(1) ท่า Dumbbell Bench Press คืออะไร?
จากมุมมองของโค้ชปุนิ่ม ผู้คร่ำหวอดในสนามเพาะกาย และมีประสบการณ์แข่งระดับประเทศทั้งไทยและต่างประเทศ
Dumbbell Bench Press คือหนึ่งในท่าบริหารกล้ามเนื้ออกที่ดีที่สุด เพราะสามารถ “ควบคุมองศาการเคลื่อนไหว” ได้ดีกว่าการใช้บาร์เบลหรือเครื่อง Smith Machine ท่านี้เน้นสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก (Pectoralis Major) ให้ทรงสวย ชัด และมีมิติเหมาะสำหรับคนที่ต้องการ “อกกลมแน่น” หรือสร้างลายกล้ามเนื้อแบบนักประกวด
โค้ชปุนิ่มเริ่มฝึกท่านี้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าฟิตเนส ด้วยดัมเบลข้างละ 4 กิโล ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12–15 กิโลกรัมในช่วงเตรียมประกวด และยังใช้ท่านี้ต่อเนื่องเสมอในโปรแกรมของนักเรียน ไม่ว่าชายหรือหญิง เพราะมัน “ปลอดภัยและปรับให้เหมาะกับทุกระดับได้”
จุดเด่นของท่านี้จากประสบการณ์โค้ชปุนิ่ม
- ปรับองศาได้ตามสรีระแต่ละคน
ดัมเบลทำให้สามารถบีบอกเข้าใกล้กันมากกว่าบาร์ ช่วยให้กล้ามอกทำงานหนักขึ้น - ลดแรงกดกระดูกไหล่
ทำให้คนที่มีปัญหาหัวไหล่สามารถเล่นได้สบายกว่าการ Bench แบบอื่น - เหมาะกับผู้หญิงที่อยากยกกระชับทรงอก
เพราะสามารถควบคุมน้ำหนักทีละข้างได้ และเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุดได้ดีกว่า - ฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางไปในตัว
เนื่องจากต้องรักษาสมดุลในขณะดันดัมเบลทั้งสองข้างพร้อมกัน
ความเห็นจากโค้ชปุนิ่ม
“โค้ชเคยฝึกบาร์เบลแล้วรู้สึกเหมือนท่าบังคับเกินไป แต่พอลองดัมเบล โอ้โห…อกบีบแน่น ลายกล้ามชัดขึ้นทันที แถมไม่เจ็บหัวไหล่เลยค่ะ!”
สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย:
หัวข้อ | ข้อมูลจากงานวิจัย |
การพัฒนากล้ามเนื้ออก | งานวิจัยปี 2021 ศึกษาชาย-หญิง 60 คน เปรียบเทียบท่า Dumbbell Bench Press กับ Barbell พบว่า Dumbbell ทำให้กล้ามอกทำงานได้ดีกว่าโดยเฉพาะช่วงปลายการเคลื่อนไหว |
ความปลอดภัยของหัวไหล่ | งานวิจัยปี 2020 ตรวจสอบการใช้งานหัวไหล่จากกลุ่มตัวอย่าง 40 คน พบว่า Dumbbell Bench Press ลดแรงกดต่อข้อไหล่ได้มากกว่าท่า Barbell Bench 18% |
ความสามารถในการพัฒนา symmetrically | งานวิจัยปี 2022 วิเคราะห์การพัฒนากล้ามเนื้อเท่ากันทั้งสองข้าง พบว่า Dumbbell Bench ช่วยลดอาการข้างหนึ่งแข็งแรงกว่าอีกข้างได้ดี |
(2) 5 วิธีการทำ Dumbbell Bench Press ที่ถูกต้อง
โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา แต่ผ่านการฝึกจริงในสนามฟิตเนสและเวทีประกวด
การทำ Dumbbell Bench Press ที่ “ถูกต้อง” จะทำให้กล้ามเนื้ออกได้ทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมลดความเสี่ยงการบาดเจ็บของหัวไหล่และข้อศอก ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่เจอบ่อยในผู้หญิงที่เริ่มเล่นเวท และโค้ชปุนิ่มจะแนะนำอย่างละเอียดทีละขั้นเลยค่ะ:
✅ ขั้นตอนที่ 1: เตรียมอุปกรณ์และเซตท่าให้มั่นคง
- ใช้ม้านอนราบ (Flat Bench) และเลือกดัมเบลน้ำหนักพอเหมาะ ไม่เบาเกินไปจนไม่รู้สึก หรือหนักจนควบคุมไม่ได้
- นั่งบนม้า วางดัมเบลไว้ที่ต้นขาทั้งสองข้าง
- ใช้แรงดันจากต้นขาช่วย “ไถ” ดัมเบลขึ้นไปที่หน้าอกก่อนจะเอนตัวลงนอนบนเบนช์ (เป็นเทคนิคประหยัดแรงที่โค้ชใช้เองมาตลอด)
เคล็ดลับโค้ชปุนิ่ม: “อย่าใช้มือยกดัมเบลขึ้นเองตอนนอน เพราะจะกดไหล่ — ใช้ต้นขาช่วยไถขึ้นดีกว่า ง่ายและปลอดภัยกว่าเยอะค่ะ”
✅ ขั้นตอนที่ 2: เซตจุดล็อกร่างกายให้ถูกต้องก่อนเริ่มดัน
- เท้า: วางเต็มพื้น ให้มั่นคงทั้งสองข้าง อย่ายกส้นเท้า
- สะโพก: ติดเบนช์ ไม่ลอยขึ้น
- แผ่นหลัง: แอ่นเล็กน้อยตามธรรมชาติ (ไม่ใช่แอ่นสุดทาง)
- ไหล่: ดึงลง-หุบสะบักหลังเล็กน้อย เพื่อล็อกให้กล้ามเนื้ออกโดนทำงานแทนหัวไหล่
โค้ชปุนิ่มสอนว่า: “การจัดท่าแค่ 5 วินาที จะเปลี่ยนคุณภาพของการดันในทุกวินาทีเลยค่ะ!”
✅ ขั้นตอนที่ 3: เริ่มต้นจากตำแหน่งบน (ดัมเบลแนบอกชิดกัน)
- ถือดัมเบลให้อยู่ตรงแนวหน้าอก (ระดับหัวนม) ไม่ใช่ตรงไหล่
- ข้อมือตรงกับท่อนแขน ไม่แอ่นหรือพับข้อมือ
- หายใจเข้าให้เต็มปอด เพื่อเตรียมแรงขณะดัน
✅ ขั้นตอนที่ 4: ดันขึ้นอย่างมั่นคง – ควบคุมจังหวะ
- ดันดัมเบลขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้างโดยใช้แรงจากหน้าอก ไม่ใช่ไหล่
- จังหวะดันใช้เวลา 1-2 วินาที ไม่ต้องเร็ว
- ดันจนแขนเกือบตึง (แต่ไม่ล็อกข้อศอก)
เสียงจากประสบการณ์โค้ช:
“เวลาแขนเกือบตึง ให้นึกเหมือน ‘บีบอก’ เข้าไป โดนอกล้วน ๆ ค่ะ ไม่ใช่แค่ดันเฉย ๆ”
✅ ขั้นตอนที่ 5: ลดลงอย่างช้าและคุมองศาให้ได้
- ค่อย ๆ ลดดัมเบลลงโดยควบคุม ไม่ปล่อยหล่น
- ศอกลงมาประมาณ 45–60 องศา ไม่กางออกจนขนานพื้น เพราะจะกดไหล่
- หายใจออกตอนลดลง
สรุปตารางท่าที่ถูกต้อง
ขั้นตอน | รายละเอียด |
1. เตรียมตัว | ใช้ต้นขาช่วยส่งดัมเบลขึ้นก่อนนอนราบ |
2. เซตท่า | เท้าแน่น, หลังแอ่นเล็กน้อย, ไหล่หุบเข้า |
3. เริ่มต้น | ข้อมือตรง, ดัมเบลอยู่ระดับหัวนม |
4. ดันขึ้น | ดันช้า, บีบอก, ไม่ล็อกข้อศอก |
5. ลดลง | คุมจังหวะ, ศอก 45–60 องศา, หายใจออก |
สาระน่ารู้จากงานวิจัยเพิ่มเติม:
งานวิจัยปี 2023 ทำการวิเคราะห์นักเพาะกาย 20 คน ช่วงเตรียมแข่ง พบว่า “กลุ่มที่ควบคุมเฟส Negative (ช่วงลดดัมเบลลง) ด้วยเวลา 3 วินาทีเต็ม” มีกล้ามเนื้ออกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13.2% ภายใน 6 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มที่ปล่อยลงเร็ว (แค่ 7.1%)
(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง
สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกจริง ก่อนขึ้นเวทีประกวดฟิสิคหญิง Mr. Thailand 2025
✅ เคล็ดลับที่ 1: “ฝึกแบบ Top Half Isolation – เพิ่มลายกล้ามแบบละเอียด”
ในการเตรียมประกวด โค้ชปุนิ่มจะฝึก Dumbbell Bench Press แบบแยกครึ่งบนของการเคลื่อนไหว โดยไม่ลดดัมเบลลงสุด เพื่อโฟกัสเฉพาะช่วง “บีบอก” อย่างแท้จริง
โค้ชจะเล่น 3–4 เซตสุดท้ายของวัน โดย:
- เริ่มจากตำแหน่งดันเต็ม
- ลดลงมาแค่ครึ่งทาง (ประมาณมุมข้อศอก 90 องศา)
- บีบดัมเบลให้ใกล้กันตอนดันขึ้นทุกครั้ง
- เน้นความรู้สึกที่ “อกกลาง” และ “อกใน” เป็นหลัก
ทำไมถึงได้ผล? การเล่นช่วงครึ่งบนช่วยให้เกิดการเกร็งค้างต่อเนื่องในกล้ามเนื้อหน้าอกชั้นใน ทำให้กล้ามมี “ร่อง” และ “ลาย” ที่ชัดกว่าการฝึกทั่วไป โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ต้องการยกกระชับทรงอก ไม่ให้แบนหรือหย่อน
โค้ชปุนิ่มเล่าว่า: “โค้ชเล่นแบบนี้ก่อนขึ้นเวที 2 เดือน กล้ามอกเริ่มมีร่องกลางชัดขึ้น ใส่ชุดแข่งแล้วทรงอกกลมชัดขึ้นอย่างเห็นได้เลยค่ะ”
✅ เคล็ดลับที่ 2: “จับดัมเบลแบบหุบเข้าเล็กน้อย – เพิ่มแรงบีบอก”
ผู้หญิงหลายคนจะถือดัมเบลแบบตั้งตรง (เหมือนบาร์เบล) ซึ่งโค้ชปุนิ่มมองว่า “ยังไม่เต็มศักยภาพ” เพราะแรงบีบอกไม่พอ
สิ่งที่โค้ชทำคือ:
- หุบมุมดัมเบลเข้าเล็กน้อย (ประมาณ 10–15 องศา)
- ทำให้ดัมเบลมีลักษณะเป็น “V คว่ำ” ขณะอยู่ระดับอก
- ตอนดันขึ้นจะเหมือนบีบอกเข้าหากันอัตโนมัติ
ข้อดีที่โค้ชยืนยันเอง: ลักษณะการจับแบบนี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของ “กล้ามเนื้ออกใน” และเพิ่มมิติแบบนักประกวดได้ดีโดยไม่ต้องใช้ดัมเบลหนัก
โค้ชพูดจากใจว่า: “บางคนชอบฝึกหนัก แต่ไม่ได้จับให้ถูกมุม มันเลยไม่โดนอกจริง ๆ พอหุบดัมเบลนิดเดียวเท่านั้นแหละ — โดนกล้ามกลางอกเต็มๆ!”
ตารางสรุปเคล็ดลับจากเวทีจริง
เคล็ดลับ | รายละเอียด | เหมาะกับใคร |
Top Half Isolation | เล่นช่วงครึ่งบนของท่าเท่านั้น | ผู้หญิงที่อยากให้มีร่องอกสวย |
จับหุบเข้าเล็กน้อย | ช่วยให้บีบอกแน่น ไม่เจ็บไหล่ | มือใหม่ / คนฝึกนานแล้วแต่ยังไม่เห็นอกกลาง |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2022 วิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างหญิง 50 คน อายุ 25–45 ปี ที่ฝึก Bench Press ด้วยการ “ปรับองศาดัมเบลแบบหุบเข้า 10 องศา” พบว่าแรงกระตุ้นที่กล้ามเนื้อ Pectoralis Major เพิ่มขึ้นถึง 14.5% เมื่อเทียบกับการจับแบบตรงธรรมดา
(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
จากคนที่เทรนตัวเองและลูกศิษย์ตั้งแต่ 20 จนถึงวัย 60+ มาแล้วหลายร้อยคน
❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: “ศอกกางออกขนานพื้นเกินไป”
ทำให้เกิดแรงกดสูงที่ข้อไหล่ เสี่ยงบาดเจ็บระยะยาว
วิธีแก้: ให้ลดศอกลงมาอยู่ในองศา ประมาณ 45–60 องศา จากลำตัว ไม่ใช่กางออก 90 องศา เพราะองศาที่เหมาะสมจะเน้นกล้ามอกโดยตรงและลดภาระบนข้อต่อหัวไหล่
โค้ชปุนิ่มแนะว่า: “ศอกกว้าง = เจ็บไหล่ ศอกเฉียงลง = ได้อกเต็ม ๆ เลยค่ะ”
❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: “ดันขึ้นเร็วเกินไป”
หลายคนดันแบบรีบ ๆ จนกลายเป็นใช้แรงเหวี่ยง ไม่ใช่แรงกล้ามเนื้อ
วิธีแก้: ใช้จังหวะ “1-2 วินาทีดันขึ้น” และ “2-3 วินาทีลง” เพื่อให้กล้ามเนื้อได้เกร็งในช่วงที่ควรทำงาน โดยเฉพาะช่วงลง (eccentric phase) ที่กล้ามเนื้อเติบโตได้ดี “ตอนแข่ง โค้ชใช้จังหวะช้าๆ ตลอด เพื่อให้ลายกล้ามมาเร็วขึ้น และมีมิติชัดเจน”
❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: “ยกลอยสะโพกตอนดันหนัก”
มักพบในคนที่อยากยกน้ำหนักมาก ๆ แต่กล้ามเนื้อยังไม่พร้อม
วิธีแก้: ให้เทรน “Core” และฝึกกับน้ำหนักที่เหมาะสมก่อน ถ้าสะโพกลอย แปลว่าใช้กล้ามเนื้อหลัง-ขา-ไหล่ช่วยแทนอก
โค้ชแนะนำว่า: “อย่าเอาน้ำหนักมาทำเท่ แต่ต้องควบคุมให้ได้ก่อน เดี๋ยวกล้ามอกจะไม่ได้อะไรเลยค่ะ”
❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: “ข้อมือหักงอ”
บางคนไม่ตั้งข้อมือตรงกับแขน ทำให้ปวดข้อมือ และพลังงานไม่ส่งถึงกล้ามอก
วิธีแก้: จับให้ ข้อมือ-ปลายแขน-ดัมเบล อยู่ในเส้นตรงเดียวกัน ไม่งอพับออกด้านหลัง ถ้ารู้สึกข้อมืออ่อน แนะนำให้ใช้ wrist wraps ช่วยประคองข้อมือได้
❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: “ไม่หุบสะบักก่อนดัน”
ทำให้แรงดันไปตกที่หัวไหล่แทนหน้าอก
วิธีแก้: ก่อนเริ่มทุกเซต ให้ ดึงสะบักหลังเบา ๆ และหุบเข้าหากัน พร้อมกับแอ่นหน้าอกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นแนว “ตั้งอกรับแรง” ทำให้กล้ามอกโดนทำงานแท้ ๆ ไม่ใช่หัวไหล่
โค้ชปุนิ่มสรุป: “ตั้งสะบักดี = กล้ามอกบีบแน่น ลายมาชัด ทรงอกสวยแบบประกวดแน่นอนค่ะ!”
ตารางสรุปข้อผิดพลาด & วิธีแก้
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย | ผลเสียที่เกิดขึ้น | วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม |
ศอกกางเกินไป | เจ็บไหล่, อกไม่โดน | กางศอก 45–60° |
ดันเร็วเกินไป | ใช้แรงเหวี่ยง, กล้ามไม่ทำงาน | ดันช้า 1-2 วิ, ลงช้า 2-3 วิ |
ยกลอยสะโพก | ใช้แรงจากส่วนอื่น | ฝึก core และลดน้ำหนักให้พอดี |
ข้อมือหักงอ | ปวดข้อมือ, แรงไม่ถึงอก | จับดัมเบลตรงแนวแขน |
ไม่หุบสะบัก | แรงตกที่ไหล่แทนอก | หุบสะบักและแอ่นอกเบา ๆ |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2021 ทำการสแกนการเคลื่อนไหวด้วย EMG บนผู้หญิงอายุ 30–45 ปี จำนวน 50 คน พบว่า
กลุ่มที่หุบสะบักก่อนดัน มีการกระตุ้นกล้ามเนื้ออกมากกว่ากลุ่มที่ไม่หุบถึง 27.8% และยังลดแรงกดข้อไหล่ได้อย่างมีนัยสำคัญ
(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้
และวิธีใช้ Dumbbell Bench Press “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
1. กล้ามเนื้อหน้าอกส่วนใหญ่ (Pectoralis Major)
นี่คือกล้ามเนื้อหลักที่ Dumbbell Bench Press โฟกัสโดยตรง โดยเฉพาะ “อกส่วนกลาง” ซึ่งทำให้ทรงอกดูมีความแน่น และไม่หย่อนคล้อย
เทคนิคของโค้ชปุนิ่ม:
- ใช้น้ำหนักกลาง ๆ (ไม่ต้องหนักมาก)
- เน้นจังหวะบีบอกตอนดันขึ้น
- ฝึก 8–12 ครั้ง/เซต จำนวน 4 เซต
- ฝึกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พักให้เพียงพอ
จุดประสงค์: เพื่อให้ “อกเต็ม” มีโครงสร้างชัด เป็นทรงโค้งรับชุดประกวด หรือเสื้อกล้ามพอดีตัว
2. กล้ามเนื้อไหล่ด้านหน้า (Anterior Deltoid)
แม้จะไม่ใช่กล้ามเนื้อหลัก แต่ไหล่ด้านหน้าจะทำงานร่วมในจังหวะเริ่มต้นของการดันดัมเบล ทำให้ช่วงไหล่กระชับและมีความสมดุลกับช่วงอก
โค้ชปุนิ่มเสริมว่า:
“ไหล่กับอกเหมือนพี่น้องที่เดินคู่กัน ถ้าอกชัด ไหล่ก็ต้องกลม ไม่อย่างนั้นสัดส่วนบนจะไม่สมดุลเวลาใส่บิกินีค่ะ”
3. กล้ามเนื้อแขนท่อนหลัง (Triceps Brachii)
กล้ามเนื้อนี้ทำงานร่วมในการเหยียดแขนตอนดันขึ้น โดยเฉพาะถ้าควบคุมจังหวะดี ๆ จะช่วยให้แขนดูเรียวยาว ไม่หย่อน
เคล็ดลับจากเวทีประกวด:
“โค้ชมักจะฝึก Dumbbell Bench Press ร่วมกับท่า Triceps Kickback หรือ Triceps Pushdown เพื่อให้แขนไม่ล้าก่อน และกล้ามชัดพร้อมกันหมด”
เทคนิคการใช้ Dumbbell Bench Press สร้าง “ทรงสวย” สำหรับผู้หญิง
เทคนิค | อธิบาย | เหมาะกับใคร |
น้ำหนักกลาง + จังหวะช้า | เล่นช้า บีบอกตอนดัน ช่วยสร้างร่องอก | ผู้หญิงที่ไม่อยากอกใหญ่เกินไป |
มุมจับหุบเข้าเล็กน้อย | เพิ่มแรงบีบอก | มือใหม่ที่ไม่เคยโดนอกจริง |
ควบคุมการหายใจ | หายใจเข้าก่อนดัน – หายใจออกตอนลด | ช่วยให้ไม่เวียนหัว และบีบอกได้ดี |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2022 ศึกษาผู้หญิง 80 คน อายุระหว่าง 28–45 ปี ที่ฝึก Dumbbell Bench Press ร่วมกับการควบคุมอาหาร พบว่า 92% มีการกระชับทรงอกและกล้ามเนื้อแขนส่วนบนดีขึ้นภายใน 8 สัปดาห์
โดยเฉพาะในกลุ่มที่ฝึกจังหวะช้าและใช้การ “บีบอก” ในทุกครั้งของการดันขึ้น
(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Dumbbell Bench Press อย่างสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์จริงที่โค้ชใช้เตรียมประกวด
1. ทรงอกยกกระชับขึ้นภายใน 6–8 สัปดาห์
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จะเริ่มเห็นว่า “เนินอก” เริ่มเต็มขึ้น ผิวหนังตึงขึ้น โดยไม่ต้องใช้ดัมเบลหนักมาก
เคล็ดลับจากโค้ชปุนิ่ม: “เล่นดัมเบล 5–7 กิโล จังหวะช้า ๆ ทำแค่ 2 เดือน ถ่ายรูปก่อน-หลังไว้ จะเห็นว่าทรงอกมันฟูขึ้น ใส่สปอร์ตบราแล้วมั่นใจขึ้นมากค่ะ”
2. ลายกล้ามชัดขึ้นโดยไม่ต้องกลัว “อกล้น”
สิ่งที่ผู้หญิงหลายคนกังวลคือ “อกจะใหญ่เหมือนผู้ชายไหม?”
คำตอบจากโค้ชปุนิ่มคือ “ไม่ค่ะ ถ้าเล่นอย่างถูกต้อง” เพราะผู้หญิงมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยกว่า ทำให้แม้ฝึกหนัก ก็ได้แค่ความกระชับ + ร่องอกชัด แต่ไม่ถึงขั้นอกโตเหมือนนักเพาะกายชายแน่นอน
3. เพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพ
เมื่อไหล่ อก แขนทำงานร่วมกัน จะทำให้ “ช่วงบนของลำตัว” ดูตั้งตรงขึ้น เด่นขึ้น และดูเฟิร์มเวลายืนถ่ายรูป ยืนบนเวที หรือแม้แต่ใส่เสื้อเปิดไหล่
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2021 วิเคราะห์ผู้หญิง 60 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่ม A ฝึก Dumbbell Bench Press + Incline Press สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
กลุ่ม B เดินเร็ว และทำโยคะเพียงอย่างเดียว
หลังจาก 8 สัปดาห์ พบว่า:
- กลุ่ม A มีค่า “กล้ามเนื้อหน้าอก” เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11.7%
- ค่าความกระชับของผิว (Skin Firmness) เพิ่มขึ้น 9.3%
- ความมั่นใจในภาพลักษณ์ของร่างกาย (Body Image Satisfaction) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15.5%
ตารางสรุปผลลัพธ์ที่เห็นได้จริง
ช่วงเวลา | สิ่งที่เปลี่ยนไป | เห็นได้ในกลุ่มไหน |
2–4 สัปดาห์ | ทรงอกเริ่มยกขึ้น / รู้สึกเฟิร์ม | ผู้หญิงทั่วไป |
6–8 สัปดาห์ | ลายกล้ามมา ร่องอกชัด | ผู้ฝึกต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง |
12+ สัปดาห์ | อกกลมแน่นแบบนักประกวด | ผู้เตรียมขึ้นเวที / ผู้ต้องการฟิตหุ่น |
(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก
เครื่องที่ 1: ม้านอนราบ (Flat Bench) + ดัมเบล
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ Dumbbell Bench Press คือ “ม้านอนราบ” ซึ่งช่วยจัดแนวร่างกายให้เหมาะสม และป้องกันการบาดเจ็บ โดยเฉพาะช่วงแผ่นหลังและสะโพก
โค้ชแนะนำ:
- เลือกเบนช์ที่กว้างพอวางสะบักหลังได้
- ควรมีพื้นผิวที่ไม่ลื่น และวางบนพื้นราบ
- ใช้ร่วมกับดัมเบลน้ำหนักพอเหมาะ 2 ข้าง
โค้ชปุนิ่มพูดไว้ว่า:
“จะฝึกท่าอะไรให้ดี เริ่มจากม้าคุณภาพดีค่ะ เพราะตำแหน่งร่างกายที่ดี = กล้ามเนื้อที่โดนตรงเป้า!”
เครื่องที่ 2: Adjustable Bench (เบนช์ปรับระดับได้)
เบนช์แบบนี้ช่วยให้คุณฝึกได้ทั้ง Bench Press ปกติ และ Incline/Decline Bench Press ซึ่งเสริมกล้ามอกส่วนบนและล่างได้ด้วย
ข้อดี:
- ใช้ฝึกหลายท่า ไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์
- ประหยัดพื้นที่ถ้าฝึกที่บ้าน
โค้ชใช้บ่อยตอนซ้อมประกวด:
“ช่วงเตรียมประกวด โค้ชจะฝึก Incline Dumbbell Press ต่อจาก Flat Bench Press เพื่อให้กล้ามอก ‘เต็มทรง’ ทุกมุม”
เครื่องที่ 3: Smith Machine (ถ้ามี Bench วางใต้)
แม้จะไม่ได้ใช้ดัมเบลโดยตรง แต่ Smith Machine สามารถจำลองการกดน้ำหนักในแนวตั้งได้ดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ควบคุมดัมเบลยังไม่มั่นคง
เหมาะกับ:
- ผู้เริ่มต้นที่อยากฝึกแบบปลอดภัย
- ผู้ที่ฝึกหนักและไม่มีคนช่วย Spot
ข้อเสีย:
- การเคลื่อนไหวจะไม่เป็นธรรมชาติเหมือนดัมเบล
- ไม่ได้กระตุ้นกล้ามเนื้อ stabilizer เท่าดัมเบล
ถ้าไม่มีเครื่อง ใช้อะไรแทนได้?
โค้ชปุนิ่มเคยฝึกตอนอยู่ต่างจังหวัดโดยไม่มีเบนช์ ใช้วิธีดังนี้ค่ะ:
✅ แทน Bench ด้วย:
- กล่องไม้แข็งแรง / โต๊ะเตี้ยที่ไม่สั่น
- ลูกหมอน 2 ใบซ้อนกัน + เสื่อโยคะ (สำหรับคนตัวเล็ก)
✅ แทนดัมเบลด้วย:
- ขวดน้ำ 1.5 ลิตรใส่น้ำทราย / น้ำเต็ม
- กระเป๋าน้ำหนัก / ถุงทราย / ถุงข้าวสาร
โค้ชบอกเลยว่า: “ไม่มีเครื่อง ไม่ใช่ข้ออ้าง ถ้าคุณตั้งใจจะเปลี่ยนร่างกาย — แค่เข้าใจหลักการ น้ำหนักอะไรก็ใช้ได้ค่ะ!”
ตารางเปรียบเทียบอุปกรณ์
อุปกรณ์ | เหมาะกับ | ข้อดี | ข้อจำกัด |
Flat Bench + Dumbbell | ทุกระดับ | ฝึกได้เต็มท่า, ทรงกล้ามชัด | ต้องมีพื้นที่ |
Adjustable Bench | กลาง–สูง | ฝึก incline/decline ได้ | ราคาสูงกว่าม้านอนราบ |
Smith Machine | มือใหม่, ฝึกหนัก | ปลอดภัย, คุมแนวได้ | เคลื่อนไหวจำกัด |
โต๊ะ/กล่องไม้ | ฝึกที่บ้าน | ประยุกต์ง่าย | ความสูง/ความมั่นคงอาจไม่พอดี |
ขวดน้ำ/ของแทน | มือใหม่-งบน้อย | เริ่มฝึกได้ทันที | น้ำหนักอาจไม่เท่ากันทั้งสองข้าง |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2020 จากกลุ่มผู้หญิงที่ฝึกที่บ้านโดยใช้อุปกรณ์ทดแทน เช่น ขวดน้ำและโต๊ะ พบว่า
85% สามารถพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออกและแขนภายใน 6 สัปดาห์ เมื่อทำท่าดัมเบลเบนช์อย่างถูกต้อง แม้จะใช้อุปกรณ์จำกัด
(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?
✅ เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการ “อกกระชับ” โดยไม่อยากใหญ่เหมือนผู้ชาย
โค้ชเจอคำถามนี้บ่อยที่สุด:
“เล่นท่า Dumbbell Bench Press แล้วอกจะใหญ่ไหมคะ?”
คำตอบจากประสบการณ์จริง:
“ไม่เลยค่ะ เพราะโครงสร้างฮอร์โมนของผู้หญิงไม่เอื้อให้กล้ามเนื้อขยายใหญ่แบบผู้ชาย การฝึกท่านี้จะช่วยให้ทรงอกดู ‘ยก–กระชับ–ได้รูป’ มากกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีลูกแล้ว หรืออายุ 35+ ขึ้นไป”
✅ เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มดูแลตัวเอง
แม้คุณจะไม่เคยจับดัมเบลมาก่อน ก็เริ่มท่านี้ได้ เพราะสามารถใช้ดัมเบลเบา ๆ 2–3 กิโลกรัม ฝึกควบคุมร่างกายก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มตามความมั่นใจ
✅ เหมาะกับผู้ชายที่อยากสร้างทรงอกแบบชัดลึก
ผู้ชายจำนวนมากใช้ท่านี้คู่กับ Barbell Bench Press เพื่อ “เติมลายอกด้านใน” หรือแก้ปัญหาอกแบนกลางอก เพราะ Dumbbell ช่วยให้บีบกล้ามเนื้อได้ชัดกว่า
ตารางสรุป – ใครเหมาะกับ Dumbbell Bench Press?
กลุ่ม | เหมาะเพราะเหตุใด | น้ำหนักเริ่มต้นที่แนะนำ |
ผู้หญิงวัย 30–50 ปี | ทรงอกหย่อนคล้อย อยากยกกระชับ | 2–5 กก. ต่อข้าง |
มือใหม่เพิ่งเริ่มฟิตเนส | สร้างกล้ามเนื้ออกอย่างปลอดภัย | 3–6 กก. |
ผู้ชาย | เพิ่มลายกลางอก | 8–15 กก. |
ผู้สูงอายุ | เสริมแรงช่วงบน ป้องกันการหกล้ม | 1–3 กก. |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2023 ติดตามผู้หญิง 100 คน ที่เริ่มออกกำลังกายหลังอายุ 40 ปี
พบว่า 89% ที่ฝึกท่า Dumbbell Bench Press อย่างถูกต้อง สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
มีพัฒนาการด้าน “ความแข็งแรงในการดัน-ลุก-ดึงตัว” ดีขึ้นภายใน 4–6 สัปดาห์
และ “ความพึงพอใจต่อร่างกายตัวเอง” เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18.7%
(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด
สูตรการฝึกที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที
💡 หลักการ: การ “จับคู่ท่า” เพื่อเร่งผลลัพธ์
Dumbbell Bench Press เป็นท่าหลักที่โค้ชใช้สร้างมวลกล้ามหน้าอก
แต่ถ้าจะให้ได้ผลเร็วขึ้น ต้องใช้ “คู่ฝึก” ที่เสริมกันในมุมต่าง ๆ
ทั้งองศา, การยืดเหยียด, และการเก็บรายละเอียดกล้ามอกช่วงบน–กลาง–ล่าง
✅ 1. Incline Dumbbell Press (เน้นอกส่วนบน)
ฝึกต่อจาก Dumbbell Bench Press ทันที เพื่อกระตุ้นอกส่วนบน ซึ่งจะช่วยให้ทรงอก “กลม–พุ่ง” และรับกับหัวไหล่ได้พอดี
โค้ชปุนิ่มฝึกแบบนี้:
- Dumbbell Bench Press 3 เซต
- แล้วต่อด้วย Incline Dumbbell Press อีก 3 เซต
- พักระหว่างเซตไม่เกิน 60 วินาที เพื่อเร่งการเผาผลาญและกระตุ้น Hypertrophy
✅ 2. Dumbbell Fly (เน้นการยืด–หดกล้ามอกเต็มช่วง)
หลังฝึกท่ากด (Press) โค้ชจะตามด้วย Fly เพื่อ “เปิดอก–ยืดกล้าม” เต็มระยะ ทำให้กล้ามเนื้อได้ปริมาตรเพิ่มแบบละเอียด
ใช้ดัมเบลเบาๆ และโฟกัสที่ จังหวะลงช้า–เกร็งอกตอนดันขึ้น
✅ 3. Triceps Dips หรือ Triceps Pushdown
เพราะการดันดัมเบลต้องใช้แรงจากกล้ามเนื้อแขนหลังด้วย (Triceps)
หากกล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรง จะทำให้ไม่สามารถดันได้ดีในระยะยาว
โค้ชปุนิ่มแนะนำ:
- ฝึก Triceps Pushdown 3 เซต หลังวันอก หรือ
- ทำ Dips แบบใช้เก้าอี้หรือม้านั่งที่บ้านวันเว้นวัน
✅ 4. Cardio เผาผลาญหลังเวท (30 นาที)
เพื่อไม่ให้กล้ามอกที่สร้างขึ้น “กลบด้วยไขมัน”
โค้ชมักปั่นจักรยานไฟฟ้า หรือเดินเอียงบนลู่วิ่งต่อ 30 นาที
ความเข้มระดับกลาง (Heart Rate 130–140) เพื่อดึงไขมันมาเผาผลาญ
ตัวอย่างตารางฝึกที่โค้ชใช้จริงก่อนขึ้นเวที:
เวลา | ท่า | เซต × ครั้ง | หมายเหตุ |
0:00 | Warm-up (แขนหมุน, ยืดอก) | 5 นาที | เตรียมกล้ามเนื้อ |
0:05 | Dumbbell Bench Press | 4 × 8–12 | น้ำหนักกลาง |
0:20 | Incline Dumbbell Press | 3 × 10 | มุม 30–45 องศา |
0:35 | Dumbbell Fly | 3 × 12–15 | ช้า เน้นยืด |
0:50 | Triceps Pushdown | 3 × 12 | ใช้เชือกหรือแกนตรง |
1:00 | Cardio (เดินเอียง 10°) | 30 นาที | Heart Rate 130–140 |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย:
งานวิจัยปี 2022 ติดตามกลุ่มผู้หญิงอายุ 30–45 ปี ที่ฝึก Dumbbell Bench Press
โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม:
- กลุ่ม A ฝึก Dumbbell Bench Press เพียงอย่างเดียว
- กลุ่ม B ฝึกร่วมกับ Incline Press, Fly และ Cardio
หลัง 6 สัปดาห์:
- กลุ่ม B มีกล้ามเนื้อหน้าอกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18.9%
- กลุ่ม A เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 10.2%
โค้ชปุนิ่มฝากถึงผู้อ่าน:
“ถ้าคุณอยากเห็นผลเร็ว อย่าฝึกแค่ท่าเดียว
แต่ให้วาง ‘สูตรฝึก’ ที่ดูแลทั้งมวลกล้ามเนื้อ ช่วงอก แขน และการเผาผลาญ
แล้วคุณจะไม่แค่ฟิต แต่จะ ‘สวยและมั่นใจขึ้นทั้งตัว’ เลยค่ะ!”
(10) Dumbbell Bench Press – ท่ากล้ามอกที่ผู้หญิงก็ฝึกได้ ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนชีวิต
จากโค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025 ผู้ใช้ท่านี้ในการเปลี่ยนร่างตัวเอง และเทรนลูกศิษย์นับร้อย
Dumbbell Bench Press ไม่ใช่แค่ท่าที่ฝึกอกให้โต แต่มันคือ “เครื่องมือ” ที่ช่วยผู้หญิงทุกวัยมีอกกระชับ บุคลิกดี และมั่นใจในเสื้อผ้าทุกชุด ไม่ว่าคุณจะฝึกที่บ้าน หรือที่ฟิตเนส ท่านี้ก็สามารถเริ่มได้ทันที
โค้ชปุนิ่มสรุปจากประสบการณ์ตรง:
- ฝึกได้ทุกวัย: ตั้งแต่วัย 20 ถึง 60+ ปี โค้ชเทรนมาแล้วทุกกลุ่ม
- ไม่ต้องกลัวอกใหญ่เกิน: เพราะผู้หญิงไม่มีฮอร์โมนสร้างกล้ามแบบผู้ชาย
- ได้ผลจริงใน 4–6 สัปดาห์: ถ้าทำถูกวิธี ฝึกสม่ำเสมอ
- เริ่มได้แม้ไม่มีอุปกรณ์ครบ: ใช้ขวดน้ำ + พื้นแข็งก็เริ่มได้
- สร้างได้ทั้งความมั่นใจและความฟิต: ทั้งยกของ ลุกจากเตียง หรือใส่เสื้อผ้าสวย ๆ
Dumbbell Bench Press ไม่ใช่แค่ท่าออกกำลังกายธรรมดา แต่เป็น “เครื่องมือเวทมนตร์” ที่เปลี่ยนอกธรรมดาให้กลายเป็นอกที่กระชับ มีมิติ และมั่นใจได้ในทุกชุดที่ใส่ แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โค้ชขอแนะนำท่าออกกำลังกายอื่น ๆ ที่จะช่วยเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกของคุณ
ท่าเสริมสำหรับทรงอกที่สมบูรณ์แบบ:
กล้ามอกส่วนบน (Upper Chest):
- Incline Bench Press – ยกอกส่วนบนให้โค้งสวย
- Incline Dumbbell Press – เทคนิคเฉพาะด้วยดัมเบล
- Incline Dumbbell Bench Press – รูปแบบขั้นสูง
กล้ามอกส่วนกลาง (Middle Chest):
- Bench Press – ท่าพื้นฐานที่ต้องเก่ง
- Chest Press – ทางเลือกสำหรับมือใหม่
- Dumbbell Chest Press – เน้นคุมมวลกล้าม
กล้ามอกส่วนล่าง (Lower Chest):
- Decline Bench Press – เก็บรายละเอียดอกล่าง
- Push-up – ฝึกที่บ้านได้ทุกที่
- Decline Push-up – เวอร์ชันท้าทาย
ท่าเสริมสำหรับรูปร่างและมิติ:
- Dumbbell Fly – ยืดกล้ามอกเต็มระยะ
- Dumbbell Pullover – ขยายกรงอก เพิ่มปริมาตร
- Close Grip Bench Press – เน้นอกใน + แขนหลัง
ท่าเสริมแขนและไหล่ที่ช่วยซัพพอร์ต:
- Triceps Extension – แขนหลังแน่น ดันได้แรงขึ้น
- Tricep Dips – เสริมแรงดันของอก
- Skull Crushers – เทคนิคขั้นสูงแขนหลัง
- Tricep Kickbacks – เก็บรายละเอียดแขน
- Shoulder Press – ไหล่แข็งแรง ซัพพอร์ตการดัน
- Arnold Press – ไหล่กลมสวยแบบตำนาน