ท่า Good Morning สุดยอดท่าสร้างกล้ามเนื้อหลังและสะโพก สำหรับทุกวัย*

(1) ท่านี้คืออะไร?

สวัสดีค่ะทุกคน โค้ชปุนิ่ม นะคะ วันนี้โค้ชมีอีกหนึ่งท่าออกกำลังกายดีๆ ที่โค้ชใช้ประจำทั้งตอนเตรียมตัวแข่งวิ่งเทรลและขึ้นเวทีประกวดฟิตเนส โมเดล & ฟิสิคหญิง ซึ่งการันตีด้วยตำแหน่ง แชมป์ Mr. Thailand 2025 และอีกหลายเวทีระดับประเทศ วันนี้เราจะมาพูดถึงท่า “Good Morning” กันค่ะ

ท่า Good Morning เป็นท่าออกกำลังกายที่มีต้นกำเนิดมานานแล้ว ได้รับความนิยมในหมู่นักเพาะกายและนักกีฬาที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง (Lower back) สะโพก (Glutes) และแฮมสตริง (Hamstrings) ซึ่งท่านี้มีลักษณะคล้ายกับการก้มตัวทักทายอย่างสุภาพตามชื่อ “Good Morning” นั่นเอง

จากประสบการณ์ของโค้ช ท่านี้ไม่ใช่แค่เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในการแข่งขันวิ่งเทรลที่ต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วงล่างอย่างสูง และช่วยในการทรงตัวที่ดีอีกด้วยค่ะ

สาระน่ารู้เพิ่มเติม:

จากการศึกษาวิจัยที่ตรวจสอบกลุ่มตัวอย่างนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจำนวน 500 คนในปี 2021 พบว่า ผู้ที่ฝึกท่า Good Morning เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สามารถลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้ถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ฝึกอย่างเป็นระบบ และยังช่วยเพิ่มแรงขับของสะโพกได้มากถึง 30% ภายในระยะเวลาเพียง 8 สัปดาห์

ทำไมต้องฝึกท่า Good Morning จากประสบการณ์ของโค้ชปุนิ่ม

  • ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังล่างให้แข็งแรง
  • เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อสะโพกและแฮมสตริง
  • ลดโอกาสบาดเจ็บในการออกกำลังกายหรือแข่งขัน
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งและกีฬาอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน

(2) 5 วิธีการทำท่า Good Morning ที่ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับจากประสบการณ์จริงของโค้ชปุนิ่ม

ท่านี้ถ้าทำถูก จะ “เวิร์ค” กับหลังล่างและสะโพกแบบลึกมาก แต่ถ้าทำผิด… จะปวดหลังและเสี่ยงบาดเจ็บแทน โค้ชปุนิ่มขออธิบายทีละขั้น พร้อมแชร์เทคนิคที่โค้ชใช้ฝึกเองก่อนขึ้นเวทีและฝึกให้ลูกศิษย์ทุกคนมานับสิบปีค่ะ

Step 1: ตั้งท่าเริ่มต้นให้มั่นคงก่อนเสมอ

ยืนกว้างประมาณสะโพก หลังตรง เข่าคลายเล็กน้อย

  • มือแบกบาร์เบลไว้บน “กลางบ่า” ไม่ใช่ที่คอ
  • ควรใช้บาร์เปล่าหรือโหลดน้ำหนักเบาก่อนเสมอ โดยเฉพาะมือใหม่
  • เท้าวางมั่นๆ แล้วให้ “กระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง” จากท้ายทอยถึงก้น

มือใหม่มักวางบาร์บนคอจนปวดคอและเสียบาลานซ์ โค้ชมักใช้มือกดที่กลางหลังเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าควรเกร็งหลังตรงไว้แค่ไหนในการเริ่ม

Step 2: ค่อยๆ ก้มสะโพกไปข้างหน้า โดยไม่งอหลัง

ไม่ใช่การก้มตัว แต่เป็นการ “พับสะโพก” (Hip Hinge)

  • หลังตรงเสมอ สายตามองต่ำไปข้างหน้าเล็กน้อย
  • ดันสะโพกไปด้านหลัง เหมือนกำลังปิดประตูด้วยก้น
  • เข่าคงที่ ไม่งอเพิ่ม

ท่านี้คือ “ญาติสนิทของ Romanian Deadlift” ถ้าโฟกัสที่ดันก้นไปหลัง ไม่ใช่ก้มตัวลง ผลลัพธ์จะเปลี่ยนทันที

Step 3: หยุดเมื่อหลังยังคงตรง และรู้สึกตึงที่แฮมสตริง

ไม่ต้องก้มลึกสุด ถ้าหลังเริ่มโค้งให้หยุดทันที

  • จุดหยุดขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นแต่ละคน
  • ถ้าทำถูก จะรู้สึกตึงที่ “ใต้ก้น-หลังเข่า” ไม่ใช่หลังล่าง

เวลาซ้อมท่านี้ โค้ชมักให้ลูกศิษย์วางกระจกด้านข้าง เพื่อดูว่าหลังตรงจริงหรือเปล่า เพราะความรู้สึกกับความจริงอาจไม่ตรงกัน

Step 4: ดันสะโพกกลับขึ้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อหลังและก้น

ใช้แรงจากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่แรงเหวี่ยง

  • หายใจออกขณะขึ้น
  • จบที่ยืนตรงเหมือนจุดเริ่มต้น ไม่เอนหลังไปหลัง
  • ควบคุมจังหวะขึ้นลงให้สม่ำเสมอ (ไม่เร็ว ไม่เหวี่ยง)

โค้ชมักพูดว่า “คุมให้เหมือนรำไทย ไม่ใช่ดีดลูกข่าง” เพราะความช้าและนิ่งจะช่วย activate กล้ามเนื้อได้ลึกจริงๆ

Step 5: เช็กตำแหน่งทุกครั้งหลังจบแต่ละรอบ

อย่าชะล่าใจกับท่าสุดท้าย

  • วางบาร์ให้ปลอดภัย
  • เช็กว่าหลังยังโอเคอยู่ไหม มีอาการตึงผิดปกติหรือไม่
  • สังเกตกล้ามเนื้อที่รู้สึกว่าได้งานมากที่สุด

โค้ชมักแนะนำให้เขียนบันทึกเล็กๆ หลังซ้อม เช่น “รู้สึกตึงแฮมสตริงดีมากวันนี้” หรือ “หลังล่างไม่ล้าเลย” เพื่อปรับโหลดวันถัดไปให้แม่นยำขึ้น

ตารางสรุป: จุดสำคัญของแต่ละขั้นตอน

ขั้นตอน จุดสำคัญ สิ่งที่มักพลาด วิธีแก้
1. เริ่มต้น วางบาร์กลางบ่า / หลังตรง วางบาร์ที่คอ ใช้กระจก / ให้เทรนเนอร์ช่วยดู
2. ก้มสะโพก ดันก้นไปหลัง / หลังตรง ก้มตัวแบบงอหลัง ฝึก hip hinge แบบไม่ใช้บาร์
3. จุดหยุด หยุดเมื่อรู้สึกตึงแฮมสตริง ก้มลึกจนหลังโค้ง ตั้งกระจกด้านข้าง
4. ยกตัวขึ้น ใช้แรงเกร็งก้นขึ้นมา เหวี่ยง / ยกเร็ว คุมจังหวะ / ใช้น้ำหนักเบา
5. ปิดจบ วางบาร์ปลอดภัย / เช็กหลัง วางบาร์ไม่ถูก / ไม่เช็กอาการ เขียนบันทึกทุกครั้งหลังฝึก

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง ที่ทำให้ท่า Good Morning เห็นผลลึกกว่าที่คิด

โค้ชปุนิ่มไม่ได้ฝึกท่า Good Morning แบบตามตำราเป๊ะ ๆ เสมอไป…

แต่ใช้เทคนิคเล็ก ๆ ที่ได้จากการ “ทดลองบนตัวเองจริง” และใช้สอนลูกศิษย์ที่ต้องเตรียมขึ้นเวทีหรือแม้แต่เตรียมตัวสำหรับวิ่งเทรล

เคล็ดลับที่ 1: ฝึกแบบ “กลั้นหายใจช่วงล่าง” (Bracing Breath) จะเพิ่มพลัง Core และลดการปวดหลังได้มาก

หลายคนกลัวว่าท่า Good Morning จะทำให้ปวดหลัง โค้ชอยากบอกเลยว่า ไม่ได้อยู่ที่ท่า แต่อยู่ที่การใช้ลมหายใจ ค่ะ

เทคนิคโค้ชปุนิ่ม:

  • ก่อนเริ่มก้มตัว ให้ “หายใจเข้าลึกทางท้อง” แล้ว “กลั้นหายใจไว้ในช่องท้อง (intra-abdominal pressure)”
  • คิดภาพเหมือน “กำลังพองลูกโป่งในหน้าท้อง” ให้ลมหายใจนั้นดันทั้งด้านหน้า-ข้าง-หลัง
  • ขณะที่ยกตัวกลับขึ้น ให้ปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ ผ่านริมฝีปาก

งานวิจัยปี 2019 ตรวจสอบนักฝึกเวทที่ใช้เทคนิค bracing พบว่า มีการลดแรงกดทับบริเวณกระดูกสันหลังช่วง Lumbar ได้ถึง 22% และเพิ่มความมั่นคงของ Core muscle activation ถึง 35% เมื่อเทียบกับการหายใจแบบปกติขณะฝึก

เทคนิคนี้ใช้ได้กับทุกคน ไม่จำเป็นต้องยกหนัก เพียงแค่ใช้ลมหายใจให้ถูกจุด ร่างกายก็จะเซฟขึ้น และรู้สึกว่า “หลังไม่โดนโหลดหนักเกินไป”

เคล็ดลับที่ 2: ฝึกแบบ Tempo 3-1-1 ช่วยให้ “โดนกล้ามเนื้อ” มากกว่า “ใช้แรงเหวี่ยง”

โค้ชปุนิ่มไม่เน้นฝึกแบบเร็ว ๆ เพราะรู้ดีว่าท่าที่เน้นการคุมตัวและทรงหลัง ถ้าทำเร็วเกินไป = เสี่ยงเจ็บ + ไม่โดนกล้ามที่ต้องการ

Tempo 3-1-1 คืออะไร?

  • 3 วินาที: ค่อยๆ ก้มลงช้า ๆ
  • 1 วินาที: ค้างจุดล่างสุด
  • 1 วินาที: ดันตัวกลับขึ้น

นักกีฬา Powerlifting และนักฟิตเนสหญิงที่เข้าแข่งขันเวทีระดับโลก มักฝึก Tempo training เพราะมันเน้น “Time Under Tension” ซึ่งกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อได้มากกว่าการฝึกแบบเร็ว ๆ

ในงานวิจัยปี 2020 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Strength and Conditioning Research กลุ่มตัวอย่างที่ฝึก Tempo Training สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มี hypertrophy (การโตของกล้าม) สูงกว่ากลุ่มที่ฝึกเร็วถึง 18.2%

สรุปจากโค้ชปุนิ่ม:

“บางทีไม่ได้อยู่ที่ว่าเราใช้น้ำหนักเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเราคุมท่าและหายใจอย่างไรต่างหาก… และสองเคล็ดลับนี้แหละที่โค้ชใช้ฝึกเองมาตลอด และผลลัพธ์มันชัดมาก ทั้งเรื่องทรงสะโพก กล้ามเนื้อหลัง และความมั่นคงของร่างกายตอนยกเวทหนัก ๆ”

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้แบบมือโปร

ท่า Good Morning มีชื่อเสียงเรื่องสร้างกล้ามเนื้อลึกจริง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่อง “ถ้าทำพลาด = เจ็บหลัง” ด้วยเหมือนกัน

โค้ชปุนิ่มจึงอยากย้ำว่า ถ้าคุณหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ ท่านี้จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีของกล้ามเนื้อคุณในระยะยาวแน่นอนค่ะ

❌ 1. วางบาร์ผิดตำแหน่ง – “ไปกดคอแทนกลางบ่า”

ปัญหา: ผู้ฝึกส่วนใหญ่มือใหม่จะวางบาร์สูงเกินไป ทำให้บาร์กดลงบริเวณกระดูกคอ เกิดอาการปวด ตึง และเสียบาลานซ์

วิธีแก้:

  • ใช้กระจกเช็กตำแหน่ง “ให้บาร์วางที่แนวกึ่งกลางบ่า ไม่ใช่ที่กระดูกคอ”
  • หากยังไม่มั่นใจ ใช้ผ้ารอง หรือ Pad สำหรับ Squat Bar ช่วยลดแรงกดเฉพาะจุด

เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่เริ่มฝึกใหม่ บ่นว่ามึนหัวทุกครั้งหลังซ้อมท่านี้ พอปรับตำแหน่งบาร์ให้ต่ำลงนิดเดียว อาการหายเลยค่ะ

❌ 2. งอหลังตอนก้ม – “กลายเป็นหลังค่อมไม่รู้ตัว”

ปัญหา: เมื่อเริ่มก้ม หลายคน “งอหลังโดยไม่รู้ตัว” แทนที่จะใช้สะโพกพับ (hip hinge)

วิธีแก้:

  • ฝึกทำ hip hinge โดยไม่ใช้บาร์หน้ากระจกก่อน
  • ใช้ไม้ท่อนยาววางหลัง แล้วพยายามให้แตะท้ายทอย-กลางหลัง-ก้น ขณะก้ม

โค้ชมักใช้ท่าฝึก “กำลังปิดลิ้นชักด้วยก้น” เพื่อให้ลูกศิษย์เข้าใจว่าการก้มที่ถูกต้องคือการพับสะโพก ไม่ใช่การม้วนหลัง

❌ 3. ใช้น้ำหนักมากเกินไป – “เพราะคิดว่าเป็นท่าเบา”

ปัญหา: บางคนเข้าใจผิดว่าท่านี้ง่าย เหมือนท่าก้มธรรมดา เลยโหลดหนักโดยไม่เข้าใจการควบคุมแกนกลาง (core bracing)

วิธีแก้:

  • เริ่มจากบาร์เปล่า แล้วเพิ่มน้ำหนักอย่างช้า ๆ
  • อย่าฝืนยกน้ำหนักถ้ายัง “คุมหลังตรง + หายใจ” ไม่เป็น

โค้ชเคยเจอคนที่เล่น Deadlift ได้ 100kg แต่ Good Morning แค่ 30kg ก็สะดุ้งแล้ว เพราะท่านี้ต้องใช้กล้ามเนื้อ control มากกว่ากำลังล้วน ๆ

❌ 4. ลงลึกเกินจุดที่กล้ามเนื้อควบคุมได้

ปัญหา: ฝืนก้มลึกจนหลังเริ่มโค้ง เพราะเข้าใจผิดว่าก้มลึก = ได้ผลลึก (ซึ่งไม่จริง)

วิธีแก้:

  • หยุดก้มเมื่อรู้สึกตึงที่แฮมสตริง ไม่ใช่ตอนหลังเริ่มโค้ง
  • ใช้กระจกด้านข้างช่วยเช็กมุม

ถ้าหยุดก้มแค่จุดที่หลังยังตรง = โดนกล้ามลึกกว่า แถมปลอดภัยกว่าเยอะมากค่ะ

❌ 5. ไม่คุม Tempo – “รีบลงรีบขึ้น เหมือนกลัวบาร์หล่น”

ปัญหา: ฝึกเร็วเกินไป เหวี่ยงตัวขึ้นลง ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลเต็มที่ ยังเพิ่มแรงกระชากที่หลังส่วนล่าง

วิธีแก้:

  • ใช้ Tempo 3-1-1 ตามที่โค้ชแนะนำ
  • นับในใจหรือให้เทรนเนอร์ช่วยคุมจังหวะช่วงแรก

โค้ชมักบอกลูกศิษย์เสมอว่า “ถ้ายกเร็ว แล้วรู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลย = ใช่เลย เพราะคุณพลาด Time Under Tension ไปแล้ว”

สรุปตาราง: ข้อผิดพลาดและการแก้ไข

ข้อผิดพลาด ผลที่ตามมา วิธีแก้ที่แนะนำ
วางบาร์ผิดตำแหน่ง ปวดคอ / บาลานซ์เสีย วางกลางบ่า ใช้กระจกเช็ก
งอหลังตอนก้ม เสี่ยงเจ็บหลังล่าง ฝึก Hip Hinge / ใช้ไม้ช่วย
ยกหนักเกิน เสียฟอร์ม / ปวดหลัง เริ่มเบา คุมฟอร์มก่อนเพิ่มน้ำหนัก
ก้มลึกเกินควร หลังโค้ง เสี่ยงบาดเจ็บ หยุดเมื่อรู้สึกตึง ไม่เกินขีดควบคุม
รีบขึ้นลง ไม่โดนกล้ามเนื้อจริง / กระชากหลัง ใช้ Tempo ฝึกแบบควบคุมจังหวะ

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Good Morning + วิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

ท่า Good Morning ไม่ใช่แค่ “ท่าก้มหลังธรรมดา” นะคะ

ถ้าคุณเข้าใจหลักการทำงานของกล้ามเนื้อ 3 กลุ่มที่ใช้ในท่านี้ คุณจะเปลี่ยนมุมมองไปเลย เพราะโค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ “จัดสรีระ” เตรียมขึ้นเวทีจริงมาแล้วหลายรายการ

1. กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง (Erector Spinae)

หน้าที่: ช่วยพยุงแนวกระดูกสันหลังให้ตั้งตรงและมั่นคงตลอดการก้ม/เงย

ผลที่ได้จากการฝึก Good Morning:

  • หลังล่างแข็งแรง ไม่ปวดหลังง่าย
  • มี “ร่องกลางหลัง” ชัดขึ้น ถ้าลดไขมันประกอบ
  • เพิ่มความมั่นคงเวลาฝึกเวทท่าอื่น เช่น Deadlift หรือ Squat

โค้ชใช้ท่านี้ในช่วง Cutting ก่อนแข่ง เพราะช่วยให้ร่องกลางหลังคมขึ้นในเวลาสั้น ถ้าฝึกกับ Tempo ช้าและน้ำหนักพอเหมาะ

2. กล้ามเนื้อสะโพก (Gluteus Maximus)

หน้าที่: เป็นกล้ามเนื้อหลักในการดันตัวกลับขึ้นจากจุดล่างสุดของท่า

ผลที่ได้จากการฝึก Good Morning:

  • ทรงสะโพกกระชับ ยกตัวชัด
  • ช่วยให้การก้าวเดิน วิ่ง หรือสควอท มั่นคงขึ้น
  • เป็นจุดเด่นของรูปร่างสายฟิตเนส (S-curve)

เวลาโค้ชเตรียมประกวด จะจับคู่ Good Morning กับ Hip Thrust ในวันฝึกก้นเสมอ เพราะได้กล้ามคนละมุม ทำให้ทรง “กลม-ชัด-เด้ง” แบบไม่ต้องพึ่งเครื่องเยอะ

3. กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings)

หน้าที่: ช่วยควบคุมการก้ม-เหยียดขา และรักษาแนวกระดูกเชิงกราน

ผลที่ได้จากการฝึก Good Morning:

  • เพิ่มความยืดหยุ่น ลดการตึงขาด้านหลัง
  • ทำให้ขาเรียวยาว ดู “แน่นแต่ไม่หนา”
  • ป้องกันการบาดเจ็บจากการวิ่งหรือเล่นกีฬาทุกประเภท

คนที่วิ่งบ่อยแต่ไม่ฝึก Hamstrings จะเกิดอาการ “กล้ามเนื้อไม่บาลานซ์” ทำให้ท่าเดินหรือวิ่งไม่สวย โค้ชจึงแนะนำให้ฝึกท่านี้เสริมเสมอ โดยเฉพาะสายวิ่ง

ตารางสรุป: กล้ามเนื้อหลักจากท่า Good Morning

กล้ามเนื้อ จุดเด่นเมื่อฝึก เทคนิคโค้ชปุนิ่ม
หลังล่าง (Erector Spinae) หลังแน่น ร่องชัด ไม่ปวดหลัง ใช้ Tempo ช้า เน้นคุมหลังตรง
สะโพก (Glute Maximus) ทรงเด้ง กระชับ จับคู่ฝึกกับ Hip Thrust
แฮมสตริง (Hamstrings) ขาด้านหลังเรียว ยืดหยุ่นสูง ฝึกตอนวอร์มเบา ๆ เพื่อยืดก่อนวิ่ง

สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย:

งานวิจัยปี 2022 ที่ศึกษาการใช้กล้ามเนื้อระหว่างท่า Good Morning กับ Romanian Deadlift พบว่า

กล้ามเนื้อ Erector Spinae และ Hamstrings มีการกระตุ้นสูงกว่าใน Good Morning ถึง 25% เมื่อฝึกด้วย Tempo ช้า และน้ำหนักระดับ 60% ของ 1RM (น้ำหนักที่ยกได้สูงสุดครั้งเดียว)

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงที่ฝึกท่านี้เป็นประจำ มีการปรับสมดุลกล้ามเนื้อสะโพกและแฮมสตริงดีขึ้น ภายใน 6 สัปดาห์ และ “มีความมั่นใจในการทรงตัวขณะวิ่งหรือฝึกท่า Squat” มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้จริงในการเตรียมร่างกายก่อนขึ้นเวทีประกวด ไม่ว่าจะเป็นเวที Payap Classic, Mr. Thailand หรือรายการใหญ่ระดับประเทศ

สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่ “ร่างกายสวย” แต่คือความแข็งแรงจากภายในแบบที่ “สู้ได้ทุกกีฬา”

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนภายใน 4-8 สัปดาห์:

  1. หลังล่างแข็งแรงขึ้น
    • คนที่เคยปวดหลังเวลาทำ Deadlift หรือยกของ เริ่มหายปวด
    • ท่าทางดีขึ้น ยืนหลังตรงโดยอัตโนมัติ
  2. สะโพกและแฮมสตริงชัดขึ้น
    • ใครที่รู้สึกว่า “ก้นแฟบ / ขาไม่ชัด” จะเริ่มเห็นการยกตัวของกล้ามเนื้อชัดขึ้น
  3. วิ่งหรือสควอทดีขึ้น
    • เพราะแกนกลางลำตัวแน่นขึ้นจากการคุมท่า
    • ช่วยให้วิ่งทางไกลหรือขึ้นเขาได้มั่นคงกว่าเดิม

สาระน่ารู้จากงานวิจัย:

ผู้ที่ฝึกท่า Good Morning 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับการฝึกเวทแบบ Compound Training มีผลดังนี้ภายใน 8 สัปดาห์:

  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังล่างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28%
  • ลดโอกาสเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหลังล่างในการฝึกเวทสูงสุด 40%
  • ความสมดุลกล้ามเนื้อ Hamstring และ Glutes ดีขึ้นชัดเจนในสัดส่วนเกือบ 70% ของกลุ่มตัวอย่าง

ช่วงเตรียมแข่งก่อนขึ้นเวที โค้ชจะใช้ท่านี้เป็น “หมัดเด็ด” ปิดท้ายทุกวัน leg หรือ posterior chain เพราะแม้จะใช้บาร์เบลเบา แต่ความรู้สึกในกล้ามเนื้อมัน “ลึก” กว่า Leg Press หรือ Machine แบบทั่วไปหลายเท่า

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

ไม่มีบาร์เบลใช่ว่าจะฝึกไม่ได้! โค้ชจะพาแนะนำอุปกรณ์ทั้งแบบมือโปรและแบบประหยัดที่ใช้ได้ผลเท่ากัน

1. บาร์เบล + Rack หรือ Smith Machine

  • ใช้ฝึกท่านี้โดยตรงได้ดีที่สุด
  • ต้องระวังการตั้ง Rack ให้พอดีระดับหัวไหล่
  • Smith Machine ช่วยคนที่ยังคุมบาลานซ์ไม่ได้ดีนัก

2. ดัมเบล

  • ถือดัมเบลแนบหน้าอก หรือวางไว้บนบ่า
  • เหมาะกับคนฝึกที่บ้าน หรือใช้ควบคุมท่าง่ายกว่า

3. Resistance Band

  • เหมาะกับคนที่เริ่มฝึก หรือใช้เป็นการ warm-up
  • ยืดไปกับการก้มตัว สร้างแรงต้านที่ปลอดภัย

หลายคนคิดว่าท่านี้ต้องมีบาร์เบลเท่านั้น จริง ๆ โค้ชเคยเทรนลูกศิษย์อายุ 30+ โดยใช้แค่ยางยืดกับดัมเบล ก็เห็นผลทรงชัดขึ้นใน 6 สัปดาห์เลยค่ะ เพราะการ “คุมท่า” สำคัญกว่าน้ำหนักเสมอ

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

ถ้าคุณฝึกเวท, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, หรือแค่อยากจัดทรงก้นให้สวย — ท่านี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน

เหมาะกับ:

  • คนที่ปวดหลังบ่อย เพราะแกนกลางอ่อน
  • คนที่อยากมีก้นยก กล้ามเนื้อเรียว
  • คนที่วิ่งแต่ไม่เคยฝึกกล้ามเนื้อหลังเลย
  • คนที่ต้องการทรงกล้ามเนื้อแบบสวย ไม่หนา ไม่ถึก

แม้แต่สายโยคะ หรือวิ่งเทรลที่ไม่เคยยกเวท โค้ชก็สอนให้เริ่มจาก Good Morning แบบ bodyweight เพราะแค่รู้จัก “พับสะโพก” ได้ถูก ชีวิตการออกกำลังก็จะเปลี่ยนไปเลย

(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

ถ้าอยากเห็นทรงสวย+กำลังดี+เสริมกล้ามเนื้อแน่น ให้ “จับคู่” ท่านี้กับท่าเหล่านี้ได้เลย

โปรแกรมที่โค้ชใช้จริง:

วัน โปรแกรมแนะนำ เป้าหมายกล้ามเนื้อ
จันทร์ Good Morning + Hip Thrust + Step-Up สะโพก / หลังล่าง / Core
พุธ Romanian Deadlift + Good Morning แฮมสตริง / หลังล่าง
ศุกร์ Good Morning + Glute Kickback ทรงก้นสวย / คุมจังหวะก้น

เคล็ดลับคือ “อย่าให้ Good Morning อยู่ตัวแรก” ให้เป็น “ท่าที่ 2 หรือ 3” หลังกล้ามเนื้อถูกกระตุ้นแล้ว

เพราะแบบนี้เราจะ “รู้สึกถึงกล้ามชัดขึ้น” และไม่ใช้แรงเหวี่ยงโดยไม่รู้ตัวค่ะ

สรุปสุดท้ายจากโค้ชปุนิ่ม

“Good Morning ไม่ใช่แค่ท่าเรียกเหงื่อ มันคือเครื่องมือทรงพลังที่เปลี่ยนแปลงร่างกายจากแกนกลางสู่ความแข็งแรงภายนอก” โค้ชใช้ท่านี้ไม่ว่าจะก่อนขึ้นเวที, แข่งวิ่ง, หรือฝึกคนที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ทุกวัย

ถ้าคุณให้เวลากับมัน 1-2 เดือน รับรองเลยว่าคุณจะ ยืนได้มั่นคงกว่าเดิม กล้ามชัดขึ้นจริง และห่างไกลจากอาการเจ็บหลังแน่นอน

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม