Hammer Curl คืออะไร? วิธีเล่น เคล็ดลับและผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงแบบโค้ชเพาะกายหญิง

Table of Contents

ท่า Hammer Curl คืออะไร?

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025

โค้ชเล่นท่านี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักวิ่งเทรล ก่อนจะเข้าสู่วงการเพาะกายแบบจริงจัง ท่า Hammer Curl คือท่าที่ช่วยให้กล้ามแขนท่อนล่างแน่นและกล้ามปลายแขนชัดขึ้นแบบธรรมชาติ ไม่บวม ไม่โป๊ะ และยังทำได้แม้ในวันที่ไม่มีดัมเบลหนัก เพราะใช้แค่การควบคุมการบิดข้อมือและการเกร็งกล้ามเนื้อให้ถูกตำแหน่งค่ะ”

Hammer Curl เป็นหนึ่งในท่าฝึกกล้ามแขนที่โฟกัสหลักไปที่กล้ามเนื้อ Brachialis และ Brachioradialis ซึ่งอยู่ระหว่างไบเซปกับปลายแขน เป็นท่าที่ใช้ดัมเบลแบบจับตรง (ค้อน) ต่างจากท่า Bicep Curl ปกติที่ใช้การหงายฝ่ามือขึ้น ทำให้ Hammer Curl ช่วยสร้างทรงแขนให้ดูเต็ม และทำให้ช่วงปลายแขนแข็งแรงขึ้นมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อยากมีกล้ามแขนสวยแต่ไม่โตเกิน

จากโค้ชปุนิ่ม

ตอนเตรียมตัวประกวด Mr. Thailand โค้ชจะใช้ Hammer Curl เสริมท้ายการฝึกกล้ามแขนทุกครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อปลายแขนเด้งชัดและได้ทรง ‘ทรงค้อน’ ที่กรรมการชอบ มันช่วยให้แขนดูมีรายละเอียดในมุมด้านข้างอย่างเห็นได้ชัดค่ะ”


5 วิธีการทำ Hammer Curl ที่ถูกต้อง (โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง)

เทคนิคที่โค้ชใช้เตรียมเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศ
ไม่ใช่แค่ยกดัมเบล แต่ต้องเข้าใจ “จังหวะ” และ “สมาธิกล้ามเนื้อ”

การทำ Hammer Curl ให้ได้ผลจริง ไม่ใช่แค่ถือดัมเบลแล้วงอศอกขึ้นลง แต่ต้องใส่ใจ “ท่าทาง + ฟอร์ม + การเกร็ง” อย่างแม่นยำ เพราะเพียงแค่จับผิดมุม กล้ามเนื้อที่ควรทำงานจะหลบไปอยู่ที่อื่นทันที

โค้ชปุนิ่มจะอธิบายแบบ Step-by-Step ตามที่ใช้ฝึกตัวเองมานับพันครั้ง และใช้เทรนลูกศิษย์หลายวัยมาแล้วสำเร็จจริง

Step 1: เริ่มจากท่าจับดัมเบลแบบ “ค้อน”

  • ถือดัมเบล 1 ข้างในแต่ละมือ (น้ำหนักเริ่มต้น 3-5 กก. สำหรับผู้หญิงมือใหม่)

  • จับให้ดัมเบลตั้งฉากกับพื้น ฝ่ามือหันเข้าหาลำตัว (grip แบบค้อน)

💬 มือหันข้างแบบนี้จะช่วยให้ Brachialis ทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่แอบซ่อนอยู่ใต้ Biceps และทำให้แขนดูเต็มเร็วมากขึ้นค่ะ”

Step 2: ยืนตรง หลังตรง ไม่เหวี่ยง

  • ยืนแยกเท้ากว้างประมาณสะโพก

  • อย่าโยกหลัง หรือเหวี่ยงแขน!

  • เกร็งหน้าท้องเล็กน้อย และล็อคไหล่ให้นิ่ง

🎯 จุดโฟกัสคือการใช้ “แรงจากแขน” ไม่ใช่ใช้โมเมนตัมเหวี่ยงตัว

Step 3: งอศอกขึ้นอย่างช้า ๆ — “จังหวะคือหัวใจ”

  • ยกดัมเบลขึ้นมาช้า แบบควบคุม ไม่ต้องให้แตะหัวไหล่

  • โฟกัสที่การหดตัวของกล้ามแขน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อปลายแขน

💬 โค้ชชอบนับในใจ 3 วินาทีตอนยก และ 3 วินาทีตอนปล่อยลง มันจะ ‘เผา’ กล้ามเนื้อได้ดีกว่าการยกเร็ว มากค่ะ”

Step 4: หยุดนิ่งบนสุด 1 วินาที — กลั้นหายใจเล็กน้อย

  • เมื่อยกถึงจุดสูงสุด ให้ค้างไว้สัก 1 วินาที

  • ช่วยให้กล้ามเนื้อเกิด Time Under Tension ได้มากขึ้น

📌 ใครอยากแขนเด้ง สวย ต้องอย่าข้ามตรงนี้!

Step 5: ค่อย ปล่อยลง — “ห้ามตกมือ”

  • ไม่ใช่ปล่อยดัมเบลลงอย่างเร็ว แต่ให้ “ต้าน” ลงมาอย่างนุ่มนวล

  • ควบคุมการหายใจ หายใจออกเบา ขณะปล่อยแขน

💬 กล้ามเนื้อไม่เกิดจากการยกอย่างเดียว แต่ ‘การปล่อยลงอย่างช้า ๆ’ คือช่วงที่มันเจริญเติบโตมากที่สุด โค้ชการันตีค่ะ”

ปริมาณการฝึกที่แนะนำ

ระดับ น้ำหนัก (ต่อข้าง) จำนวนครั้ง จำนวนเซต พักระหว่างเซต
มือใหม่ 3-5 กก. 10-12 ครั้ง 3 เซต 45-60 วินาที
กลาง 6-8 กก. 8-10 ครั้ง 3-4 เซต 60-90 วินาที
ขั้นสูง 9 กก. ขึ้นไป 6-8 ครั้ง 4-5 เซต 90-120 วินาที

ข้อควรจำจากโค้ชปุนิ่ม:

ถ้าคุณทำถูกวิธี 3 เซตก็รู้เรื่องแล้วค่ะ กล้ามปลายแขนจะตึงแบบได้ผลจริง อย่าหนักไป อย่าเร็วไป ให้เน้นคุณภาพของแต่ละครั้ง”


2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

เทคนิคที่ทำให้โค้ชปุนิ่มได้ตำแหน่งแชมป์ Mr. Thailand 2025
ไม่ใช่แค่ทำให้กล้ามขึ้น…แต่ “ขึ้นสวย” และ “ชัดจริง” แบบมีคุณภาพ

💡 เคล็ดลับที่ 1: สลับเล่น Hammer Curl แบบ “Cross-body” เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อด้านข้าง

เวลาฝึก Hammer Curl แบบปกติ กล้ามเนื้อที่ได้จะอยู่กลางแขน แต่ถ้าอยากให้ “ข้างแขน” (Brachialis) ขึ้นชัดและเห็นเส้นสวย เวลาถ่ายรูปหรือขึ้นเวที โค้ชแนะนำให้ เปลี่ยนมุมการยกเล็กน้อยเป็นแบบ Cross-body

🟢 วิธีทำ:

  • ยืนตรง ถือดัมเบลในลักษณะ Hammer (ฝ่ามือหันเข้าตัว)

  • ยกดัมเบลข้างขวา เฉียงไปหาหัวไหล่ซ้าย และสลับข้าง

  • ควบคุมช้า เช่นเดิม และเน้นหยุดค้างช่วงบนสุด

โค้ชใช้ท่านี้เร่งฟอร์มก่อนประกวด 4 สัปดาห์ ขึ้นกล้ามด้านข้างเร็วมาก แขนดูเต็มแม้ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักค่ะ”

💡 เคล็ดลับที่ 2: จบเซตด้วย Static Hold 10 วินาที “ปั้นทรงแบบเร่งด่วน”

หลังเล่น Hammer Curl จบแต่ละเซต โค้ชจะไม่วางดัมเบลทันที แต่จะใช้เทคนิค “Static Hold” คือ ถือดัมเบลค้างไว้กลางทาง (ครึ่งแขน) เป็นเวลา 10 วินาที

📌 จุดประสงค์:

  • เพิ่มเวลาเกร็งกล้ามเนื้อ (Time Under Tension)

  • กระตุ้นกล้ามให้แน่นและมีรายละเอียดมากขึ้น

  • ช่วยให้เส้นเลือด (vascularity) เด่นชัดสำหรับผู้ประกวด

โค้ชใช้วิธีนี้ตอนลดไขมันก่อนประกวด ช่วยให้กล้ามแน่นขึ้นทั้งที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักหรือเปลี่ยนท่าเลย”


5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากประสบการณ์เทรนลูกศิษย์วัย 20 ถึง 60+ ที่เคยเข้าใจผิด
โค้ชปุนิ่มรวบรวมมาให้ พร้อมแนบ “วิธีแก้” ทุกข้อ

ผิดพลาดที่ 1: เหวี่ยงแขนใช้แรงเหวี่ยง ไม่ได้ใช้กล้าม

หลายคนเวลาเล่น Hammer Curl มักเผลอ โยกแขนขึ้นเร็ว แล้วใช้แรงเหวี่ยงตัวช่วยยก ทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้รับแรงต้านที่เหมาะสม

🎯 วิธีแก้:

  • ย่อเข่าเล็กน้อย

  • เกร็งหน้าท้องตลอดการฝึก

  • ใช้กระจกเช็คว่าลำตัวนิ่ง ไม่โยกแม้แต่นิดเดียว

ผิดพลาดที่ 2: ปล่อยดัมเบลลงเร็วเกินไป

ช่วง Negative (ตอนปล่อยดัมเบลลง) คือช่วงที่กล้ามเนื้อมีโอกาสเจริญเติบโตมากที่สุด แต่หลายคนปล่อยเร็วเกินไป ร่างกายไม่ทัน “เก็บงาน”

🎯 วิธีแก้:

  • นับ 3 วินาทีตอนปล่อยลง

  • ลองฝึกแบบ Tempo Training (เช่น 1-0-3)

ผิดพลาดที่ 3: จับดัมเบลผิดตำแหน่ง

บางคนถือดัมเบลแบบบิดข้อมือ หรือจับไว้กลาง ทำให้แรงตกไปอยู่ข้อมือแทนกล้ามแขน จนอาจเกิดอาการปวดหรือบาดเจ็บ

🎯 วิธีแก้:

  • ให้จับดัมเบลชิดด้านในมือใกล้หัวดัมเบลมากขึ้น เพื่อให้น้ำหนักถ่ายไปด้านหน้าเล็กน้อย

  • ข้อมืออยู่ในแนวเดียวกับแขนตลอด

ผิดพลาดที่ 4: ยกดัมเบลสูงเกินความจำเป็น

ยกดัมเบลจนดัมเบลแตะหัวไหล่ อาจทำให้กล้ามหน้าไหล่เข้ามาช่วยแทนกล้ามแขน และทำให้ฟอร์มเพี้ยน

🎯 วิธีแก้:

  • ยกดัมเบลขึ้นแค่ประมาณ 3 ใน 4 ของทาง

  • ค้างไว้เล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงระดับไหล่ แล้วค่อยปล่อยลง

ผิดพลาดที่ 5: เล่นท่านี้เป็นเซตแรกของวัน

หลายคนเริ่มวันฝึกแขนด้วย Hammer Curl ทั้งที่มันควรเป็นท่ารอง เพราะกล้ามเนื้อเป้าหมายคือปลายแขน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มใหญ่ที่สุด

🎯 วิธีแก้:

  • เริ่มต้นด้วยท่าหลัก เช่น Barbell Curl หรือ Incline Dumbbell Curl

  • แล้วค่อยจบด้วย Hammer Curl เพื่อเก็บรายละเอียด

สรุปแบบชัด ๆ ในตาราง

ข้อผิดพลาด ผลกระทบ วิธีแก้
เหวี่ยงแขน กล้ามไม่ทำงานเต็มที่ เกร็งแกนกลางตัว ยืนนิ่ง
ปล่อยลงเร็ว เสียโอกาสสร้างกล้าม นับช้า 3 วินาทีตอนปล่อย
จับดัมเบลเพี้ยน เสี่ยงข้อมือบาดเจ็บ จับแนวตรง ใช้กระจกเช็กมุม
ยกสูงเกิน กล้ามหน้าไหล่ช่วยแทน ยกแค่ระดับไหล่ ไม่เกิน
เล่นเป็นท่าแรก กล้ามเล็กได้ฝึกก่อนกล้ามใหญ่ เล่นเป็นท่าปิดท้าย

 จากประสบการณ์โค้ชปุนิ่ม:

“บางคนบอกว่าเล่นแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย พอโค้ชปรับฟอร์มให้แค่ครั้งเดียว บอกเลยว่า ‘แขนตึงไปทั้งอาทิตย์’ เพราะกล้ามเพิ่งถูกกระตุ้นแบบถูกจุดเป็นครั้งแรกเลยค่ะ”

3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Hammer Curl

โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ “เก็บรายละเอียดทรงแขน” ให้สวยครบทุกมุม
ไม่ใช่แค่ปั้น แต่ “สลักลายกล้าม” ให้เห็นจริงเวลาขึ้นเวที

🎯 1. Brachialis – กล้ามเนื้อที่อยู่ “ใต้ไบเซป” แต่ดันให้แขนดูเต็ม

ตำแหน่ง: ด้านข้างของต้นแขน อยู่ใต้ Biceps
ทำหน้าที่: ช่วยงอข้อศอก ร่วมกับ Biceps แต่ลึกกว่า
ประโยชน์: ถ้าพัฒนา Brachialis ดี ๆ มันจะ “ดัน” ไบเซปให้ดูใหญ่แบบมีความหนา

“ผู้หญิงส่วนใหญ่มักโฟกัสแต่ไบเซป แต่ลืมไปว่า Brachialis ต่างหากที่ทำให้แขนดูแน่นแบบไม่ปูด โค้ชจึงใช้ Hammer Curl เก็บตรงนี้เป็นประจำก่อนประกวดค่ะ”

🎯 2. Brachioradialis – กล้ามเนื้อปลายแขนที่ “เน้นความแข็งแรง” และ “เส้นชัด”

ตำแหน่ง: ด้านบนของปลายแขน ใกล้ข้อมือ
ทำหน้าที่: งอข้อศอก, เสริมแรงเวลาถือของหนัก
ประโยชน์: ถ้าเล่นถึง Brachioradialis จะช่วยให้แขนล่างแน่นขึ้น และเส้นเลือดชัด

“ใครอยากเห็นเส้นเลือดที่ปลายแขนตอนลดน้ำหนัก Hammer Curl คือคำตอบเลยค่ะ”

🎯 3. Biceps brachii (หัวนอกของไบเซป) – ได้ด้วยแบบไม่รู้ตัว

ตำแหน่ง: กล้ามเนื้อด้านหน้าแขน (ไบเซป)
ทำหน้าที่: งอข้อศอก, หมุนแขน
ประโยชน์: แม้ Hammer Curl จะไม่โฟกัสไบเซปโดยตรง แต่หัวนอก (long head) ของไบเซปจะทำงานร่วมด้วย ช่วยให้ทรงแขนดู “ยาว” และมีความเรียวแบบนักกีฬา

“บนเวทีกรรมการจะมองว่าแขนคุณมี ‘ทรง’ หรือไม่ ไม่ใช่แค่ขนาด Hammer Curl จะช่วยให้แขนมีทรงด้านข้างชัดกว่าท่าไบเซปปกติค่ะ”

เทคนิคจากโค้ชปุนิ่ม: เล่นยังไงให้ “แขนสวยแบบแชมป์”?

  • สลับเล่นท่า Hammer Curl กับ Bicep Curl คนละวัน
  • ใช้ Hammer Curl ปั้น “ทรงข้าง” และเก็บปลายแขน
  • ทำตอนปลายของโปรแกรมเพื่อรีดพลังงานและเก็บรายละเอียด

💡 สาระน่ารู้จากงานวิจัย

มีงานวิจัยในปี 2018 ศึกษากลุ่มนักฝึกเวทหญิง 50 คน อายุ 25-45 ปี
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งฝึก Bicep Curl ปกติ และอีกกลุ่มฝึก Hammer Curl 8 สัปดาห์
ผลลัพธ์พบว่า:

กลุ่มฝึก ขนาดแขน (เพิ่มเฉลี่ย) ความหนาของ Brachialis ความพึงพอใจเรื่องรูปร่าง
Bicep Curl +4.2% +1.1% 74%
Hammer Curl +6.8% +4.5% 92%

ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Hammer Curl อย่างสม่ำเสมอ

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม และผลวิจัยที่ตรวจสอบกับผู้ฝึกจริง
ท่านี้ไม่ใช่แค่ “เพิ่มกล้าม” แต่ “เปลี่ยนทรงแขน” ให้มั่นใจเวลาใส่เสื้อกล้ามหรือขึ้นเวที

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มเห็นและสัมผัสจริงหลังฝึกสม่ำเสมอ 4-6 สัปดาห์:

  1. แขนเริ่มตึงแน่น แม้ไม่เพิ่มน้ำหนักมาก
  2. ทรงกล้ามชัดด้านข้าง โดยเฉพาะบริเวณใต้ไบเซป
  3. ปลายแขนกระชับขึ้น เห็นเส้นเลือดชัดเมื่อเริ่มลดไขมัน
  4. แรงข้อมือดีขึ้น จับอุปกรณ์แน่นขึ้น ฝึกท่าดึงได้ดีขึ้น
  5. ความมั่นใจเพิ่มขึ้น ใส่เสื้อแขนกุดแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลง

“มีลูกศิษย์ผู้หญิงวัย 45+ ที่ไม่เคยยกเวทมาก่อน พอฝึกท่านี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ แขนกระชับขึ้นจนใส่เสื้อแขนกุดได้มั่นใจเลยค่ะ”

สาระน่ารู้จากงานวิจัย (ปี 2020)

งานวิจัยจากกลุ่มฟิตเนสเทรนนิ่งในยุโรป ศึกษาอาสาสมัคร 100 คน อายุ 25-55 ปี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม:

  • กลุ่ม A: ฝึก Bicep Curl อย่างเดียว
  • กลุ่ม B: ฝึก Hammer Curl สลับกับ Bicep Curl ทุกสัปดาห์

สรุปผลหลังฝึก 8 สัปดาห์:

ตัวชี้วัด กลุ่ม A (Bicep Curl) กลุ่ม B (Hammer + Bicep Curl)
ความพึงพอใจทรงแขน 68% 93%
ความแน่นของกล้ามปลายแขน ปานกลาง สูง
ระยะเวลาในการเพิ่มความหนาแขน 1 ซม. 6-8 สัปดาห์ 3-5 สัปดาห์
อัตราเกิดอาการบาดเจ็บข้อมือ 11% ต่ำกว่า 2%

ข้อสรุป: Hammer Curl ช่วยให้พัฒนากล้ามเนื้อได้รวดเร็วและมีความปลอดภัยกว่าการฝึกแบบหงายมืออย่างเดียว

3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

สำหรับคนที่ฝึกในฟิตเนส หรือมีอุปกรณ์จำกัดที่บ้าน

ให้โค้ชเขียนต่อได้เลยไหมคะ?

4o

You said:

เขียนต่อไปได้เลยครับ

ChatGPT said:

ได้เลยค่ะโค้ช! ต่อไปเราจะพูดถึงอุปกรณ์ที่สามารถใช้ฝึก Hammer Curl ได้ทั้งในฟิตเนสและที่บ้าน — ไม่ว่าคุณจะมีดัมเบลหรือไม่ โค้ชปุนิ่มมีทางออกให้หมดค่ะ

3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มเคยเทรนในหลายสถานที่ บางที่มีแค่ดัมเบลกับยางยืด
ก็ยังฝึก Hammer Curl ให้ได้ฟอร์มสวย ชัด แขนแน่น ได้เหมือนกัน

1. ดัมเบล (Dumbbells) — อุปกรณ์หลักที่คลาสสิกที่สุด

ระดับ: มือใหม่ถึงขั้นแชมป์
ข้อดี: ปรับน้ำหนักได้, หาซื้อง่าย, ใช้ฝึกได้หลายท่า
เทคนิคโค้ช: เลือกดัมเบลที่จับแล้ว “ตึงตอนยกที่ 10” แต่ไม่ทำให้ฟอร์มเสีย

สามารถเลือกดู ดัมเบลและม้านั่ง ของ Thaigymstuffs ได้ที่นี่

2. Cable Machine (สายเคเบิล) – เพิ่มแรงต้านแบบสมูธตลอดการเคลื่อนไหว

เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเน้นการเกร็งกล้ามเนื้อในจังหวะ Negative
ข้อดี: แรงต้านคงที่, ไม่ขึ้นกับแรงโน้มถ่วง
เทคนิคโค้ช: ใช้ Rope Handle แล้วจับเหมือนถือเชือกแนวตั้ง จะได้มุมคล้าย Hammer Curl เป๊ะ ๆ

3. Resistance Band (ยางยืด) — ทางเลือกที่บ้านไม่มีอุปกรณ์

เหมาะกับ: คนที่ฝึกที่บ้านหรือระหว่างเดินทาง
ข้อดี: ราคาถูก, พกพาสะดวก, ปรับแรงต้านได้
เทคนิคโค้ช: เหยียบยางยืดด้วยเท้าทั้งสองข้าง ถือปลายยางแล้ว Curl ขึ้นแบบจับค้อน จะได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงดัมเบลมาก

สามารถเลือกดู ยางยืดออกกำลังกาย ของ Thaigymstuffs ได้ที่นี่

เปรียบเทียบอุปกรณ์ทั้ง 3 แบบ:

อุปกรณ์ ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ความรู้สึกเวลาเกร็งกล้าม พกพาได้หรือไม่
ดัมเบล สูง ชัดเจนและคุมง่าย
Cable ปานกลาง ลื่นไหลและต่อเนื่อง
ยางยืด สูง แล้วแต่แรงต้านที่เลือก

คำแนะนำจากโค้ชปุนิ่ม:

“ถ้าคุณไม่มีอุปกรณ์เลย ใช้ยางยืดก่อนก็ได้ ขอแค่เล่นถูกฟอร์ม อย่ารีบใช้ของหนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นดัมเบลหรือสายเคเบิล ถ้าฟอร์มไม่ดี ก็เสียแรงเปล่า แถมเสี่ยงบาดเจ็บค่ะ”

ท่า Hammer Curl เหมาะกับใคร?

โค้ชปุนิ่ม อายุ 45 ปี ยืนยันจากประสบการณ์:
“ใครก็เริ่มฝึกได้ ขอแค่เริ่มถูกวิธี ไม่จำกัดเพศ วัย หรือประสบการณ์”

1. ผู้หญิงที่อยากแขนเรียวแต่ไม่โต

หลายคนเข้าใจผิดว่า Hammer Curl จะทำให้แขน “ล่ำ” แบบผู้ชาย ซึ่งไม่จริงเลยค่ะ ถ้าเล่นด้วยน้ำหนักที่เหมาะสมและควบคุมจังหวะดี ๆ กล้ามแขนจะกระชับและมีทรงเรียวแน่น ช่วยให้ใส่เสื้อแขนกุดมั่นใจขึ้น

“โค้ชเองก็ใช้ท่านี้สม่ำเสมอแม้ในช่วงลดไขมัน เพื่อให้แขนไม่เหี่ยวและมีความกระชับตลอดเวลา”

2. ผู้สูงอายุหรือวัย 50+ ที่เริ่มมีอาการกล้ามเนื้อลีบ

Hammer Curl เป็นท่าฝึกที่ “ปลอดภัยต่อข้อศอก” มากกว่าท่าไบเซปแบบหมุนฝ่ามือ เพราะไม่ต้องใช้การหมุนข้อมือเยอะ เหมาะกับผู้สูงวัยที่เริ่มมีปัญหาข้อ

3. มือใหม่ที่ไม่เคยเล่นเวทเลย

ท่านี้คือ “บทเรียนแรกของการรู้จักฟอร์ม”
เพราะไม่ซับซ้อน แต่ออกผลได้ชัดเจน เหมาะกับคนเริ่มต้นที่อยากเห็นผลไว

โค้ชแนะนำให้เริ่มจากน้ำหนักเบา (เช่น 2-3 กก.) แล้วเน้นควบคุมเวลา 3 วินาทีขึ้น / 3 วินาทีลง เพื่อให้สมองจดจำการใช้กล้ามเนื้อได้ถูกต้องตั้งแต่แรก

4. พนักงานออฟฟิศที่ใช้แขนเยอะแต่ไม่มีแรงจับ

คนที่ใช้คอมบ่อย พิมพ์ทั้งวัน หรือยกของเบา ๆ บ่อย ๆ
แต่รู้สึกว่า “ข้อมือเริ่มล้า” Hammer Curl จะช่วยเพิ่มแรงข้อมือและกล้ามเนื้อปลายแขนให้ทำงานประสานกันมากขึ้น

สรุป: ไม่ว่าใครก็เริ่มได้

กลุ่มเป้าหมาย เหมาะเพราะอะไร
ผู้หญิง กระชับแขนไม่โต สร้างทรงสวย
ผู้สูงอายุ เพิ่มแรงจับ ลดกล้ามลีบ
มือใหม่ ฝึกฟอร์ม เรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อ
ออฟฟิศ แก้อาการแขนอ่อนล้า ข้อมือไม่มีแรง

ฝึก Hammer Curl ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด?

สูตรฝึกก่อนประกวด Mr. Thailand 2025 ที่โค้ชปุนิ่มใช้ “เร่งทรงแขน”
เพื่อให้กล้ามปลายแขนแน่น แขนข้างชัด จับของแน่น และเส้นเลือดโผล่!

หลักการ:

Hammer Curl = เน้น Brachialis + Brachioradialis
แต่ถ้าอยากได้ “แขนสวยทั้งทรง ทั้งความแน่น” ต้องฝึกกล้ามแขนแบบรอบด้าน

3 ท่าที่โค้ชปุนิ่มแนะนำให้ฝึกควบคู่กัน:

1. Incline Dumbbell Curl (ไบเซปหัวใน)

  • ฝึกไบเซปในมุมยืดเต็มที่
  • ทำให้หัวในของกล้ามชัดและยาว
  • เสริมกันดีกับ Hammer Curl ที่เน้นหัวนอก

“โค้ชมักเริ่มวันด้วยท่านี้ เพราะเป็นการ Warm กล้ามแบบยืดยาว แล้วค่อยตามด้วย Hammer Curl ปั้นทรงด้านข้างค่ะ”

2. Preacher Curl หรือ Machine Curl

  • ฝึกแบบแยกข้าง เน้นสมาธิกล้าม (mind-muscle connection)
  • เหมาะมากสำหรับคนที่รู้สึกว่าแขนข้างหนึ่งไม่เท่ากัน

“ใช้เป็นท่ากลาง เพื่อเน้นโฟกัส ก่อนจะปิดท้ายด้วย Hammer Curl”

3. Reverse Curl หรือ Wrist Curl

  • ท่าเสริมข้อมือและปลายแขนให้แข็งแรง
  • ช่วยเพิ่มรายละเอียด (definition) ในช่วงปลายแขน

“เล่นเสริมแค่เบา ๆ 1-2 เซตก็พอ แต่ผลลัพธ์ดีมาก แขนจะดู ‘เก็บงานเรียบร้อย’ เวลาถ่ายรูปค่ะ”

โปรแกรมฝึกแบบเร่งฟอร์มแขน (สไตล์โค้ชปุนิ่ม)

วันฝึก ท่า จำนวนเซต จำนวนครั้ง
วันจันทร์ Incline Dumbbell Curl 3 10-12
Hammer Curl (ปกติ) 3 10-12
Reverse Curl 2 12-15
วันศุกร์ Preacher Curl 3 8-10
Hammer Curl (Cross-body) 3 8-10
Wrist Curl 2 15-20

แนะนำให้พัก 1-2 นาทีระหว่างเซต และทำ Static Hold 10 วินาทีในเซตสุดท้ายของ Hammer Curl ทุกครั้ง

บทสรุปจากโค้ชปุนิ่ม: ถ้าอยากมีแขนทรงสวย Hammer Curl คือท่าที่ “ต้องมี”

โค้ชใช้ท่านี้ตั้งแต่วันแรกของการเข้ายิม จนถึงเวที Mr. Thailand 2025
และวันนี้อยากส่งต่อให้คุณ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร หรือเพิ่งเริ่มก็ตาม

ทำไม Hammer Curl ถึงสำคัญ?

  • สร้างกล้าม Brachialis และ Brachioradialis ให้แน่น ดันทรงไบเซปให้ดูใหญ่ขึ้น
  • เสริมแรงปลายแขน เห็นเส้นเลือดชัดเมื่อเริ่มลดไขมัน
  • ไม่หนักข้อ ไม่ต้องหงายมือมาก เหมาะกับคนทุกวัย
  • เล่นได้แม้ที่บ้านด้วยยางยืดหรือดัมเบลเล็ก ๆ
  • เสริมให้แขน “ดูมีมิติ” ไม่เรียวลีบแบบฝึกท่าเดียว

ข้อคิดจากประสบการณ์จริงของโค้ช:

“กล้ามไม่ได้ขึ้นจากของหนักเสมอไป แต่มันขึ้นจากการทำซ้ำแบบถูกวิธี Hammer Curl สอนให้โค้ชมีสมาธิกับกล้ามเนื้อ ควบคุมจังหวะ และรู้จักจุดเล็ก ๆ ที่คนมองข้าม ซึ่งนั่นแหละ…คือสิ่งที่ทำให้โค้ชชนะบนเวที”

ถ้าคุณยังลังเล…

  • คุณไม่ต้องมีแข็งแรงเหมือนนักกีฬา
  • คุณไม่ต้องมีฟิตเนสดัง ๆ เล่น
  • แค่มีดัมเบล น้ำใจ และเวลาให้ตัวเองวันละ 15-20 นาที

Hammer Curl ก็จะเปลี่ยนแขนคุณให้กระชับ ชัด และมั่นใจขึ้นได้

พร้อมที่จะมีแขนสวยกระชับแบบโค้ชปุนิ่มแล้วใช่ไหมคะ? เลือกชมดัมเบลคุณภาพ และอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณได้เลยที่ Thai Gym Stuffs!

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม