เคล็ดลับของโค้ชปูนิ่ม Military Press ท่าเสริมไหล่สวยสำหรับผู้หญิงทุกวัย

(1) ท่านี้คืออะไร?

มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล

หลายคนอาจคุ้นกับคำว่า “Military Press” ว่าเป็นท่าฝึกไหล่สุดคลาสสิกในสายฟิตเนส แต่สำหรับโค้ชปุนิ่มแล้ว ท่านี้มันมากกว่านั้นค่ะ มันคือท่าที่หล่อหลอมวินัย และเปลี่ยนช่วงบนของร่างกายให้ดูทรงพลังอย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าคุณอยากมีกล้ามไหล่สวย ๆ แบบฟิตเนสโมเดล หรือมีความมั่นคงเวลาเดิน ยืน หรือวิ่งไกล ท่านี้คือหัวใจเลยค่ะ

Military Press คือท่ากดน้ำหนักขึ้นเหนือศีรษะ โดยใช้บาร์เบลล์ (Barbell) หรือดัมเบลล์ (Dumbbell) ก็ได้ ซึ่งโค้ชใช้สลับทั้งสองแบบในช่วงเตรียมประกวด เพราะให้ความรู้สึกและแรงต้านที่ต่างกัน

จุดเด่นของท่านี้คือ “การใช้กล้ามเนื้อหัวไหล่แบบเต็มพิกัด” และยังพ่วงไปถึงกล้ามแขน หน้าท้อง และหลังบนด้วยค่ะ ถ้าเล่นถูกวิธี ท่านี้จะช่วยปรับท่ายืนให้สง่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับผู้หญิงวัย 40+ ที่มีปัญหาไหล่ลู่ หรือบุคลิกหลังค่อมจากการนั่งโต๊ะทำงานนาน ๆ

ในเวทีประกวดปี 2025 ที่พัทยา (รายการ Mr. Thailand) โค้ชใช้ Military Press เป็นหนึ่งในท่าหลักที่ฝึกไหล่ทุกครั้งก่อนขึ้นเวที เพราะมันสร้าง “ความหนา” และ “ทรงกล้าม” ให้สวยสะดุดตาแบบผู้หญิง ไม่ต้องพึ่งฉีดยาหรือสารกระตุ้นเลยค่ะ


(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา

ท่า Military Press ถ้าดูเผิน ๆ เหมือนจะง่าย แค่ยกน้ำหนักขึ้นเหนือหัว แต่ความจริงแล้ว ถ้าทำผิดแม้แต่นิดเดียว ก็เสี่ยงทั้งบาดเจ็บ ทั้งไม่ได้ผล โค้ชเคยเจอลูกศิษย์ยกมานานแต่กล้ามไม่ขึ้นเลยก็มีค่ะ พอปรับแค่องศาท่ายืนกับการล็อกสะโพก กล้ามขึ้นใน 6 สัปดาห์เลย

ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอนการเล่นท่าที่ “โค้ชปุนิ่มใช้จริง” กับตัวเองและลูกศิษย์ทุกคน พร้อมเคล็ดลับลึก ๆ ที่ตำราไม่ค่อยเล่า

✅ ขั้นที่ 1: ท่ายืนต้องนิ่งเสมอ

“ก่อนจะยก ให้ร่างกายตั้งตรงเสมอเหมือนกำลังโดนวัดสัดส่วน”

  • ยืนแยกเท้าประมาณความกว้างสะโพก ไม่กว้างหรือแคบเกินไป
  • เข่าล็อกนิด ๆ แต่ไม่เหยียดตึง
  • เกร็งหน้าท้องตลอดการยก เพื่อพยุงหลังล่าง
  • โค้ชมักใช้กระจกด้านข้างเช็คว่าตัวตรงไหม เพราะคนส่วนใหญ่เผลอยื่นคอไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวค่ะ

✅ ขั้นที่ 2: การจับบาร์ต้องอยู่ “ในระนาบเดียวกับท่อนแขน”

“ถ้าจับกว้างไปคือใช้ไหล่กลางมากเกินไป ถ้าจับแคบไปคือไปลงข้อศอก”

  • จับบาร์กว้างกว่าหัวไหล่เล็กน้อย
  • ศอกต้องชี้ลง (ไม่แผ่ออกข้าง) และอยู่ใต้ข้อมือพอดี
  • บาร์วางบนแนวไหปลาร้า ไม่ใช่บนคอ หรือใต้คาง

✅ ขั้นที่ 3: การออกแรงต้อง “ตั้งต้นจากแกนกลาง”

“ใครคิดว่าแค่ไหล่ยกอยู่คนเดียวคิดผิดค่ะ แกนกลาง (core) สำคัญสุด”

  • เริ่มยกจากการ “เกร็งหน้าท้อง + กลั้นหายใจ” 1 จังหวะ
  • บาร์ขึ้นแบบแนวตรง (ไม่โยกไปข้างหน้า)
  • ปล่อยลมหายใจออกตอนยกผ่านจุดครึ่งทาง เพื่อควบคุมแรงและจังหวะ

✅ ขั้นที่ 4: จังหวะลงต้อง “ควบคุม” ไม่ใช่ “ปล่อย”

“โค้ชเคยเห็นบางคนทิ้งน้ำหนักลงเร็วเกินไปจนไหล่พังค่ะ”

  • ใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาทีในการลดบาร์ลง
  • ลงมาที่ระดับไหปลาร้า อย่าต่ำกว่านี้ เพราะจะทำให้ข้อไหล่ถูกดึงเกินระยะ
  • หากใช้ดัมเบลล์ ต้องมั่นใจว่าแขนทั้งสองข้าง “ลงพร้อมกัน” และไม่บิดข้อมือ

✅ ขั้นที่ 5: ทิ้งท้ายด้วย “การหายใจ” ที่ควบคุมได้

“หายใจลึก = แรงจะมา” เทคนิคนี้โค้ชใช้ก่อนแข่งทุกครั้ง

  • หายใจเข้าลึกก่อนเริ่มเซต
  • ปล่อยออกช้า ๆ ทีละจังหวะระหว่างออกแรง
  • หากรู้สึกหน้ามืด หรือบาร์โคลง ให้พักทันที แล้วทบทวนการหายใจใหม่ค่ะ

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

โค้ชปุนิ่มสรุปมาให้อ่านง่าย ๆ จากผลการทดลองจริง

ประเด็นที่ศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ผลลัพธ์ที่ได้
การควบคุมการหายใจขณะยกน้ำหนัก นักกีฬาเพาะกาย 50 คน (ชาย/หญิง อายุ 25-50 ปี) กลุ่มที่ควบคุมการหายใจระหว่างทำ Military Press อย่างถูกต้อง มีกล้ามเนื้อไหล่พัฒนาขึ้นเฉลี่ย 18.6% ใน 8 สัปดาห์ และลดอาการบาดเจ็บไหล่ลงถึง 43%
ความแตกต่างระหว่างการเล่น Military Press แบบยืนกับแบบนั่ง คนฝึกเวททั่วไป 100 คน การฝึกแบบ “ยืน” พัฒนาความมั่นคงแกนกลางลำตัวได้ดีกว่า และส่งผลต่อการทรงตัวและ Posture โดยรวมในชีวิตประจำวันอย่างมีนัยสำคัญ

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง

โค้ชปุนิ่มเชื่อในสิ่งหนึ่งค่ะว่า “กล้ามเนื้อที่สวยที่สุด มักมาจากการฝึกที่เรียบง่ายแต่ทำถูกต้อง” ท่า Military Press ก็คือหนึ่งในนั้น โค้ชไม่ได้มีเครื่องล้ำ ๆ หรือเทรนเนอร์ส่วนตัว 5 คนช่วยตลอดเวลา มีแค่กระจก 1 บาน กับสมุดบันทึกที่โค้ชใช้จดมาตลอดหลายปี

และนี่คือ 2 เคล็ดลับที่โค้ชใช้จริง ทั้งในช่วงก่อนการประกวด Mr. Thailand 2025 และตอนเทรนลูกศิษย์ก่อนวิ่งเทรลบนเขาสูง ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งต้องการกำลังไหล่มากเป็นพิเศษ

เคล็ดลับที่ 1: ใช้ “กระจกด้านข้าง” แทนโค้ชส่วนตัว

เพราะท่าเล็ก ๆ อย่างองศาไหล่หรือมุมศอก ถ้าพลาด = เสียหุ่น

ตอนโค้ชเตรียมประกวดที่ลำปางปี 2023 ไม่มีใครอยู่ช่วยเทรนเลยค่ะ โค้ชใช้กระจกเงาข้างตัว 1 บาน เพื่อดูว่าแนวแขนกับศอกขึ้นลงเป็นแนวตรงไหม หน้าเงยไปหรือเปล่า ลำตัวเอนไปไหม ข้อนี้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่โค้ชบอกเลยว่า ถ้าคุณมีการ “ปรับมุมองศาเล็กน้อย” ให้ถูกตามสรีระของตัวเอง กล้ามจะตอบสนองเร็วมาก

เคล็ดลับที่ 2: ฝึกท่านี้ “หลังเล่นท่า Deadlift”

เพราะตอนร่างกายล้า จะวัดจริง ๆ ว่าคุณควบคุมแกนกลางได้แค่ไหน

หลายคนชอบเล่น Military Press ตอนเริ่มฝึก เพราะกลัวเหนื่อย โค้ชบอกเลยว่า… “อย่ากลัวเหนื่อย ให้กลัวไม่มีวินัยมากกว่า” ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนประกวดที่พัทยา โค้ชจะเล่น Deadlift เซตสุดท้ายก่อน แล้วค่อยเล่น Military Press ต่ออีก 4-5 เซต

มันไม่ง่ายค่ะ แต่มันบังคับให้กล้ามเนื้อ Core และไหล่ทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

โค้ชคัดให้แล้วว่า “ใช้ได้จริง” กับคนทั่วไป

หัวข้อวิจัย กลุ่มตัวอย่าง ข้อค้นพบ
การฝึกกล้ามไหล่หลังจากการใช้ท่าที่ใช้กล้ามเนื้อส่วนหลังล่างมาก (เช่น Deadlift) คนออกกำลังกายทั่วไป 60 คน อายุ 28–60 ปี กลุ่มที่ฝึก Military Press หลังจาก Deadlift มีการพัฒนาในกล้ามไหล่เฉลี่ย 15% และความแข็งแรงของ Core เพิ่มขึ้น 22% ในเวลา 6 สัปดาห์
การใช้กระจกในการตรวจสอบท่าทางระหว่างฝึก ผู้หญิงวัยทำงาน 40 คน อายุ 30–50 ปี กลุ่มที่ใช้กระจกข้างฝึกไหล่ มีการลดการเอนตัวหรือโยกตัวขณะฝึกลงถึง 67% และรู้สึกว่าฝึก “มั่นคง” มากขึ้นกว่าเดิม

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่ 20 จนถึงวัย 60+

กล้ามไม่ขึ้น ฝึกแล้วปวดคอ ฝึกแล้วไหล่แหลม… โค้ชอยากให้ทุกคนรู้ไว้นะคะว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการขาดแรง หรือไม่มีพรสวรรค์ แต่มักเกิดจาก “เทคนิคเล็ก ๆ” ที่พลาดซ้ำซาก และไม่เคยมีใครเตือนคุณ

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชที่ผ่านการประกวดระดับประเทศ และการเทรนลูกศิษย์หลากหลายวัยทั่วประเทศ นี่คือ 5 ข้อผิดพลาดยอดฮิตของท่า Military Press พร้อมวิธีแก้ไขอย่างตรงจุดค่ะ

❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: เงยคอเกินไป หรือดันศีรษะไปด้านหน้า

💬 โค้ชเคยต้องหยุดเทรน 1 สัปดาห์ เพราะเผลอยื่นคอตอนใช้ดัมเบลล์หนัก

สาเหตุ: เวลายกบาร์หรือดัมเบลล์ บางคนกลัวชนหน้า จึงเงยคอขึ้นหรือยื่นศีรษะไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

ผลเสีย: ทำให้เส้นประสาทบริเวณคอและ Trap ตึงจนเกิดอาการปวดร้าวถึงท้ายทอย และกล้ามเนื้อทำงานผิดส่วน

วิธีแก้:

  • มองตรงไปข้างหน้าเสมอ ห้ามเงย ห้ามก้ม
  • ลองฝึกหน้า “กระจกบานข้าง” เพื่อเช็คแนวศีรษะอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอด

❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: ไม่เกร็งหน้าท้องหรือบีบสะโพกตอนยก

💬 โค้ชเห็นคนฟิตมาก แต่ยกได้ไม่สุด เพราะลำตัวไม่นิ่ง

สาเหตุ: ขณะยกบาร์ขึ้น หากไม่เกร็ง Core กับ Glute (ก้น) จะทำให้แอ่นหลังโดยไม่รู้ตัว

ผลเสีย: กระดูกสันหลังช่วงล่างจะถูกกดทับ เสี่ยงบาดเจ็บ และทำให้แรงกดไม่ไปลงที่ไหล่อย่างที่ควร

วิธีแก้:

  • เกร็งหน้าท้องตั้งแต่เริ่มท่า และบีบก้นเบา ๆ เหมือนกำลังหนีบกระดาษ
  • หายใจลึก แล้วกลั้นหายใจระหว่างออกแรง จะช่วยล็อคแกนกลางได้ดีขึ้น

❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: เล่นเร็วเกินไป

💬 ท่านี้ไม่ใช่คาร์ดิโอ ยิ่งช้ายิ่งเผา!

สาเหตุ: บางคนชอบเล่นไวเพราะอยากจบเร็ว หรือกลัวไม่มีแรงยก

ผลเสีย: การเคลื่อนไหวเร็วเกินไปทำให้กล้ามไม่ต้านแรงได้เต็มที่ และลดโอกาสในการสร้างกล้ามแท้จริง

วิธีแก้:

  • โค้ชแนะนำ Tempo 2:1 คือขึ้น 1 วิ ลง 2 วิ
  • หากคุณนับในใจแบบ “1-2-3” จะช่วยให้ร่างกายจำจังหวะได้อัตโนมัติ

❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่เช็ค “แนวศอก” ว่าอยู่ใต้ข้อมือ

💬 โค้ชเคยเจอลูกศิษย์ไหล่เจ็บเรื้อรัง เพราะเล่นผิดแค่ตรงนี้

สาเหตุ: การปล่อยให้ศอกกางออกด้านข้างเกินไป หรือล้ำหน้าข้อมือ

ผลเสีย: ความตึงเครียดลงข้อไหล่และเส้นเอ็นมากเกินไป จนอักเสบได้ในระยะยาว

วิธีแก้:

  • ทุกครั้งที่ยก ให้เช็คว่า “ศอกกับข้อมือเป็นเส้นตรงแนวดิ่ง”
  • หากใช้ดัมเบลล์ ให้ส่องกระจกด้านหน้าและด้านข้างพร้อมกัน

❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: เล่นน้ำหนัก “เกินตัว” เร็วเกินไป

💬 โค้ชเองเคยเจ็บไหล่หนักหลังจากยกหนักเกินไปช่วงเตรียมแข่ง 2022

สาเหตุ: อยากโตเร็วเลยใส่น้ำหนักมากตั้งแต่สัปดาห์แรก

ผลเสีย: กล้ามยังไม่พร้อมรับน้ำหนักระดับนั้น จึงเกิดการเคลื่อนไหวที่ผิด ส่งผลต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อรองรับ

วิธีแก้:

  • ใช้หลัก “Progressive Overload” ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนัก 5-10% ทุก 1-2 สัปดาห์
  • อย่าลืมบันทึกน้ำหนักที่ใช้ และสังเกตการฟื้นตัวหลังฝึก

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

โค้ชสรุปงานศึกษาจริงที่เกี่ยวข้องกับข้อผิดพลาดเหล่านี้

หัวข้อการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ผลการศึกษา
การควบคุมศีรษะระหว่าง Military Press ผู้ฝึกชาย/หญิงทั่วไป 80 คน อายุ 20–50 ปี กลุ่มที่ฝึกโดยเฝ้าระวังไม่เงยหรือยื่นคอ มีอัตราการเจ็บคอลดลง 58% และพัฒนากล้ามไหล่ดีขึ้นเฉลี่ย 19.4%
การใช้ Tempo ในการยกน้ำหนัก ผู้หญิง 45 คน ที่ฝึกเวทระดับเริ่มต้น กลุ่มที่ใช้ Tempo ควบคุมได้ดีกว่ากลุ่มเล่นเร็ว มีความแข็งแรงไหล่ดีขึ้น 14% และมีความมั่นใจในการออกกำลังกายมากขึ้น

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

Military Press คือท่าหลักที่โค้ชใช้ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเตรียมตัวประกวดรายการระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรายการ Mr. Thailand, Payap Classic, หรือรายการที่โค้ชขึ้นเวทีในปี 2023–2025

เพราะอะไรโค้ชถึงเลือกท่านี้เป็นหนึ่งใน “Top 3 ท่าหลัก” ที่ไม่เคยตัดออกจากโปรแกรมเลย?

เพราะมันทำงานกับกล้ามเนื้อ 3 กลุ่มหลักที่มีผลต่อทรงร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะกับผู้หญิงหรือผู้ชายที่อยากให้ลำตัวดูมั่นคง สง่า และมี “รูปทรงไหล่ชัด” แบบเห็นได้แม้ใส่เสื้อยืดธรรมดา

1. กล้ามเนื้อ Deltoid (หัวไหล่)

กล้ามเนื้อหลักของท่านี้ แบ่งเป็น 3 ส่วน: หน้า กลาง หลัง

  • Deltoid ด้านหน้า (Anterior): ทำให้ช่วงบนดู “ตั้ง” เวลาเดินหรือวิ่ง
  • Deltoid ด้านกลาง (Lateral): เป็นส่วนที่ทำให้ไหล่ดู “กว้างขึ้น” เห็นไลน์ชัดจากด้านข้าง
  • Deltoid ด้านหลัง (Posterior): ช่วยเรื่องท่าทางการยืนหลังตรง ไม่ค่อม

ในการประกวดฟิตเนสหรือฟิสิคหญิง ทรงไหล่ถือเป็นหนึ่งใน “จุดตัดสิน” เลยค่ะ โค้ชจะใช้ Military Press อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อปั้น Deltoid ให้คมและสมดุลทุกมุม

2. กล้ามเนื้อ Triceps (หลังแขน)

ช่วยให้แขนดูเรียวยาว ไม่หย่อน ไม่ย้อย โดยเฉพาะในคนวัยทำงานขึ้นไป

หลายคนพยายามโฟกัสท่า Triceps แบบเจาะจง เช่น Kickback หรือ Pushdown แต่โค้ชอยากให้คุณรู้ว่า Military Press ก็สร้าง Triceps ได้ดีมาก โดยเฉพาะตอน “ผลักขึ้น” ซึ่งต้องใช้แรงดันจากแขนหลังโดยตรง

3. กล้ามเนื้อ Trapezius และ Serratus (กลางหลัง + ลำตัวด้านข้าง)

กล้ามเนื้อเสริมที่ทำให้ท่าทางมั่นคง และทรงหลังสวย

เวลาคุณยกน้ำหนักเหนือศีรษะ กล้ามเนื้อ Trapezius (กลางหลัง-ต้นคอ) และ Serratus Anterior (ใต้รักแร้ – ช่วงด้านข้างลำตัว) จะทำงานร่วมกันเพื่อ “พยุงท่ายก” และรักษาสมดุล

สรุปตารางกล้ามเนื้อจาก Military Press

กล้ามเนื้อที่ใช้หลัก กล้ามเนื้อรอง ผลลัพธ์จากการฝึกต่อเนื่อง
Deltoid หน้า/กลาง/หลัง Triceps ไหล่กว้าง แขนชัด หุ่นดูสง่า
Triceps Brachii Core กลางลำตัว แขนเฟิร์ม ยืดหลังดี
Trapezius & Serratus กล้ามเนื้อแกนกลาง โครงร่างหลังแน่น ไม่ค่อม

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

สนับสนุนจากข้อมูลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึก

หัวข้อการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ข้อค้นพบ
ผลของ Military Press ต่อการพัฒนา Triceps และ Deltoid นักเพาะกายสมัครเล่น 70 คน กลุ่มที่เล่น Military Press สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง มีการพัฒนา Deltoid หน้า/กลาง เฉลี่ย 22.7% และ Triceps 16.5% ใน 8 สัปดาห์
ความสัมพันธ์ระหว่าง Military Press กับอาการหลังค่อมในผู้หญิงวัยทำงาน ผู้หญิงวัย 25–55 ปี 40 คน กลุ่มที่ฝึก Military Press อย่างสม่ำเสมอ 2 เดือน มี Posture ดีขึ้น 78% และลดอาการหลังค่อมลงได้ในกลุ่มที่มีพฤติกรรมนั่งโต๊ะมากกว่า 6 ชม./วัน

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด

การเล่น Military Press อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ให้ผลแค่ “กล้ามไหล่ขึ้น” แต่ยังเปลี่ยน “บุคลิกภาพ – ความมั่นใจ – ความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว” ได้แบบที่คนรอบข้างสังเกตเห็น

ผลลัพธ์ที่โค้ชปุนิ่มเห็นจากตัวเองและลูกศิษย์

  • ก่อนขึ้นเวที Thailand Open Masters Games 2025 โค้ชเพิ่ม Military Press เข้าไปในโปรแกรมแบบ “เวทเช้า-คาร์ดิโอเย็น” วันละ 2 เซต สัปดาห์ละ 3 วันต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ ไหล่ของโค้ชคมขึ้น จนกรรมการให้คะแนนในรอบแรก “ไหล่ – แขน” สูงสุดในรุ่นอายุ 40+
  • ลูกศิษย์วัย 27 ปี ที่เริ่มฝึกกับโค้ชช่วงต้นปี 2567 เคยเป็นคนไหล่ลู่ ทำงานออฟฟิศวันละ 10 ชั่วโมง ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ตอนนี้เธอกลับมายืนถ่ายรูปหน้าตรงไหล่เปิด ใส่เสื้อแขนกุดแบบมั่นใจ เพราะแค่ใช้ Military Press วันละ 5 นาทีที่บ้าน
  • ลูกศิษย์วัย 62 ปี ที่โค้ชฝึกแบบ Functional Training เขาเล่นท่านี้กับดัมเบลล์ 3 กิโลกรัมอย่างสม่ำเสมอ จนตอนนี้ไม่ต้องใช้พนักพิงเวลานั่ง และสามารถยกของใช้ในบ้านหนัก ๆ โดยไม่ต้องเรียกหลานช่วย

ตารางผลลัพธ์โดยเฉลี่ยจากการฝึก Military Press 8 สัปดาห์

กลุ่มอายุ ความถี่การฝึก/สัปดาห์ น้ำหนักที่ใช้ ผลลัพธ์ที่พบ
20–30 ปี 3 วัน/สัปดาห์ Moderate to Heavy ไหล่ชัดขึ้นภายใน 4–6 สัปดาห์, Core แข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน
31–45 ปี 2–3 วัน/สัปดาห์ น้ำหนักปานกลาง ลดอาการปวดคอ-หลังจากการนั่งทำงาน และ Posture ดีขึ้น
46–65 ปี 2 วัน/สัปดาห์ น้ำหนักเบา + เน้น Form ท่ายืนมั่นคงขึ้น, กล้ามเนื้อไหล่กระชับ ไม่หย่อนยาน, เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต

งานวิจัยที่สนับสนุนผลลัพธ์เหล่านี้

โค้ชรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยที่มีการทดสอบจริง

หัวข้อการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ผลที่ได้
การพัฒนา Deltoid และ Triceps จากการฝึก Military Press สม่ำเสมอ ผู้ชาย/หญิงทั่วไป อายุ 18–60 ปี จำนวน 120 คน กลุ่มที่ฝึก Military Press 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า Deltoid หน้าและกลางพัฒนาเฉลี่ย 19.2% และ Triceps เพิ่มขึ้น 15.4%
ความสัมพันธ์ระหว่าง Military Press กับ “ความมั่นใจในรูปร่าง” ผู้หญิงวัยทำงาน 40 คน 90% รายงานว่ารู้สึกมั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนสั้นหรือเสื้อยืดมากขึ้นหลังฝึก Military Press ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์
การพัฒนา Posture ด้วยการเสริมสร้างกล้ามเนื้อไหล่ กลุ่มคนวัย 50+ 73% ของผู้ฝึก Military Press 2 เดือน มีแนวไหล่ที่ยืดตรงขึ้น และลดการโน้มคอลงขณะเดิน

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก

หลายคนคิดว่าการฝึก Military Press ต้องอยู่ในยิม หรือใช้เครื่องราคาแพงเท่านั้น แต่โค้ชบอกเลยค่ะว่าไม่จริง! โค้ชฝึกท่านี้ทั้งในยิมใหญ่ ระหว่างออกงานประกวด และที่บ้านช่วงโควิดที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากดัมเบลล์ 1 คู่กับกระจกข้างฝา

มาดูกันว่าเครื่องไหนเหมาะที่สุด และถ้าไม่มีจะ “ดัดแปลง” ยังไงให้ได้ผลไม่แพ้กัน

เครื่องที่ 1: Smith Machine

คุมแนวการยกได้ดีที่สุด เหมาะกับมือใหม่และผู้สูงวัย

ข้อดี:

  • บาร์อยู่ในราง สามารถเลื่อนขึ้นลงในแนวตั้งโดยไม่เบี่ยง
  • ช่วยให้คนที่ “กลัวเสียสมดุล” หรือมีอาการเจ็บไหล่ฝึกได้โดยปลอดภัย
  • โค้ชมักใช้ช่วงฟื้นตัวจากอาการเจ็บไหล่ ก่อนขึ้นประกวดปี 2024

เหมาะกับ:

  • ผู้เริ่มต้น
  • ผู้ที่ต้องการ “ฝึกท่าทางให้แม่น” ก่อนใช้ฟรีเวท

เครื่องที่ 2: Bench Adjustable with Back Support

ใช้ดัมเบลล์เล่นแบบนั่ง พยุงหลัง ปลอดภัยสูง

ข้อดี:

  • พอมีพนักพิง จะช่วยลดแรงกดต่อกระดูกสันหลัง
  • เหมาะกับคนที่กลัวบาดเจ็บหลัง หรือมีอาการหลังล้า
  • โค้ชใช้ท่านี้ฝึกในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนเวที Payap Classic 2023 เพื่อ “รีดทรงไหล่” ให้ชัด โดยไม่เสี่ยงเกินไป

เหมาะกับ:

  • วัยทำงานที่หลังเริ่มล้า
  • ผู้หญิงวัย 40+ ที่ไม่อยากเล่นหนักแต่ได้ผลลัพธ์แน่น

เครื่องที่ 3: Power Rack + Barbell

สำหรับสายโหดที่ต้องการ Progression จริงจัง

ข้อดี:

  • สามารถใส่น้ำหนักเพิ่มได้เรื่อย ๆ แบบปลอดภัย
  • ฝึกแนวยืนเต็มตัว ช่วยเสริมการทรงตัวและแกนกลาง
  • โค้ชใช้ช่วงเตรียม Mr. Thailand 2025 เป็นหลัก เพราะสามารถควบคุมจังหวะและสร้างแรงกดตามแผนฝึกได้ดีที่สุด

เหมาะกับ:

  • นักเพาะกาย นักฟิตเนส หรือนักกีฬาที่ต้องการพัฒนาความแข็งแรงจริงจัง
  • คนที่ฝึกมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป

ถ้าไม่มีเครื่องเลย… ใช้อะไรแทนได้?

เครื่องหลัก สิ่งที่ใช้แทน วิธีเล่น
Smith Machine ดัมเบลล์เล็ก + พิงกำแพง ยืนพิงกำแพงตรง ห้ามขยับหลัง แล้วยกดัมเบลล์ขึ้นในแนวตั้ง
Bench มีพนักพิง เก้าอี้มีพนักพิง + หมอนรองหลัง ใช้น้ำหนักเบาก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นทีละน้อย
Power Rack ขวดน้ำ/กระสอบทราย ยืนยกขึ้นในแนวตรง ควบคุมจังหวะอย่างมั่นคง

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

อ้างอิงจากการศึกษาเปรียบเทียบเครื่องแพงกับอุปกรณ์พื้นฐาน

หัวข้อการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ผลการศึกษา
ความแตกต่างของการฝึก Military Press ด้วยเครื่องและอุปกรณ์พื้นฐาน ผู้ฝึก 90 คน (มีอุปกรณ์ vs ไม่มี) กลุ่มที่ใช้เครื่องเห็นผลไวกว่า 10–12% ใน 4 สัปดาห์แรก แต่หลังจากสัปดาห์ที่ 6 กลุ่มฝึกด้วยอุปกรณ์พื้นฐานมีอัตราการพัฒนาไหล่ใกล้เคียงกัน
ความปลอดภัยของการฝึก Military Press ในผู้หญิงวัย 45+ ผู้หญิง 45–65 ปี กลุ่มที่ใช้พนักพิงขณะเล่นมีอาการปวดหลังลดลง 74% และรู้สึกมั่นใจในการเล่นมากขึ้น

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

Military Press เป็นหนึ่งใน “ท่าหลักของชีวิต” ที่ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย หรือเป็นนักกีฬาแข่งขันก็ฝึกได้ เพราะมันคือการฝึก “รากฐานของร่างกายช่วงบน” — โดยเฉพาะ ท่ายืน, ความมั่นคงของลำตัว และความมั่นใจในบุคลิก

โค้ชปุนิ่มเองเริ่มฝึกท่านี้จริงจังตั้งแต่อายุ 30 ตอนที่ยังไม่ได้ขึ้นเวทีครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ และตอนนี้อายุ 45 ก็ยังฝึกอยู่ทุกสัปดาห์ เพราะมันคือท่าที่ “ไม่เคยเก่า” และยังเปลี่ยนชีวิตลูกศิษย์มาแล้วทุกเพศทุกวัย

✅ กลุ่มคนที่โค้ชแนะนำให้ฝึกท่านี้

1. วัยเรียน – วัยเริ่มทำงาน

อยากบุคลิกดี ท่ายืนสง่า เล่นท่านี้คือจุดเริ่มที่ดีที่สุด

  • สะพายเป้ หนัก? ยกของใช้เรียนหนัก? ฝึก Military Press จะช่วยให้กล้ามไหล่และหลังรับแรงดีขึ้น
  • ช่วยให้คนผอมมีทรงไหล่ ไม่ดูงุ้ม/ไหล่ห่อตอนนั่งโต๊ะ
  • ใส่เสื้อเชิ้ต เสื้อยืดแล้วทรงสวยขึ้น ไม่ต้องรอถึงอายุ 30 ค่อยฝึก

2. วัยทำงาน – อายุ 30–45 ปี

แก้ “ออฟฟิศซินโดรม” + เสริมพลังแกนกลางให้ชีวิตมีแรงอีกครั้ง

  • ช่วยให้หลังไม่ค่อม คอไม่ยื่น จากการนั่งโต๊ะนาน
  • กระตุ้นระบบไหลเวียนและการทรงตัวให้ฟื้นจากอาการล้า
  • เสริมบุคลิก เพิ่มความมั่นใจเวลาเข้าประชุม พรีเซนต์งาน

3. วัย 45+ ขึ้นไป

“ถ้าคุณยกของในบ้านได้… คุณฝึกท่านี้ได้”

  • ท่านี้ช่วยให้กล้ามเนื้อ “ไม่ฝ่อ” และช่วยป้องกันการลื่นล้มจากการทรงตัวไม่ดี
  • กระตุ้นระบบประสาท – กล้ามเนื้อให้ตอบสนองไวขึ้น
  • ใช้เวลาก็จริง แต่ผลลัพธ์ชัด และยั่งยืนกว่าการกินอาหารเสริม

คนที่มีเงื่อนไขเฉพาะ… ควร “ฝึกได้ แต่ปรับรูปแบบ”

เงื่อนไขสุขภาพ วิธีฝึกที่แนะนำ หมายเหตุ
เจ็บหลังส่วนล่าง ฝึกแบบนั่งบนเก้าอี้มีพนักพิง + ใช้น้ำหนักเบา ห้ามฝืนยืนยกตอนล้าหลัง
กลัวข้อไหล่หลุด เริ่มจากดัมเบลล์เล็ก + ไม่ยกเกินระดับหู ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเพิ่มน้ำหนัก
แกนกลางอ่อนแรง (Core ไม่มั่นคง) ฝึกหน้ากระจก + เกร็งท้องเสมอ + ยืนพิงกำแพง เหมาะกับผู้เริ่มต้นทุกเพศทุกวัย

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

Military Press กับการฟื้นฟูความมั่นคงร่างกาย และบุคลิกภาพในทุกวัย

หัวข้อวิจัย กลุ่มตัวอย่าง ข้อค้นพบ
ผลของการฝึก Military Press ต่อความมั่นคงในผู้สูงวัย ผู้หญิงอายุ 55–70 ปี จำนวน 30 คน กลุ่มฝึกต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ มีอัตราการล้มลดลง 41% และทรงตัวได้นานขึ้นกว่าเดิม 27%
การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพด้วยการฝึกกล้ามเนื้อไหล่ วัยทำงานชาย/หญิง 60 คน อายุ 25–45 ปี 88% ของผู้ฝึก Military Press รายงานว่า รู้สึก “มั่นใจในการยืนพูด-ถ่ายรูป” มากขึ้นหลังฝึก 6 สัปดาห์

จากโค้ชถึงคนที่ยังไม่เริ่ม

“โค้ชไม่เคยถามเลยว่าคุณอายุเท่าไหร่… โค้ชถามแค่ว่า วันนี้คุณพร้อมจะเริ่มหรือยัง?”

ไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องมีแรงมาก่อน ขอแค่คุณ “ให้โอกาสตัวเอง” Military Press ไม่ได้ทำให้คุณเป็นนักเพาะกาย แต่มันจะทำให้คุณ กลับมายืนได้เต็มตัวอีกครั้ง


(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที

การฝึก Military Press ให้เห็นผลเร็ว ไม่ได้หมายความว่าต้องฝึกเยอะ หรือฝึกทุกวันนะคะ แต่หมายถึง “การวางตำแหน่งของท่าในโปรแกรมฝึกแต่ละสัปดาห์” ว่าเล่นท่าไหนก่อน-หลัง และจัดเซตอย่างไรให้กล้ามฟื้นตัวทันและพัฒนาได้เต็มที่

สูตรฝึก 3 วัน/สัปดาห์ – สำหรับคนทั่วไป (ทุกวัย)

เหมาะกับ: คนมีเวลาจำกัด, มือใหม่, ผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

วันฝึก ท่าหลัก คำแนะนำ
วันจันทร์ Military Press + Dumbbell Row เน้นท่าเบสิกวันแรกเพื่อเรียกแรงและแกนกลาง
วันพุธ Military Press + Lateral Raise ฝึกทรงไหล่ด้านข้างให้ชัดเจนขึ้น
วันศุกร์ Military Press + Push Up กระตุ้นกล้ามไหล่ร่วมกับอก เพื่อสร้างเสถียรภาพ

สูตรฝึก 4 วัน/สัปดาห์ – สำหรับสายจริงจัง/อยากขึ้นเวที

เหมาะกับ: คนฝึกมาแล้ว 3 เดือนขึ้นไป, มีเป้าหมายรูปร่างชัดเจน, เทรนเพื่อประกวดหรือถ่ายแบบ

วันฝึก ท่าหลัก ท่าเสริม
จันทร์ Military Press (Heavy) Arnold Press + Dumbbell Shrug
อังคาร Legs / Cardio (พักกล้ามช่วงบน)
พฤหัส Military Press (Medium + Tempo) Front Raise + Plank
เสาร์ Full Body Light + Stretching Dumbbell Circuit

💬 สูตรนี้คือสูตรเดียวกับที่โค้ชใช้เตรียมตัวขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 และ Thailand Open Masters Games ค่ะ โดยจะใช้วันอังคารกับเสาร์ในการเบรกไหล่ ให้กล้ามมีเวลาฟื้นตัวและสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อใหม่ได้เต็มที่

คำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์ตรง

  1. ห้ามเล่น Military Press ติดกัน 2 วัน→ เพราะกล้ามไหล่ต้องการ “การฟื้นตัว” อย่างน้อย 48 ชม.
  2. ฝึกตอนเช้าจะดีกว่าสำหรับคนวัยทำงาน/อายุเยอะ→ เพราะร่างกายยังไม่ล้า และสามารถควบคุมท่าทางได้ดีขึ้น
  3. ใส่ Cardio เช่น เดินเร็ว หรือ Elliptical ต่อท้ายวันฝึก→ ช่วยเรื่องการเบิร์นไขมัน ทำให้ไหล่ดูชัดเร็วขึ้น

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

โค้ชเลือกเฉพาะผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้และนำไปใช้จริง

หัวข้อวิจัย กลุ่มตัวอย่าง ข้อค้นพบ
ความถี่ที่เหมาะสมในการฝึก Military Press ผู้ฝึก 100 คน อายุ 20–60 ปี กลุ่มที่ฝึก 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ มีพัฒนาการทางกล้ามเนื้อดีกว่ากลุ่มที่ฝึก 5 วัน/สัปดาห์ถึง 21.5% ในเวลา 8 สัปดาห์
การจัดเซตและท่าประกอบเพื่อพัฒนาไหล่ นักกีฬา 60 คน (ชาย/หญิง) การฝึก Military Press ร่วมกับ Lateral Raise และ Arnold Press ให้ทรงไหล่ “กว้างและกลม” ชัดเจนขึ้น 34% เมื่อเทียบกับการฝึกแค่ท่าเดียว

บทสรุปจากโค้ชปุนิ่ม

“Military Press ไม่ใช่ท่าแฟนซี ไม่ใช่เทรนด์ TikTok แต่เป็นท่าที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกล้ามสวยทุกคู่บนเวทีประกวด”

ถ้าคุณฝึกตามนี้ต่อเนื่อง 4–8 สัปดาห์ โค้ชขอการันตีเลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน แม่บ้าน คนทำงาน หรือใครก็ตามที่พร้อมจะเริ่ม “เปลี่ยนไหล่ – เปลี่ยนบุคลิก – เปลี่ยนใจตัวเอง” Military Press คือคำตอบ

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม