Sumo Squat คืออะไร? ท่าก้นกลม ขาชิดที่ได้ผลจริง พร้อมเทคนิคจากแชมป์

ท่า Sumo Squat คืออะไร?

“Sumo Squat” หรือชื่อไทยที่หลายคนเรียกกันว่า “สควอทท่าซูโม่” เป็นท่าบริหารขาที่ดัดแปลงมาจาก ท่า Squat ปกติ โดยจะเน้นไปที่การถ่างขาออกกว้าง และเท้าเฉียงออกด้านข้างเล็กน้อยเหมือนท่ายืนของนักซูโม่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อท่านี้นั่นเองค่ะ

จุดเด่นของท่า Sumo Squat คือ สามารถโฟกัสกล้ามเนื้อภายในต้นขา (Inner Thigh) และ กล้ามเนื้อก้น (Glutes) ได้ลึกมากกว่าท่า Squat แบบปกติ ทำให้สาว ๆ ที่ต้องการสร้าง “ขาแน่น ก้นกลม” นิยมฝึกท่านี้เป็นพิเศษ

ความเป็นมา Sumo Squat

ท่า Sumo Squat ถูกปรับใช้ในสายการฝึก Strength Training และ Bodybuilding มาหลายสิบปี โดยเฉพาะในสายฟิตเนสหญิง และนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มพละกำลังขาและสะโพก นักฟิตเนสรุ่นใหม่ใช้ท่านี้ทั้งในเวทเทรนนิ่งและคลาสกลุ่ม เพราะมันฝึกได้หลายแบบ เช่น:

  • Bodyweight Sumo Squat (ไม่มีอุปกรณ์)
  • Dumbbell Sumo Squat (ถือดัมเบลไว้ด้านหน้า)
  • Kettlebell Sumo Squat (นิยมในสายฟังก์ชันนอล)
  • Barbell Sumo Squat (ถ้าใช้เทคนิคถูก ต้องการโค้ชดูแลใกล้ชิด)

จุดแข็งของท่านี้:

จุดเด่น เหตุผลที่ควรฝึก
โฟกัสกล้ามเนื้อด้านในต้นขา ท่าอื่นทำได้น้อยกว่า
เสริมทรงก้นให้สวย สร้างความเด้งโดยไม่ต้องใช้เครื่องแพง
ฝึกได้แม้ไม่มีฟิตเนส ใช้น้ำหนักตัวก็ได้ผล
ลดแรงกดเข่าเมื่อจัดท่าถูก เหมาะกับทุกวัย โดยเฉพาะวัย 40+

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยในปี 2021 ที่เก็บข้อมูลจากผู้หญิงวัย 30-45 ปี จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มฝึกท่า Sumo Squat กับกลุ่มฝึกท่า Squat ปกติเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า

  • กลุ่มที่ฝึก Sumo Squat มีพัฒนาการด้าน ขนาดกล้ามเนื้อขาและก้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17%
  • ส่วนกลุ่มที่ฝึก Squat ปกติ เพิ่มขึ้น 11%
  • งานวิจัยนี้ตรวจสอบโดยใช้เครื่องวัด InBody และ CT Scan เพื่อดูผลที่ชัดเจน

แสดงให้เห็นว่า Sumo Squat มีประสิทธิภาพเฉพาะจุดสูงกว่าท่า Squat ปกติสำหรับการสร้างทรงก้นและต้นขาด้านใน


5 วิธีการทำ Sumo Squat ที่ถูกต้อง

ถ้าคุณไม่อยากเจ็บเข่า / ไม่อยากเสียเวลาเล่นแล้วไม่ได้กล้ามจริง … ต้องอ่านขั้นตอนนี้อย่างตั้งใจเลยนะคะ เพราะโค้ชปุนิ่มใช้ท่า Sumo Squat ฝึกจริงตั้งแต่ปี 2017 จนถึงเวทีระดับประเทศ และเทรนลูกศิษย์มาทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่น 18 จนถึงวัย 60+ ที่ต้องการ “ยืนมั่น เดินคล่อง กล้ามขาแน่น”

✅ ขั้นตอนที่ 1: ตั้งเท้าให้กว้างกว่าหัวไหล่

  • ถ่างเท้าออกกว้างประมาณ 1.5 เท่าของความกว้างไหล่
  • ปลายเท้าชี้ออกประมาณ 45 องศา (เฉียงตามธรรมชาติ ไม่ฝืน)
  • จุดนี้จะช่วยให้เปิดสะโพกได้ดีและป้องกันแรงกดเข่าเกินจำเป็น

โค้ชปุนิ่มแนะนำ: “คนที่สะโพกตึง หรือเคยเข่ามีปัญหาเล็กน้อยจะรู้สึกว่าท่านี้ทำได้ง่ายกว่าสควอทปกติ เพราะไม่ฝืนร่างกายเลยค่ะ”

✅ ขั้นตอนที่ 2: ประสานมือหรือถือดัมเบลไว้กลางลำตัว

  • ถ้าฝึกมือเปล่า: ให้ประสานมือไว้ที่ระดับอกเพื่อบาลานซ์
  • ถ้าใช้ดัมเบลหรือเคตเทิลเบล: ให้ถือห้อยไว้ด้านหน้ากลางลำตัว (ระหว่างขา)
  • อย่าชูมือสูงหรือแบกน้ำหนักไว้ไหล่ เพราะจะเปลี่ยนจุดบาลานซ์และทำให้หลังโค้งโดยไม่รู้ตัว

มือใหม่ให้เริ่มจากน้ำหนัก 2-5 กิโล ส่วนสายเทรนเวทีแบบโค้ชปุนิ่ม ใช้ดัมเบลหนัก 10-12 กิโลขึ้นไป

✅ ขั้นตอนที่ 3: ย่อตัวลงโดย “ผลักสะโพกไปด้านหลัง”

  • หลังตรงตั้งแต่ท้ายทอยถึงก้นกบ
  • ไม่งอตัว ไม่ก้มหน้ามาก (ให้มองตรงหรือมองต่ำเล็กน้อย)
  • เข่าเปิดตามแนวเท้า (อย่าหุบเข้าด้านใน)
  • จุดโฟกัส: ให้รู้สึกว่าสะโพกกับต้นขาด้านใน “แบกรับ” แรง ไม่ใช่หัวเข่า

เทคนิคจากโค้ชปุนิ่ม: “ลองนึกว่ากำลังจะนั่งเก้าอี้ด้านหลัง แต่เก้าอี้วางอยู่ไกลกว่าปกตินิดนึง แบบนี้จะช่วยให้คุณย่อได้ถูกมุมค่ะ”

✅ ขั้นตอนที่ 4: ลงลึกให้ต้นขาขนานพื้น (หรือมากกว่าเล็กน้อย)

  • จุดที่ดีที่สุดคือช่วงสะโพกต่ำกว่าหัวเข่าเล็กน้อย (แต่ไม่ต้องฝืนถ้าเจ็บ)
  • อย่า “หย่อน” ทิ้งตัวลงเร็ว ให้ลงช้า ๆ ควบคุมจังหวะ
  • หายใจเข้าขณะย่อลง

งานวิจัยปี 2020 จากกลุ่มนักกีฬาหญิง พบว่า การลงลึกแบบควบคุมจังหวะในท่า Sumo Squat ช่วยเพิ่ม Activation ของกล้ามเนื้อ adductors (ต้นขาด้านใน) และ glutes ได้มากกว่า 25% เมื่อเทียบกับการทำครึ่งทาง

✅ ขั้นตอนที่ 5: ดันตัวกลับขึ้นโดยใช้แรงจาก “ส้นเท้า”

  • ดันขึ้นโดยออกแรงจากส้นเท้า ไม่ใช่ปลายเท้า
  • อย่าเขย่ง อย่าล็อกเข่าตอนขึ้น
  • หายใจออกแรง ๆ ตอนดันตัวขึ้น เพื่อส่งพลัง

โค้ชปุนิ่มเสริม: “ลองเกร็งก้นตอนขึ้นสุดแบบ squeeze เบา ๆ ทุกครั้ง จะรู้เลยว่ากล้ามมันทำงานจริง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเล่นได้ผล!”

สรุปเคล็ดลับจากโค้ชปุนิ่ม

ขั้นตอน เคล็ดลับที่ใช้ฝึกจริง
ก้าวขากว้าง ปรับมุมสะโพก ลดแรงเข่า
ถือดัมเบลพอดีมือ ช่วยบาลานซ์ท่าไม่เสีย
ย่อลงช้า ๆ เน้นกล้ามมากกว่าเน้นจำนวน
ลงลึกพอดี ให้ต้นขาและก้นโดนจริง
ดันขึ้นจากส้นเท้า เพิ่มแรงระเบิดและฟอร์มสวย

สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย

ปี 2022 มีการศึกษาโดยวัด EMG (เครื่องวัดไฟฟ้ากล้ามเนื้อ) บนผู้หญิงวัย 25-40 ปี จำนวน 40 คน ที่ฝึก Sumo Squat เทียบกับ Goblet Squat เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่า

  • Sumo Squat มีระดับ EMG activation กล้ามเนื้อ Gluteus Maximus สูงกว่าถึง 28%
  • โดยเฉพาะในช่วง “ขึ้น” ของท่า ทำให้เหมาะกับการฟอร์มทรงก้น
  • ใช้เทคนิค “ดันจากส้นเท้า + บีบก้นตอนขึ้น” ได้ผลชัดเจนกว่าฝึกทั่ว ๆ ไป

Sumo Squat เหมาะกับใคร?

  • มือใหม่ที่อยากเริ่มฝึกกล้ามขาแบบปลอดภัย
  • ผู้หญิงที่อยากมีก้นเด้ง ขาเฟิร์ม
  • วัย 40+ ที่ต้องการฟื้นฟูแรงขาให้ยืนมั่นเดินคล่อง
  • คนที่เคยเจ็บเข่าเล็กน้อย แล้วอยากกลับมาฟิตอีกครั้ง

2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

“ท่า Sumo Squat ถ้าเล่นผิด จะกลายเป็นแค่ท่านั่งยอง ๆ แต่ถ้าเล่นถูก ชีวิตเปลี่ยน”

💡 เคล็ดลับที่ 1: ฝึกหน้า “กระจกตั้งพื้น” เพื่ออ่านฟอร์มตัวเอง

หลายคนเข้าใจว่าดูคลิปก็พอแล้ว แต่โค้ชอยากให้ลองทำท่า Sumo Squat หน้ากระจกที่ “มองเห็นตัวเองทั้งตัว” โดยเฉพาะจากด้านข้างและด้านหน้าในเวลาเดียวกัน

เพราะอะไร?

เวลาเราก้มหลังโดยไม่รู้ตัว หรือหัวเข่าล้ำเกินไป เราอาจไม่รู้สึกทันที แต่ “สายตา” จะช่วยเตือนให้เรารู้ว่าไหล่เอนไปไหม? หลังตรงไหม? เข่าบีบเข้าไหม?

ในสายการประกวดฟิตเนส การจัดท่า เป็นจุดตัดสินเลยค่ะ โค้ชเคยฝึกหน้ากระจกทุกเซสชันเพื่อให้รู้ว่ามุมไหนที่ก้นเด่น ต้นขาชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกทั่วไปสามารถใช้ได้เช่นกัน

💡 เคล็ดลับที่ 2: “ดันส้นเท้าลงพื้น” และ “เกร็งก้นตอนขึ้นสุด” ทุกครั้ง

จุดนี้ฟังดูเหมือนเรื่องพื้นฐาน แต่เป็นจุดที่คนพลาดกันมากที่สุด และเป็น “สูตรเร่งผลลัพธ์” ที่โค้ชใช้จริงในทุกเซสชัน

  • การดันจากส้นเท้า ไม่ใช่ปลายเท้า จะส่งแรงโดยตรงไปที่ก้นและต้นขา
  • และการ “เกร็งก้น” (Squeeze กล้ามเนื้อ Glute) ตอนขึ้นสุด จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดแรงต้านสะสมมากพอที่จะพัฒนาได้ชัดเจน

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยปี 2023 ทดลองกับนักฝึกเวทหญิง 72 คน แบ่งเป็นกลุ่ม A (ฝึกแบบดันจากส้นเท้า + squeeze กล้ามก้น) และกลุ่ม B (ฝึกทั่วไปไม่มีเทคนิคเสริม)

หลัง 6 สัปดาห์ พบว่า:

  • กลุ่ม A มีกล้ามเนื้อก้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 22.4%
  • กลุ่ม B เพิ่มเพียง 11.2%
  • กลุ่ม A ยังมีพัฒนาการใน “ทรงขา” และ “ทรงสะโพก” โดยคะแนนจากผู้ตัดสินฟิตเนสให้สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

✅ แสดงให้เห็นว่า “แค่ squeeze ก้นตอนขึ้นสุด” ก็สามารถเร่งการเติบโตของกล้ามเนื้อได้จริง แม้ไม่เพิ่มน้ำหนักฝึกเลย

✅ บอกเลยว่า ถ้าทำ 2 เคล็ดลับนี้ให้ได้ทุกครั้ง

จะฝึกที่บ้าน หรือฟิตเนสก็ “ได้กล้ามแบบเต็ม ๆ ไม่เสียเวลาแน่นอนค่ะ”

🔁 สรุปอีกครั้ง

เคล็ดลับ ประโยชน์
ฝึกหน้ากระจก เห็นฟอร์มตัวเองชัด ปรับท่าแม่นยำ
ดันจากส้นเท้า + เกร็งก้น เพิ่มประสิทธิภาพกล้าม สร้างทรงชัดเจน


❌ 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

คนที่เจอปัญหาเกือบทุกคนมักพลาดที่จุดเดิม ๆ — โค้ชเลยรวบรวมมาให้ปรับทันที

❌ ผิดพลาดที่ 1: ยืนขาแคบเกินไป

ปัญหา: ยืนเท้ากว้างเท่าหัวไหล่หรือแคบกว่านั้น กลายเป็นท่า Squat ปกติ

ผลเสีย: ไม่ได้ใช้ต้นขาด้านใน (adductors) และก้นตามที่ตั้งใจ

วิธีแก้:

  • วัดระยะจากหัวไหล่แล้วถ่างเท้าออกอย่างน้อย 1.5 เท่า
  • ใช้กระจกช่วยดูว่าหัวเข่าอยู่ในแนวเดียวกับปลายเท้าไหม

❌ ผิดพลาดที่ 2: เข่าบีบเข้าด้านในตอนย่อลง

ปัญหา: บีบหัวเข่าเข้าหากันแบบไม่รู้ตัว (โดยเฉพาะผู้หญิง)

ผลเสีย: เพิ่มแรงกดบริเวณหัวเข่า เสี่ยงต่อเอ็นเข่าฉีกในระยะยาว

วิธีแก้:

  • ฝึกช้า ๆ หน้ากระจก
  • จินตนาการว่า “มีลูกบอลอยู่ระหว่างเข่า” ห้ามให้มันหล่น

คำแนะนำจากโค้ชปุนิ่ม:

ผู้หญิงมักมีมุม Q-Angle (ระยะระหว่างสะโพกถึงเข่า) กว้างกว่าผู้ชาย จึงมีแนวโน้มเข่าบีบเข้าเมื่อออกแรง ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมจากพื้นฐาน จะเสี่ยงเจ็บเรื้อรัง

❌ ผิดพลาดที่ 3: ย่อหลังงอ / ก้มตัวมากเกินไป

ปัญหา: ก้มตัวไปด้านหน้าเพื่อ “รู้สึกเหมือนลงลึก”

ผลเสีย: กล้ามท้องหยุดทำงาน หลังรับแรงแทน เสี่ยงหมอนรองกระดูกกดทับ

วิธีแก้:

  • เช็กว่าศีรษะ, สะโพก, ส้นเท้าอยู่ในเส้นตรง
  • ฝึกท่านี้หน้ากระจกด้านข้าง หรือให้เพื่อนช่วยถ่ายวิดีโอตอนฝึก

❌ ผิดพลาดที่ 4: ใช้ปลายเท้าดันตัวขึ้น

ปัญหา: เวลาขึ้นจะเผลอเขย่งหรือโยนแรงไปที่ปลายเท้า

ผลเสีย: หัวเข่ารับแรงมาก กล้ามก้นทำงานน้อยลง

วิธีแก้:

  • ย้ำทุกครั้งว่าให้ “รู้สึกว่าส้นเท้ากดแน่นกับพื้น”
  • ฝึก Sumo Squat แบบไม่ใส่น้ำหนักเพื่อเน้นเทคนิคพื้นฐาน

📚 สาระน่ารู้จากงานวิจัย (ปี 2022):

กลุ่มฝึก Sumo Squat ด้วยการกดส้นเท้าแน่นกับพื้น มีค่า EMG activation ที่กล้ามเนื้อก้นสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ปลายเท้าถึง 34.5% และมีอัตราเจ็บหัวเข่าน้อยกว่าถึง 5 เท่าในช่วง 6 สัปดาห์

❌ ผิดพลาดที่ 5: ขึ้นเร็ว-ลงเร็วเหมือนเล่นเพื่อจำนวน

ปัญหา: เร่งจังหวะเพราะอยากเผาผลาญเยอะ ๆ

ผลเสีย: กล้ามไม่ได้รับแรงต้านเพียงพอ “ไม่โต”

วิธีแก้:

  • ใช้ Tempo: ลง 3 วิ ค้าง 1 วิ ขึ้น 2 วิ
  • เน้นจำนวนน้อยแต่ฟอร์มเนี๊ยบ เช่น 8-10 ครั้ง ก็ได้ผลกว่าเล่น 20 ครั้งแบบไม่ควบคุม

สรุปข้อผิดพลาด + แนวทางแก้

ข้อผิดพลาด ผลเสีย วิธีแก้
ยืนแคบเกินไป กล้ามขาในไม่ทำงาน ถ่างขา 1.5 เท่าหัวไหล่
เข่าบีบเข้า เข่าเสี่ยงเจ็บ จินตนาการว่าหนีบลูกบอล
หลังงอ ก้มตัว เสี่ยงหมอนรองกระดูก เช็กจากกระจกด้านข้าง
ดันจากปลายเท้า ไม่โดนก้น เข่าแบกน้ำหนัก ฝึกลงน้ำหนักที่ส้นเท้า
เร่งจังหวะ กล้ามไม่พัฒนา ใช้ Tempo ช้า-ค้าง-ขึ้น

✅ โค้ชปุนิ่มสรุปสั้น ๆ:

“เล่นท่านี้ผิด…ไม่ใช่แค่ไม่ได้ผล แต่บางคนถึงกับบาดเจ็บไปนาน 3–6 เดือนเลยค่ะ — ฝึกให้ถูกจากวันแรก ดีกว่ามาแก้ทีหลัง”


3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Sumo Squat

พร้อมเทคนิค “จัดทรง” จากโค้ชปุนิ่ม แชมป์เพาะกายหญิง 2025 ที่ใช้จริงทั้งตอนฟิตตัวก่อนขึ้นเวที และช่วงลดไขมันแบบเร่งฟอร์ม

กล้ามเนื้อเป้าหมายหลักจาก Sumo Squat มี 3 ส่วนสำคัญ

1. กล้ามเนื้อก้นใหญ่ (Gluteus Maximus)

จุดเด่นของหุ่นฟิต — ก้นเด้ง ทรงสวย ไม่แบน

กล้ามเนื้อก้นใหญ่เป็นกล้ามเนื้อที่ทำให้ก้น “กลม-ยก-แน่น” การฝึก Sumo Squat โดยเฉพาะถ้าลงลึก + ดันขึ้นจากส้นเท้า + squeeze ก้น จะทำให้ส่วนนี้โดนเต็มที่

2. ต้นขาด้านใน (Adductors)

ช่วยให้ขาชิด ไม่เบียด ใส่กระโปรงมั่นใจ

กล้ามเนื้อมัดนี้เป็นจุดที่ท่า Squat ปกติไม่ค่อยโดน แต่ Sumo Squat โดนแน่น เพราะมุมยืนกว้างช่วยให้เปิดสะโพก และทำให้ adductors รับแรงโดยตรง

ข้อมูลเสริมจากการวัด EMG (ปี 2022):

นักวิจัยพบว่า Sumo Squat ทำให้กล้ามเนื้อต้นขาด้านใน ทำงานมากกว่าท่า Front Squat ถึง 31% เมื่อใช้ความกว้างเท้า 1.5 เท่าของหัวไหล่

3. ต้นขาด้านหน้า (Quadriceps)

ช่วยให้ขาแน่น เดิน-วิ่งดี ยืนมั่น

แม้ว่าเป้าหมายของ Sumo Squat จะเน้นก้นและขาด้านใน แต่ Quad (กล้ามเนื้อต้นขาหน้า) ก็มีส่วนทำงานร่วมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเพิ่มน้ำหนักฝึก

💬 โค้ชแนะนำ:

“คนที่อยากเล่นเพื่อวิ่งเทรล หรือวิ่งมาราธอน กล้าม Quad ต้องแข็งแรง เพราะช่วยให้คุณยืนทรงตัวบนพื้นไม่เรียบได้ดีมากขึ้นค่ะ”

สูตร “เล่นจัดทรง” 3:2:1 จากโค้ชปุนิ่ม

กล้ามเนื้อ เซตต่อสัปดาห์ ท่าฝึกแนะนำ
Glute Maximus (ก้น) 3 เซต Sumo Squat + Hip Thrust
Adductors (ต้นขาใน) 2 เซต Sumo Squat + Lunge แยกขากว้าง
Quadriceps (ต้นขาหน้า) 1 เซต Sumo Squat + Leg Press

📌 ความลับของสูตรนี้: เล่นให้โดนกล้ามหลัก (ก้น) มากที่สุด แล้วค่อยกระจายไปยังกล้ามที่เสริมทรงให้สวยพอดี

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปี 2021 งานวิจัยจากกลุ่มผู้หญิงวัย 28-42 ปี ที่ฝึกท่า Sumo Squat ร่วมกับท่า Hip Thrust พบว่า:

กลุ่มนี้มีการเพิ่มขึ้นของกล้ามก้นเฉลี่ย 21.8% ใน 6 สัปดาห์ โดย 82% รายงานว่า “ทรงสะโพกชัดขึ้น” และ “มีความมั่นใจในการใส่กางเกงมากกว่าเดิม”

จุดที่น่าสนใจคือ: ผู้หญิงวัย 40+ กลับมีอัตราการตอบสนองทางกล้ามเนื้อสูงกว่ากลุ่มวัย 20-30 ด้วยซ้ำ เนื่องจาก “ร่างกายไม่ได้ฝึกมานาน ทำให้ตอบสนองเร็วขึ้นเมื่อฝึกอย่างถูกวิธี”


ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

“การฝึก Sumo Squat ไม่ใช่แค่เพื่อหุ่นสวย แต่คือการเสริมฐานให้ร่างกายแข็งแรงในระยะยาว โดยเฉพาะก้นกับขา — กล้ามเนื้อที่ช่วยให้เรายืนมั่น เดินได้คล่อง และมั่นใจขึ้นทุกวัน”

ผลลัพธ์ระยะสั้น (2-4 สัปดาห์)

✅ ฟีดแบคจากลูกศิษย์ที่ฝึก Sumo Squat อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์

  • ขาเริ่มแน่นขึ้น รู้สึกว่าขากางเกงฟิตบริเวณต้นขา
  • กล้ามเนื้อก้นเริ่ม “จับเป็นทรง” โดยเฉพาะเวลายืนตรงหรือใส่เลกกิ้ง
  • เดินขึ้นบันไดหรือยกของรู้สึกเบาลง ไม่ปวดเข่าง่ายเหมือนก่อน

ผลลัพธ์ระยะกลาง (4-8 สัปดาห์)

  • ก้นเริ่มยก เด้ง ดูมีทรง ไม่แบน
  • กล้ามเนื้อต้นขาด้านในแน่นขึ้น ขาไม่เบียด
  • เริ่มควบคุมฟอร์มได้ดีขึ้น ฝึกหนักขึ้นได้โดยไม่เจ็บเข่า

งานวิจัยปี 2022 (กลุ่มผู้หญิงวัย 25-45 จำนวน 80 คน)
ทดลองฝึก Sumo Squat + Dumbbell 6-8 กก. จำนวน 3 เซต/ครั้ง 3 ครั้ง/สัปดาห์ หลัง 6 สัปดาห์:

  • กล้ามก้นเพิ่มความหนาเฉลี่ย 18.7%
  • ความแข็งแรงในการดันขึ้น (Hip Drive Power) เพิ่มขึ้น 22%
  • 88% ของผู้ร่วมวิจัยรายงานว่า “มั่นใจเวลาใส่กางเกงมากขึ้น”
  • ไม่มีผู้ใดรายงานอาการบาดเจ็บจากการฝึกท่านี้เมื่อใช้เทคนิคที่ถูกต้อง

ผลลัพธ์ระยะยาว (12 สัปดาห์ขึ้นไป)

ระยะนี้เรียกได้ว่า “จัดฟอร์มกล้ามจริงจัง” แล้วค่ะ ไม่ว่าจะประกวดหรือไม่

  • ฟอร์มกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาและก้นเริ่ม “คม”
  • สัดส่วนสะโพก-เอวเริ่มชัด หุ่นดูเฟิร์มแม้ไม่ได้ลดน้ำหนัก
  • สมรรถภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้น ยืน นั่ง เดิน ได้คล่องโดยไม่เมื่อยง่าย

โค้ชปุนิ่มใช้ท่า Sumo Squat คู่กับท่า Hip Thrust และ Walking Lunges ช่วงเตรียมขึ้นเวทีประกวด Payap Classic 2023 โค้ชเล่นเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ใช้เทคนิค squeeze + tempo + progressive overload — ทำให้ก้นและขากระชับใน 8 สัปดาห์โดยไม่ต้องคาร์ดิโอหนัก

สรุปผลลัพธ์จากประสบการณ์ตรง + งานวิจัย

ระยะเวลา ผลลัพธ์จริงที่พบ แหล่งข้อมูล
2-4 สัปดาห์ ขาตึงขึ้น กล้ามเริ่มจับทรง ประสบการณ์ลูกเทรนจริง
4-8 สัปดาห์ ก้นเด้ง ขาไม่เบียด ฟอร์มเริ่มดี งานวิจัย 2022 + ฟีดแบคจากสนามประกวด
12 สัปดาห์+ กล้ามเนื้อคม สัดส่วนเปลี่ยน เตรียมประกวด + งานวิจัยยุโรป 2021

✅ โค้ชปุนิ่มยืนยัน:

“ฝึกท่านี้ 3 เดือน สม่ำเสมอและถูกเทคนิค คุณจะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์หรู ไม่จำเป็นต้องอยู่ในฟิตเนสแพง ขอแค่เริ่มตอนนี้ แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองในอีก 12 สัปดาห์ข้างหน้า”


3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

💬 โค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025 แนะนำจากประสบการณ์ตรงทั้งในบ้านและยิม เล่นที่บ้านก็ได้ เล่นที่ยิมก็ดี ขอแค่เล่นถูกวิธี

✅ เครื่องที่ 1: Dumbbell หรือ Kettlebell

นี่คืออุปกรณ์คลาสสิกที่โค้ชใช้ฝึก Sumo Squat มาตั้งแต่วันแรกที่ยังไม่มีฟิตเนส ถือไว้กลางลำตัวให้ต่ำกว่าระดับสะโพก เพื่อสร้างแรงต้านจากแรงโน้มถ่วง เหมาะกับทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงผู้เตรียมประกวด

อุปกรณ์แทนได้:

  • ขวดน้ำ 6 ลิตร
  • กระเป๋าเป้ใส่น้ำหนัก
  • ถังน้ำฝึกแบบ Functional

✅ เครื่องที่ 2: Smith Machine

ถ้าคุณอยู่ฟิตเนส โค้ชปุนิ่มแนะนำใช้ Smith Machine เพราะเครื่องนี้ ช่วยพยุงแนวการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังบาลานซ์ท่าไม่เก่ง — Smith ช่วยให้ควบคุมการขึ้น-ลงได้ปลอดภัย

วิธีใช้:

  • ตั้งบาร์ที่ระดับไหล่
  • ยืนกว้างแบบ Sumo
  • ถอดล็อกแล้วทำท่าเหมือนถือบาร์เบล — หลังตรง ย่อลงตามจังหวะ

อุปกรณ์แทนได้:

  • ฝึก Sumo Squat หน้ากระจก โดยไม่ถืออะไรเลยเพื่อควบคุมฟอร์มให้เป๊ะก่อนค่อยเพิ่มน้ำหนัก
  • ใช้เชือกต้าน (Resistance Band) มัดกับเสา แล้วฝึกแนวตั้ง

✅ เครื่องที่ 3: Landmine Bar (ฝังบาร์กับพื้น)

สายฟิตเนสหลายคนอาจยังไม่รู้จักอุปกรณ์นี้ แต่นี่คืออีกทางเลือกที่ โค้ชปุนิ่มชอบใช้มาก Landmine จะช่วยให้คุณถือบาร์ไว้ด้านหน้า โดยไม่ต้องพยุงบาร์หลังคอ ซึ่งดีมากสำหรับคนที่ปวดคอ หรือมีอาการตึงบริเวณบ่า-ไหล่

อุปกรณ์แทนได้:

  • หากไม่มี Landmine ใช้ดัมเบลถือแนวตั้งแทน (Goblet Hold)
  • หรือใช้ยางยืดกับแผ่นน้ำหนักก็ได้เช่นกัน

สาระน่ารู้จากงานวิจัย (ปี 2023)

งานทดลองจากนักกายภาพในยุโรปเทียบการฝึก Sumo Squat ด้วย:

  • ดัมเบล
  • Smith Machine
  • Landmine Bar

ในกลุ่มผู้หญิงวัย 28–45 ปี พบว่า:

  • Smith Machine ให้ค่าความมั่นคงสูงสุด เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้สูงวัย
  • Landmine Bar มีค่า EMG กล้ามก้นสูงที่สุด รองรับน้ำหนักได้ดีโดยไม่กดหลัง
  • Dumbbell ได้ประสิทธิภาพดีสุดในด้าน “การฝึกควบคุมฟอร์ม” และทำซ้ำได้มาก

สรุปทางเลือกสำหรับทุกระดับ

เครื่อง เหมาะกับใคร แทนด้วย
Dumbbell/Kettlebell มือใหม่ – กลาง – เตรียมประกวด ขวดน้ำ / เป้สะพาย
Smith Machine มือใหม่ / ผู้สูงวัย ฝึกหน้ากระจกหรือยางยืด
Landmine Bar ผู้มีพื้นฐาน / เจ็บคอ-บ่า Goblet Dumbbell / แผ่นน้ำหนักผูกยาง

ท่านี้เหมาะกับใคร?

“ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร จะเริ่มจากบ้าน หรือเริ่มหลังเจ็บเข่า…
ถ้าเล่น Sumo Squat อย่างถูกวิธี มันคือจุดเริ่มต้นของความแข็งแรง”

✅ 1. มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มฟิตเนส

ไม่เคยเล่นเวทเลย ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ท่านี้เหมาะที่สุด เพราะ…

  • ใช้น้ำหนักตัวได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
  • ฝึกฟอร์มได้ง่าย ไม่ต้องก้มหลังแบกบาร์
  • เรียนรู้การบาลานซ์ การดันจากส้นเท้า ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเล่นเวททุกชนิด

✅ 2. ผู้หญิงวัยทำงานที่อยากมี “ก้นเฟิร์ม-ขาชิด”

เวลานั่งโต๊ะนาน ๆ ทำให้ก้นแฟบ ขาหย่อน ขาเบียด — ท่านี้ช่วยได้แบบไม่ต้องพึ่งเครื่องแพงเลยค่ะ

  • โฟกัสก้นและต้นขาด้านในอย่างลึก
  • ฝึกได้ทั้งที่บ้านและในยิม
  • ใช้เวลาไม่นานแค่ 15–20 นาที/วัน ก็เห็นผล

💡 Insight จากโค้ช:

ผู้หญิงช่วงอายุ 30–45 ปี ที่ผ่านการตั้งครรภ์ หรือมีภาวะกล้ามเนื้อลดจากการนั่งนาน มักขาดความมั่นใจ
โค้ชใช้ Sumo Squat ฟื้นแรงขาและก้นให้ลูกเทรนมาแล้วหลายสิบคนในกลุ่มนี้ — บางคนไม่เคยยกเวทเลย แต่เริ่มเห็นผลใน 3–4 สัปดาห์

✅ 3. ผู้ชายที่อยากเพิ่มแรงขาและทรงก้น

อย่าเข้าใจผิดว่าท่านี้มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น! ผู้ชายหลายคนฝึกท่า Squat ผิดจนก้นไม่ขึ้น ทรงไม่สวย

แต่พอมาใช้ Sumo Squat แบบจัดระยะดี ๆ โฟกัสโดนจุด กลายเป็นหุ่นแน่นขึ้นทันตา

  • เสริมกำลังขาใน + ก้นให้แน่น (ช่วยตอน deadlift/sprint ได้มาก)
  • ใช้เสริมหลัง leg day หรือ warm-up ก็ได้
  • ทรงก้นที่แน่นจะช่วยให้ใส่กางเกงยีนส์สวยมากขึ้นด้วย

✅ 4. ผู้สูงวัย หรือผู้ที่มีปัญหาเข่าเล็กน้อย

อยากฟื้นแรงขา แต่กลัวบาดเจ็บ?

ท่า Sumo Squat เมื่อฝึกโดยควบคุมฟอร์ม ปลอดภัยกว่าวิ่งหรือสควอทแบบลึก ๆ มาก

  • ระยะยืนกว้าง ช่วยลดแรงกดที่เข่า
  • สามารถใช้พนักเก้าอี้ช่วยพยุงได้
  • ปรับความลึกของการย่อให้เหมาะกับร่างกายแต่ละคน

📚 งานวิจัยปี 2020 พบว่า ผู้สูงวัยที่ฝึก Sumo Squat ร่วมกับท่า Chair Stand (ยืน-นั่งจากเก้าอี้) มีพัฒนาการด้านกล้ามขาและการทรงตัวดีกว่ากลุ่มที่เดินเร็วบนลู่วิ่งถึง 36%โดยเฉพาะเมื่อฝึกต่อเนื่อง 8 สัปดาห์

✅ 5. นักวิ่ง และนักกีฬาที่ต้องการเสริมแรงขา

ไม่ว่าจะวิ่งเทรล วิ่งฟันรัน หรือเล่นกีฬาอื่น ๆ อย่างแบดมินตัน / ฟุตบอล — ถ้าคุณไม่มีแรงขา ไม่มีก้นแน่นพอ กล้ามเนื้อจะรับแรงกระแทกไม่ไหว

  • Sumo Squat ช่วยให้คุณ “ยืนทรงได้มั่น”
  • เพิ่มแรงเบรกและแรงผลัก (push-off)
  • ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บจากการทรงตัวผิดจังหวะ

“ช่วงที่โค้ชซ้อมหนัก โค้ชใช้ Sumo Squat คู่กับ Bulgarian Split Squat เพื่อเสริมขาให้รองรับพื้นต่างระดับ — พอลงแข่งจริง ขาไม่ล้า และวิ่งได้เต็มสปีดจนเข้าเส้นชัยแบบมั่นใจ”

สรุป: ท่านี้เหมาะกับทุกคนที่อยาก…

  • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามขาและก้น
  • เสริมทรงหุ่นให้แน่นและฟิตขึ้น
  • ฝึกโดยไม่ต้องใช้เครื่องฟิตเนสก็ได้
  • เห็นผลจริงภายในไม่กี่สัปดาห์ หากฝึกต่อเนื่อง + ฟอร์มถูกต้อง

ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

“ท่าเดียวอาจพอสำหรับเริ่มต้น… แต่ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็ว ต้องฝึกเป็นชุด และเข้าใจว่าอะไร ‘เสริม’ กันได้ดีที่สุด”


 

✅ ท่า 1: Sumo Squat (ท่าหลัก)

  • ฝึกเพื่อโฟกัสก้นและต้นขาด้านใน
  • เน้น form & tempo
  • 3 เซต / 10–12 ครั้ง

✅ ท่า 2: Hip Thrust / Glute Bridge

เสริมตรงจุด เพิ่มความแน่นของกล้ามก้นโดยตรง สามารถทำบนพื้นหรือใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ม้านั่ง ดัมเบล ฯลฯ

  • โฟกัสเฉพาะก้น (ไม่รบกวนเข่าเลย)
  • ฝึกช้า ๆ และเกร็งค้างตอนบนสุด
  • 3 เซต / 12–15 ครั้ง

“Hip Thrust เป็นท่าที่โค้ชใช้ทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีเพื่อ ‘ฟินิช’ กล้ามก้นให้เต็มและตั้ง – ถ้าทำต่อเนื่อง 1 เดือน จะรู้สึกเลยว่าทรงเปลี่ยนชัดมาก”

✅ ท่า 3: Side Lying Leg Raise / Cable Abduction

ฝึกกล้ามก้นด้านข้าง ช่วยให้ “ก้นเป็นทรง” ไม่แฟบ ไม่เรียบ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากมี Curve ชัดโดยไม่ต้องมีกล้ามใหญ่

  • ทำได้บนเสื่อหรือใช้เครื่อง cable
  • ไม่เน้นน้ำหนักมาก แต่เน้นความต่อเนื่อง
  • 2–3 เซต / ข้างละ 15–20 ครั้ง

งานวิจัยปี 2022 ที่ทดสอบการฝึกก้นแบบ “3 ท่าร่วมกัน” (Squat + Thrust + Abduction) พบว่า:

  • กลุ่มผู้หญิงอายุ 30–45 ปีที่ฝึก 3 ท่านี้ 3 ครั้ง/สัปดาห์
  • มีกล้ามเนื้อก้นใหญ่ (Glute Maximus) เพิ่มขึ้น 23.4% ใน 8 สัปดาห์
  • และมีกล้ามก้นด้านข้าง (Glute Medius) ชัดเจนขึ้นถึง 28.6%

โปรแกรมเสริมสำหรับคนมีเวลา + อยากเห็นผลเร็ว

วันฝึก ท่า ความตั้งใจ
จันทร์ Sumo Squat + Hip Thrust เน้นก้นและขาด้านใน
พุธ Bulgarian Split Squat + Lying Leg Raise เพิ่มความบาลานซ์ของกล้าม
ศุกร์ Sumo Squat + Glute Bridge + Side Plank Abduction กระตุ้นก้นรอบทิศทาง

โภชนาการเสริมการฝึก (โค้ชปุนิ่มแนะนำ)

“เล่นอย่างเดียวไม่พอ ถ้าอยากให้กล้ามโตและฟื้นฟูได้ไว” กล้ามเนื้อจะพัฒนาได้ดีขึ้นเมื่อมีสารอาหารครบ โดยเฉพาะ…

  • โปรตีน: อย่างน้อย 1.5–2.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก. ต่อวัน
  • คาร์โบไฮเดรตดี: เช่น ข้าวกล้อง, มันม่วง, กล้วย ช่วยเติมพลังตอนฝึก
  • น้ำ: 2-3 ลิตร/วัน เพื่อให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็ว

✅ สรุปสูตรฝึกเห็นผลเร็ว (ฝึกที่บ้านได้ด้วย)

ลำดับ ท่า จุดเน้น ระดับผู้ฝึก
1 Sumo Squat ก้น + ต้นขาด้านใน ทุกระดับ
2 Hip Thrust ก้นล่าง + กลาง ทุกระดับ
3 Leg Raise / Abduction ก้นด้านข้าง + ทรงก้น ผู้เริ่ม–กลาง

“อย่าเพิ่งหมดหวัง ถ้าหุ่นคุณยังไม่เฟิร์มวันนี้เพราะหากคุณเริ่มฝึก Sumo Squat และฝึกชุดนี้ต่อเนื่องไป ภายใน 1–2 เดือน คุณจะเริ่มเห็น ‘ตัวเองที่เปลี่ยนไป’ จนอยากไปต่ออีกแน่นอนค่ะ”