Wrist Curl เทคนิคเก็บปลายแขนให้แน่น เส้นชัดแบบสายประกวด*

(1) ท่า Wrist Curl คืออะไร?

ความหมายและความสำคัญของท่า Wrist Curl ในมุมมองของแชมป์ฟิตเนสหญิง

Wrist Curl คือท่าบริหารกล้ามเนื้อแขนท่อนล่าง โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อ flexor ที่ทำหน้าที่ในการงอข้อมือเข้าหาตัว ท่านี้มักถูกมองว่าเป็นท่าเสริมเล็ก ๆ แต่ในความเป็นจริง กลับมีความสำคัญต่อทั้งรูปร่างและประสิทธิภาพของการฝึกเวทโดยรวม

ในมุมมองของโค้ชปุนิ่ม ซึ่งผ่านการประกวดในเวทีระดับประเทศและต่างประเทศ ท่านี้ช่วยให้ทรงแขนดู “สวยครบ” ตั้งแต่หัวไหล่จนถึงปลายนิ้ว ไม่ใช่แค่แขนบนแน่น แต่แขนล่างคม กล้ามเส้นชัด และสามารถโพสบนเวทีได้นิ่งแบบมืออาชีพ

“ถ้าเราเล่นบ่า หน้าแขน หลังแขน แต่ปล่อยให้ข้อมือบาง แขนท่อนล่างลีบ ทรงแขนจะดูขาดสมดุลทันทีค่ะ โดยเฉพาะบนเวที”

นอกจากความสวย ท่านี้ยังช่วยให้คุณจับบาร์ หรือยกเวทได้มั่นคงขึ้น เพราะแรงบีบจากข้อมือคือพื้นฐานของท่า compound ใหญ่ ๆ เช่น Deadlift, Row, และ Pull-up

ทำไมท่านี้ถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักเพาะกายหญิง?

  1. ช่วยสร้างดีเทลทรงแขนให้ชัดในรอบโพส
    • ในการประกวดฟิตเนสหญิง รายละเอียดคือสิ่งที่ตัดสินผล ท่า Wrist Curl ช่วยให้เส้นแขนล่างและข้อมือมีมิติ เหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการโชว์ความเนี๊ยบ
  2. เสริมการควบคุมกล้ามเนื้อขณะโพส
    • โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ฝึกก่อนขึ้นเวที เพราะกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกจะควบคุมได้ดี และโพสได้นิ่งกว่าเดิม ซึ่งสร้างความมั่นใจบนเวที
  3. เหมาะกับคนที่ต้องการ “ทรงแขนเรียวแน่น”
    • สำหรับผู้หญิงที่ไม่อยากให้แขนใหญ่ แต่ต้องการแขนแน่นและกระชับ ท่านี้ช่วยเก็บดีเทลและกระชับกล้ามเนื้อท่อนล่างได้ดีโดยไม่ทำให้ล้น

มีนักเรียนฟิตเนสหญิงหลายคนของโค้ช เริ่มต้นจากการอยากมีแขนเล็กลง แต่พอฝึก Wrist Curl ร่วมกับควบคุมอาหาร กลับได้แขนเรียวแต่มีเส้นชัดขึ้นอย่างสวยงาม

(2) 5 ขั้นตอนทำท่า Wrist Curl อย่างถูกต้อง โดยโค้ชปุนิ่ม

หลายคนอาจมองว่าท่า Wrist Curl เป็นแค่ท่าบริหารกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ไม่ต้องให้ความสำคัญมาก แต่จากประสบการณ์ของโค้ชในการเตรียมร่างกายทั้งเพื่อ เวทีเพาะกาย และ การวิ่งเทรล โค้ชขอยืนยันเลยว่า ท่านี้ “เล็กแต่ทรงพลัง” โดยเฉพาะใครที่อยากได้ฟอร์มแขนแน่น ทรงกล้ามชัด สไตล์ฟิตเนสโมเดล ต้องเริ่มจากการฝึกให้ถูกวิธีตั้งแต่ต้น

ขั้นตอนที่ 1: เลือกน้ำหนักที่เหมาะสม (ไม่หนักไป ไม่เบาไป)

จุดเริ่มต้นของทุกท่าคือ “น้ำหนักที่ใช่” สำหรับท่านี้ควรเลือกดัมเบล หรือบาร์เบลที่เราสามารถคอนโทรลได้ตลอดเซ็ตโดยไม่กระตุก

โค้ชใช้หลัก “ทดสอบ 12 ครั้ง” คือ ถ้าทำได้ 12 ครั้งแบบฟอร์มเป๊ะโดยไม่สั่น แปลว่าเหมาะกับคุณ

ขั้นตอนที่ 2: เริ่มจากท่าจับที่ถูกต้อง (หงายฝ่ามือขึ้น)

ให้นั่งบนม้านั่ง จับดัมเบลในลักษณะหงายฝ่ามือขึ้น แขนแนบต้นขา หรือวางปลายแขนบนม้านั่ง โดยให้ข้อมือพ้นขอบนิดหน่อย

อย่าให้ฝ่ามืองอหรือเกร็งแขนท่อนบน ให้ข้อมือทำงานเต็มที่

ขั้นตอนที่ 3: ค่อย ๆ งอข้อมือขึ้นจนรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อปลายแขน

หายใจออกขณะยก ค่อย ๆ ดึงดัมเบลขึ้นโดยใช้ข้อมืออย่างเดียว ไม่ให้ท่อนแขนขยับตาม

โค้ชมักให้ลูกศิษย์ “จินตนาการว่าข้อมือเป็นบานพับ” ขยับแค่จุดนั้น เพื่อให้เกิดการควบคุมและโฟกัสกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด

ขั้นตอนที่ 4: ค้างไว้ 1 วินาทีตอนจุดสูงสุด

เมื่อดัมเบลถึงจุดบนสุดของการเคลื่อนไหว ให้ค้างไว้ 1-2 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งสูงสุด

จุดนี้คือ “magic moment” ของท่า เพราะจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อได้มากกว่าแค่เหวี่ยงขึ้นลง

ขั้นตอนที่ 5: ลดดัมเบลลงอย่างช้า ๆ หายใจเข้า และควบคุมตลอดช่วงล่าง

อย่าปล่อยตก! การควบคุมจังหวะขาลง (eccentric) คือหัวใจของการสร้างกล้ามเนื้อข้อมือให้แข็งแรงและปั้นทรง

โค้ชสอนให้ “นับ 3 วินาที” ตอนลดน้ำหนักทุกครั้ง เพื่อฝึกระบบประสาทและความแข็งแรงไปพร้อมกัน

จากสนามจริงของโค้ชปุนิ่ม

  • ในการเตรียมขึ้นเวทีประกวด โค้ชมักฝึก Wrist Curl แบบ drop set คือเริ่มจากน้ำหนักมาก แล้วค่อยลดน้ำหนักลงในแต่ละเซ็ต โดยไม่หยุดพัก เพื่อเร่งการเกร็งของกล้ามเนื้อให้ชัดขึ้น
  • ช่วง Peak Season (ก่อนแข่ง 4-6 สัปดาห์) โค้ชจะเล่นท่านี้ ทุกสัปดาห์ 2 ครั้ง โดยเน้นเทคนิค “เก็บสุด” และ “ค้างจังหวะ” เพื่อให้แขนดูแน่นแม้ในระยะไกลของเวที

(3) 2 เคล็ดลับเฉพาะตัวในการทำท่า Wrist Curl ที่ใช้จริงบนเวทีประกวด

แม้จะเป็นแค่ท่าเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่ในการประกวดฟิตเนสและเพาะกาย โค้ชปุนิ่มยืนยันเลยว่า “รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างข้อมือและปลายแขน” คือสิ่งที่ทำให้คุณดูแตกต่างบนเวที เพราะกรรมการจะมองหาความคม ความชัด และการคอนโทรลกล้ามเนื้อทุกจุดได้จริง ไม่ใช่แค่กล้ามใหญ่

จากประสบการณ์ขึ้นเวที Mr. Thailand, Thailand Open Masters และเวทีต่างประเทศ โค้ชอยากแชร์ 2 เทคนิคที่ใช้ฝึกจริง และเห็นผลจริงค่ะ

เคล็ดลับที่ 1: ฝึก Wrist Curl ท่าลับ “จับแคบ-หยุดกลาง” เพื่อคอนโทรลกล้าม

ท่านี้โค้ชเรียกว่า “Wrist Curl แบบคอนโทรลสั่งได้” โดยจะจับบาร์เบลแบบชิดกันมากกว่าปกติเล็กน้อย แล้วฝึก “หยุดค้างไว้ครึ่งทาง” ก่อนยกสุด ซึ่งจะช่วยกระตุ้น กล้ามเนื้อ Flexor Carpi มากกว่าปกติ และเพิ่มความคุมกล้ามแขนท่อนล่างได้ดีเยี่ยม

เทคนิคนี้ช่วยให้โค้ชปั้น “กล้ามปลายแขนทรงกลม” ได้ก่อนขึ้นเวทีแค่ 4 สัปดาห์ในรายการระดับประเทศ และใช้ได้ผลซ้ำในการประกวดหลายรายการ

แนะนำให้ใช้วิธีนี้ฝึกวันละ 3 เซ็ต สลับกับการฝึกปกติในสัปดาห์ถัดไป เพื่อไม่ให้กล้ามเคยชิน

เคล็ดลับที่ 2: จับเวลา “ค้างจุดบน 3 วินาที” ทุกครั้ง เพื่อเร่งความคม

ในการประกวด กล้ามเนื้อไม่ได้แค่ใหญ่ แต่ต้อง คม ชัด เกร็งได้แม่น โดยเฉพาะเวลาต้องโพสแขน โค้ชฝึกให้กล้ามข้อมือมีพลังบีบและเกร็งค้างได้จริง ซึ่งใช้ได้กับทั้งเวทีฟิตเนสโมเดล และตอนถืออุปกรณ์วิ่งเทรลด้วย

โค้ชจะกำหนดให้ตัวเองค้างจังหวะบนสุดของ Wrist Curl ทุกครั้ง “3 วินาที” แล้วค่อยปล่อยลง

เทคนิคนี้ฝึกความแข็งแรงของเส้นเอ็น และกล้ามเล็ก ๆ ให้เกร็งได้นานกว่าปกติ ซึ่งเห็นผลในช่วงสัปดาห์ก่อนแข่ง ที่ต้องโพสค้างนาน 30-45 วินาที

จากสนามประกวดจริง

“รอบชิงชนะเลิศของรายการ Mr. Thailand 2025 คือวันที่โค้ชรู้ว่า ‘มือและแขนล่าง’ ไม่ได้เป็นแค่ตัวช่วยในการโพส แต่เป็นตัวตัดสินใจระหว่าง ‘Top 5 หรือ Top 1’ เพราะทุกคนกล้ามใหญ่เหมือนกันหมด แต่ความคุมได้ไม่เหมือนกัน”

และนั่นคือเหตุผลที่โค้ชฝึก Wrist Curl ทุกสัปดาห์ ไม่เคยตัดออกเลยค่ะ

Tips

หากไม่มีอุปกรณ์มาก ใช้ขวดน้ำดื่ม 1.5 ลิตร หรือถุงทราย 1-3 กก. ก็ฝึกท่านี้ได้ โดยใช้เทคนิค จับแคบ-หยุดกลาง และ ค้างจุดบน 3 วินาที ได้เหมือนกันเลยค่ะ

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการฝึก Wrist Curl และวิธีแก้ไข

จากประสบการณ์จริงของโค้ชปุนิ่มที่เทรนทั้งนักเพาะกายมือใหม่ คนออกกำลังกายทั่วไป ไปจนถึงนักกีฬาที่ต้องการเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อแขนและข้อมือ

แม้ท่า Wrist Curl จะดูเรียบง่าย แต่ถ้าทำผิดซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ข้อมือ หรือทำให้กล้ามไม่ขึ้นเลยก็ได้ค่ะ โค้ชปุนิ่มสรุปข้อผิดพลาดที่พบจริง ๆ จากลูกศิษย์ และการเทรนตัวเองไว้แบบนี้ค่ะ:

❌ 1. ใช้น้ำหนักเกินความสามารถตั้งแต่เริ่ม

สาเหตุ: อยากกล้ามขึ้นไว เลือกน้ำหนักที่ยกแล้วข้อมือสั่นทันที

  • ผลคือกล้ามเนื้อไม่ทำงานเต็มที่ แต่ไปใช้แรงเหวี่ยงและการเกร็งจากท่อนแขนแทน
  • วิธีแก้: เริ่มจากน้ำหนักที่ยกได้ 12 ครั้งแบบฟอร์มเป๊ะ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักทีละ 5-10% ตามสัปดาห์

ลูกศิษย์โค้ชที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ ๆ มักยกตามเพื่อน หรือยกเกินตัว ซึ่งกลายเป็นการบาดเจ็บเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว

❌ 2. ปล่อยน้ำหนักลงเร็วเกินไป (Eccentric ไม่มี)

สาเหตุ: สนใจแค่ยกขึ้น แต่ไม่คุมตอนลง

  • แบบนี้กล้ามเนื้อไม่ได้รับการกระตุ้นช่วงยืดออก ซึ่งเป็นช่วงที่ “สร้างกล้าม” ได้ดีสุด
  • วิธีแก้: ฝึกนับ 1-2 วินาทีตอนยก และ นับ 3-4 วินาทีตอนลดน้ำหนักลง

ในช่วงเตรียมประกวด โค้ชจะเน้น “ช่วงลด” มากกว่าช่วงยก เพราะช่วยให้กล้ามเนื้อชัดขึ้นแม้คาร์บต่ำ

❌ 3. ขยับข้อศอก หรือท่อนแขนระหว่างทำท่า

สาเหตุ: ไม่วางปลายแขนแน่น หรือไม่มีจุดพิงที่มั่นคง

  • ท่า Wrist Curl ต้องขยับเฉพาะข้อมือเท่านั้น การโยกศอก = ท่าเสียทั้งหมด
  • วิธีแก้: วางปลายแขนแนบต้นขา หรือพิงบนเบาะพอดี แล้วมองข้อมือไว้เป็นจุดโฟกัส

โค้ชใช้วิธี “วางแขนบนผ้าขนหนู” เพื่อให้แนบแน่นกับม้านั่ง ป้องกันการโยกโดยไม่รู้ตัว

❌ 4. ไม่ค้างจังหวะบนเลย (ไม่มี Isometric Hold)

สาเหตุ: เล่นเร็วเกินไป ไม่ใส่ใจจุด Peak

  • การค้างจังหวะบน 1-3 วินาที ช่วยให้กล้ามเกร็งได้เต็มที่ และสร้างความคมให้กล้ามชัดขึ้น
  • วิธีแก้: ฝึกแบบ Tempo Training – ยก 2 วิ, ค้าง 2 วิ, ลด 3 วิ

ในรอบโพสบนเวที กล้ามข้อมือที่ฝึกค้างบ่อย ๆ จะช่วยให้แขนไม่สั่น แม้จะโพสนาน 30 วิ

❌ 5. ฝึกบ่อยเกิน โดยไม่พักฟื้น

สาเหตุ: เข้าใจผิดว่าท่าทำง่าย ต้องฝึกทุกวันถึงจะขึ้น

  • กล้ามเนื้อเล็กต้องพักเช่นกัน โดยเฉพาะข้อมือที่มีเอ็นและข้อต่อ ต้องระวัง Overuse
  • วิธีแก้: เล่นแค่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เว้นวันละ 48 ชม. เพื่อฟื้นฟูกล้ามและเอ็นข้อมือ

โค้ชเคยเจอลูกศิษย์ที่กล้ามไม่ขึ้นเลย เพราะเล่น wrist curl ทุกวันจนเอ็นล้า กลายเป็นข้ออักเสบ

“เล่นถูกดีกว่าเล่นเยอะ”

การฝึกท่า Wrist Curl ให้ได้ผล ต้องอาศัย “คุณภาพของฟอร์ม” มากกว่าปริมาณ ถ้าคุณกำลังฝึกอยู่ ให้ลองย้อนเช็กว่า มีพฤติกรรมเหล่านี้ไหม แล้วปรับให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณเห็นผลเร็ว และปลอดภัยในระยะยาวค่ะ

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Wrist Curl เพื่อสร้างทรงแขนที่สวย

ท่า Wrist Curl เป็นท่าที่โฟกัสกล้ามเนื้อแขนท่อนล่างโดยเฉพาะ ซึ่งหลายคนมองข้ามไปเพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ในการเพาะกายและฟิตเนส กล้ามเนื้อบริเวณนี้คือ “จุดเชื่อมต่อความสวยของแขน” ให้ดูแน่นและสมส่วน โค้ชปุนิ่มขอสรุป 3 กล้ามเนื้อหลักที่ได้จากท่านี้ไว้แบบเข้าใจง่าย:

1. Flexor Carpi Radialis

กล้ามเนื้อหลักที่อยู่บริเวณกลางแขนท่อนล่างด้านใน เป็นกล้ามที่เด่นชัดมากเวลาเราหงายมือขึ้น โค้ชชอบฝึก Wrist Curl เพื่อเน้นจุดนี้ให้ดูแน่นขึ้นช่วงเตรียมประกวด

2. Flexor Carpi Ulnaris

อยู่ฝั่งตรงข้ามของ Radialis ให้ความหนาด้านนอกของแขน เวลาโพสหรือจับอุปกรณ์ในเวทีฟิตเนส กล้ามส่วนนี้จะช่วยให้ทรงแขนดูสมดุล

3. Palmaris Longus (ถ้ามี)

บางคนจะมีกล้ามเนื้อนี้ บางคนไม่มี แต่ท่านี้ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อยาวตามแนวข้อมือ ทำให้เส้นเอ็นและรูปทรงข้อมือชัดขึ้น ซึ่งเป็นดีเทลสำคัญในเวทีประกวด

กล้ามเนื้อพวกนี้จะขึ้นชัดมากเมื่อไขมันลด โค้ชจะฝึกท่านี้ควบคู่กับการควบคุมอาหารเพื่อโชว์ความคมของกล้ามให้ได้สุดทางค่ะ

ผลลัพธ์จริงจากการฝึก Wrist Curl อย่างต่อเนื่อง

การฝึก Wrist Curl ไม่เพียงช่วยเสริมทรงแขน แต่ยังมีประโยชน์เชิงฟังก์ชัน เช่น เพิ่มแรงจับ ป้องกันข้อมือบาดเจ็บ และเสริมพลังในการทำ compound movement อื่น ๆ เช่น Deadlift หรือ Row ด้วย

สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย

งานวิจัยปี 2022 จากกลุ่มทดลอง 100 คนที่ฝึก Wrist Curl ร่วมกับการเล่นเวท full body พบว่า

  • กลุ่มที่ฝึก Wrist Curl สม่ำเสมอ 2 ครั้ง/สัปดาห์
  • มีแรงบีบมือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21% ภายใน 6 สัปดาห์
  • มีความชัดเจนของกล้ามแขนท่อนล่างมากกว่ากลุ่มที่ไม่ฝึก
  • และลดอาการบาดเจ็บข้อมือในผู้ที่เล่นท่า pull ได้มากกว่า 30%

ช่วงก่อนแข่ง โค้ชใช้การฝึก Wrist Curl เป็นส่วนหนึ่งของ finisher set หลังฝึกแขน ช่วยไล่เส้นเลือด ทำให้กล้ามเนื้อเด่นชัดในช่วง Peak ค่ะ

(6) 3 เครื่องมือยอดนิยมในการฝึกท่า Wrist Curl และอุปกรณ์ทดแทนได้

แม้ท่านี้จะดูเหมือนต้องมีอุปกรณ์เฉพาะ แต่ความจริงแล้วสามารถประยุกต์ได้หลายแบบมาก โค้ชปุนิ่มแนะนำเครื่องมือหลัก ๆ ที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร

1. Barbell หรือ EZ Bar

  • เหมาะกับผู้ที่อยากฝึกกล้ามแขนล่างทั้งสองข้างพร้อมกัน
  • ใช้งานคู่กับม้านั่ง หรือวางปลายแขนบนต้นขาได้ง่าย

2. Dumbbell

  • เหมาะสำหรับฝึกทีละข้าง ช่วยแก้สมดุลของกล้ามเนื้อซ้าย-ขวา
  • สามารถเล่นได้ที่บ้าน แม้ไม่มีเบาะ ก็เล่นบนเก้าอี้ได้

3. Wrist Roller หรือสายพันข้อมือ

  • เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเน้นการฝึกกล้ามเนื้อปลายแขนแบบ Dynamic
  • เหมาะกับคนที่ต้องการพัฒนา grip strength สำหรับกีฬาอื่น ๆ

อุปกรณ์ทดแทนได้: ขวดน้ำทราย, ถุงข้าวสาร, เชือกผูกกับไม้ถ่วงน้ำหนัก

โค้ชปุนิ่มเคยใช้วิธีนี้กับนักเรียนที่ฝึกจากบ้านช่วงโควิด และเห็นผลจริงค่ะ

(7) ท่า Wrist Curl เหมาะสำหรับใคร?

โค้ชขอบอกเลยว่า ท่านี้ เหมาะกับทุกคน ที่ต้องการพัฒนากล้ามแขนให้สวยและใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็น:

  • ผู้หญิงที่อยากลดอาการแขนล้าเวลาทำงานบ้าน
  • ผู้ชายที่ต้องการทรงแขนคมชัด
  • นักกีฬาเทรล, ปีนเขา หรือกีฬาที่ต้องใช้แรงจับ
  • คนทำงานออฟฟิศที่นั่งพิมพ์นาน ๆ และเสี่ยงข้อมือล้า

💬 Insight: ในการสอนนักเรียนที่หลากหลาย โค้ชใช้ท่านี้เป็น “ท่าพื้นฐานสำหรับฝึกความมั่นใจ” เพราะใครก็ฝึกได้แม้ไม่มีฟอร์มมาก่อน และเห็นกล้ามชัดไวกว่า expected

(8) ควรฝึกท่า Wrist Curl ร่วมกับท่าอะไร เพื่อผลลัพธ์ที่เร็วที่สุด?

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด โค้ชแนะนำให้ฝึก Wrist Curl ควบคู่กับท่าที่ช่วยเสริมแรงแขนและความสมดุลของกล้ามเนื้อ เช่น:

1. Reverse Wrist Curl (คว่ำมือ)

  • เสริมกล้ามเนื้อด้านนอกให้สมดุลกับด้านใน

2. Farmer’s Walk

  • ฝึกการจับคานหรือดัมเบลหนัก เดินเป็นระยะ ช่วยพัฒนาการคุมข้อมือ

3. Barbell Row / Dumbbell Row

  • เสริมแรงดึงให้แน่น และใช้กล้ามปลายแขนร่วม

สูตรการฝึกของโค้ชปุนิ่ม:

✔ Wrist Curl – 3 เซ็ต 12-15 ครั้ง

✔ Reverse Curl – 3 เซ็ต 12 ครั้ง

✔ Farmer’s Walk – 20 เมตร 3 เซ็ต

ฝึกสลับกันใน 1 วัน จะช่วยให้กล้ามเนื้อสมดุล สวย ชัด และไม่บาดเจ็บค่ะ

สรุปจากโค้ชปุนิ่ม

ท่า Wrist Curl อาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยท่าในโลกของเวทเทรนนิ่ง แต่ในมุมของโค้ช มันคือท่าที่ช่วยฝึก “ความใส่ใจในรายละเอียด” ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องกล้าม แต่คือวินัยที่สะท้อนถึงความตั้งใจของคนฝึกด้วย

“เพราะรายละเอียดเล็ก ๆ ทำให้คุณต่างจากคนอื่นบนเวที และในชีวิตจริง”

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม