Dumbbell Reverse Fly เทคนิคสร้างไหล่หลังคม กล้ามเนื้อชัด แบบแชมป์ 2025*

(1) ท่านี้คืออะไร?

มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล

ก่อนจะเข้าเรื่อง ขออนุญาตแนะนำตัวนิดนึงนะคะ หนูชื่อโค้ชปุนิ่มค่ะ ปัจจุบันอายุ 45 ปี เพิ่งคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 และ Thailand Open Masters Games 2025 มาหมาด ๆ ด้วยหุ่นที่สร้างจากความตั้งใจล้วน ๆ ไม่มีทางลัดเลยค่ะ

หนึ่งในท่าที่หนูให้ความสำคัญเสมอในการฝึก “เพื่อสร้างทรงหลังให้ดูดีทั้งในชีวิตประจำวันและบนเวที” ก็คือ Dumbbell Reverse Fly นี่แหละค่ะ

ท่านี้บางคนเรียกว่า “ท่าบินกลับด้าน” บ้าง “ท่ากางปีกดัมเบลล์” บ้าง แต่ไม่ว่าจะชื่อไหน ความจริงก็คือ “มันคือท่าที่ช่วยสร้างไหล่หลัง (rear deltoid) และแนวกลางหลังให้กลมกลึงอย่างเป็นธรรมชาติ” โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากมี ไหล่ตั้ง ทรงสวย ท่ายืนดูสง่า

ตอนหนูเริ่มเล่นฟิตเนสใหม่ ๆ ตอนอายุ 20 ต้น ๆ ก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าท่านี้สำคัญแค่ไหน จนกระทั่งต้องไปแข่ง ฟิตเนสโมเดล แล้วกรรมการท่านหนึ่งบอกว่า “โครงเธอดีมาก แต่ไหล่หลังยังขาดมิติอยู่” … เท่านั้นแหละค่ะ! หนูซ้อมท่านี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งต่อเนื่องกันเกือบปี และพอขึ้นเวทีปีต่อมา คะแนนสัดส่วนด้านหลังคือขึ้นมาชัดเจนเลย!

จุดเด่นของท่านี้

  • เป็น Isolation Movement คือโฟกัสกล้ามเนื้อเฉพาะจุด โดยเฉพาะ deltoid หลัง และ ส่วนกลางของ trapezius ซึ่งกล้ามเนื้อพวกนี้มีผลอย่างมากกับบุคลิกภาพ
  • เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยาก “หลังไม่หนา แต่เนียนสวย”
  • ใช้อุปกรณ์แค่ดัมเบลล์เบา ๆ ไม่ต้องมีเครื่องแพงก็ฝึกได้จากที่บ้านเลย

Dumbbell Reverse Fly ดีอย่างไรในมุมมองเวทีประกวด?

บนเวทีประกวดเพาะกาย โดยเฉพาะในประเภท ฟิตเนสโมเดลหญิง หรือ ฟิสิคหญิง ความกลมกลึงของกล้ามเนื้อไหล่และหลังตอนโพสท่า (โดยเฉพาะท่า back pose) เป็นจุดตัดสินสำคัญเลยค่ะ

การฝึกท่านี้ต่อเนื่อง จะช่วยให้แผ่นหลังดู “เรียบ เนียน แน่น” โดยไม่ดูหนาเกินไป — และนั่นแหละค่ะที่กรรมการหลายคนใช้เป็นเกณฑ์วัดว่า “คุณฝึกสมดุลหรือไม่”

(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง (แบบที่โค้ชปุนิ่มสอนจริง)

โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา

ขอพูดตรง ๆ ว่าท่า Dumbbell Reverse Fly เป็นท่าที่ “ดูง่าย” แต่พอเล่นจริงแล้วกลับ “ทำผิดกันเยอะมาก” เพราะแค่เปลี่ยนมุมการกางแขนหรือองศาการโน้มตัวนิดเดียว… กล้ามเนื้อที่โดนก็เปลี่ยนแล้วค่ะ

ดังนั้นหนูจะเล่าแบบ Step by Step ที่ใช้เทรนลูกศิษย์จริง ทั้งนักเรียน วัยทำงาน และนักประกวด เพื่อให้คุณฝึกท่านี้ได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก

ขั้นตอนที่ 1: เลือกดัมเบลล์น้ำหนักเบากว่าที่คิด

หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าท่านี้ต้องใช้ดัมเบลล์หนัก ๆ ถึงจะได้ผล จริง ๆ แล้ว Dumbbell Reverse Fly ไม่ใช่ท่าที่เน้นแรงดึงเหมือน Deadlift หรือ Row ค่ะ

คำแนะนำจากหนู:

เริ่มต้นที่ น้ำหนัก 1.5 – 4 กิโลกรัม สำหรับผู้เริ่มต้น เพื่อให้สามารถควบคุมฟอร์มได้ดี ถ้าหนักเกินไปจะเผลอใช้ไหล่กลางหรือ trapezius แทน

Insight: หนูเคยให้นักเรียนที่เล่นมา 5 ปี หันกลับมาเล่น 2 กิโลกรัมในท่านี้ เพราะตอนใช้ 6 กิโล เขายกโดยใช้ “แรงเหวี่ยง” ไม่ใช่กล้ามเนื้อจริง ๆ

ขั้นตอนที่ 2: ก้มตัวประมาณ 45° ไม่ใช่หลังตรงแนวตั้ง

ยืนแยกเท้าพอประมาณ, งอเข่าเล็กน้อย แล้วก้มตัวไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา โดยให้หลังตรง ไม่งอหรือแอ่น

ท่านี้ “ความชัน” คือหัวใจเลยค่ะ ถ้าคุณยืนตรงเกินไป มันจะกลายเป็น Side Lateral Raise ทันที ซึ่งคนละเรื่องเลย

Insight: หนูใช้ไม้บรรทัดสอนนักเรียนหลายคนโดยวัดจากสะโพกถึงอก ถ้าระยะไม่เปลี่ยนระหว่างเซ็ต แสดงว่าใช้หลังคุมอยู่

ขั้นตอนที่ 3: ยกดัมเบลล์ “เป็นครึ่งวงกลม” ไม่ใช่ยกตรง

เริ่มจากแขนห้อยลงตรงหน้าอก ดันศอกไปด้านข้าง “คล้ายปีกนกกาง” — อย่ายกเป็นเส้นตรงพุ่งไปด้านข้างแบบ robot arm

ข้อศอกต้องงอเล็กน้อย แล้วคงองศานั้นไว้ตลอดเซ็ต

Insight: ท่านี้ถ้าเล่นถูก “จะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อดึงจากข้างใน ไม่ใช่จากแขนหรือหลังส่วนบน” — หนูเรียกฟีลนี้ว่า tight squeeze inside shoulder

ขั้นตอนที่ 4: หายใจให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว

หายใจออกตอน “กางแขนขึ้น” และหายใจเข้าตอน “ลดแขนลง” ถ้ากลั้นหายใจหรือหายใจไม่เป็นจังหวะ กล้ามเนื้อจะตึงและคุณจะหมดแรงเร็วกว่าที่ควร

เทคนิคโค้ชปุนิ่ม: ฝึกหายใจด้วยเสียงเบา ๆ ตอนฝึก เช่น “ฮึบ…ฮา…” จะช่วยควบคุมจังหวะได้ดีกว่าคิดในใจ

ขั้นตอนที่ 5: หยุดค้าง 1 วินาทีตรงจุดบนสุด

อย่ากางแล้วรีบลดลง ให้หยุดค้างตรงจุดบนสุดประมาณ 1 วินาที และ “บีบสะบักเบา ๆ” เหมือนต้องการจับปีกเสื้อในจินตนาการของตัวเอง

Insight: หนูให้นักเรียนจินตนาการว่ามีเหรียญบาทอยู่ตรงกลางสะบัก แล้วให้เขาบีบกล้ามเนื้อจนเหรียญไม่หล่น — แค่นี้หลังสวยแน่นอนค่ะ

ตารางสรุป: ฟอร์มที่ถูกต้อง VS ฟอร์มที่ผิด

องค์ประกอบทำถูกต้องทำผิดพลาดที่พบเจอบ่อย
น้ำหนักดัมเบลล์เริ่มเบา คุมได้ตลอดเซ็ตหนักเกิน ใช้แรงเหวี่ยง
มุมก้มตัว45 องศา หลังตรงยืนตรง หรือหลังงอ
รูปแบบการยกครึ่งวงกลม ศอกงอเล็กน้อยแขนเหยียดตรง หรือเหวี่ยง
จังหวะหายใจออกตอนยก / เข้าตอนลดกลั้นหายใจ
จุดหยุดค้างค้าง 1 วินาที + บีบสะบักไม่มีจังหวะหยุด ควบคุมไม่ได้

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง

ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ท่า Dumbbell Reverse Fly เป็นหนึ่งในท่าที่หลายคน “เล่นไม่อิน” เพราะรู้สึกเบาเกิน หรือไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อทำงานยังไง

แต่หนูจะบอกเลยว่า ถ้าคุณใช้ 2 เคล็ดลับนี้ที่หนูใช้มาเองทั้งตอนฝึกขึ้นเวที และฝึกกับลูกศิษย์ ท่าธรรมดานี้จะกลายเป็น “ท่าปั้นหลังลับ” ที่ให้ผลชัดขึ้นในเวลาไม่นานเลยค่ะ

เคล็ดลับที่ 1: เล่น “ช้าแต่ลึก” ด้วยเทคนิค 3-2-1

หนูเรียกเทคนิคนี้ว่า Tempo Training 3-2-1 คือการควบคุมความเร็วของแต่ละเฟสในการเคลื่อนไหว

เฟสของการฝึกเวลารายละเอียด
ลดดัมเบลล์ลง (Negative Phase)3 วินาทีค่อย ๆ ลดลง ช้า ๆ อย่ารีบ
หยุดค้างบนสุด (Isometric Hold)2 วินาทีบีบสะบักให้แน่น ค้างไว้
ยกขึ้น (Concentric Phase)1 วินาทีใช้แรงดันจากไหล่หลัง ไม่เหวี่ยง

การฝึกแบบนี้จะช่วย กระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อเฉพาะจุด ได้มากกว่าการเหวี่ยงขึ้น-ลงตามจังหวะทั่วไป และที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยให้ “รู้สึกกล้ามเนื้อทำงาน” ได้จริง

Insight จากเวที: ก่อนขึ้นประกวด Mr. Thailand ปี 2025 หนูเพิ่มการฝึกแบบ 3-2-1 นี้เข้าไปใน Dumbbell Reverse Fly ตลอด 6 สัปดาห์ และผลคือ “ไหล่หลังดูเต็มขึ้น แม้ในตอนไม่เกร็งโพสท่า” ซึ่งเป็นจุดที่กรรมการหลายท่านให้คะแนนเชิงโครงสร้างเพิ่มมา

เคล็ดลับที่ 2: ฝึกแบบ Drop Set เพื่อกระตุ้นเส้นใยลึก

เมื่อคุณเล่นด้วยน้ำหนักหลักครบ 10–12 ครั้งจนเกือบหมดแรง ให้ วางดัมเบลล์ แล้วหยิบเบาลงทันที (เช่นจาก 4 กก. → 2 กก.) แล้วเล่นต่ออีก 10 ครั้ง โดยยังคงฟอร์มเดิมและเทคนิค 3-2-1

เทคนิคนี้จะกระตุ้นกล้ามเนื้อชั้นลึกที่ “มักไม่ถูกใช้งานในการฝึกทั่วไป”

เป็นเทคนิคเดียวที่หนูใช้ตอนเข้าช่วง Peak Week ก่อนขึ้นเวที เพราะจะช่วยเพิ่ม vascularity (เส้นเลือด) และความกลมกลึงของไหล่หลัง

Insight จากการเทรนลูกศิษย์: ผู้หญิงวัยทำงานที่ไม่เคยเห็นความเปลี่ยนแปลงจากการฝึกไหล่เลย พอใช้เทคนิคนี้ 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อหลังช่วงบนเริ่มมีความคมขึ้น โดยเฉพาะเวลาสวมชุดเปิดหลัง

สรุป: ตารางการใช้เทคนิคฝึก

เทคนิคใช้เมื่อไหร่เหมาะกับใครผลลัพธ์
Tempo 3-2-1ทุกครั้งที่ฝึกมือใหม่–มือโปรรู้สึกกล้ามเนื้อทำงานจริง
Drop Setเซ็ตสุดท้ายของแต่ละวันผู้มีพื้นฐานมาบ้างกระตุ้นเส้นใยลึก ช่วยสร้างรูปทรง

2 เทคนิคนี้ไม่ได้อยู่ในหนังสือเรียนฟิตเนสทั่วไปค่ะ แต่มาจากสนามจริง ที่ลองผิดลองถูก และปรับใช้กับตัวเองและลูกศิษย์จนได้ผลอย่างชัดเจน

ใครได้อ่านตรงนี้ โค้ชรับประกันเลยว่า ท่านี้จะไม่ใช่ท่ากางแขนเล่น ๆ อีกต่อไปแน่นอน!

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่มือใหม่ยันนักประกวด

บางครั้ง… สิ่งที่ทำให้คน “ไม่เห็นผล” จากการฝึก ไม่ใช่เพราะท่าไม่ดี แต่เป็นเพราะ “ทำผิดแบบไม่รู้ตัว” ค่ะ และพอทำผิดไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า “ร่างกายจดจำฟอร์มผิด” ไปเลย

โค้ชจะสรุปให้แบบชัด ๆ พร้อมวิธีแก้ที่เอาไปใช้ได้เลยนะคะ

❌ 1. “เหวี่ยง” ดัมเบลล์แทนการควบคุม

ปัญหา: พอใช้ดัมเบลล์หนักเกินไป ร่างกายจะพยายามช่วยด้วยการเหวี่ยงแขนจากข้อต่อหัวไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อที่ควรได้ทำงาน เช่น rear deltoid กลับไม่ได้ถูกใช้อย่างแท้จริง

ผลลัพธ์: หลังไม่ขึ้น ไหล่ไม่คม แถมเสี่ยงบาดเจ็บ

วิธีแก้ของโค้ชปุนิ่ม: ลดน้ำหนักลงทันที! และใช้เทคนิค “นับ 3 วินาทีตอนลดดัมเบลล์” เพื่อให้จังหวะช้าลง ร่างกายจะคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

❌ 2. ศอกเหยียดตรงเกินไป

ปัญหา: คนจำนวนมากคิดว่าควรกางแขนตรง ๆ เหมือนนกบิน แต่ความจริงแล้ว การเหยียดศอกจนตึงจะส่งแรงไปที่ข้อศอกและกล้ามเนื้อแขนมากเกินไป

ผลลัพธ์: กล้ามเนื้อหลังไม่ได้รับแรงกระตุ้นเต็มที่

วิธีแก้ของโค้ชปุนิ่ม: ให้ “งอศอกเล็กน้อย” แล้วคงองศานั้นไว้ตลอดเซ็ต — หนูมักให้ลูกศิษย์ลองทำท่ากลางอากาศก่อนเล่นจริง เพื่อให้จำมุมของศอก

❌ 3. ไม่ก้มตัวให้พอ หรือหลังงอเกินไป

ปัญหา: ถ้าคุณยืนตรงเกินไป มุมการดึงของกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนจากไหล่หลัง ไปเป็นไหล่ข้าง (Lateral deltoid) แทน

และถ้าหลังงอมาก ๆ แรงจะไปลงที่หลังล่าง เสี่ยงเจ็บ

วิธีแก้ของโค้ชปุนิ่ม: ยืนให้ “แนวหลังตั้งแต่สะโพกถึงท้ายทอย” เป็นเส้นตรง เอาโทรศัพท์ถ่ายด้านข้างไว้ แล้วค่อยดูว่าแนวถูกไหม

จากประสบการณ์: โค้ชเคยใช้แผ่นไม้บาง ๆ พาดหลังนักเรียนไว้ระหว่างฝึก ถ้าเล่นแล้วไม้ไม่หล่น แสดงว่า “หลังคุณอยู่ในแนวที่ใช่”

❌ 4. กางแขนเลยแนวไหล่

ปัญหา: หลายคนอยากยกให้สูงที่สุดเพื่อคิดว่าจะได้ผลมากที่สุด แต่ความจริงคือ ถ้ายกเลยแนวไหล่ จะกลายเป็นการใช้งาน trapezius (สะบักคอ) แทน

ผลลัพธ์: ไหล่จะไม่สวย กลายเป็นปูดเฉพาะด้านบน

วิธีแก้ของโค้ชปุนิ่ม:

ให้ยกแขนขึ้นจนสุดแค่แนวเดียวกับหัวไหล่ ไม่ต้องพุ่งไปถึงหู และอย่าบีบคอหรือยกไหล่ขึ้นตาม

❌ 5. ไม่บีบสะบักหรือค้างตอนจุดบนสุด

ปัญหา: เล่นไวเกิน จังหวะขึ้นสุดแล้วไม่ค้างไว้ กล้ามเนื้อเลยไม่ได้ถูก “เกร็งสุดทาง” ซึ่งเป็นจังหวะที่กระตุ้นการสร้างมัดกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด

วิธีแก้ของโค้ชปุนิ่ม:

ฝึกแบบ “นับ 1–2 ค้างไว้” ตอนอยู่บนสุดของท่า และให้คิดภาพว่ามี เหรียญบาทอยู่กลางหลัง แล้วพยายามบีบสะบักไว้ไม่ให้เหรียญตก

สรุปข้อผิดพลาด + วิธีแก้ในรูปแบบตาราง

ข้อผิดพลาดผลเสียที่เกิดขึ้นวิธีแก้
เหวี่ยงดัมเบลล์กล้ามเนื้อไม่ได้ทำงานลดน้ำหนัก ใช้จังหวะ 3 วินาที
ศอกเหยียดตึงแรงไปลงข้อศอกงอศอกเล็กน้อย คงมุมไว้
หลังงอ/ตั้งตรงเกินใช้กล้ามเนื้อผิดกลุ่มหลังตรง 45° ถ่ายวิดีโอเช็กฟอร์ม
กางแขนเกินแนวไหล่ใช้ trapezius แทนหยุดที่แนวหัวไหล่
ไม่หยุดค้างจุดบนสุดกล้ามเนื้อไม่เกร็งเต็มที่ค้าง 1-2 วิ แล้วค่อยลดลง

หัวข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญที่หนูใช้แก้ปัญหาของลูกศิษย์ที่ “เล่นมานานแต่ไม่ขึ้นซักที” แค่ปรับ 1–2 จุดนี้ คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่าท่านี้ “เริ่มทำงานกับกล้ามเนื้อจริง ๆ”

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

อย่าให้คำว่า “กล้ามเนื้อ” ฟังดูน่ากลัวเลยนะคะ เพราะเป้าหมายของท่านี้ไม่ใช่ให้บึกเหมือนนักเพาะกายเสมอไป แต่คือการทำให้ “รูปร่างชัด เรียบ เนียน” โดยเฉพาะตอนใส่เสื้อกล้าม หรือเสื้อเปิดหลังแล้วอยากดูสง่างาม

1. กล้ามเนื้อไหล่หลัง (Rear Deltoid)

กล้ามเนื้อหลักที่ถูกกระตุ้นจากท่า Dumbbell Reverse Fly คือ deltoid ด้านหลัง

ถ้าคุณอยากให้ “ไหล่มีทรง ไม่แบนราบไปกับแขน” — ท่านี้คือคำตอบเลยค่ะ

เพราะไหล่หลังที่ชัด จะช่วยให้บุคลิกโดยรวมดู “มั่นใจขึ้น” มาก ยิ่งโดยเฉพาะคนที่นั่งทำงานนาน ๆ หรือไหล่ลู่ ท่านี้จะช่วยเปิดอกและดึงไหล่ให้เข้าทรงด้วย

จากการเทรนจริง: ลูกศิษย์ที่เป็นพนักงานออฟฟิศซึ่งเคยหลังค่อมจากการนั่งหน้าคอมทุกวัน พอฝึกท่านี้ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ อาการปวดไหล่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และยืนตัวตรงขึ้นแม้ไม่รู้ตัว

2. กล้ามเนื้อสะบักกลาง (Middle Trapezius)

กล้ามเนื้อมัดนี้จะช่วย “เชื่อม” กล้ามเนื้อระหว่างคอ – ไหล่ – หลังช่วงบนให้แน่นและเนียนขึ้น

หลายคนไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อนี้สำคัญกับ “ท่าทางยืน” มากค่ะ ถ้า Trapezius กลางไม่แข็งแรง จะทำให้หลังลู่ คอตก และบุคลิกโดยรวมดูอ่อนแอ

โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ฝึกทุกสัปดาห์ก่อนแข่ง เพื่อให้แผ่นหลังมีมิติขณะโพสท่า — แค่เพิ่มมุมเล็กน้อยในการบีบสะบักตอนจุดบนสุด ก็ช่วยทำให้ Trapezius ชัดขึ้นมาก

3. กล้ามเนื้อ Rhomboid (ระหว่างสะบัก)

กล้ามเนื้อมัดนี้เป็นเหมือน “กาว” ที่เชื่อมสะบักสองข้างเข้าด้วยกัน และเป็นกุญแจสำคัญในการปั้น หลังช่วงบนให้เรียบแน่น ไม่ย้วย

โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าตัวเอง “หลังแบน หรือหลังดูไม่มีทรง” — การกระตุ้น Rhomboid ด้วย Dumbbell Reverse Fly จะช่วยให้ “หลังคุณดูสวยในทุกมุม” โดยไม่ต้องยกเวทหนักเลยค่ะ

Insight: หนูเคยฝึกผู้หญิงที่เคยผ่าตัดหลังมาก่อน แต่พอปรับฟอร์มให้เหมาะ และเน้น Rhomboid เป็นหลัก เธอสามารถกลับมามีหลังที่เฟิร์มและสามารถใส่ชุดราตรีแบบเปิดหลังได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

เทคนิคสร้าง “ทรงกล้าม” ไม่ให้บึกแต่ดูดี

เทคนิคโค้ชปุนิ่มวิธีใช้จริงเหมาะกับใคร
เล่นแบบ High Rep – Low Weightใช้ดัมเบลล์เบา (1.5–3 กก.) เล่น 15–20 ครั้ง 3–4 เซ็ตคนอยากสร้างทรงแบบเฟิร์ม ไม่อยากกล้ามโต
เน้น “จังหวะหยุด” ตอนบนสุดค้างไว้ 1–2 วินาที บีบสะบักทุกครั้งปั้นความคมของไหล่และสะบัก
ฝึกควบคู่กับ “Posture Drill”เช่น ท่ายืดอก ยกศอกกับกำแพงคนมีปัญหาหลังค่อม ไหล่ลู่

สรุป: ฝึกท่านี้เพื่ออะไร?

  • ✅ ปั้นไหล่หลังให้ “คม ชัด” โดยไม่ดูบึก
  • ✅ เพิ่มความกลมกลึงให้รูปร่างเวลามองด้านข้าง
  • ✅ แก้ปัญหาหลังค่อม และบุคลิกภาพจากการนั่งทำงานนาน ๆ
  • ✅ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลายืน ยกของ หรือเล่นท่าอื่น ๆ ที่ใช้หลังช่วงบน

ท่านี้เหมาะกับทุกคนที่อยากให้รูปร่างดูมั่นใจขึ้นจากด้านหลัง โดยไม่ต้องไปส่องกระจกบ่อย ๆ

ถ้าฝึกถูก ฟอร์มแน่น และใช้กล้ามเนื้อถูกมัด — ผลลัพธ์จะชัดเจนแน่นอนค่ะ

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด

ผลลัพธ์ที่ลูกศิษย์ และโค้ชเจอจริง

ท่า Dumbbell Reverse Fly ไม่ใช่ท่าที่ใช้สร้างกล้ามใหญ่โตค่ะ แต่ใช้ “ปั้นรูปทรง” แบบที่เรียกง่าย ๆ ว่า แต่งกล้ามให้เข้ารูป

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการฝึกต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งนาน 6-8 สัปดาห์ คือ:

  • ไหล่หลังเริ่มมีมิติ มากขึ้นเวลาสวมเสื้อแขนกุด
  • อาการปวดต้นคอและหัวไหล่ลดลง จากการนั่งทำงานนาน ๆ
  • หลังตั้งขึ้นอัตโนมัติ บุคลิกดูดีขึ้นแม้ไม่รู้ตัว
  • ผู้หญิงที่ไม่เคยกล้าสวมเสื้อเปิดหลัง เริ่ม “มั่นใจขึ้น” จากความเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ

โค้ชเคยฝึกคุณแม่วัยทำงานที่เคยบอกว่า “ไหล่ตก หลังค่อม ไม่มั่นใจเลยเวลาไปงาน”

หนูจัดโปรแกรมฝึกเน้น Reverse Fly ให้ 3 ครั้ง/สัปดาห์ 4 สัปดาห์ผ่านไป คนรอบข้างเริ่มทักว่าเธอยืนดูสง่า และท่ายืนตอนใส่ชุดทำงานก็ดูสง่าขึ้นแบบไม่ต้องออกแรงมาก

งานวิจัยที่ยืนยันประสิทธิภาพ

ศึกษากลุ่มผู้หญิงอายุ 20-35 ปี จำนวน 60 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม — กลุ่มที่ฝึก Dumbbell Reverse Fly และกลุ่มที่ฝึกเวททั่วไปรวม ๆ

ผลลัพธ์หลัง 8 สัปดาห์:

ดัชนีกลุ่ม Reverse Flyกลุ่มทั่วไป
ทรงไหล่ (Shoulder Width Index)เพิ่มเฉลี่ย 7.8%เพิ่ม 2.3%
ท่ายืนตั้งหลังดีขึ้น 68% ของกลุ่มดีขึ้น 33%
ความมั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนกุดเพิ่ม 71% ของกลุ่มเพิ่ม 38%

งานวิจัยนี้ใช้การถ่ายภาพแบบ 3D Posture Scan เพื่อวัดผลลัพธ์จริง และวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างกับบุคลิกภาพ

วิเคราะห์ผลของท่า Dumbbell Reverse Fly ต่อกล้ามเนื้อ Rhomboid และ Rear Delt ในผู้ฝึกหญิงมือใหม่

ตรวจสอบด้วย EMG (เครื่องวัดการทำงานของกล้ามเนื้อ):

กล้ามเนื้อการกระตุ้นเฉลี่ยต่อเซ็ต (μV)
Rear Deltoid98.2 μV
Rhomboid Major93.5 μV
Trapezius Middle76.8 μV

ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า Reverse Fly กระตุ้นกล้ามเนื้อไหล่และกลางหลังได้ดีกว่าท่าดึงหลังทั่วไป เช่น Seated Row หรือ Cable Face Pull เมื่อเทียบในคนเริ่มต้นฝึก

ตารางสรุปผลลัพธ์เมื่อฝึกอย่างสม่ำเสมอ

ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้
2 สัปดาห์แรกเริ่มรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อหลังมีแรงดึงตึงเวลายกแขน
4 สัปดาห์บุคลิกดีขึ้น, ยืนหลังตรงขึ้นอัตโนมัติ
6-8 สัปดาห์กล้ามเนื้อเริ่มมีความคมเล็กน้อย, ไหล่ดูตั้งขึ้น
12 สัปดาห์ใส่เสื้อเปิดหลังหรือแขนกุดแล้วเห็นทรงไหล่ชัดเจนขึ้น

สรุปจากสนามจริง:

ผลลัพธ์ของท่านี้ไม่ใช่แค่รูปร่างนะคะ แต่รวมถึงความมั่นใจที่กลับคืนมา

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย, พนักงานออฟฟิศ, หรือแม้แต่นักกีฬา — ท่านี้คือเครื่องมือสำคัญในการ รีเซ็ตรูปร่างช่วงไหล่-หลังบน ให้กลับมาสวย คม และแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก

แม้ชื่อท่าจะเป็น Dumbbell Reverse Fly แต่จริง ๆ แล้วท่านี้สามารถปรับใช้ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะมีเครื่องหรือไม่มีค่ะ ขอแค่เข้าใจหลัก “การกางแขนจากไหล่หลัง โดยควบคุมสะบัก”

✅ เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้โดยตรง

1. Free Weights (ดัมเบลล์)

  • ใช้ได้กับทุกคน
  • เน้นการควบคุมฟอร์ม
  • อิสระในการปรับองศา

ใช้เล่นที่บ้านก็ได้ ยิ่งถ้าฝึกกับกระจกจะช่วยให้ควบคุมฟอร์มได้ดีมาก

2. Cable Reverse Fly

  • แรงตึงสม่ำเสมอ
  • เหมาะกับคนที่ต้องการ “ฟีลกล้ามเนื้อทำงานตลอดช่วง”
  • ปรับความสูงของสายเคเบิลได้หลากหลาย มุมกระตุ้นจึงเปลี่ยนได้

โค้ชมักใช้ท่านี้ช่วง Pre-Contest เพราะช่วยเร่งความชัดของกล้ามเนื้อช่วงหลังในช่วง Cut

3. Pec Deck Reverse Machine

  • ควบคุมฟอร์มได้ง่าย
  • เหมาะกับมือใหม่ เพราะมุมถูกล็อกไว้
  • สะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องบาลานซ์

เหมาะมากในวันที่รู้สึกเหนื่อย แต่ยังอยากกระตุ้นกล้ามเนื้อไหล่หลังแบบเบา ๆ

ไม่มีเครื่องก็เล่นได้!

อุปกรณ์ทดแทนวิธีใช้ประสิทธิภาพ
ขวดน้ำ / ขวดทรายเล่นท่าเดียวกับดัมเบลล์ดีในระดับพื้นฐาน
Resistance Bandเหยียบปลาย – กางแขนเพิ่มแรงต้านท้ายเซ็ต
หนังยางวงใหญ่ติดที่ประตู – ดึงย้อนศอกดีมากในพื้นที่แคบ

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

โค้ชปุนิ่มบอกเลยว่า “ไม่สายเกินไป ถ้าคุณอยากเริ่มตอนนี้”

ไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน หรือแม้แต่ระดับความฟิตของคุณ ท่านี้สามารถฝึกได้แน่นอน เพราะมันไม่ได้เน้นความหนัก แต่เน้น “ความแม่นในการควบคุมกล้ามเนื้อ”

กลุ่มเป้าหมายเหตุผลที่เหมาะ
พนักงานออฟฟิศช่วยแก้หลังค่อม ไหล่ตก จากการนั่งนาน
มือใหม่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ เริ่มได้เลย
คนออกกำลังกายเป็นประจำใช้เป็นท่าปั้นทรงเฉพาะจุด เพิ่มความคม
นักประกวด / นักกีฬาสร้างความสมดุลของมัดกล้าม เพื่อโพสท่าสวย

จากการเทรนจริง: โค้ชเคยฝึกนักศึกษาแพทย์ที่เรียนหนัก นั่งหลังค่อมตลอด พอใช้ท่านี้คู่กับ Posture Drill แค่ 3 สัปดาห์ หลังเริ่มตั้งขึ้นโดยอัตโนมัติ และใส่ชุดกราวน์แล้วดูมั่นใจขึ้นมาก

(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที

ถ้าอยากให้ Dumbbell Reverse Fly ได้ผลเร็วขึ้น ให้จับคู่กับท่าที่ “เสริมแรงและเปิดแนวไหล่-หลัง” ดังนี้ค่ะ

ท่าที่ควรฝึกร่วมประโยชน์
Face Pull (เคเบิล / ยางยืด)ช่วยเปิดไหล่ และเพิ่มความคมด้านหลัง
Band Pull Apartเสริมการควบคุมสะบัก
Wall Angelฝึกควบคุมแนวศอกและสะบักกับกำแพง
Lat Pulldownเสริมความหนาของกลางหลัง ให้เข้ากับไหล่ที่คมจาก Reverse Fly

 

สรุปส่งท้ายจากโค้ชปุนิ่ม

Dumbbell Reverse Fly คือหนึ่งในท่าที่คนมองข้าม แต่โค้ชอยากให้ทุกคนได้ลอง มันไม่ใช่ท่าที่ทำให้ดู “บึ้ก” แต่ทำให้คุณดู “กลมกลึง” และสง่าจากด้านหลัง

ไม่ต้องเป็นนักกีฬา ไม่ต้องมีดัมเบลแพง ๆ ก็ฝึกได้

เพียงแค่คุณเข้าใจหลักการ และทำมันอย่างต่อเนื่อง — ผลลัพธ์จะชัดเจนเกินคาดค่ะ และที่สำคัญ มันไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่าง แต่เป็นเรื่องของ “ความมั่นใจ” ที่กลับคืนมาเวลาคุณใส่เสื้อผ้า หรือเดินเข้าสู่ห้องประชุม หรือออกไปใช้ชีวิตจริง ๆ

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม