1. ท่านี้คืออะไร?
สวัสดีค่ะทุกคน! โค้ชปุนิ่ม (นางสาวมนัสนันท์ อรรณพวรรณ) เองนะคะ วันนี้โค้ชจะพาทุกคนมารู้จักกับหนึ่งในท่าโปรดของโค้ชที่ใช้เตรียมขึ้นเวทีประกวดฟิตเนสจนสามารถคว้าแชมป์มาได้ นั่นก็คือท่า Leg Curl นั่นเองค่ะ
มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล
ท่า Leg Curl หรือที่เรียกกันติดปากในหมู่สาว ๆ ว่า “ท่างอขา” เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นสร้างความแข็งแรงและกระชับของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings) โดยเฉพาะ เป็นท่าที่นิยมมากทั้งในหมู่นักกีฬา นักเพาะกาย และผู้ที่ต้องการลดไขมันต้นขาให้กระชับสวยงาม
จากประสบการณ์ส่วนตัวของโค้ชที่ลงแข่งขันทั้งเวทีฟิตเนสโมเดลและการวิ่งเทรลระดับประเทศ โค้ชสามารถบอกได้เลยว่าท่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องรูปร่าง แต่ยังเสริมความแข็งแรงในการแข่งขันอีกด้วยค่ะ
ความหมายและความเป็นมาเบื้องต้น
ท่า Leg Curl เกิดขึ้นเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ Hamstrings ที่อยู่ด้านหลังต้นขา ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญในการช่วยยืดหยุ่นข้อต่อหัวเข่า รวมถึงช่วยในการเคลื่อนไหวร่างกายของเราในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือกระโดด
ในวงการฟิตเนส ท่านี้ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่ช่วงปี 1950 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเพาะกายที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อขาให้โดดเด่นและสมดุล สำหรับสาวๆ ที่ต้องการรูปร่างที่เฟิร์มกระชับ ท่า Leg Curl จึงกลายเป็นหนึ่งในท่าพื้นฐานที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ
5 วิธีการทำ Leg Curl ที่ถูกต้อง
โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา
หลายคนเห็นเครื่อง Leg Curl แล้วรีบไปนั่งหรือหงายเล่นโดยไม่ได้เข้าใจหลักกลไกการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างลึกซึ้ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนเล่นเท่าไหร่ก็ต้นขาไม่กระชับสักที — เพราะ “เล่นไม่ถูกจุด”
จากประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมตัวประกวด และเทรนลูกศิษย์หลากหลายช่วงวัย โค้ชพบว่า เมื่อเข้าใจหลักจริงๆ เพียงแค่ปรับ 2-3 จุด ท่านี้จะเปลี่ยนจากแค่ ‘งอขาเล่นๆ’ ไปเป็นท่าที่ช่วยสร้างขาด้านหลังแบบแน่นๆ ได้เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ตั้งค่าที่นั่งให้พอดีก่อนเริ่ม
เครื่อง Leg Curl มักมีแผ่นรองขาที่สามารถปรับได้ ให้คุณปรับแผ่นรองให้อยู่เหนือส้นเท้าพอดี ไม่สูงไปไม่ต่ำไป ขณะเดียวกัน พนักพิงควรอยู่แนบหลัง โดยเข่าต้องชิดขอบเบาะ ไม่เลยออกไป เพื่อให้เป็นจุดหมุนที่เหมาะสม
Insight โค้ช ถ้าตำแหน่งพนักพิงผิด ข้อเข่าอาจรับแรงผิดจุด และอาจบาดเจ็บเรื้อรังโดยไม่รู้ตัวค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เกร็งหน้าท้องตลอดการเคลื่อนไหว
เวลางอขา อย่าปล่อยให้หลังแอ่นหรือสะโพกเด้งลอยขึ้นจากเบาะ ให้ “เกร็งแกนกลาง” ตลอด เพื่อให้กล้ามเนื้อ hamstrings ทำงานเต็มที่โดยไม่มีแรงอื่นมาเสริม
Insight โค้ช การเกร็งหน้าท้องไม่ได้แค่ป้องกันหลังล่าง แต่ยังช่วยให้จังหวะงอขาควบคุมได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหลังต้นขาถูกใช้งานจริง ๆ ไม่ใช่แค่โยกเครื่องค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 งอขาช้าๆ อย่าเหวี่ยง
งอขาเข้าหาตัวอย่างควบคุม ไม่ต้องรีบ เมื่อถึงจุดสุดให้ ค้างไว้ 1 วินาที แล้วค่อยๆ คลายออกช้าๆ จังหวะขึ้น-ลงควรใช้เวลา 2-3 วินาที ไม่เหวี่ยงเร็ว
Insight โค้ช ท่านี้เหมือนเรากำลัง “ดึงน้ำหนักด้วยกล้ามเนื้อจริง ๆ” ไม่ใช่ “โยกด้วยแรงโน้มถ่วง” ค้างสักวินาทีจะช่วยให้กล้ามเนื้อจำการทำงานได้ดีขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 ระวังไม่ยืดขาจนสุด
ช่วงคลายขา (เหยียดกลับ) ให้หยุดก่อนขาตรงสุดเล็กน้อย อย่าเหยียดจนล็อกเข่า เพราะจะลดแรงต้านต่อกล้ามเนื้อ Hamstrings และอาจเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บที่ข้อต่อหัวเข่า
Insight โค้ช ถ้าเรายืดขาจนสุดแล้วพักช่วงบนเครื่อง เท่ากับกล้ามเนื้อหยุดทำงานทันที นั่นทำให้คุณเสียเวลาเซตนั้นไปฟรี ๆ เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 เลือกน้ำหนักให้เหมาะกับการ “ควบคุม” ไม่ใช่โชว์แรง
เริ่มต้นด้วยน้ำหนักที่คุณสามารถควบคุมได้ตลอดช่วงการเคลื่อนไหวทั้งขึ้น-ลง หากต้องเหวี่ยงหรือช่วยด้วยกล้ามเนื้อส่วนอื่น ให้ลดน้ำหนักลง เพื่อให้เน้น Hamstrings จริง ๆ
Insight โค้ช โค้ชมักบอกลูกศิษย์ว่า “อย่าให้เครื่องควบคุมเรา เราควรควบคุมเครื่อง” ถ้าน้ำหนักเหมาะสม คุณจะรู้สึกถึงการ ‘เผาไหม้’ ของกล้ามเนื้อได้ตั้งแต่เซตแรกโดยไม่ต้องใช้เทรนเนอร์มาตะโกนค่ะ
หากทำถูกทั้ง 5 ข้อนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้น หรือออกกำลังกายมานานแล้ว กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังของคุณจะเริ่มตอบสนองในไม่กี่สัปดาห์เลยค่ะ
2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง
สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง
การเล่น Leg Curl ให้ได้ผลลัพธ์จริง ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเซตหรือจำนวนครั้งเพียงอย่างเดียว แต่ “อยู่ที่เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม” ซึ่งจากที่โค้ชผ่านการแข่งขันมาในหลายเวที และเทรนลูกศิษย์มาตลอด โค้ชพบว่า เคล็ดลับ 2 ข้อนี้ช่วยปลุกขาหลังให้ตื่นได้ดีที่สุด
เคล็ดลับที่ 1 เล่นแบบ Tempo ช้า และค้างไว้ช่วงหดกล้ามเนื้อ
ช่วงงอขาเข้าหาตัว (contraction) ให้ “ค้างไว้ 2 วินาที” และนับช้า ๆ
จากนั้นคลายขากลับช้า ๆ ประมาณ 3 วินาที
นี่คือเทคนิคที่โค้ชใช้ฝึกก่อนการขึ้นเวทีประกวด เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อ hamstrings ทำงานลึกขึ้น และรู้สึกได้ชัดว่ากำลัง “เผา” จริง ๆ โดยเฉพาะในเซตที่ 2-3 ที่กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนล้า
มุมมองโค้ช คนส่วนใหญ่งอขาเร็วเกินไป และรีบปล่อย ซึ่งเท่ากับไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเต็มที่ โค้ชแนะนำให้มองเครื่อง Leg Curl เป็นเหมือนตัวช่วยให้เราควบคุมการเคลื่อนไหวได้ “อย่างจงใจ” มากกว่าการรีบเล่นให้ครบเซต
เคล็ดลับที่ 2 เล่นแบบ Drop Set หรือ Rest-Pause เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ
ถ้าอยากให้ขาหลังชัดเร็วขึ้น ลองวิธี “ลดน้ำหนักแล้วเล่นต่อทันที” (Drop Set) หรือ “พักแค่ 10 วินาทีแล้วเล่นต่อ” (Rest-Pause) ในเซตสุดท้าย โดยที่ไม่ต้องเพิ่มจำนวนเซต แต่เปลี่ยนสไตล์ให้กล้ามเนื้อถูกกระตุ้นมากกว่าเดิม
ตัวอย่าง Drop Set ที่โค้ชใช้
- น้ำหนักเริ่มต้น 30 กก. เล่น 10 ครั้ง
- ลดเหลือ 20 กก. เล่นต่อทันทีอีก 8 ครั้ง
- ลดเหลือ 15 กก. เล่นต่ออีก 6 ครั้ง จบในเซตเดียว
Insight โค้ช เทคนิคนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่ให้ความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อขาหลังถูกใช้งานเต็มที่จริง ๆ โดยเฉพาะในช่วงเตรียมประกวด หรือช่วงที่ต้องการฟอร์มชัดขึ้นในเวลาอันจำกัด
ทั้งสองเคล็ดลับนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเพาะกายก็สามารถใช้ได้ค่ะ คนที่เพิ่งเริ่มต้น หรืออยากลดไขมันขาหลังก็สามารถเอาไปปรับใช้ได้ทันที แค่ตั้งใจในแต่ละครั้งที่ทำ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ สะสมและชัดขึ้นอย่างแน่นอน
5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่มือใหม่จนถึงนักประกวด
ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น หรือคนที่เล่นมานานแล้ว ท่า Leg Curl ก็ยังเป็นท่าที่มี “จุดพลาดเล็ก ๆ” ที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เกิดขึ้นจริง หรือแย่กว่านั้นคือ “เสี่ยงบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว”
โค้ชจะพาแยกให้เห็นชัด พร้อมวิธีแก้ไขที่นำไปใช้ได้ทันทีเลยค่ะ
ข้อผิดพลาดที่ 1 เหวี่ยงเครื่องเร็วเกินไป
หลายคนรีบงอขาแล้วปล่อยเครื่องเด้งกลับอย่างเร็ว ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ทำงานเต็มช่วงการเคลื่อนไหว (ROM) และเกิดแรงกระชากบริเวณเข่า
วิธีแก้
ตั้งใจใช้ tempo ช้า – ช้า – ค้าง
โค้ชแนะนำ 2 วินาทีตอนงอ, ค้าง 1 วินาที, แล้วปล่อย 3 วินาทีจะดีที่สุด
ข้อผิดพลาดที่ 2 เล่นโดยไม่ปรับเครื่องให้เหมาะกับสรีระตัวเอง
เบาะวางขาหลุดตำแหน่ง เข่าเลยเบาะ หรือแผ่นรองขาไม่อยู่ตรงหลังข้อเท้า สิ่งเหล่านี้ลดประสิทธิภาพของการฝึก และบางครั้งทำให้ “กล้ามเนื้อผิดกลุ่มทำงานแทน”
วิธีแก้
ปรับเบาะให้เข่าอยู่ชิดกับจุดหมุนพอดี และแผ่นรองขาอยู่เหนือส้นเท้าเล็กน้อย
แนะนำให้สังเกตว่า “ช่วงงอขา” มีความลื่นไหล ไม่มีแรงฝืนหรือกดผิดจุด
ข้อผิดพลาดที่ 3 ไม่เกร็งหน้าท้อง-สะโพกยกลอย
ขณะงอขา หากสะโพกลอยหรือก้นยกขึ้นจากเบาะ จะทำให้แรงถูกถ่ายไปที่หลังส่วนล่าง แทนที่จะกระตุ้น hamstrings แบบตรงจุด
วิธีแก้
เกร็งหน้าท้องไว้ตลอดทั้งเซต พร้อมกับ “จิกสะโพกติดเบาะ” เหมือนกาว
ถ้ารู้สึกสะโพกลอย ให้ลดน้ำหนักและตั้งใจคุม form ใหม่
ข้อผิดพลาดที่ 4 เลือกน้ำหนักหนักเกินไป
บางคนเลือกน้ำหนักที่เล่นได้แค่ 2-3 ครั้ง แล้วต้องโกงด้วยการเหวี่ยง หรือใช้แรงจากกล้ามเนื้อส่วนอื่นมาช่วย ซึ่งกลายเป็นว่า “กล้ามเนื้อขาหลังไม่ได้ฝึกจริง”
วิธีแก้
เริ่มด้วยน้ำหนักที่เล่นได้ 10–12 ครั้งโดยไม่โกง
ถ้าอยากเล่นหนัก ค่อยเพิ่มหลังจาก form สมบูรณ์แล้ว
ข้อผิดพลาดที่ 5 ฝึกไม่สม่ำเสมอ และไม่บันทึกพัฒนา
หลายคนเล่นขาหลังแค่ “บางครั้ง” หรือเล่นไปเรื่อยโดยไม่จดน้ำหนัก/จำนวนครั้ง ทำให้ไม่รู้เลยว่าตัวเองพัฒนาไหม และกล้ามเนื้อจึงไม่มีแรงกระตุ้นใหม่ ๆ
วิธีแก้
ใช้ Progressive Overload โดยจดไว้ทุกครั้งว่าเล่นกี่ reps กี่ weight
เพิ่ม reps หรือน้ำหนักทุก 1–2 สัปดาห์
สรุป ตารางข้อผิดพลาดและวิธีแก้ไข
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย | ผลเสียที่เกิดขึ้น | วิธีแก้แบบโค้ชปุนิ่ม |
เหวี่ยงเครื่องเร็วเกินไป | กล้ามเนื้อไม่ทำงานเต็มช่วง | ใช้ tempo 2-1-3 |
ไม่ปรับเครื่องให้เหมาะกับตัว | เล่นผิดมุม กล้ามเนื้อไม่โดนตรงจุด | ปรับเบาะ-แผ่นรองให้ตรงจุดหมุน |
สะโพกยกลอย ไม่เกร็งแกนกลาง | เสี่ยงเจ็บหลัง-โหลดผิดจุด | จิกสะโพกติดเบาะ เกร็ง core ตลอด |
เล่นหนักเกินไปจนโกงท่า | กล้ามเนื้อเป้าหมายไม่ถูกใช้จริง | เริ่มเบา ฟอร์มเป๊ะ แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนัก |
ไม่จดบันทึก ไม่ฝึกสม่ำเสมอ | กล้ามเนื้อไม่พัฒนา | ใช้โปรแกรม Progressive Overload |
Insight โค้ช
“เล่นแบบมีแผนดีกว่าเล่นแบบตามอารมณ์”
โค้ชเคยเทรนคนที่เล่นฟิตเนสมานานหลายปี แต่ไม่เคยจดบันทึก จนปรับแผนตามการพัฒนาไม่ได้ กล้ามเนื้อจึงนิ่งอยู่นาน การจดไว้ช่วยให้คุณเทรนตัวเองได้เหมือนมีโค้ชอยู่ด้วยเสมอค่ะ
ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด
ถ้าคุณฝึก Leg Curl อย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง โดยควบคุมฟอร์มและเทคนิคตามที่โค้ชแนะนำ จะเห็นผลลัพธ์ต่อไปนี้อย่างชัดเจนภายใน 6–8 สัปดาห์แน่นอนค่ะ
1. ต้นขาด้านหลังแน่นขึ้น ลดไขมันสะสมเฉพาะจุด
หลายคนคิดว่า “จุดที่มีไขมันเยอะ จะลดไม่ได้เฉพาะจุด” — จริงค่ะ แต่ ถ้าเราสร้างกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ดี กล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญพลังงานและทำให้สัดส่วนกระชับขึ้นได้เร็ว
จากประสบการณ์โค้ช ลูกศิษย์คนหนึ่งที่เล่นท่านี้ร่วมกับการคุมอาหารแบบ PFC (Protein-Fat-Carb) เพียง 8 สัปดาห์ ขาหลังและก้นแน่นขึ้นจนใส่กางเกงยีนส์แล้วเห็นทรงเปลี่ยนชัดมาก
2. ป้องกันการบาดเจ็บจากการวิ่ง หรือการยกเวท
กล้ามเนื้อ Hamstrings ที่อ่อนแอมักเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการ “ตึงเรื้อรัง” หรือ “บาดเจ็บซ้ำ” โดยเฉพาะนักวิ่งหรือคนที่เล่นขาหน้าหนักแต่ละเลยขาหลัง
สาระน่ารู้จากงานวิจัย
งานวิจัยในปี 2022 โดยกลุ่มนักวิจัยจากยุโรป ทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 1,000 คน โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มที่ฝึก Hamstrings ด้วย Leg Curl (ความถี่ 2 ครั้ง/สัปดาห์)
- กลุ่มที่ฝึกขาโดยไม่มี Leg Curl เลย
หลังจาก 12 สัปดาห์ พบว่า
✅ กลุ่มที่ฝึก Leg Curl มีการเพิ่มความหนาของกล้ามเนื้อ hamstrings เฉลี่ย +13.7%
✅ และมีอัตราการบาดเจ็บในการวิ่งลดลงถึง 28.4% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
3. สร้าง “ทรงขาหลัง + สะโพก” ที่เข้ารูปสำหรับทั้งชายหญิง
สำหรับผู้หญิงที่อยากมีรูปทรงขาและก้นที่ชัด ไม่ต้องเล่น Squat หนักเสมอไปค่ะ ท่า Leg Curl คือท่าช่วยเซาะขาหลังให้ชัดเหมือนมี “เงาเส้นกล้าม” ตามแนวยาว เป็นเทคนิคที่โค้ชใช้ก่อนการประกวดทุกครั้ง
ท่านี้เหมาะกับใคร?
โค้ชบอกเลยว่า “ถ้าเข้าใจหลัก ยังไงก็ฝึกได้ผล”
หลายคนอาจคิดว่าท่า Leg Curl เหมาะเฉพาะนักเพาะกายหรือคนที่เล่นมานานแล้ว แต่จากประสบการณ์ของโค้ช ทั้งในสนามแข่งขันและการเทรนลูกศิษย์ โค้ชยืนยันเลยค่ะว่า…
“ทุกคนสามารถฝึกได้ และได้ผลลัพธ์ ถ้าเข้าใจวิธีฝึกที่ถูกต้อง”
เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้หญิงที่อยาก “ลดต้นขาหลัง” หรือสร้างทรงก้นให้ชัด
- ผู้ชายที่อยากเพิ่มความแข็งแรงของขาหลังให้สมดุลกับขาหน้า
- นักวิ่งที่มักเจออาการ hamstring ตึง/ล้า
- คนที่นั่งนานและมีกล้ามเนื้อสะโพก/ต้นขาหลังอ่อนแรง
- ผู้เริ่มต้นฟิตเนสที่อยากสร้างความมั่นใจด้วยท่าที่ไม่ซับซ้อน
Tips โค้ชปุนิ่ม
อย่าวัดว่าท่าหนึ่ง “เหมาะกับใคร” แค่จากหน้าตาเครื่อง หรือความยากของท่า ให้ดูที่ “เป้าหมายที่เราต้องการ” และเลือกใช้ท่านั้นเป็นเครื่องมือ
ถ้าคุณมีเป้าหมายเรื่องรูปร่าง หรือสุขภาพกล้ามเนื้อขาหลัง — ท่านี้ “ใช่” สำหรับคุณแน่นอนค่ะ
ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด
สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที
จากประสบการณ์จริงที่โค้ชเตรียมตัวประกวดและฝึกซ้อมหนักช่วงก่อนแข่งขัน การเล่น Leg Curl อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอถ้าต้องการผลลัพธ์เร็วและทรงชัด ดังนั้นโค้ชจึงออกแบบ สูตรการฝึก Hamstrings Combo ดังนี้ค่ะ
โปรแกรมฝึก Hamstring เพื่อฟอร์มสวยใน 6 สัปดาห์
วันในสัปดาห์ | ท่าหลัก | ท่าเสริม | หมายเหตุ |
จันทร์ | Lying Leg Curl (3×12) | Dumbbell RDL (3×10), Glute Bridge | เน้นพลัง + ช่วงการเคลื่อนไหวเต็ม |
พุธ | Seated Leg Curl (4×10) | Kettlebell Swing (3×20) | เร่งเผาผลาญและสร้างความหนาของกล้าม |
ศุกร์ | Swiss Ball Curl (3×15) | Bodyweight Lunge, Hip Thrust | ฝึก balance และ core + hamstrings |
เสริมด้วย
- การกินโปรตีนให้พอ (1.6–2.2g/กก.น้ำหนักตัว/วัน)
- พักผ่อนให้เพียงพอ (7–9 ชม./คืน)
- เดินหรือยืดกล้ามเนื้อ hamstrings หลังฝึกทุกครั้ง
Insight โค้ช
ไม่จำเป็นต้องฝึกหนักทุกวัน แต่ให้ “คุณภาพ” ของแต่ละเซตเต็ม 100%
โค้ชฝึกแค่ 3 วัน/สัปดาห์ก็เห็นผลได้จริง เพราะแต่ละวันใส่ใจกับฟอร์ม การควบคุมจังหวะ และโภชนาการแบบมืออาชีพ
สรุปส่งท้ายจากโค้ชปุนิ่ม
ท่า Leg Curl อาจดูเรียบง่าย แต่ความลึกของมันอยู่ที่ “วิธีที่คุณเล่น” และ “ความเข้าใจในร่างกายของตัวเอง” ไม่ใช่เพียงแค่การงอขาเข้า–ออกค่ะ
โค้ชอยากให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ รู้ว่า ไม่ต้องรอให้พร้อมก่อนจึงจะเริ่มฝึก แต่ให้เริ่มจากวันนี้ แล้วพัฒนาความเข้าใจของร่างกายตัวเองไปพร้อมกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ หากคุณให้โอกาสตัวเองนะคะ
3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก
ท่า Leg Curl มีอุปกรณ์หลายแบบให้เลือกฝึก ทั้งในยิมเชิงพาณิชย์และฟิตเนสที่บ้าน โดยแต่ละแบบมีข้อดีแตกต่างกัน และบางท่าก็สามารถใช้ของใกล้ตัวแทนได้เลยด้วยซ้ำ
1. Seated Leg Curl Machine
เป็นเครื่องที่เจอบ่อยที่สุด ใช้ท่านั่ง ขาตรง แล้วงอขาลงข้างล่าง เหมาะกับผู้เริ่มต้นมาก เพราะควบคุมได้ง่าย และจัด position ได้แม่นยำ
✅ เหมาะกับ คนที่อยากโฟกัส hamstrings โดยตรง พร้อมเบาะซัพพอร์ตหลัง
2. Lying Leg Curl Machine
เครื่องแนวนอนที่ต้องนอนคว่ำลงแล้วงอขาขึ้น เครื่องแบบนี้จะให้ระยะการเคลื่อนไหวเต็มช่วงที่สุด ทำให้ hamstrings ทำงานเข้มข้นขึ้น
✅ เหมาะกับ ผู้ที่เล่นฟิตเนสมาระยะหนึ่ง และต้องการเพิ่มความเข้มข้น
3. Cable Machine + Ankle Strap (แบบบ้าน ๆ แต่โฟกัสลึก)
ใช้สายเคเบิลต่อกับข้อเท้า แล้วยืนเตะขาถอยหลังแบบงอเข่า วิธีนี้ใช้ได้ในบ้านหรือในยิมเล็ก ๆ ที่ไม่มีเครื่องเฉพาะ
✅ เหมาะกับ คนที่ไม่มีเครื่องใหญ่ แต่ยังอยากเล่น hamstrings แบบโฟกัส
เครื่องที่ใช้แทนได้ (กรณีไม่มีเครื่องเฉพาะ)
- Swiss Ball Hamstring Curl นอนหงาย วางเท้าบนลูกบอล แล้วยกลำตัวขึ้น จากนั้นงอเข่าให้บอลกลิ้งเข้าหาตัว เป็นท่าที่โค้ชใช้ฝึกขาหลังบ่อยมากในช่วงกักตัว
- Bodyweight Glute Bridge with Heel Slide ใช้ผ้าขนหนูหรือแผ่นสไลด์ วางเท้าแล้วไถเข้า-ออก คล้ายท่า Leg Curl
- Resistance Band Leg Curl พันสายยางยืดที่ข้อเท้า แล้วงอขาถอยหลัง