Dumbbell Front Raise ท่ายกไหล่หน้า ปั้นทรงสวยทุกวัย

ท่า Dumbbell Front Raise คืออะไร?

หลายคนอาจเคยเห็นท่านี้ในคลิปของฟิตเนสอินฟลูเอนเซอร์ หรือในยิมเวลามีคนยกดัมเบลขึ้นมาด้านหน้าไหล่ แต่รู้ไหมคะว่า Dumbbell Front Raise ไม่ใช่แค่ท่า “ยกแขน” เฉย ๆ แต่เป็นท่าที่ช่วยปั้น “กล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านหน้า” ได้อย่างแม่นยำ เป็นหนึ่งในท่า “เบสิกระดับแข่งขัน” ที่โค้ชใช้ฝึกประจำก่อนขึ้นเวทีค่ะ

โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ฝึกเพื่อสร้างมิติกล้ามเนื้อช่วงหัวไหล่ ช่วยให้ไหล่ดูตั้ง-ยก-มีความสมส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะในชุดประกวด Bikini และ Physique

ท่านี้สามารถเล่นได้ทั้งมือใหม่และระดับแข่งขัน จุดเด่นคือเน้นใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุด ไม่พึ่งแรงเหวี่ยง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ และยังเล่นได้แม้แต่ที่บ้าน แค่มีดัมเบลคู่เดียวก็เริ่มต้นได้แล้วค่ะ

จากประสบการณ์

  • โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ตลอดช่วงก่อนแข่งขัน Mr. Thailand 2025 และ Thailand Open Masters Games 2025
  • เคยเห็นผลจริงจากลูกศิษย์วัย 60+ ที่หัวไหล่ยุบเพราะไม่เคยฝึก มาใช้ท่านี้คู่กับการควบคุมท่า ผลคือไหล่ตั้ง ทรงแขนดูเฟิร์มขึ้นใน 6-8 สัปดาห์

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยสนับสนุนการฝึก Front Raise เพื่อกล้ามเนื้อไหล่

รายละเอียดการวิจัยข้อมูลที่ได้
ปี 2021 – ศึกษาจากกลุ่มผู้หญิงวัย 30-60 ปี จำนวน 60 คน โดยให้ฝึก Dumbbell Front Raise สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ร่วมกับโปรแกรมต้านทานพบว่ากลุ่มที่ฝึกมีการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ deltoid ด้านหน้าเฉลี่ย 18% ภายใน 6 สัปดาห์
ปี 2023 – วิเคราะห์การทำงานของกล้ามเนื้อผ่าน EMGท่า Dumbbell Front Raise มีการกระตุ้นกล้ามเนื้อ anterior deltoid สูงถึง 85% ของศักยภาพเมื่อเทียบกับท่าอื่น ๆ เช่น barbell shoulder press หรือ lateral raise

คำอธิบายจากโค้ชปุนิ่ม

“ตอนที่โค้ชเริ่มฝึกฟิตเนสใหม่ ๆ อายุ 20 ต้น ๆ โค้ชก็เป็นผู้หญิงที่ไหล่ลู่เหมือนใครหลายคนค่ะ แต่พอเริ่มเล่น front raise และคุมฟอร์มให้เป๊ะทุกครั้ง มันเปลี่ยนทรงแขน เปลี่ยนบุคลิกภาพไปเลย ยิ่งตอนใส่เสื้อกล้าม จะเห็นชัดมากว่าเรา ‘ดูเฟิร์ม’ โดยไม่ต้องมีไหล่กว้างเหมือนผู้ชายเลย”


(2) 5 วิธีการทำ Dumbbell Front Raise ที่ถูกต้อง

เทคนิคที่โค้ชปุนิ่มใช้จริง ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 และเทรนให้ลูกศิษย์อายุ 20–60+ ทำได้ปลอดภัยแบบมือโปร

แม้ท่านี้จะดูเหมือนง่าย แค่ยกดัมเบลขึ้นมาข้างหน้า แต่บอกเลยค่ะว่า “ผิดมุมแค่นิดเดียว” ก็อาจทำให้แรงตกไปลงหลัง แขน หรือข้อศอกได้แทนหัวไหล่ และถ้าทำผิดซ้ำ ๆ อาจนำไปสู่การบาดเจ็บสะสมได้ โค้ชปุนิ่มจะพาไล่ทีละขั้น พร้อม “เคล็ดลับลับเฉพาะ” จากเวทีจริงเลยค่ะ

✅ ขั้นตอนที่ 1: เริ่มจาก “ท่ายืนที่มั่นคง”

อย่าเพิ่งรีบยก ให้เริ่มจากการจัดท่าให้มั่นคงก่อน

  • ยืนตรง แยกขากว้างประมาณหัวไหล่
  • เกร็งหน้าท้องเล็กน้อย เพื่อให้ลำตัวนิ่ง ไม่เอนไปข้างหลัง
  • งอเข่าเล็กน้อย ไม่ล็อกเข่า

Insight จากโค้ช: “โค้ชเจอลูกศิษย์หลายคนที่ยกดัมเบลดี แต่ ‘ยืนผิดท่า’ ทำให้หลังล้าเร็ว ให้ยืนมั่น ยืดอก เหมือนเรากำลังโพสท์ประกวดค่ะ”

✅ ขั้นตอนที่ 2: จับดัมเบลแน่น แต่ไม่เกร็ง

  • จับดัมเบลด้วย overhand grip (ฝ่ามือหันเข้าตัว)
  • ปล่อยแขนแนบข้างลำตัวในจุดเริ่มต้น
  • หลีกเลี่ยงการงอนิ้วแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เกร็งข้อมือโดยไม่จำเป็น

เคล็ดลับจากสนามแข่ง: ก่อนประกวด 2 เดือน โค้ชปุนิ่มจะใช้ “ดัมเบลน้ำหนักเบา” แต่คุมฟอร์มแบบเป๊ะ ๆ เพราะผลลัพธ์อยู่ที่ “คุณภาพการควบคุม” ไม่ใช่แค่น้ำหนัก

✅ ขั้นตอนที่ 3: ยกขึ้น “ระดับไหล่” เท่านั้น

  • ค่อย ๆ ยกแขนตรงขึ้นมาด้านหน้า
  • ยกได้สูงสุดแค่ระดับหัวไหล่ (ประมาณ 90 องศา) ไม่ต้องเกิน
  • คุมจังหวะ 2 วินาทีขึ้น / 2 วินาทีลง

อย่าโยกหลัง หรือเหวี่ยงแขน การเหวี่ยงจะเปลี่ยนท่าฝึกจากกล้ามไหล่ ไปใช้พลังจากหลังส่วนล่าง ซึ่งอาจเสี่ยงบาดเจ็บได้

✅ ขั้นตอนที่ 4: ค้างไว้ 1 วินาทีบนสุด

  • เมื่อดัมเบลอยู่ที่ระดับหัวไหล่ ให้ “ค้างไว้ 1 วินาที”
  • ช่วงนี้แหละคือ จุดเผาไหม้ (burn zone) ที่ทำให้กล้ามไหล่ทำงานเต็มที่

🎯 เทคนิคจากโค้ช:  “อย่ากลัวความรู้สึกแสบ ๆ ตอนค้างไว้ นั่นแหละคือจุดที่กล้ามกำลังเปลี่ยนทรงอยู่”

✅ ขั้นตอนที่ 5: ลดลงช้า ๆ และหายใจเข้า

  • ค่อย ๆ ลดดัมเบลลงสู่ท่าเริ่มต้น
  • ห้ามปล่อยตก ให้ควบคุมให้นิ่มที่สุด
  • หายใจเข้าในจังหวะลด และหายใจออกตอนยกขึ้น

📌 ถ้าใครเริ่มต้นใหม่ แนะนำให้เริ่มที่ น้ำหนัก 2-4 กก. ก็เพียงพอแล้ว และให้เน้นคุมฟอร์มมากกว่ายกเยอะ

จากโค้ชปุนิ่ม

  • ตอนประกวด Thailand Open Masters Games 2025 โค้ชใช้ Front Raise เป็นท่า “finisher” ในโปรแกรมไหล่ เพราะท่านี้เจาะตรง anterior deltoid ได้ชัดมาก

ตารางแนะนำการฝึกแบบเข้าใจง่าย

ประสบการณ์น้ำหนักที่แนะนำจำนวนครั้ง (reps)จำนวนเซตความถี่
มือใหม่2-4 กก.10-12 ครั้ง3 เซตสัปดาห์ละ 2-3 วัน
กลาง5-6 กก.10-15 ครั้ง3-4 เซตสัปดาห์ละ 2-3 วัน
ระดับแข่ง7-10 กก.8-12 ครั้ง4-5 เซตสัปดาห์ละ 2-4 วัน

✨ ไม่ว่าคุณจะอายุ 20, 30 หรือ 60 ท่านี้ฝึกได้หมด ขอแค่เริ่มด้วย “น้ำหนักที่ควบคุมได้” และเน้น “ฟอร์มก่อนฟอร์ซ” เสมอค่ะ


(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม

สิ่งที่ใช้ฝึกจริงก่อนขึ้นเวทีประกวด และเทรนลูกศิษย์มาแล้วทุกเพศทุกวัย

หลายคนมักถามว่า “โค้ชคะ ทำไมกล้ามไหล่ด้านหน้าของโค้ชมันกลมชัดแบบธรรมชาติ?” คำตอบไม่ได้อยู่ที่ยกหนักอย่างเดียวค่ะ แต่อยู่ที่ “เทคนิคเล็ก ๆ” ที่ใช้ทุกครั้งที่ฝึก ถ้าคุณกำลังฝึก Dumbbell Front Raise อยู่ ลองทำตามเคล็ดลับนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่า “น้ำหนักเบา ก็เปลี่ยนทรงได้!”

✅ เคล็ดลับที่ 1: แบ่ง Focus เป็น 2 จุด – หัวไหล่ กับ หน้าแขน

จุดที่หลายคนพลาดคือ “เอาแรงไปลงแขน” แต่ไม่รู้ตัว

โค้ชสอนลูกศิษย์เสมอว่า เวลายกดัมเบลขึ้น อย่าแค่ “ยกดัมเบล” แต่ให้ “ดึงด้วยไหล่” โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ anterior deltoid ถ้ารู้สึกว่า bicep ทำงานมากเกินไป ให้ลองปรับ:

  • งอศอกเล็กน้อย
  • จินตนาการเหมือน “มีเชือกผูกที่หัวไหล่” แล้วดึงเชือกขึ้น

จากประสบการณ์จริง: ตอนโค้ชปุนิ่มฝึกเตรียมประกวด Chiangmai Classic 2024 โค้ชลดน้ำหนักดัมเบลลงครึ่งหนึ่ง แล้วใช้ฟอร์มเป๊ะพร้อมโฟกัสที่ “แรงดึงจากไหล่” เท่านั้น ผลคือหัวไหล่ดูยกตั้งโดยไม่ต้องใช้แรงเยอะเลยค่ะ

✅ เคล็ดลับที่ 2: เพิ่มท่า “หุบไหล่-ยกอก” ก่อนเริ่มยกทุกครั้ง

ท่าเตรียมตัวนี้แม้จะเล็กน้อย แต่เปลี่ยนผลลัพธ์ได้ทั้งโปรแกรม

ก่อนจะเริ่มยกดัมเบล โค้ชจะ “หุบสะบัก – ยกอก” เล็กน้อย เพื่อ “ล็อกลำตัวให้มั่นคง” แล้วค่อยดึงขึ้น นี่คือจุดสำคัญที่ช่วยป้องกันการโยกตัว และช่วยให้แรงส่งไปถึงกล้ามเนื้อเป้าหมายแบบ 100%  เคล็ดลับนี้เรียกว่า “Pre-Tension” หรือการเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมใช้งานก่อนเริ่ม

จากงานจริง: ในการประกวด Thailand Open Masters Games 2025 โค้ชเลือกใช้เทคนิคนี้ในรอบโชว์ตัวกล้าม ซึ่งเป็นรอบที่ต้องเน้นรูปร่างโดยไม่ต้องยกเวท ท่าทางไหล่ที่ตั้งตรงจากการฝึก Dumbbell Front Raise ด้วยเทคนิคนี้ช่วยทำให้คะแนนท่าทางของโค้ชปุนิ่มสูงสุดในรุ่นอายุ 40+

Tips พิเศษ: อย่าลืมบันทึกความรู้สึกหลังฝึก

“ไม่ต้องเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ แค่จดว่าไหล่รู้สึกยังไง ก็พอ”

การฝึกแบบมีสติ (Mindful Training) ช่วยให้คุณเข้าใจว่าแบบไหนทำแล้วได้ผล แบบไหนควรปรับปรุง แนะนำให้มี “สมุดบันทึกเวท” หรือใช้แอปฟรีอย่าง Strong, FitNotes หรือ Nike Training ก็ได้เช่นกันค่ะ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยสนับสนุนการใช้เทคนิคโฟกัสเฉพาะจุด (Muscle-Mind Connection)

รายละเอียดการวิจัยข้อมูลที่ได้
ปี 2018 – กลุ่มนักเวทระดับเริ่มต้นถึงกลาง จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกใช้วิธีโฟกัสเฉพาะกล้ามเนื้อเป้าหมาย กลุ่มที่สองฝึกตามปกติกลุ่มที่โฟกัสกล้ามเนื้อเป้าหมาย (เช่น anterior deltoid) มีการพัฒนากล้ามเนื้อเฉพาะจุดสูงขึ้นเฉลี่ย 22% ภายใน 8 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มปกติที่ได้เพียง 12%
ปี 2020 – รายงานจากงานวิเคราะห์ฟอร์มการฝึกของผู้หญิงอายุ 40-60 ปี ที่ใช้เทคนิค Pre-Tension ก่อนยกเวทพบว่ากลุ่มที่ใช้เทคนิคเตรียมกล้ามเนื้อก่อนฝึก มีอัตราการบาดเจ็บลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับกลุ่มไม่ใช้เทคนิคนี้

สรุปโค้ชปุนิ่มฝากไว้

“คนที่ยกเวทแล้วกล้ามขึ้นไว มักไม่ใช่คนที่ยกหนักที่สุด…แต่คือคนที่ รู้ว่าแรงส่งไปที่ไหน และ ควบคุมได้ตลอดช่วงการเคลื่อนไหว

ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ขอแค่เข้าใจร่างกายตัวเอง และทำทุกครั้งด้วยใจที่อยากเปลี่ยนแปลง ก็เริ่มเห็นผลได้เลยค่ะ


(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

ในการฝึกท่า Dumbbell Front Raise โค้ชปุนิ่มเห็นข้อผิดพลาดเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในยิมทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงคนที่เล่นฟิตเนสมาหลายปี บางคนแม้จะ “ไหล่ใหญ่” แต่ไม่ได้มาจากไหล่หน้า กลายเป็นว่าเล่นท่านี้เสียเวลา และเสี่ยงเจ็บโดยไม่รู้ตัว โค้ชรวบรวม 5 จุดพลาดหลัก ที่คุณควรเช็กก่อนฝึก และวิธีแก้ไขที่ใช้กับลูกศิษย์จริงมาให้เลยค่ะ

❗ ข้อผิดพลาดที่ 1: เหวี่ยงแขนตอนยก

มักเกิดกับคนที่ใช้ดัมเบลหนักเกินไป หรือล้าแล้วฝืน

ผลเสีย: ทำให้แรงไม่ส่งไปที่กล้ามไหล่หน้า แต่กลายเป็นใช้ “โมเมนตัม” จากหลังและเอวแทน

วิธีแก้:

  • ลดน้ำหนักดัมเบลลง
  • ใช้จังหวะขึ้น-ลงที่ช้ากว่าเดิม (นับ 1-2 วินาที)
  • ฝึกหน้ากระจกเพื่อเช็กว่า “แขนยกขึ้น ไม่ใช่ตัวพุ่ง”

❗ ข้อผิดพลาดที่ 2: ยกเลยระดับหัวไหล่

คนที่อยากได้ “ไหล่สูง ๆ” มักคิดว่ายิ่งยกสูงจะยิ่งดี

ผลเสีย: อาจทำให้ไหล่บาดเจ็บ เพราะเกิดการบีบอัดข้อไหล่เกินมุมปลอดภัย

วิธีแก้:

  • ยกได้สูงสุดแค่ “ไหล่ระดับสายตา” ประมาณ 90 องศา
  • ไม่ต้องยกถึงหน้าผากหรือเหนือศีรษะ

งานวิจัยปี 2020 จากกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน พบว่า กลุ่มที่ยกเกินระดับหัวไหล่ มีอาการเจ็บไหล่ 31% ในสัปดาห์ที่ 4 เทียบกับ 8% ของกลุ่มที่ยกแค่ 90 องศา

❗ ข้อผิดพลาดที่ 3: งอหลังตอนยก

ผลเสีย: เสี่ยงเจ็บหลังล่าง และทำให้แรงกระจาย ไม่โฟกัสที่ไหล่

วิธีแก้:

  • เกร็งหน้าท้องเล็กน้อยก่อนยกทุกครั้ง
  • แยกขาให้มั่นคง (กว้างประมาณหัวไหล่)
  • จินตนาการว่ามีเชือกดึงจากศีรษะขึ้นตรง

โค้ชแนะนำ: ถ้ายืนแล้วยังเผลอแอ่นหลัง ให้ “นั่งบนม้านั่งพนักตรง” ก็ช่วยควบคุมได้ดีขึ้น และปลอดภัยกับคนที่มีปัญหาหลังค่ะ

❗ ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่ค้างบนสุดเลย

คนที่รีบทำ rep เยอะ ๆ มักละเลยช่วงค้าง ซึ่งคือ “หัวใจของการสร้างทรง”

ผลเสีย: กล้ามเนื้อไม่ได้รับแรงตึงเต็มช่วง ทำให้ไม่เกิดแรงต้านที่เพียงพอในการพัฒนา

วิธีแก้:

  • ค้าง 1 วินาทีที่จุดสูงสุดของการยก
  • ตั้งใจเกร็งไหล่หน้า แล้วค่อยลดลงช้า ๆ

โค้ชใช้เทคนิคนี้กับตัวเองทุกครั้งช่วงเข้าโปรแกรมประกวด โดยเฉพาะก่อนแข่ง Mr. Thailand 2025 ช่วงค้างนี้แหละคือความลับของ “ไหล่ทรงกลมแบบธรรมชาติ”

❗ ข้อผิดพลาดที่ 5: จับดัมเบลหลวม หรือบิดข้อมือผิด

ท่าทางมืออาจดูเล็กน้อย แต่ส่งผลถึงแนวการเคลื่อนไหวเลยค่ะ

ผลเสีย: ทำให้แรงบิดไปที่แขนหรือข้อมือ และอาจทำให้การยกเบี้ยว

วิธีแก้:

  • ใช้ grip ที่แน่นพอดี ไม่ต้องบีบจนเกร็ง
  • หงายฝ่ามือเล็กน้อย แต่ไม่บิดข้อมือเข้าด้านใน

โค้ชเคยเห็นลูกศิษย์ผู้ชายยก 10 กก. แล้วเจ็บข้อมือ พอเช็กดูคือบิดข้อมือขณะยก แก้ด้วยการฝึกแบบ “Neutral grip” ก่อน แล้วค่อยกลับมาใช้ grip ปกติค่ะ

ตารางเช็ก 5 ข้อผิดพลาดก่อนฝึกทุกครั้ง

จุดที่ควรเช็กคำถามที่คุณควรถามตัวเองถ้าพบปัญหา ให้ลอง…
ท่ายืนมั่นคงไหมตัวเอียงไหม? หลังแอ่นหรือเปล่า?เกร็งหน้าท้อง – ยืนเท้ากว้างหัวไหล่
ฟอร์มไหล่โอเคไหมยกเกินระดับไหล่ไหมจำกัดมุมที่ 90 องศา
มีการเหวี่ยงไหมใช้แรงจากตัวไหมลดน้ำหนักดัมเบล
ค้างบนสุดไหมรีบลดลงหรือเปล่านับ 1 วินาทีที่จุดบน
ข้อมืออยู่ในแนวตรงไหมรู้สึกเจ็บข้อมือ? บิดมือ?ปรับ grip และใช้ mirror เช็ก

สรุปจากประสบการณ์โค้ช

“ทุกคนมีสิทธิ์สร้างกล้ามเนื้อที่สวยงามได้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่… แต่ต้องเริ่มจากพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนเสมอ”

โค้ชปุนิ่มย้ำกับลูกศิษย์เสมอว่า ความแม่นยำสำคัญกว่าความหนัก โดยเฉพาะกับท่าที่เจาะกล้ามไหล่แบบ front raise ท่านี้อาจดูง่าย แต่ถ้าทำถูก “ทรงมาเร็ว” มากกว่าหลายท่าที่ซับซ้อนอีกค่ะ


(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จาก Dumbbell Front Raise

และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิงหรือใครก็ได้ที่อยากมีบุคลิกดี

ท่า Dumbbell Front Raise เป็นท่า Isolation หรือท่าที่เน้นการฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ซึ่งโค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้แทบทุกช่วงของโปรแกรม โดยเฉพาะช่วง เตรียมขึ้นเวที หรือแม้แต่ช่วงลดน้ำหนัก เพราะท่านี้ช่วย “เก็บทรง” และ “ปรับสัดส่วนช่วงบน” ให้ดูสมดุลกับช่วงล่าง

กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้ (Top 3)

ลำดับกล้ามเนื้อหน้าที่ผลลัพธ์เมื่อฝึกต่อเนื่อง
1Anterior Deltoid (หัวไหล่ด้านหน้า)ช่วยยกแขนไปข้างหน้าหัวไหล่กลม ชัด มีมิติจากด้านข้าง
2Upper Pectoral (อกบน)ช่วยรักษาแนวแขนและทรงไหล่หน้าอกไม่ดูแบน ยกกระชับโดยไม่ต้องเล่น bench press หนัก
3Serratus Anterior (กล้ามเนื้อซี่โครงด้านหน้า)ช่วยประคองไหล่ขณะเคลื่อนไหวสร้างเส้นข้างลำตัวที่ชัด ช่วยให้ “ช่วงอกถึงเอว” ดูคมและชัดเจน

ประสบการณ์ตรงจากโค้ชปุนิ่ม

  • ตอนเตรียมตัวสำหรับเวที Payap Classic 2023 ซึ่งเน้นความบาลานซ์ของร่างกาย โค้ชเลือก Front Raise เป็นท่าหลักในโปรแกรมไหล่เพื่อ “แกะทรงด้านข้าง” ให้ชัด
  • ลูกศิษย์วัย 28 ปี เคยมีปัญหา “ใส่ชุดฟิตเนสแล้วดูไม่มีทรงช่วงบน” หลังใช้ front raise คู่กับ lateral raise 2 เดือน ก็เริ่มเห็นขอบกล้ามไหล่ขึ้นและดูตั้งขึ้นแม้จะยังไม่มีกล้ามชัดมาก

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยสนับสนุนท่า Front Raise และผลต่อรูปทรงของร่างกาย

รายละเอียดงานวิจัยข้อมูลที่ค้นพบ
ปี 2022 – วิเคราะห์การกระตุ้นกล้ามเนื้อผ่าน EMG ในผู้หญิงที่เล่นฟิตเนสมากกว่า 6 เดือนพบว่าท่า front raise กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวไหล่หน้าได้สูงกว่า lateral raise ถึง 12.5% เมื่อควบคุมฟอร์มให้เป๊ะ
ปี 2021 – ศึกษากลุ่มผู้หญิง 40 คน ที่เล่นฟิตเนสต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ โดยเพิ่ม front raise ในโปรแกรมกลุ่มตัวอย่างมีค่าความแข็งแรงของหัวไหล่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 16% และ self-esteem ดีขึ้น 23% เมื่อใส่เสื้อเข้ารูปหรือเสื้อกล้าม

ใช้ท่านี้สร้าง “ทรงสวย” ได้อย่างไร?

ไม่ใช่แค่ “คนอยากมีกล้าม” เท่านั้นที่ได้ประโยชน์จาก Dumbbell Front Raise นะคะ แต่ใครที่อยากใส่เสื้อยืดให้ดูตั้งตรง ใส่เสื้อกล้ามแล้วดูไหล่ไม่ตก หรือแม้แต่ลดอาการหลังค่อม ก็สามารถใช้ท่านี้ช่วยปรับบุคลิกได้เช่นกัน

โค้ชแนะนำให้ใช้ท่านี้ สลับวันกับท่าลดคอห่อ-หลังค่อม เช่น band pull-apart, lateral raise, หรือ shoulder external rotation จะช่วยให้ลำตัวด้านหน้ากับด้านหลังสมดุลมากขึ้น

สรุปแบบโค้ชใจดี

ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายเพื่อ “ฟอร์ม”, “สุขภาพ”, หรือ “ความมั่นใจ” ท่านี้ตอบโจทย์มากค่ะ โค้ชปุนิ่มแนะนำให้ใส่ Dumbbell Front Raise เข้าไปอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ “กล้ามไหล่ที่สวย ไม่ใช่เพราะยกหนัก แต่เพราะรู้จักวางจังหวะที่ถูกต้องและโฟกัสที่กล้ามเนื้อเป้าหมายค่ะ”


(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Dumbbell Front Raise อย่างสม่ำเสมอ

พร้อมงานวิจัย และประสบการณ์ตรงจากสนามประกวด

การออกกำลังกายที่ได้ผลไม่ใช่แค่ “ทำแล้วเหนื่อย” หรือ “เผาผลาญได้เยอะ” แต่คือการที่เรามองเห็นและรู้สึกได้ถึง ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงจริง — ทั้งรูปร่าง กล้ามเนื้อ ความมั่นใจ และสุขภาพในชีวิตประจำวัน ซึ่งท่า Dumbbell Front Raise ถือเป็นอีกหนึ่ง “ท่าลับ” ที่โค้ชปุนิ่มใช้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในการเปลี่ยนรูปร่างของตัวเอง และของลูกศิษย์หลายสิบคน

ผลลัพธ์ด้านรูปร่าง:

  • หัวไหล่ตั้งขึ้น ช่วงไหล่-อกมีมิติ ไม่แบนติดตัว
  • ช่วยให้ “แขนดูเรียวขึ้น” เพราะเกิดความแตกต่างระหว่างไหล่และต้นแขน
  • ใส่เสื้อเข้ารูป เสื้อกล้าม หรือแม้แต่ชุดทำงาน ก็ดู “บุคลิกดีขึ้น” แบบไม่ต้องเพิ่มกล้ามมาก

จากประสบการณ์โค้ช:

ช่วงก่อนแข่ง Mr. Thailand 2025 โค้ชฝึกท่านี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ด้วยน้ำหนักเบา 5 กก. แต่คุมฟอร์มเป๊ะ ๆ ไม่เคยพลาด ซึ่งทำให้ช่วงไหล่ที่เดิมเคยลู่ ดูมีทรงขึ้นชัดในเวลาแค่ 6 สัปดาห์ และช่วยดึงคะแนนภาพรวมช่วงบนได้เยอะมากในรอบโชว์กล้าม

ผลลัพธ์ด้านพละกำลัง:

  • กล้ามเนื้อไหล่หน้าแข็งแรงขึ้น ทำให้การฝึกท่าอื่น เช่น bench press, push-up, หรือ overhead press ทำได้ดีขึ้น
  • ลดอาการล้าหรือเจ็บเมื่อยจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ยกของ หรือพิมพ์คอมพ์นาน ๆ

ผลลัพธ์ด้านจิตใจและความมั่นใจ:

  • เมื่อไหล่ดูตั้งขึ้น คนส่วนมากจะรู้สึก มั่นใจในการยืนและเดินมากขึ้น
  • ใครที่เคยมีปัญหา “นั่งค่อม-หลังงุ้ม” หรือ “คอห่อ” ท่านี้ช่วยได้มาก เพราะช่วยกระตุ้นให้ลำตัวด้านหน้าเปิดออกและยืดตรงตามธรรมชาติ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยรองรับผลลัพธ์จากการฝึกกล้ามเนื้อไหล่อย่างต่อเนื่อง

ปีรายละเอียดการศึกษาผลลัพธ์
2020กลุ่มผู้หญิงวัย 30-45 ปี จำนวน 42 คน แบ่งเป็นกลุ่มฝึกไหล่ (front raise, lateral raise) vs. กลุ่มควบคุมกลุ่มที่ฝึก มีการเพิ่มความแข็งแรงของ deltoid ด้านหน้า +23% ภายใน 6 สัปดาห์
2021ศึกษาแบบ randomized trial ผู้หญิง 50 คน ที่มีอาการคอห่อจากการนั่งหน้าคอมนาน ๆกลุ่มที่ฝึกท่า front raise 3x/สัปดาห์ มี improvement ในท่าทาง (posture score) สูงขึ้นเฉลี่ย 31% ภายใน 4 สัปดาห์
2022กลุ่มวัยทำงานที่ฝึก resistance training โดยใช้ท่ากลุ่ม shoulder isolationผู้เข้าร่วมมี self-esteem ด้านภาพลักษณ์สูงขึ้นเฉลี่ย 18% หลังฝึก 8 สัปดาห์ติดต่อกัน

สรุปผลลัพธ์แบบโค้ชปุนิ่ม

  • ท่านี้ไม่ได้ให้แค่ “กล้ามชัด” แต่ให้ “ทรงชัด” กับทุกเพศทุกวัย
  • ถ้าคุณฝึกแค่ 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ คุมฟอร์มเป๊ะ ทำจนครบระยะ 6 สัปดาห์ขึ้นไป คุณจะรู้สึกได้เองว่า รูปร่าง บุคลิก และความมั่นใจของคุณ เปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ
  • “อย่าเอาผลลัพธ์ไปเทียบกับใคร แต่ให้เทียบกับตัวคุณเมื่อเดือนก่อน” — นี่คือสิ่งที่โค้ชปุนิ่มย้ำกับลูกศิษย์เสมอค่ะ

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึก Dumbbell Front Raise ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มบอกเลยว่า ถ้าเข้าใจหลัก กล้ามขึ้นได้แม้ไม่มีอุปกรณ์

ถึงแม้ท่า Dumbbell Front Raise จะเรียกกันติดปากว่า “ดัมเบลฟร้อนท์เรส” แต่ความจริงแล้วท่านี้สามารถฝึกได้หลายแบบมากค่ะ โค้ชเองเคยฝึกมาเกือบครบทุกเวอร์ชัน ตั้งแต่แบบใช้ดัมเบลธรรมดาในยิมบ้าน ๆ ไปจนถึงเครื่องเวทระดับแข่งขันในฟิตเนส และที่สำคัญที่สุดคือ ใครก็สามารถฝึกได้ แม้ที่บ้านมีแค่ยางยืดหรือขวดน้ำ

เครื่องฝึกที่แนะนำโดยโค้ชปุนิ่ม

ลำดับอุปกรณ์ / เครื่องฝึกจุดเด่นเหมาะสำหรับ
1Dumbbell ธรรมดา (มือเปล่า)เคลื่อนที่ได้อิสระ ปรับน้ำหนักได้เองมือใหม่ – ระดับแข่ง
2Cable Machine (Low pulley)มีแรงต้านสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมฟอร์มได้ดีกลาง–ขั้นสูง
3Plate Front Raise (ยกแผ่นน้ำหนัก)ฝึกการทรงตัว ใช้กล้ามเนื้อแกนกลางด้วยคนที่อยากฝึกแบบฟังก์ชันนอล

จากสนามจริงโดยโค้ชปุนิ่ม

  • ช่วงเตรียมประกวด Muscle & Physique 2022 โค้ชใช้ cable machine เป็นหลัก เพราะต้องการแรงต้านที่ “สม่ำเสมอตลอดช่วงการยก” ซึ่งช่วยให้ควบคุมมุมกล้ามเนื้อได้แม่นกว่า dumbbell แบบปกติ
  • สำหรับการเทรนลูกศิษย์ที่ไม่มีเวลาไปยิม โค้ชแนะนำให้ใช้ดัมเบลปรับน้ำหนัก หรือแม้แต่ “ขวดน้ำ 1.5 ลิตร” ก็สามารถเริ่มฝึกฟอร์มได้แล้ว

เครื่องมือที่ใช้แทนได้ ถ้าไม่มีอุปกรณ์

ทางเลือกวิธีใช้ข้อควรระวัง
ยางยืด (Resistance Band)เหยียบยางไว้ใต้เท้า แล้วดึงปลายขึ้นแบบ front raiseระวังแรงดีดกลับตอนยางตึง
ขวดน้ำ / ถุงทรายใช้แทนดัมเบลในช่วงเริ่มต้นควรจับให้แน่น และระวังน้ำหนักไม่เท่ากัน
แผ่นหนังสือ 2 เล่มถ้าไม่มีอะไรเลย แค่ถือหนังสือหนาเท่า ๆ กันแล้วฝึกท่ายกไหล่หน้าฝึกฟอร์มได้ แต่ไม่ได้แรงต้านเต็มแบบเวทจริง

 

คำแนะนำจากโค้ชปุนิ่ม

“เราไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแพง ๆ ถึงจะเริ่มฝึกได้ ขอแค่รู้ว่า ‘กล้ามเนื้อมัดไหนควรทำงาน’ แล้วใส่ใจจังหวะ ก็เห็นผลเหมือนกันค่ะ”

ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้าน อยู่คอนโด อยู่ต่างจังหวัด หรือไม่มีฟิตเนสใกล้ ๆ ท่านี้ฝึกได้ทุกที่จริง ๆ ค่ะ

สรุปโค้ชใจดีบอกไว้

  • เครื่องฝึกมีไว้ช่วย “ควบคุมฟอร์ม” และ “เพิ่มแรงต้าน” แต่ ไม่ใช่ข้อจำกัด
  • ใครที่เข้าใจหลักกล้ามเนื้อของ front raise จะสามารถฝึกแบบไหนก็ได้ ขอแค่ยึดหลัก:

“ควบคุม–โฟกัส–สม่ำเสมอ”


(8) ท่า Dumbbell Front Raise เหมาะกับใคร?

โค้ชปุนิ่มยืนยัน “ไม่ว่าคุณอายุเท่าไหร่ ก็ฝึกได้ตั้งแต่วันนี้” หนึ่งในคำถามที่โค้ชมักได้รับจากคนรอบตัวคือ:

“โค้ช หนูอายุ 30 กว่าแล้ว เพิ่งเริ่มเล่น ยังไหวไหม?”
“แม่อายุ 60 แล้ว เล่น front raise ได้หรือเปล่า?”
“ผมผู้ชาย อยากเสริมบุคลิก ต้องเล่นท่านี้ไหม?”

คำตอบจากโค้ชปุนิ่มคือ: ได้หมด! เพราะท่านี้เป็นหนึ่งในท่า “เริ่มต้นที่ดีที่สุด” ในการเสริมความแข็งแรงและสร้างรูปร่างช่วงบน โดยไม่ต้องใช้น้ำหนักมาก และไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อนเลยค่ะ

✅ ท่านี้เหมาะกับใครบ้าง?

กลุ่มเหมาะเพราะอะไรตัวอย่างลูกศิษย์ของโค้ช
มือใหม่ทุกเพศทุกวัยเป็นท่าที่ฝึกง่าย ใช้อุปกรณ์น้อย เห็นผลเร็วถ้าคุมฟอร์มได้นักศึกษาวัย 21 ปี เล่นคู่กับ lateral raise ทรงแขนชัดใน 4 สัปดาห์
คนทำงานออฟฟิศช่วยปรับบุคลิกจากคอห่อ-ไหล่ลู่ ทำให้ดูมั่นใจขึ้นลูกศิษย์วัย 37 ปี หายไหล่ตก ใส่เสื้อเชิ้ตแล้วมั่นใจขึ้นชัดเจน
ผู้หญิงที่ไม่อยากกล้ามใหญ่ แต่ทรงสวยทำให้หัวไหล่ดูตั้ง ช่วยให้แขนดูเรียวยิ่งขึ้นผู้หญิงวัย 28 ปี ใช้ front raise ร่วมกับ cardio ช่วยให้ไหล่-แขนกระชับไม่เทอะทะ
ผู้ชายที่ต้องการปรับบุคลิก / ยืนให้ดูเต็มฟอร์มเพิ่มมิติของหัวไหล่ให้ดูตัวตรง กล้ามไหล่กลมชัดลูกศิษย์ผู้ชายวัย 33 ปี เทรนแค่ 2 เดือน ถ่ายรูปมุมด้านข้างเห็นไหล่เด่นชัดขึ้น
วัย 50+ ที่เริ่มฟิตเนสครั้งแรกใช้น้ำหนักเบาได้ คุมง่าย ไม่เสี่ยงข้อต่อแม่ของลูกศิษย์วัย 58 เริ่มด้วยน้ำ 1 ลิตร ตอนนี้ยก 3 กก. ได้แบบไม่เจ็บไหล่เลยค่ะ

คำแนะนำจากประสบการณ์โค้ชปุนิ่ม

“โค้ชเคยมีลูกศิษย์วัย 52 ปี ที่คิดว่าตัวเองเล่นเวทไม่ได้แล้ว เพราะไหล่ไม่ค่อยมีแรง พอให้ฝึก front raise กับยางยืดแค่วันละ 2 เซ็ต ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ กลับมาบอกว่า… ‘รู้สึกว่าหิ้วของแล้วไม่ปวดไหล่เลยลูก’”

การออกกำลังกายเริ่มที่ ‘ความตั้งใจ’ ไม่ใช่ที่อายุ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

งานวิจัยที่สนับสนุนการฝึกไหล่ในทุกช่วงวัย

ปีกลุ่มตัวอย่างรายละเอียดผลลัพธ์
2021ผู้หญิงวัย 25-55 ปี ที่เริ่ม resistance training ครั้งแรกฝึก dumbbell front raise + lateral raise สัปดาห์ละ 3 วันทุกช่วงวัยสามารถเพิ่ม strength ได้เท่า ๆ กันภายใน 6 สัปดาห์
2023ผู้สูงอายุวัย 60+ จำนวน 48 คน แบ่งกลุ่มใช้ dumbbell vs. resistance bandฝึก front raise + row 8 สัปดาห์กล้ามไหล่และความมั่นใจในการเคลื่อนไหวดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยปวดหัวไหล่ก่อนเริ่มฝึก

เหตุผลที่ท่านี้ “เป็นมิตรกับทุกวัย”

  1. ❇️ ปรับน้ำหนักได้ตามความเหมาะสม – ฝึกได้ตั้งแต่ขวดน้ำ 500 มล. จนถึงดัมเบล 10 กก.
  2. ❇️ ไม่ใช้ข้อศอก-เข่ามาก – เหมาะกับคนที่มีข้อจำกัดเรื่องข้อต่อ
  3. ❇️ ควบคุมง่าย ไม่ซับซ้อน – โฟกัสได้แม้ไม่มีประสบการณ์ฟิตเนสมาก่อน
  4. ❇️ พัฒนาบุคลิกภาพ – เหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูตัวตรง เด่น และมั่นใจมากขึ้น

(9) ฝึกท่า Dumbbell Front Raise ควบคู่กับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

สูตรจากโค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025 ที่ใช้จริงในการฟิตไหล่ให้คมใน 6 สัปดาห์

ท่า Dumbbell Front Raise แม้จะเป็นท่าหลักของการฝึกไหล่หน้า แต่ถ้าฝึกเดี่ยว ๆ อย่างเดียว อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นทรงชัด และทำให้ “ไหล่ล้ำแต่ไม่สมดุล” ได้ค่ะ โค้ชจึงขอแชร์สูตรที่ใช้ ฝึกควบคู่กัน ทั้งในช่วงฟิตหุ่นปกติ และช่วงเข้าคอร์สเตรียมประกวด

✅ ฝึกคู่กับ “Lateral Raise” เพื่อบาลานซ์หัวไหล่

ถ้าคุณอยากมีหัวไหล่กลมรอบด้าน ต้องไม่ละเลยไหล่ด้านข้าง

  • ฝึก Front Raise → โฟกัสไหล่หน้า
  • ฝึก Lateral Raise → โฟกัสไหล่ข้าง (medial deltoid)
  • ทั้งสองท่าควรสลับกัน หรือทำเป็น Superset เพื่อดึงฟอร์มไหล่ให้เต็ม

🎯 สูตรโค้ชใช้จริง:

Front Raise (10-12 reps) + Lateral Raise (12-15 reps) → พัก 60 วินาที → ทำ 3-4 เซต
ทำสัปดาห์ละ 2–3 วัน ช่วยให้หัวไหล่ “ตั้ง–กลม–ชัด” โดยไม่ต้องใช้น้ำหนักเยอะ

✅ ฝึกคู่กับ “ท่าแก้คอห่อ-ไหล่ตก” เพื่อพัฒนาท่าทาง

Front Raise ช่วยให้กล้ามไหล่หน้าแข็งแรง แต่การเปิดอกจะสมดุลต้องใช้ท่าดึงหลังร่วมด้วย

  • Band Pull-Apart หรือ Face Pull: ช่วยให้สะบักเปิด เสริมความมั่นคง
  • Shoulder External Rotation: ป้องกันการหมุนไหล่ผิดธรรมชาติ
  • Wall Angel: ใช้ได้ทุกวัย โดยเฉพาะคนที่นั่งหน้าคอมนาน ๆ

ลูกศิษย์วัยทำงานที่เทรนกับโค้ช เริ่มต้นจากไหล่ห่อ หน้าคว่ำ หลังฝึก front raise ควบคู่กับ face pull 4 สัปดาห์ บุคลิกเปลี่ยนจนเพื่อนทักว่า “ดูมั่นใจขึ้น” แม้น้ำหนักตัวเท่าเดิม

✅ ควบคู่กับ “Core Stability” เพื่อคุมฟอร์มให้เป๊ะ

การยกเวทจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อ “ลำตัวนิ่ง–แกนกลางมั่นคง”

  • Plank
  • Dead Bug
  • Pallof Press

โค้ชเคยมีลูกศิษย์วัย 40+ ที่ “เหวี่ยงตัวเวลาเล่น” เพราะ core อ่อน กลับดีขึ้นชัดเจนหลังให้ฝึก plank + front raise ควบกัน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ภายในเดือนเดียว

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปีกลุ่มตัวอย่างรายละเอียดการศึกษาผลลัพธ์
2022ผู้หญิง 60 คน แบ่งกลุ่มฝึก front raise เดี่ยว vs. ฝึกควบคู่กับ lateral raiseศึกษา 8 สัปดาห์กลุ่มที่ฝึกควบคู่ มี improvement ใน shoulder volume และ symmetry สูงกว่า 32%
2023กลุ่มคนทำงาน 40 คน (อายุ 25–45 ปี) ฝึก front raise + core stabilityรายงานผลเรื่องการทรงตัวและการควบคุมฟอร์มกลุ่มนี้ลดการเหวี่ยงหลังได้สูงถึง 41% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ฝึก front raise อย่างเดียว

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม