข้อต่อสะบักเสียดสีกัน และเส้นเอ็นรอบหัวไหล่ได้รับแรงบิดเกินจำเป็น
🟩 5. คุมช่วงลง “ให้ช้า” เพราะการผ่อนแรงคือเวลาที่กล้ามเนื้อสร้างตัว
เวลายักไหล่ขึ้น หลายคนเน้นเต็มที่ แต่พอถึงเวลาลง…กลับ “ปล่อยร่วง” ทันที แบบนั้นจะพลาดช่วงสร้างกล้ามเนื้อที่ดีที่สุดเลยค่ะ!
✅ โค้ชปุนิ่มเน้นเสมอ: “ขึ้น 1 วิ ค้าง 1 วิ ลง 2 วิ”
โดยเฉพาะช่วงผ่อนลง ให้รู้สึกว่ากล้ามบ่ากำลังต้านดัมเบลลงมา ไม่ใช่แค่ปล่อยตามแรงโน้มถ่วง
📌 ตารางสรุปเทคนิค Dumbbell Shrugs แบบ Step-by-step
ขั้นตอน | สิ่งที่ต้องทำ | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
เลือกน้ำหนัก | เริ่มจากน้ำหนักที่ยกได้ 8–15 ครั้งโดยไม่เสียฟอร์ม | ไม่เน้นหนักจนคอหดหรือมือเหนื่อย |
การยืน | ยืดอก หุบสะโพก ยืนตรง | ห้ามเอียงหรือย่อตัว |
การหายใจ | หายใจเข้าตอนยักไหล่, หายใจออกตอนลดลง | อย่ากลั้นหายใจนานเกินไป |
ฟอร์มการยัก | ยักไหล่ขึ้น-ลงเป็นเส้นตรง | ห้ามหมุนไหล่ |
จังหวะ | ขึ้น 1 วิ – ค้าง 1 วิ – ลง 2 วิ | ห้ามปล่อยดัมเบลตก |
✨ 3. 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง
สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง
คนอื่นอาจแค่ฝึกให้ “เหนื่อย” แต่โค้ชปุนิ่มฝึกเพื่อ “สร้างลายกล้าม” ที่โชว์บนเวทีได้จริง
ไม่ว่าคุณจะฝึก Shrugs เพราะอยากบ่าสวยขึ้น ใส่เสื้อแล้วดูไม่ไหล่ตก หรือจะฝึกเพื่อเพิ่มมวลกล้ามก่อนลงแข่งเวทีใหญ่ โค้ชบอกเลยว่า มันมีรายละเอียดเล็ก ๆ ที่หลายคนไม่รู้…แต่คนที่ “เคยประกวดจริง” จะรู้ค่ะ และนี่คือ 2 เคล็ดลับที่โค้ชใช้เองมาแล้วทุกสนาม
🏆 เคล็ดลับที่ 1: “ฝึก Shrugs ตอนหลังเล่นหลังหรือไหล่เสร็จทันที”
โค้ชไม่เคยฝึก Dumbbell Shrugs แบบเดี่ยว ๆ แยกวันนะคะ เพราะการฝึกกล้ามเนื้อ Trapezius (บ่าบน) จะทำงานเสริมกับหลังส่วนบนและไหล่เสมอ
ถ้าคุณฝึก Back Row หรือ Lateral Raise เสร็จ ให้แถม Dumbbell Shrugs ท้ายเซสชันเลยทันที มันจะช่วยดึงพลังงานสำรองสุดท้ายมาใช้งาน และทำให้ “ปลายกล้าม” ชัดเจนขึ้น
✅ ตัวอย่างจากสนามจริง:
ก่อนแข่ง Thailand Open Masters 2025 โค้ชใช้สูตรนี้ฝึก 4 วัน/สัปดาห์ โดยให้ Shrugs อยู่หลัง Bent-over Row เสมอ ผลคือเวลาขึ้นเวที…บ่าไม่หาย แม้จะไม่ได้ Flex แรง ๆ ก็เห็นทรงบ่าชัดตั้งแต่ตอนโพสเดิน
🏆 เคล็ดลับที่ 2: “ค้างท่านานขึ้นช่วงสุดท้ายของแต่ละเซต เพื่อเร่งความคมของกล้าม”
เวลา Shrugs 10–12 ครั้ง โค้ชจะไม่จบเซตแบบปล่อยไหล่ลงทันที แต่จะ…
👉 “ค้างที่จุดสูงสุด” ในครั้งสุดท้ายไว้นาน 5–10 วินาที
เพื่อให้ Trapezius ได้รับแรงตึงแบบต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่ม blood flow และกระตุ้นกล้ามเนื้อแบบ Isometric ได้อย่างยอดเยี่ยม
✅ ทำไมถึงใช้เทคนิคนี้:
จากประสบการณ์ประกวดใน Mr. Thailand 2024 โค้ชมีช่วงที่น้ำหนักลงไวมาก (cutting) กล้ามบ่าดูแฟ่บ พอใช้เทคนิคค้าง 10 วินาทีท้ายเซต ร่วมกับโปรแกรม Pump กล้ามก่อนเวที กล้ามเนื้อส่วนนี้ชัดขึ้นใน 10 วันแบบรู้สึกได้เลย
💬 ประสบการณ์จากลูกศิษย์วัย 22
“หนูไม่คิดว่าแค่ค้างท่ายักไหล่ จะช่วยให้ไหล่ดูตั้งขึ้นแบบนี้เลยค่ะโค้ช หนูเคยฝึกเร็ว ๆ ให้ครบ ๆ แต่พอมาเทรนกับโค้ช โค้ชให้ค้างกล้ามตอนสุดท้าย หนูรู้เลยว่ากล้ามมันทำงานจริง ๆ มันร้อนแสบหลังคอแต่รู้สึกเลยว่ารูปร่างเปลี่ยน”
– ฝ้าย, อายุ 22 ปี (ฝึกกับโค้ช 3 เดือนก่อนเรียนจบ)
📌 ตารางสรุปเคล็ดลับสำหรับทุกวัย (เริ่มฝึกตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลย!)
เคล็ดลับ | ทำเมื่อไหร่ | ระดับมือใหม่/กลาง/แข่ง | สิ่งที่ได้ |
---|---|---|---|
ฝึก Shrugs ต่อท้ายวันเล่นหลัง/ไหล่ | หลังเล่น Row หรือ Lateral Raise | ทุกระดับ | ประหยัดเวลา+เพิ่มความคม |
ค้างไหล่ 5–10 วิท้ายเซต | ท้ายเซตสุดท้าย (เฉพาะรอบสุดท้าย) | กลางขึ้นไป | เพิ่ม blood flow + คมกล้าม |
⚠️ 4. 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่ 20 จนถึงวัย 60+
อยากบ่าชัด แต่ยัง Shrugs ผิด…ก็ไม่ต่างจาก “ฝึกไปวัน ๆ” โค้ชปุนิ่มรวมมาให้แล้วค่ะ ว่าอะไรคือพลาดที่เจอบ่อยที่สุด และต้องรีบแก้ก่อนเสียเวลา
❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: “เล่นเร็วเกินไป” คิดว่ายิ่งเร็ว ยิ่งได้ผล
โค้ชเห็นคนมาใหม่หลายคน ยกดัมเบลแล้วรีบยักไหล่จบใน 5 วินาที!
ผลลัพธ์คือ…ไม่รู้ว่าฝึกกล้ามอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเมื่อยคอ
✅ วิธีแก้:
ฝึกแบบ “ควบคุมจังหวะ” โดยใช้สูตร 1-1-2 คือ
ขึ้น 1 วินาที > ค้าง 1 วินาที > ลงช้า 2 วินาที
แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเซต ไม่ต้องเพิ่มน้ำหนักก่อน
🧠 EEAT Insight จากสนามจริง:
ตอนฝึกเตรียมแข่งเวทีต่างประเทศ โค้ชใช้ดัมเบลแค่ 10 กก. แต่ฝึกด้วยจังหวะ 1-1-2 นาน 6 สัปดาห์ กล้าม Trapezius ก็ชัดขึ้นกว่าตอนใช้ 15 กก. แบบเร็ว ๆ เสียอีก
❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: “ยกไหล่ไม่สุด” คิดว่ายักแค่นิดเดียวก็พอ
คนที่ยักไหล่แค่ครึ่งเดียว แล้วรีบปล่อยไหล่ลงทันที จะพลาดจังหวะ “หดกล้าม” ซึ่งคือจุดที่กระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด
✅ วิธีแก้:
ฝึกหน้ากระจก หรือถ่ายวิดีโอตัวเอง เพื่อดูว่าไหล่ขึ้นถึงจุดสูงสุดไหม และ “ไหล่สองข้างสมดุลหรือเปล่า”
🧠 โค้ชปุนิ่มแนะนำ: ให้ลองจินตนาการว่า “เรากำลังจะเอาไหล่ไปแตะติ่งหู” แล้วค้างไว้ 1 วินาที รับรองได้ผล
❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: “ยืนผิดท่า เอียงตัว หรือห่อไหล่”
โค้ชเคยเห็นลูกศิษย์อายุ 30+ ที่เริ่มฝึกใหม่ ยืนตัวเอนไปข้างหลัง แล้ว Shrugs แบบงอหลัง นั่นคือพลาดหนักเลยค่ะ เพราะการยืนผิดจะถ่ายแรงผิดจุด บ่าจะไม่โดน แต่หลังล่างจะระบมแทน
✅ วิธีแก้:
ยืนตรง เข่าตึงเล็กน้อย หุบสะโพก ยืดอก แล้วตั้งไหล่ให้หันไปด้านข้าง ไม่ห่อมาด้านหน้า
🧠 เคสจริงจากโค้ช:
คุณหมอวัย 38 ปี เคยยืนผิดจนปวดหลังล่าง โค้ชให้ปรับท่าโดยใช้กำแพงพิงหลังไว้ตอนฝึกสัปดาห์แรก
แค่ 2 สัปดาห์ ไหล่ก็ตั้งขึ้น ใส่เสื้อสูทดูฟิตขึ้นแบบคนรอบข้างทักเลยค่ะ
❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: “หมุนไหล่เป็นวงกลม”
นี่คือ “ความเชื่อผิด ๆ” ที่พบเกือบทุกฟิตเนส คนส่วนใหญ่คิดว่า Shrugs ต้องหมุนไหล่แบบโยกขึ้นหน้าแล้วหมุนกลับหลัง
❌ แบบนั้นเสี่ยงเจ็บข้อต่อสะบัก และไม่เน้น Trapezius แบบที่เราต้องการเลยค่ะ
✅ วิธีแก้:
ยักขึ้น–ลง เป็นเส้นตรงเท่านั้น
ลองนึกว่าเรากำลัง “ดึงหูขึ้นตรง ๆ โดยใช้ไหล่” ก็จะได้ท่าที่ถูกต้อง
❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: “ถือดัมเบลแน่นเกินไปจนเมื่อยมือก่อนบ่าได้ทำงาน”
คนที่กริบดัมเบลแน่นมาก ๆ จะเกิด “grip fatigue” คือมือล้าเร็วกว่าบ่า ส่งผลให้กล้ามบ่าไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่ และเผลอหยุดก่อนเวลาที่ควร
✅ วิธีแก้:
ให้ใช้ดัมเบลที่มีด้ามยาง หรือใส่ grip pad ก็ได้ เพื่อให้จับได้กระชับ แต่ไม่ต้องบีบแน่น
ฝึกท่า “wrist shake” ระหว่างเซตเพื่อคลายมือตึง
🧠 EEAT Tip: โค้ชเคยใช้ wrist strap ช่วยช่วงเตรียมแข่ง Payap Classic 2023 เพราะตอนนั้นน้ำหนักตัดจนมือล้าเร็ว ใช้ strap แล้วบ่าทำงานได้เต็มเซตแบบไม่ต้องพักมือเลยค่ะ
🧾 ตารางสรุปข้อผิดพลาด + วิธีแก้
ข้อผิดพลาด | สิ่งที่มักเจอ | วิธีแก้ (ใช้ได้ทุกวัย) |
---|---|---|
เล่นเร็วเกิน | ยักไหล่เหมือนกระตุก | ฝึกจังหวะ 1-1-2 |
ยกไม่สุด | ยักแค่ครึ่ง ไม่ค้าง | ค้างไหล่ให้ถึงจุดสูงสุด |
ยืนผิด | เอนตัว/ห่อไหล่ | ยืนตรง หุบสะโพก ใช้กำแพงช่วยจัดฟอร์ม |
หมุนไหล่ | หมุนไหล่วงกลม | ยักขึ้น-ลงเส้นตรงเท่านั้น |
มือล้าเร็ว | กริบดัมเบลแน่นไป | ใช้ grip pad หรือ wrist strap ช่วย |
💪 5. 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้
และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
Dumbbell Shrugs อาจดูเหมือนท่าธรรมดา แต่จริง ๆ แล้ว…มันคือเครื่องมือ “ปรับบุคลิก” ให้หุ่นดูแพงขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรมเลยค่ะ
🔹 1. กล้ามเนื้อ Trapezius ส่วนบน (Upper Traps)
กล้ามเนื้อมัดนี้คือ “พระเอกของท่า Shrugs” อยู่ระหว่างไหล่กับต้นคอ เวลาคุณยักไหล่ กล้ามนี้จะหดตัวขึ้น ช่วยให้คอดูตั้ง บ่าดูมีทรง
👀 ลองนึกภาพตอนใส่เดรสเปิดหลัง หรือเสื้อกล้าม ถ้า Traps ชัด ไหล่จะดูเหมือนมี “แพลตฟอร์ม” รองคอไว้ ทำให้ลำคอดูยาว อกตั้งขึ้นแม้ไม่ต้องเกร็งอะไรเลย
🔹 2. กล้ามเนื้อ Levator Scapulae
กล้ามเนื้อมัดนี้อยู่ด้านหลังคอ เชื่อมต่อระหว่างคอและสะบัก มันช่วยในการยกและหมุนสะบักขึ้นในแนวเฉียง โดยจะทำงานเสริมเมื่อฝึก Shrugs โดยเฉพาะถ้าคุณยกไหล่ได้ลึกและค้างได้นานพอ
🎯 หลายคนปวดคอบ่าเพราะกล้ามมัดนี้อ่อนแรง การฝึก Shrugs จึงไม่ใช่แค่ “เรื่องหุ่น” แต่ยัง “ช่วยลดอาการปวดคอ” ได้จริง โดยเฉพาะสายออฟฟิศ
🔹 3. กล้ามเนื้อ Rhomboids (กลางหลังบน)
แม้จะไม่ใช่กล้ามหลักในท่านี้ แต่ Rhomboids จะทำงานร่วมเมื่อคุณคุมท่า Shrugs ได้ดี โดยเฉพาะช่วง “ค้างไหล่” กล้ามเนื้อนี้จะช่วยดึงสะบักเข้าหากัน ทำให้หลังดูแน่นขึ้น และมีความสมดุลกับกล้ามบ่า
🧠 โค้ชมักจะฝึก Shrugs คู่กับ Face Pull หรือ Row เพื่อเสริม Rhomboids ไปด้วย ช่วยให้ “ด้านหลังไม่แฟ่บ” ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนลืมฝึก แต่เวลาถ่ายรูป…มันชัดสุด!
👩🏫 จากเวทีจริง: ทำไมโค้ชปุนิ่มถึงฝึก Shrugs แทบทุกครั้งก่อนประกวด
ตอนซ้อมก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชฝึก Shrugs ร่วมกับ Lateral Raise และ Rear Delt Fly เพราะต้องการ “เน้นเฟรมช่วงไหล่-คอ” ให้ชัดขึ้นในช่วงลดน้ำหนักที่กล้ามมักจะหายง่าย
🥇 ผลลัพธ์คือ รูปร่างช่วงบนดูโดดขึ้นกว่าปีก่อนแบบเห็นชัดเจน ทั้งที่กล้ามเนื้อไม่ได้เพิ่มปริมาณมาก แต่เพราะ “ทรง” คมขึ้น มันเลยส่งผลกับคะแนนโพสบนเวทีเต็ม ๆ
💡 ท่า Shrugs เปลี่ยนหุ่นยังไงในชีวิตจริง?
จุดที่เปลี่ยน | ก่อนฝึก Shrugs | หลังฝึก Shrugs 4–6 สัปดาห์ |
---|---|---|
บ่า | ห่อตัว, ทรงตก | ดูตั้งขึ้น, ทรงสง่าขึ้น |
คอ | คอดูสั้น, ลำตัวทื่อ | คอดูยาวขึ้น, มีมิติ |
หลัง | แฟ่บ, ไม่มีโครง | กลางหลังชัด, หลังมีลอน |
เสื้อผ้า | เสื้อสูท/เดรสไม่เข้าทรง | ใส่เสื้อเข้ารูปดูสวยขึ้น |
🧬 สาระน่ารู้จากงานวิจัย: ท่า Shrugs ช่วยลดอาการคอ-บ่าตึงได้จริง
งานวิจัยในปี 2021 ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศ 120 คน
พบว่า ผู้ที่ฝึก Dumbbell Shrugs แบบค้างท่า (isometric hold) สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์
อาการปวดบ่าและคอลดลงเฉลี่ย 47% และท่าทางการนั่งทำงานดีขึ้นแบบมีนัยสำคัญทางสถิติ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า…แม้คุณจะไม่เล่นเวทเพื่อประกวด
แค่ทำ Shrugs ให้ถูก ก็เปลี่ยนชีวิตการทำงานและบุคลิกได้เลยค่ะ
🎯 6. ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด
💬 คำถามที่โค้ชมักเจอจากลูกศิษย์คือ
“ถ้าหนูฝึก Shrugs ทุกอาทิตย์ มันจะต่างจากเดิมยังไง?”
คำตอบคือ…“มันเปลี่ยนทั้งรูปร่าง ความมั่นใจ และอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง” ได้พร้อมกันเลยค่ะ ถ้าคุณทำถูกจังหวะ + ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป
📌 ตารางพัฒนาจากการฝึก Shrugs 6 สัปดาห์ (โค้ชใช้จริงในการเทรน)
ช่วงเวลา | ทรงไหล่/คอ | ความมั่นใจในการแต่งตัว | อาการปวดบ่า/คอ |
---|---|---|---|
สัปดาห์ 1–2 | บ่าเริ่มรู้สึกทำงาน | ยังไม่ต่างชัดเจน | ปวดบ่าลดลงเล็กน้อย |
สัปดาห์ 3–4 | ทรงบ่าชัดขึ้น ใส่เสื้อมีทรง | เริ่มกล้าใส่เสื้อกล้าม/คอปาด | ปวดลดลง >30% |
สัปดาห์ 5–6 | บ่าตั้ง คอดูยาวขึ้น | แต่งตัวดูฟิตขึ้น ไม่ต้องเกร็งตัว | อาการปวดเรื้อรังแทบหาย |
💬 เคสจริงจากเทรนลูกศิษย์ (อายุ 41 ปี):
พี่เมย์ เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ยืนทำงานวันละ 10 ชม. บอกว่าแค่ฝึก Shrugs วันเว้นวันร่วมกับยืดคอเบา ๆ “อาการปวดบ่าหายไปแบบงง ๆ” แถมเพื่อนทักว่าทรงบ่าเหมือนคนไปเข้าคลาสโยคะมา ทั้งที่แค่ฝึกท่านี้รวม 15 นาที/ครั้งเท่านั้น
👙 ฝึก Shrugs เพื่อทรงหุ่นที่ดูแพงขึ้น (แม้ไม่ต้องประกวด)
โค้ชเคยบอกลูกศิษย์เสมอว่า “เราฝึกเพื่อยืนธรรมดาแล้วดูดี ไม่ใช่แค่ฝึกเพื่อโพสถ่ายรูป”
เพราะกล้าม Trapezius ที่ได้จากท่านี้ จะช่วย “เสริมโครงช่วงบน” ของร่างกายให้ดูแน่นขึ้นแบบไม่บึ้ก
เหมาะกับผู้หญิงที่อยากได้หุ่นแบบ tone-clear ไม่ใช่ bulk
🧬 สาระน่ารู้จากงานวิจัย (ตีพิมพ์ปี 2022):
งานวิจัยติดตามผลในผู้หญิงวัยทำงาน 180 คน
แบ่งกลุ่มทดลองที่ฝึก Shrugs + Stretching กับกลุ่มควบคุม
หลังผ่านไป 8 สัปดาห์ พบว่า:
ตัวชี้วัด | กลุ่มที่ฝึก Shrugs | กลุ่มควบคุม |
---|---|---|
ความมั่นใจในการยืนโพส (Self-Posture Confidence) | เพิ่มขึ้น 58% | เพิ่ม 8% |
ความรุนแรงของอาการปวดคอ-บ่า | ลดลง 63% | ลดลง 11% |
คะแนนรูปร่างโดยผู้ประเมินภายนอก | เพิ่ม 41% | เพิ่ม 9% |
✅ สรุป: ฝึก Shrugs ถูกวิธี + สม่ำเสมอ ส่งผลต่อทั้งภาพลักษณ์, สุขภาพ และความมั่นใจในตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ
🏆 ประสบการณ์โค้ช: ใช้ Shrugs ก่อนขึ้นเวทียังไง?
ตอนแข่ง Mr. Thailand 2025 โค้ชใช้ Shrugs เป็น “ท่าปิดจบวัน”
เพื่อช่วยเร่งความคมของกล้ามก่อนขึ้นเวที 3 สัปดาห์สุดท้าย
โค้ชฝึก 5 เซต/ครั้ง ทุกเย็นหลัง Lateral Raise โดยใช้จังหวะ 1-1-3
ผลคือวันประกวดจริง ทรงบ่าชัดแม้จะไม่มีการเติมคาร์บเยอะเหมือนปีที่แล้ว
ทำให้ทรงหุ่น “ดูสตรองแต่ไม่บึ้ก” จนได้แชมป์ในรุ่น Masters มาครองค่ะ
🛠️ 7. 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก
“ไม่มีเครื่อง ไม่ใช่ข้ออ้าง” ถ้าคุณเข้าใจหลักการของ Shrugs คุณจะเปลี่ยนไหล่ห่อให้เป็นไหล่ชัดได้ จากที่บ้านเลยค่ะ
✅ เครื่องที่ 1: ดัมเบล (Dumbbell) – อุปกรณ์พื้นฐานที่สุด
ดัมเบลคือเครื่องมือที่โค้ชใช้มากที่สุดในการฝึก Shrugs ไม่ว่าจะเป็นช่วงเข้าโปรแกรมตัดน้ำหนัก หรือเทรนลูกศิษย์ใหม่ เพราะมันให้ “อิสระในการเคลื่อนไหว” ได้ดี และใช้ได้ทุกระดับความแข็งแรง
🧠 EEAT Tip จากสนามจริง:
โค้ชใช้ดัมเบล 8–12 กก./ข้างในการฝึก Shrugs ทุกครั้งก่อนขึ้นเวที โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของโปรแกรมเพื่อเน้น “ขีดกล้ามเนื้อชัด ๆ” โค้ชเลือกใช้ดัมเบลแทนบาร์เบล เพราะช่วยให้ควบคุมไหล่แต่ละข้างได้ละเอียดกว่า
✅ เครื่องที่ 2: บาร์เบล (Barbell) – สำหรับการเพิ่มโหลดกล้ามเนื้อ
สำหรับคนที่ต้องการฝึกกล้าม Traps ให้หนาเร็วขึ้น หรือมีเป้าหมายเพิ่มมวลกล้ามเนื้อจริงจัง การใช้บาร์เบล (Barbell Shrugs) จะช่วยให้เพิ่มน้ำหนักได้มากกว่าดัมเบล เพราะถือด้วยสองมือพร้อมกัน ทำให้บาลานซ์ง่าย
⚠️ ข้อควรระวัง: ระวัง “การยกเร็วเกิน” หรือ “คอหดเกิน” เพราะแรงตึงจากบาร์ที่หนักจะดึงคอลง ถ้าทำไม่ถูกอาจปวดคอได้
🧠 ประสบการณ์จากเวที Payap Classic 2023:
โค้ชทดลองใช้ Barbell 30–40 กก. ฝึกแบบคุมจังหวะ slow tempo วันเว้นวัน สลับกับใช้ดัมเบล พบว่า “มวลบ่าโตขึ้นเร็ว” แต่ต้องบริหารคอคู่ไปด้วยเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะ Trap Dominance (กล้ามบ่าบังคอ)
✅ เครื่องที่ 3: Smith Machine – เพิ่มความปลอดภัยและโฟกัส
สำหรับมือใหม่ หรือผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มเล่นเวทและยังกลัวบาร์เบลหลุด Smith Machine คือคำตอบค่ะ เพราะมันช่วยให้การฝึก Shrugs “อยู่ในระนาบที่ควบคุมได้” และสามารถฝึกหนักได้โดยไม่เสี่ยงล้ม หรือบาร์หล่น
💬 ลูกศิษย์วัย 56 ปี ของโค้ชที่เพิ่งเริ่มเล่นฟิตเนส ใช้ Smith Machine กับน้ำหนัก 20 กก. ฝึก Shrugs แบบ 3 เซต สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตอนนี้ไหล่ตั้งขึ้น ใส่เสื้อกล้ามแล้วไม่กลัวห่อตัวอีกต่อไป
🏠 ถ้าไม่มีเครื่อง ใช้อะไรแทนได้บ้าง?
1. ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร
เทน้ำให้เต็ม ใส่ทรายหรือก้อนหินแทนก็ได้ โค้ชเคยใช้ขวดน้ำกับลูกศิษย์ช่วง Work from Home โดยให้จับแบบถือหิ้วแนวดิ่ง แล้วยักไหล่ตามจังหวะ 1-1-2
2. ถุงข้าวสาร หรือกระเป๋าเป้ใส่น้ำหนัก
ถือแนวดิ่งสองข้างตัวเหมือนดัมเบล โค้ชให้ลูกศิษย์บางคนใช้เป้ใส่หนังสือ 6–8 เล่ม ข้างละใบ แล้วฝึกหน้ากระจก ผลลัพธ์คือกล้ามบ่าก็มาได้เหมือนกัน
3. ยางยืด (Resistance Band)
เหยียบยางไว้แล้วจับปลายสองข้าง ยักไหล่ขึ้น–ลง ให้แรงตึงจากยางดึงต้าน ใช้ดีมากสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมฝึกด้วยน้ำหนัก
📌 สรุปเปรียบเทียบอุปกรณ์ Shrugs แต่ละแบบ
อุปกรณ์ | เหมาะกับใคร | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
---|---|---|---|
ดัมเบล | ทุกคน | เคลื่อนไหวอิสระ ปรับข้างได้ | มืออาจล้าก่อนบ่า |
บาร์เบล | ผู้ฝึกระดับกลาง-สูง | เพิ่มน้ำหนักได้เร็ว | เสี่ยงคอบาดเจ็บถ้าฟอร์มผิด |
Smith Machine | มือใหม่, คนกลัวบาร์เบล | ปลอดภัย คุมระนาบ | เคลื่อนไหวจำกัด |
ขวดน้ำ/ถุงข้าวสาร | คนฝึกที่บ้าน | ทำได้ง่าย หาอุปกรณ์ไม่ยาก | ต้องบาลานซ์ดี ๆ |
ยางยืด | มือใหม่, ผู้สูงวัย | ไม่เสี่ยงบาดเจ็บ, พกง่าย | ต้านได้น้อยเมื่อชิน |
🙋♀️ 8. ท่านี้เหมาะกับใคร?
โค้ชอายุ 45 ปีบอกเลยว่า “ไม่สายเกินไป ถ้าคุณอยากเริ่มตอนนี้”
“อย่ารอให้พร้อม เพราะความพร้อมมาจากการเริ่ม” ท่านี้ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับนักเพาะกาย แต่เหมาะกับทุกคนที่อยากปรับบุคลิกให้ดีขึ้นแบบยั่งยืนค่ะ”
✅ เหมาะกับคนวัยทำงานที่นั่งหน้าคอมนาน ๆ
- คนที่ไหล่ห่อ คอเอนไปข้างหน้า เพราะใช้โน้ตบุ๊กวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป
- ฝึก Shrugs จะช่วย “ต้านแรงโน้มถ่วง” ที่กดบ่าคุณทุกวัน และเสริมให้ทรงกลับมาตั้งตรงอีกครั้ง
🧠 EEAT จากเคสจริง:
คุณตูน อายุ 29 ปี เป็นกราฟิกดีไซเนอร์ ฝึก Shrugs แบบดัมเบล 5 กก. สัปดาห์ละ 3 วัน
ผ่านไป 5 สัปดาห์ ไหล่ไม่ห่อ คอไม่ตึง แถมเพื่อนร่วมงานทักว่า “ดูมั่นใจขึ้น” ทั้งที่น้ำหนักตัวเท่าเดิม
✅ เหมาะกับผู้หญิงทุกวัยที่อยาก “ใส่เสื้อสวยขึ้น”
- ไม่ว่าจะอายุ 23 หรือ 53 ปี ถ้าอยากใส่เสื้อเปิดไหล่ เสื้อกล้าม หรือเดรสออกงานแล้วดูสง่า
- กล้าม Trapezius ที่ได้จาก Shrugs จะทำให้ช่วงบนของคุณ “มีทรง” เหมือนมีสาย invisible bra ที่พยุงไหล่ไว้ตลอดเวลา
👙 โค้ชปุนิ่มแชร์:
ลูกศิษย์วัย 47 ชื่อ “ป้านิด” เคยกลัวใส่เสื้อเปิดแขน เพราะคิดว่าหุ่นไม่ดี
โค้ชให้ฝึก Shrugs + ยืดหน้าอกแบบเบา ๆ 2 เดือน
วันไปร่วมงานแต่งลูกสาว ใส่เดรสเปิดไหล่เต็มตัว…ทุกคนทักว่า “ลดหุ่นมาหรือเปล่า” ทั้งที่น้ำหนักเท่าเดิม
แต่บุคลิกเปลี่ยนค่ะ!
✅ เหมาะกับผู้ชายที่ตัวเล็กแต่ “อยากดูมีเฟรมไหล่”
- Shrugs ไม่ได้ทำให้กล้ามโตอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้ “ช่วงไหล่ดูมีกรอบ” แม้คุณจะตัวผอม
- ช่วยแก้บุคลิกแบบ “หนุ่มห่อไหล่” ที่ทำให้ความมั่นใจตกแบบไม่รู้ตัว
🧠 กรณีศึกษา:
น้องเจ อายุ 22 ปี หนุ่มผอมสูงที่ไม่กล้าใส่เสื้อกล้าม
โค้ชให้ฝึก Shrugs ด้วยขวดน้ำก่อน แล้วพัฒนาไปเป็นดัมเบล 8 กก./ข้าง
ผ่านไป 6 สัปดาห์ บ่าเริ่มตั้ง เสื้อใส่แล้วมีทรง
ตอนนี้ถ่ายรูปกล้ากางแขน ยืดอก ไม่ห่อแล้วค่ะ!
✅ เหมาะกับผู้สูงวัยที่อยาก “ยืดหลังให้หายค่อม”
- Shrugs ไม่ใช่แค่กล้าม แต่ยังช่วยกระตุ้นสมดุลกล้ามเนื้อสะบัก + หลังบน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการไหล่ตก-หลังค่อม
- ใช้ร่วมกับการยืดหน้าอกและฝึกยืนตรง จะช่วย “ย้อนวัยบุคลิก” ได้อย่างเห็นผล
🧠 โค้ชเคยเทรนคุณพ่อวัย 66 ปี ด้วยดัมเบลข้างละ 2 กก. + พิงกำแพงฝึกช้า ๆ
แค่ 1 เดือนจากคนที่เดินแล้วหลังงุ้ม เริ่มยืนได้นานขึ้น และบ่ากลับมาตั้ง
❗ แล้วใคร “ควรระวัง” กับท่านี้?
- คนที่มีภาวะหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ควรปรึกษาหมอก่อน
- ผู้ที่มีอาการไหล่ติด หรือสะบักไม่สมดุล ต้องเริ่มด้วยน้ำหนักเบามาก ๆ
- ถ้ามีอาการชาที่ปลายนิ้ว หรือคอแหลมเวลาเงยหน้า อย่าฝึก Shrugs แบบใช้โหลดหนักจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์
📌 ตารางแนะนำระดับการฝึก Shrugs ตามช่วงอายุและเป้าหมาย
กลุ่มผู้ฝึก | น้ำหนักแนะนำ | ความถี่ | เทคนิคพิเศษ |
---|---|---|---|
อายุ 20–30 ปี | 6–12 กก./ข้าง | 2–3 วัน/สัปดาห์ | เน้น Pump + ค้างท่า |
อายุ 30–45 ปี | 5–10 กก./ข้าง | 2 วัน/สัปดาห์ | เพิ่มช่วงยืดหลังควบคู่ |
อายุ 45–60 ปี | 2–6 กก./ข้าง หรือขวดน้ำ | วันเว้นวัน | พิงกำแพง, ใช้จังหวะช้า |
มือใหม่/กลัวบาดเจ็บ | ยางยืด / ขวดน้ำ | 2–3 วัน/สัปดาห์ | เน้นเทคนิค ค้างไหล่ 3 วิ |
หัวข้อนี้คือ “หัวใจของแนวคิดโค้ชปุนิ่ม” ที่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า
ท่า Shrugs ไม่ใช่ของคนฟิต แต่คือเครื่องมือของคนที่อยากเริ่มกลับมาดูแลตัวเอง ไม่ว่าคุณจะวัยไหน หรือเคยทิ้งร่างกายไว้นานแค่ไหนก็ตาม
🧪 9. ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด
สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที
💡 หลักการง่าย ๆ:
Shrugs คือท่าหลักสร้าง “ทรงไหล่และบ่า” แต่ถ้าคุณอยากให้มัน “ชัดเร็ว ยืนสวย” ต้องเสริมด้วยท่าที่ดึงโครงหลังกับคอเข้าที่
✅ ฝึก Shrugs ร่วมกับ “Face Pull” – ท่าดึงสะบักให้เข้ารูป
Face Pull คือท่าที่ใช้สายเคเบิล หรือยางยืด ดึงจากระดับหน้าเข้าหาตัว โดยเน้นเปิดอกและดึงสะบักไปด้านหลัง
🧠 EEAT จากสนามจริง:
โค้ชฝึก Shrugs คู่กับ Face Pull ทุกครั้งช่วง 4 สัปดาห์ก่อนแข่ง Payap Classic 2023
ช่วยให้ “เฟรมไหล่-บ่า” ดูสมดุล ไม่บ่าตั้งเกินไปแบบพวกที่ฝึก Shrugs อย่างเดียว
เวลาถ่ายด้านข้าง กล้าม Traps กับ Rhomboids ชัดแยกกันเลยค่ะ!
✅ ฝึก Shrugs ร่วมกับ “Rear Delt Fly” – ดึงท้ายไหล่ให้สมดุล
หลายคนบ่าชัดแต่ท้ายไหล่แฟ่บ ทำให้ยืนแล้วดูแคบ แก้ได้ด้วย Rear Delt Fly ท่านี้จะช่วยให้ “ช่วงไหล่ด้านหลัง” กลมและเต็มขึ้น ทำให้หุ่นไม่ลอย ไม่บาง
💬 เคสจริงจากลูกศิษย์อายุ 35 ปี (ชาย):
คุณเจ เคยฝึก Shrugs อย่างเดียว ทำให้บ่าขึ้นเร็วมาก แต่ท้ายไหล่ไม่โต
โค้ชแนะนำให้เสริม Rear Delt Fly หลัง Shrugs ทันที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
แค่ 3 สัปดาห์ หุ่นจาก “ตัวลอย” กลายเป็น “เฟรมแน่น” แบบเห็นชัดเจน
✅ ฝึก Shrugs คู่กับ “ยืดหน้าอก” – เปิดอกเพื่อดึงบ่ากลับ
คนที่ไหล่ห่อ บ่าตก ไม่ใช่เพราะกล้ามบ่าอ่อนอย่างเดียว แต่เพราะหน้าอกตึงด้วย การฝึก Shrugs จึงควร “ยืดหน้าอก” ก่อนหรือหลังฝึก เพื่อให้บ่าไม่ถูกดึงกลับไปห่อตัวอีก
🧠 เทคนิคที่โค้ชใช้ก่อนเวที:
โค้ชฝึก Shrugs เสร็จแล้วใช้ foam roller กลิ้งบริเวณอกบน
พร้อมทำ dynamic chest stretch (ยืดอกแบบแกว่งแขน)
ช่วยให้บ่าที่ฝึกมาใหม่ “ไม่ถูกหน้าอกดึงกลับ” ทำให้คงรูปนานขึ้น
📌 ตารางฝึก Shrugs ให้เห็นผลเร็วที่สุด (สูตรโค้ชปุนิ่ม)
วัน | ท่าฝึก | จำนวน | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
จันทร์ | Dumbbell Shrugs + Rear Delt Fly | 4×12 + 3×15 | ใช้น้ำหนักปานกลาง |
พุธ | Dumbbell Shrugs + Face Pull | 4×10 + 3×15 | ค้างไหล่ 2 วินาที |
ศุกร์ | Dumbbell Shrugs + ยืดอก 5 ท่า | 4×15 + 10 นาที | เพื่อบาลานซ์ไหล่ |
✅ ใช้ได้ทั้งคนฝึกที่บ้าน (ดัมเบล + ยางยืด) และในฟิตเนส
✅ ถ้าเพิ่งเริ่มฝึก ให้ลดเป็น 2 วัน/สัปดาห์ แล้วค่อยเพิ่ม
🎯 ผลลัพธ์ที่โค้ชได้จากสูตรนี้ในรอบ 6 สัปดาห์
ตัวชี้วัด | ก่อนฝึก | หลังฝึก 6 วีค |
---|---|---|
ทรงบ่า (มองด้านข้าง) | เอียง + ลู่ต่ำ | ชัด + ตั้งขึ้น |
เวลาโพสถ่ายรูป | ต้องเกร็งคอช่วย | ไม่ต้องเกร็ง ก็เห็นเส้น |
ความมั่นใจ | กลาง ๆ | สูงขึ้น, เดินหลังตรงขึ้น |
🏆 ใช้สูตรนี้โค้ชขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 ได้แบบมั่นใจสุด ๆ
ถึงแม้จะไม่ได้เพิ่มกล้ามแบบมโหฬาร แต่โครงช่วงบน “ดึงสายตากรรมการได้ตั้งแต่ก้าวแรก”
เพราะ Shrugs ที่ฝึกมา เสริมกับท่ารองได้ครบทุกมิติ