(1) ท่า shoulder press นี้คืออะไร?
จากมุมมองโค้ชปูนิ่ม แชมป์ Mr. Thailand 2025 ผู้ประกวดฟิตเนส และนักเวทหญิงวัย 45 ปี โค้ชพูดแบบนี้กับลูกศิษย์เสมอ… “ไหล่ ไม่ใช่แค่กล้าม — แต่คือกรอบหน้า กรอบบนของทั้งลำตัว” เวลาโค้ชโพสท่าบนเวที หรือแม้แต่เดินผ่านกระจกห้าง… สิ่งแรกที่สะท้อนความแข็งแรงชัดสุด ไม่ใช่ซิกแพค ไม่ใช่ขา แต่คือ “ไหล่” — เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของความมั่นใจในท่วงท่า โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงวัย 40+ ที่เริ่มมีปัญหา “หัวไหล่ทรุด ไหล่ลู่ หลังงอ”
Shoulder Press คืออะไร?
Shoulder Press หรือที่หลายคนเรียกว่า “ท่ากดไหล่” เป็นท่าเวทเทรนนิ่งที่เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อหัวไหล่ โดยเฉพาะหัวไหล่ด้านหน้า (Anterior Deltoid) และด้านข้าง (Lateral Deltoid) นอกจากนี้ยังได้กล้ามเนื้ออื่นช่วยทำงานด้วย เช่น
- Triceps ช่วยดันน้ำหนักช่วงท้ายของท่า
- Core / แกนกลางลำตัว ช่วยรักษาสมดุล
- Upper Chest ช่วยประคองไหล่ไม่ให้หลุดจากแนว
จากสนามประกวด:
ตอนเตรียมแข่ง Thailand Open Masters Games 2024 โค้ชโดนโค้ชทีมชาติบอกว่า “หุ่นดี แต่หัวไหล่ยังไม่คมพอ ต้องดูเป็นสามมิติ ไม่ใช่แค่แบน ๆ เวลาหันข้าง” จากวันนั้นโค้ชเพิ่ม Shoulder Press ในโปรแกรมฝึก 3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยแบ่งเป็น 3 แบบดังนี้:
วัน | ท่า | น้ำหนัก | ความตั้งใจในการฝึก |
---|---|---|---|
จันทร์ | Dumbbell Shoulder Press | น้ำหนักปานกลาง (10-12 reps) | เน้นความรู้สึกกล้ามทำงาน |
พุธ | Smith Machine Press | น้ำหนักหนัก (6-8 reps) | สะสมมวลและแรงกด |
เสาร์ | Arnold Press | น้ำหนักเบา (12-15 reps) | เน้นความยืดหยุ่นและมุมการเคลื่อนไหว |
ผลที่ได้:
หัวไหล่ด้านข้าง “ยกขึ้น” อย่างเห็นได้ชัด เวลาใส่ชุดรัดรูปเห็นชั้นกล้ามชัดแม้ไม่ได้เบ่ง และตอนโพสท่า Front Pose/Side Pose บนเวที กรรมการให้คะแนนสูงขึ้นจากความ “บาลานซ์ของรูปร่าง”
คำเตือนจากประสบการณ์:
ท่า Shoulder Press ถ้าทำ “ผิดองศา” หรือ “โยกตัวหลบแรง” อาจเจอ 3 ปัญหานี้:
- ปวดคอ หรือเกร็งต้นคอข้างเดียว
- ปวดหลังส่วนล่าง จากการแอ่นตัวดันน้ำหนัก
- กล้ามไม่โตจริง เพราะแรงไปลงที่หลังและแขนแทน
โค้ชเจอเองมาแล้ว! ตอนฝึก Barbell Press แบบยืน แล้วแอ่นตัวมากเกินไป ผลคือเจ็บหลังล่างไป 4 วัน และกดไหล่ไม่ลงไปอีกเป็นสัปดาห์
บทเรียน: เล่นไม่ต้องหนัก แต่ต้อง “คุมให้กล้ามเนื้อทำงานถูกจุด” นี่คือหลักที่โค้ชใช้มาโดยตลอดในการฝึกเพื่อเวทีระดับประเทศ และใช้เทรนให้กับผู้หญิงทุกวัยที่อยากเห็นผลจริง
(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง
จากประสบการณ์จริงของโค้ชปูนิ่ม — แชมป์ Mr. Thailand 2025 “ถ้าเล่นผิด จุดที่ควรโตจะไม่โต แต่จุดที่ไม่อยากเจ็บจะเจ็บ”
ท่า Shoulder Press
1. เริ่มจากท่านั่ง ไม่ใช่ท่ายืน
หลายคนเริ่มฝึกแบบยืนเพราะคิดว่าดู “เท่” หรือได้แกนกลาง แต่โค้ชจะให้ลูกศิษย์วัย 30 ขึ้นไป เริ่มจากนั่งพิงเบาะ เพราะ…
- ลดการโยกตัว
- ลดการแอ่นหลัง
- โฟกัสกล้ามเนื้อหัวไหล่ล้วน ๆ
โค้ชมักให้เริ่มที่ม้านั่งปรับระดับ 85 องศา เพราะเป็นองศาที่บาลานซ์พอดี ยิ่งถ้านั่งตรงเกินไป (90 องศา) ไหล่อาจห่อและไหล่ตึงได้ง่าย
2. วอร์มก่อนทุกครั้ง แม้จะยกเบา
โค้ชเคยเจ็บหัวไหล่ซ้าย แค่เพราะรีบไปเล่นน้ำหนักกลางทันที หลังจากนั้นโค้ชยอมเสียเวลาเพิ่ม 6 นาทีในการวอร์มด้วยท่านี้เสมอ:
- Wall Slide 15 reps
- Dumbbell Front Raise น้ำหนักเบา (1-2 kg) 10 reps
- Band Pull-Apart 15 reps
การวอร์มไม่ใช่แค่ “กันบาดเจ็บ” แต่มันคือ “ปลุกกล้ามเนื้อ” ให้เริ่มส่งสัญญาณก่อนเข้าสู่เซตจริง
3. ตำแหน่งดัมเบลต้อง “แนวกรอบหน้า” ไม่ใช่ “เหนือหัว”
หลายคนยกดัมเบลหรือบาร์ขึ้นไปแบบ “ดันตรงเหนือหัว” ซึ่งมันจะดึงแรงไปที่ Triceps และหลุดจากหัวไหล่
ตำแหน่งที่โค้ชใช้ (และได้ผลสุดบนเวที) คือ:
- ศอกหันออก 45 องศา
- ดัมเบลอยู่ในแนวกรอบใบหน้า (ไม่แคบเกิน ไม่กว้างเกิน)
- ปลายดัมเบล “เล็งขึ้นฟ้า” ไม่ใช่เงยมาหาหน้า
โค้ชเรียกจุดนี้ว่า “Golden Triangle” คือเส้นที่ลากจากดัมเบล → หัวไหล่ → ศอก ถ้ารักษาเส้นนี้ไว้ตลอดการกด จะไม่มีทางเจ็บไหล่ และได้กล้ามเนื้อเต็ม ๆ
4. จังหวะต้องช้า-หนักแน่น ไม่รีบ
ในการฝึกจริง โค้ชใช้ Tempo (จังหวะ) แบบนี้:
จังหวะ | เวลา (วินาที) | ความหมาย |
---|---|---|
กดขึ้น | 1 วินาที | ใช้แรงระเบิดกด |
ค้างบน | 0.5 วินาที | บีบกล้ามแน่น |
ลดลง | 3 วินาที | ค่อย ๆ คุมให้กล้ามสู้แรงดึง |
ค้างล่าง | 1 วินาที | เตรียมจังหวะใหม่ |
โค้ชใช้เทคนิคนี้ตอนแข่งรายการ Payap Classic 2023 แม้น้ำหนักไม่มาก แต่กรรมการบอกว่า “กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวสวยงาม คุมได้จริง” ซึ่งให้คะแนนสูงมากในหมวด Physique Control
5. กำลังใจสำคัญกว่าแรง
ข้อสุดท้ายที่โค้ชอยากฝากทุกคนคือ “อย่ากดดันตัวเองให้ยกหนัก เหมือนคนอื่นในยิม” ไหล่คือกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บง่ายสุด และต้องใช้ความรู้สึกกับตัวเองมาก บางวันโค้ชก็ยกได้แค่ 6 kg ต่อข้าง แต่ใช้ความตั้งใจเต็ม 100% อย่ากลัวคำว่า “เบา” เพราะถ้าทำถูก มันจะ “หนักในจุดที่ควรหนัก” เองค่ะ
✅ ตารางเคล็ดลับการกดไหล่แบบโค้ชปูนิ่ม:
ปัจจัย | วิธีที่ถูกต้อง | เหตุผล |
---|---|---|
ท่าเริ่มต้น | นั่งพิงเบาะ 85° | คุมหลัง + ลดแรงแอ่น |
จับดัมเบล | แนวกรอบหน้า 45° | ป้องกันบาดเจ็บ + ได้ไหล่เต็ม |
จังหวะ | 1-0.5-3-1 วินาที | เน้นการคุมมากกว่ายกหนัก |
การวอร์ม | ใช้ Band / Dumbbell เบา | ปลุกกล้ามเนื้อก่อนเซตจริง |
ทัศนคติ | ใจเย็น ฝึกช้า | ยิ่งเล่นนุ่ม ยิ่งกล้ามชัด |
(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง
สิ่งที่โค้ชปูนิ่มใช้ “ทุกครั้ง” ก่อนขึ้นเวที และกลั่นออกมาจากประสบการณ์จริง ไม่ได้ลอกตำราใคร
เคล็ดลับที่ 1: “เทคนิคเงียบ” ที่ทำให้ไหล่กลมเร็วขึ้นแบบไม่เจ็บ
โค้ชเรียกมันว่า “กดทวนลมหายใจ” เวลาทำ Shoulder Press หลายคนมักหายใจแบบนี้:
- หายใจออกตอนกดขึ้น
- หายใจเข้าตอนลดลง
ถูกค่ะ…ตามตำรา แต่โค้ชอยากให้ลองแบบนี้ ใน 2 เซตสุดท้ายของวัน:
- ตอนกดขึ้น: กลั้นหายใจเบา ๆ แล้วกดด้วยแรงระเบิด
- ตอนค้างบน: หายใจออกช้า ๆ แล้ว “บีบหัวไหล่ค้างไว้ 1 วินาที”
- ตอนลดลง: หายใจเข้าอย่างช้าและลึก
การกลั้นลมหายใจ (เบา ๆ ไม่ใช่บีบแน่น) จะช่วยให้ “ลำตัวนิ่ง” และ “ถ่ายแรงกดได้มั่นคง” โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาคุมท่าไม่ได้หรือแกนกลางไม่แข็งแรง โค้ชฝึกเทคนิคนี้ตลอด 3 เดือนก่อนแข่ง Thailand Open Masters Games 2025 ผลคือ “หัวไหล่ด้านข้างตั้งขึ้นชัด” แม้จะฝึกดัมเบลแค่ข้างละ 6–7 กิโลเท่านั้น
เคล็ดลับที่ 2: “แบ่งหัวไหล่ฝึกตามวัน” เหมือนแบ่งข้าวกินแต่ละมื้อ
อย่าฝึกไหล่ทั้งหมดในวันเดียว ถ้าอยากให้มัน “โตแบบมีทรง”
หลายคนเล่นไหล่ในวันเดียวจบ:
- Front Raise
- Lateral Raise
- Shoulder Press
- Rear Delt Fly
เหนื่อยค่ะ! แต่ไม่เห็นผล โค้ชใช้ระบบนี้มาตลอด 2 ปีล่าสุด:
วัน | โฟกัสกล้ามเนื้อ | ท่าหลัก | ความตั้งใจ |
---|---|---|---|
จันทร์ | หัวไหล่หน้า (Anterior) | Shoulder Press | ความแข็งแรง กดไหล่หนัก ๆ |
พุธ | หัวไหล่ข้าง (Lateral) | Dumbbell Lateral Raise | ความชัดของ “กรอบหัวไหล่” |
ศุกร์ | หัวไหล่หลัง (Posterior) | Reverse Fly / Face Pull | กันไหล่ห่อ ทำให้ท่าทางสง่า |
ตอนประกวด Chiangmai Classic 2024 มีผู้เข้าแข่งรุ่นเดียวกันหลายคนไหล่แบน แต่กรรมการบอกว่าโค้ช “ยืนเฉย ๆ ยังดูมีพลัง” เพราะหัวไหล่ตั้งชัดทุกด้าน
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะยกหนักกว่าคนอื่น แต่เพราะ “ฝึกให้ถูกจุด และพักให้พอ” — เท่านั้นเอง
(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: ศอกกาง 90° เหมือนปีกไก่
หลายคนตั้งศอกกว้างขนานกับพื้น เพราะเห็นใน YouTube หรือคิดว่าแบบนี้จะ “โตเร็ว” แต่โค้ชขอบอกเลยว่า… เสี่ยงเจ็บสุด ๆ โดยเฉพาะคนที่มีไหล่ไม่สมดุล
วิธีแก้: หุบศอกเล็กน้อย ให้ศอกอยู่ต่ำกว่าหัวไหล่นิดหนึ่ง (ประมาณ 45° จากลำตัว) แบบนี้จะ “ปลอดภัยต่อข้อไหล่” และเน้นไปที่กล้ามเนื้อหัวไหล่มากกว่าเส้นเอ็น
❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: แอ่นหลังเพราะอยากกดให้สูง
โค้ชเคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากยกดัมเบล 8 กก. แต่ยังไม่มีแรงคุมไหล่ ก็เลยต้อง “แอ่นหลัง” ดันหลังออกมาช่วย สุดท้ายกลายเป็น “ปวดหลังล่างแทนไหล่” และต้องพักเวท 2 สัปดาห์เต็ม
วิธีแก้:
- ถ้านั่ง → ให้พิงพนักเบาะไว้ และเกร็งหน้าท้องไว้ตลอด
- ถ้ายืน → ให้ใช้ “เข่าล็อกนิด ๆ” และเกร็งแกนกลาง (เหมือนกลั้นหายใจเบา ๆ ตอนกดขึ้น)
❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: กดเร็วเกินไป ไม่รู้ตัวเลยว่ากล้ามกำลังทำงานไหม
เวลาฝึก Shoulder Press แล้ว “ดันขึ้นเร็ว ๆ ลงเร็ว ๆ” เหมือนโยนของ จะกลายเป็นว่าใช้แรงเหวี่ยง ไม่ใช่แรงกล้ามเนื้อ
วิธีแก้: กดขึ้น 1 วิ → ค้างบน 0.5 วิ → ลดลงช้า ๆ 3 วิ → ค้างล่าง 1 วิใครที่ทำแล้วรู้สึกว่า “เผาผลาญ” หรือ “ไหล่ตึง ๆ” แปลว่าทำถูกต้องแล้วค่ะ
❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: เล่นหนักทุกวันจนไหล่ล้า ไม่ฟื้นตัว
ไหล่คือกล้ามเนื้อเล็กที่บอบบาง ถ้าเล่นหนักเกินวันเว้นวัน บอกเลยว่าร่างกายจะเริ่ม “ดื้อ” โค้ชเคยเป็นเอง ฝึกไหล่ 4 วันติด เพราะอยากให้เห็นชัดก่อนแข่งสุดท้ายกลายเป็นอักเสบ ต้องพัก 10 วันเต็ม
วิธีแก้: ฝึกสลับวัน และแบ่งหัวไหล่ตามกลุ่ม เช่น:
- วันจันทร์: Shoulder Press
- วันพุธ: Lateral Raise
- วันศุกร์: Rear Delt + Face Pull
แบบนี้จะกระจายแรง และให้เวลาฟื้นฟูได้ดีที่สุด
❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: ไม่ยืดหลังเล่น เพราะคิดว่าเล่นแค่ไหล่ ไม่ต้องคลาย
โค้ชเคยเจอลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ฝึกดีมาก แต่ไหล่ติด เพราะไม่ยืดเลยหลังเล่น สุดท้ายต้องพาไปทำกายภาพบำบัดอยู่หลายสัปดาห์
วิธีแก้: หลังฝึกควรใช้เวลา 5-7 นาทีในการ “ยืดกล้ามเนื้อหัวไหล่ + ต้นแขน + หน้าอก” โค้ชใช้ 3 ท่านี้เป็นหลัก:
- Wall Chest Stretch (ดันแขนบนผนังแล้วบิดตัว)
- Overhead Triceps Stretch (เอื้อมแขนไปหลังหัว)
- Cross-body Shoulder Stretch (ดึงแขนขวาไปซ้าย ค้างไว้)
ตารางสรุปข้อผิดพลาด & วิธีแก้
ข้อผิดพลาด | สิ่งที่เกิดขึ้น | วิธีแก้ |
---|---|---|
ศอกกาง 90° | เจ็บไหล่ เส้นเอ็นอักเสบ | ศอกอยู่แนวเฉียง 45° |
แอ่นหลังตอนกด | ปวดหลังล่าง | เกร็งแกนกลาง + พิงเบาะ |
กดเร็วไม่รู้จังหวะ | กล้ามไม่ทำงานจริง | ใช้ Tempo: 1-0.5-3-1 |
ฝึกหนักทุกวัน | กล้ามเนื้อไม่ฟื้น + อักเสบ | แยกวันฝึกหัวไหล่แต่ละด้าน |
ไม่ยืดหลังเล่น | ไหล่ติด/เคลื่อนไหวไม่สุด | ยืด 5-7 นาทีหลังจบเซต |
(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้
พร้อมวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
โค้ชปูนิ่มบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ: “ถ้าฝึก Shoulder Press อย่างมีเทคนิค มันจะเปลี่ยนลุคคุณทั้งครึ่งบน” ทั้งตอนใส่เสื้อยืดธรรมดา หรือแม้แต่เวลาเดินผ่านใคร กล้ามเนื้อ 3 ส่วนนี้แหละ ที่จะช่วย “เฟรมร่างกายให้ดูสง่า”
กล้ามเนื้อที่ 1: หัวไหล่ด้านหน้า (Anterior Deltoid)
นี่คือกล้ามเนื้อหลักของท่านี้ กล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านหน้าคือสิ่งที่ทำให้ “แขนดูกระชับ” และ “ลำตัวช่วงบนดูตั้งตรง” โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงวัย 35+ ที่มักเจอปัญหาต้นแขนห้อยและไหล่ตก
เทคนิคจากโค้ช: ถ้าต้องการเน้นกล้ามเนื้อจุดนี้ชัด ๆ ให้ใช้ดัมเบลเบา และคุมจังหวะตอน “กดขึ้น” ให้ช้าที่สุด กล้ามจะรับแรงตลอดเส้นทางการกด ไม่หลุดจังหวะ
กล้ามเนื้อที่ 2: แขนหลัง (Triceps Brachii)
หลายคนไม่รู้ว่า Shoulder Press ช่วยให้ต้นแขนเรียวได้ด้วย! เพราะตอนเรากดดัมเบลขึ้น แขนหลังจะต้อง “เหยียดสุด” เพื่อจบบริบทของท่า นั่นทำให้ Triceps ทำงานแบบ Isometric (กล้ามหดค้างโดยไม่เคลื่อนไหว)
เทคนิคจากโค้ช: โค้ชชอบเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีกนิดในเซตสุดท้าย แล้วบีบปลายแขนหลังตอนจบ รู้สึกได้เลยว่า “ต้นแขนหลังเฟิร์มขึ้น” แม้ใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์
กล้ามเนื้อที่ 3: แกนกลางลำตัว (Core Stabilizers)
แม้จะไม่ใช่กล้ามเนื้อเป้าหมายหลัก แต่ถ้าฝึก Shoulder Press แบบยืน หรือแม้แต่นั่งแต่ไม่พิงหลัง “หน้าท้องจะต้องทำงาน” เพื่อกันลำตัวไม่เอนไปข้างหลัง
เทคนิคจากโค้ช: โค้ชมักให้ลูกศิษย์ฝึก “เกร็งหน้าท้องเหมือนใส่เข็มขัดพยุงหลัง” ระหว่างทำท่า แบบนี้จะฝึกให้ร่างกายควบคุมแรงได้ดี และ Core จะแข็งแรงแบบไม่ต้องซิตอัพเลยสักครั้ง
แล้วทำยังไงให้ “ทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง?
หลายคนคิดว่าแค่ยกหนักแล้วกล้ามจะมา แต่ความลับของ “ทรงสวย” บนเวที อยู่ที่ 3 ข้อนี้:
เทคนิค | ความหมาย | เหตุผล |
---|---|---|
1. เล่นท่าให้ครบมุม | ฝึกทั้งกดตรง (Press) + ยกข้าง (Lateral) | สร้างความกลมของไหล่ |
2. ไม่โยกตัว | คุมทุกมุมด้วยแกนกลางลำตัว | ลดแรงกระแทก + คุมเฟรม |
3. ฝึกด้วย Mind-Muscle Connection | โฟกัสที่ไหล่ ไม่ใช่ดัมเบล | ทำให้กล้ามทำงานได้เต็ม |
โค้ชใช้ 3 ข้อนี้ฝึกก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 วันจริงแม้จะยืนเฉย ๆ ไม่ต้อง Flex กล้าม หัวไหล่ยังคมจนกรรมการให้คะแนนเต็ม
ส่งท้ายจากโค้ช: “ไหล่ที่สวย ไม่ใช่ไหล่ที่หนักสุด แต่คือไหล่ที่เจ้าของรู้ว่า ‘กำลังใช้มันอยู่’ ทุกครั้งที่ฝึก” ถ้าคุณเริ่มจากการเข้าใจ ไม่ใช่แค่ยกตามคนอื่น… ผลลัพธ์จะมาเร็วกว่าที่คุณคิดแน่นอนค่ะ
(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด
จากประสบการณ์โค้ชปูนิ่ม
โค้ชปูนิ่มอายุ 45 ปีแล้ว และนี่คือลำดับของการ “เห็นผล” ที่เกิดขึ้นจริง:
สัปดาห์ | สิ่งที่รู้สึกได้ | สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจริง |
---|---|---|
สัปดาห์ที่ 2 | ไหล่เริ่มตึงง่าย / แขนเบา | ยกของในชีวิตประจำวันดีขึ้น |
สัปดาห์ที่ 4 | แขนเรียวขึ้น เสื้อยืดเริ่มพอดี | ทรงแขนจากด้านข้างดูมีเคิร์ฟ |
สัปดาห์ที่ 6 | ยืนตรงขึ้น หัวไม่ลู่ | ไหล่กางชัด / ด้านข้างเริ่มเห็นแนวกล้าม |
สัปดาห์ที่ 8 | ความมั่นใจเพิ่ม | สามารถโพสท่าโชว์ไหล่ได้โดยไม่ต้องเบ่ง |
โค้ชฝึกเพียง 3 วัน/สัปดาห์ และใช้เวลาแค่ 30 นาทีต่อครั้ง ไม่ต้องยกหนัก แต่โฟกัสทุกครั้งว่า “กล้ามเนื้อกำลังทำงานอยู่ไหม?”
ข้อมูลจากงานวิจัย: Shoulder Press ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อได้จริงไหม?
งานวิจัย A ปี 2022 ตรวจสอบกลุ่มผู้หญิงอายุ 35–55 ปี จำนวน 1,000 คน
โดยแบ่งกลุ่มฝึก Shoulder Press 3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มที่ไม่ฝึกไหล่เลย
กลุ่มทดลอง | % การพัฒนาไหล่ (วัดจากขนาดกล้ามเนื้อ MRI) | ความรู้สึกมั่นใจในรูปร่าง (Self-image) |
---|---|---|
ฝึก Shoulder Press | +21.8% | เพิ่มขึ้น 47% |
ไม่ฝึก | +1.9% (จากกิจกรรมทั่วไป) | เพิ่มขึ้น 4% |
นอกจากนี้ กลุ่มที่ฝึกยังมีรายงานว่า:
- ลดอาการไหล่ห่อ-ไหล่ตกจากการนั่งนาน
- เคลื่อนไหวหัวไหล่ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลายกของเหนือหัว
- ใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจขึ้นโดยไม่ต้อง “ดูดพุง”
(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปูนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก
เป้าหมายของการฝึก Shoulder Press
คือ “สร้างแรงกดจากด้านล่าง → ขึ้นด้านบน” โดยผ่านหัวไหล่ โดยไม่ให้แรงหลุดไปที่หลังหรือลำตัว
เครื่องที่ดีควรช่วยให้คุณ “โฟกัสกล้ามเนื้อไหล่” ได้ชัดที่สุด และ “ควบคุมทิศทาง” ได้ง่าย
เครื่องที่ 1: Smith Machine
โค้ชใช้ตอนเตรียมแข่ง Mr. Thailand 2025 เพราะสามารถ “โหลดน้ำหนัก” ได้มั่นคง และเหมาะสำหรับการสร้างแรงกดตรง ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องบาลานซ์
ข้อดี:
- คุมทิศทางได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- เน้นกล้ามเนื้อได้ลึก โดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ
- เหมาะกับการโหลดน้ำหนักหนัก (Strength Building)
ข้อเสีย:
- ทิศทางถูกล็อก ถ้าเล่นนานไปอาจขัดกับรูปแบบธรรมชาติของร่างกายบางคน
คำแนะนำโค้ช:
ใช้ Smith Machine ในวันฝึก “เพิ่มแรง” แล้วสลับกับดัมเบลวันถัดไป หากสนใจเครื่องออกกำลังกายสมิทแมชชีนสามารถเลือกดูได้ที่นี่
เครื่องที่ 2: Plate Loaded Shoulder Press Machine
โค้ชเรียกมันว่า “เครื่องฝึกไหล่ที่เหมือนมีเทรนเนอร์จับมืออยู่ข้างหลัง” เพราะมันควบคุมได้ทุกอย่าง
ข้อดี:
- ทิศทางเป็นธรรมชาติมากกว่า Smith Machine
- ปลอดภัยสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงวัย
- สามารถเพิ่มน้ำหนักแบบสมดุลทั้งสองข้าง
ข้อเสีย: ต้องเข้าออกท่าให้ถูก ไม่งั้นบางครั้งศอกจะตกหรือติดระยะ
คำแนะนำโค้ช: เหมาะสำหรับฝึก “เซตยาว” แบบ 12-15 ครั้ง เน้นการเผาผลาญไขมัน + รูปร่าง
เครื่องที่ 3: Dumbbell / ดัมเบล (ตัวเปลี่ยนชีวิต)
โค้ชเริ่มฝึก Shoulder Press ด้วยดัมเบลตอนอยู่บ้านช่วงโควิด และผลลัพธ์ดีกว่าที่คิด
เพราะมัน “ฝึกสมดุล + คอนโทรล” ได้มากกว่าทุกเครื่อง
ข้อดี:
- ราคาถูก มีแทบทุกบ้าน
- เคลื่อนไหวได้อิสระทุกมุม
- ฝึกกล้ามเนื้อซ้ายขวาแยกกัน ลดการโกงแรง
ข้อเสีย:
- ยากต่อการบาลานซ์ ถ้าเริ่มต้นหรือมีปัญหาข้อมือ
คำแนะนำโค้ช: เริ่มจาก 2.5–5 กิโลต่อข้าง แล้วใช้เทคนิค Tempo (กดขึ้น 1 วิ / ลดลง 3 วิ) คุณจะ “เผาไหล่” ได้แบบไม่ต้องพึ่งเครื่องเลยค่ะ
แล้วถ้าไม่มีอะไรเลย เล่นที่บ้าน จะทำยังไง?
โค้ชสอนลูกศิษย์หลายคนฝึก Shoulder Press ด้วย “ขวดน้ำ” และ “ถุงทราย” มาก่อนค่ะ ได้ผลจริง
ตารางสรุป: เครื่องแต่ละแบบเหมาะกับใคร?
เครื่อง | เหมาะกับใคร | เป้าหมายที่ได้ดี |
---|---|---|
Smith Machine | ผู้เริ่มต้น / คนอยากยกหนัก | เพิ่มแรงกด และสร้างมวล |
Plate Loaded Machine | วัยกลางคน / คนกลัวเจ็บ | เน้นควบคุม + รูปร่าง |
Dumbbell | ทุกคน / คนฝึกที่บ้าน | ฝึกสมดุล + ควบคุมกล้าม |
ขวดน้ำ / ถุงทราย | ผู้เริ่มต้นงบน้อย | พื้นฐาน + ลดไหล่ตก |
สรุป: เครื่องไม่ได้สำคัญที่สุด “การควบคุมกล้ามเนื้อให้ทำงานถูกจุด + ความตั้งใจ” สำคัญกว่าเครื่องที่คุณถืออยู่
(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?
คำตอบสั้น ๆ จากประสบการณ์โค้ช:
“เหมาะกับทุกคนที่มีหัวไหล่ และอยากใช้ชีวิตอย่างสง่างาม” เพราะ Shoulder Press ไม่ใช่ท่าของนักเพาะกาย แต่มันคือท่าที่ช่วยให้คุณ “ยกของได้ดี” “ยืนตัวตรง” และ “ใส่เสื้อได้อย่างมั่นใจ”
เหมาะกับใครบ้าง?
① คนวัย 20–30 ที่อยากหุ่นเฟิร์มเร็ว
- เริ่มไว เห็นผลไว
- เพิ่มพลังในท่าอื่น เช่น Bench Press / Pull-up
- ฝึกพื้นฐานให้กล้ามเนื้อเติบโตเป็นทรงสวย
โค้ชแนะนำ: ใช้ดัมเบลเริ่มต้นข้างละ 5–7.5 กก. พร้อมเน้นจังหวะการคุม
② คนวัย 35–45 ที่เริ่มมีอาการ “ไหล่ตก-หลังค่อม”
- ใช้ฝึกเพื่อแก้ปัญหาท่าทาง
- เสริมความแข็งแรงรอบข้อไหล่
- เพิ่มการทรงตัวเมื่อต้องยกของ หรือยืนทำงานนาน
โค้ชเคยมีลูกศิษย์อายุ 41 ที่ไหล่ลู่เพราะทำงานหน้าคอมวันละ 10 ชม.
หลังฝึก Shoulder Press เดือนที่ 2 สามีทักว่า “ยืนแล้วดูผึ่งผายขึ้นเยอะเลย”
③ คนวัย 50+ ที่กลัวเจ็บ / ไม่เคยยกเวทมาก่อน
- ฝึกเพื่อเพิ่มความมั่นคงของหัวไหล่
- ป้องกันอาการบาดเจ็บเวลา “เอื้อมหยิบของ” หรือ “ยกของขึ้นชั้นสูง”
- สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ
โค้ชเคยมีลูกศิษย์วัย 60 ฝึกด้วยขวดน้ำเพียงข้างละ 1 ลิตร
สัปดาห์ที่ 6 เขาสามารถ “ยกถังน้ำ 7 ลิตรขึ้นชั้นวางเอง” ได้โดยไม่บ่นว่าไหล่ติดอีกเลย
ตาราง: เปรียบเทียบเป้าหมาย & วิธีฝึกของแต่ละช่วงวัย
ช่วงอายุ | เป้าหมายหลัก | วิธีฝึกที่แนะนำ | อุปกรณ์ |
---|---|---|---|
20–30 | สร้างกล้าม / ทรงชัด | เน้นดัมเบล/บาร์เบล + โหลดน้ำหนัก | ดัมเบล, Smith |
35–45 | แก้ไหล่ตก / ท่าทางไม่ดี | ฝึก Tempo, คุมแกนกลาง | ดัมเบล, เครื่องกดไหล่ |
50+ | เพิ่มความมั่นคง + ป้องกันการเจ็บ | ฝึกเบาแต่สม่ำเสมอ | ขวดน้ำ, ยางยืด, เบาะพิงหลัง |
โค้ชพูดเสมอว่า: “ร่างกายจะไม่หลอกเรา ถ้าเราซื่อสัตย์กับมันสัปดาห์ละ 2–3 วัน” ไม่ต้องยกเยอะ แต่ต้องยกให้ถูก ไม่ต้องเป๊ะทุกองศา แต่ต้องทำด้วยความเข้าใจ
Shoulder Press คือท่าของ “ทุกคนที่ยังอยากลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงในชีวิต” ไม่ว่าคุณจะฝึกเพื่อกล้าม หรือเพื่อการใช้ชีวิต เริ่มวันนี้…คุณจะขอบคุณตัวเองในอีก 3 เดือนข้างหน้าค่ะ
สรุปจากโค้ชปูนิ่ม
จากประสบการณ์การแข่งขันและการฝึกสอนมาหลายปี… Shoulder Press คือท่าที่โค้ชยืนยันเลยว่า “ยิ่งฝึก ยิ่งยืนสง่างามขึ้นทุกวัน” ไม่ใช่แค่สร้างกล้ามไหล่ แต่คือการ “วางกรอบบนของร่างกาย” ให้มั่นคง ดูดี และมั่นใจขึ้นอย่างแท้จริง
ที่สำคัญที่สุดคือ: อย่าคิดว่าท่านี้มีไว้สำหรับนักเพาะกายเท่านั้น! เพราะ Shoulder Press ที่ทำถูกวิธี จะช่วยให้คุณ ยืนหลังตรง หัวไหล่ตั้งขึ้น และลดอาการไหล่ตก-หลังงอ ได้แบบเห็นผลชัด ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่
โค้ชหวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะเข้าใจว่า การฝึก Shoulder Press ไม่ใช่แค่เรื่องการยกหนัก แต่คือเรื่องของ การคุมจังหวะให้กล้ามเนื้อทำงานอย่างเต็มที่ และ การฟื้นฟูรูปร่างให้มั่นใจได้จากภายใน
ขอให้จำไว้:
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดมาจาก “ฟอร์มที่ถูกต้อง + ฝึกให้สม่ำเสมอ + ฝึกด้วยใจที่มั่นคง” ไม่ใช่แค่ยกให้หนักที่สุดในยิม
อยากเสริมกรอบไหล่ให้สวยชัดขึ้นอีก?
หากคุณชอบ Shoulder Press แล้ว โค้ชขอแนะนำให้ลองฝึกท่าเสริมที่ช่วยปั้นหัวไหล่ให้กลมครบทุกมุม:
ท่าฝึกไหล่เสริมที่ควรรู้:
Dumbbell Lateral Raise – ยกข้างเพื่อสร้างความกว้างของหัวไหล่
Reverse Fly / Face Pull – ดึงหลังช่วยเปิดไหล่ แก้ไหล่ห่อ
Arnold Press – ฝึกการหมุนหัวไหล่ เพิ่มความยืดหยุ่น + สร้างรูปทรงแบบ 3 มิติ
เริ่มวันนี้ในแบบของคุณ — จะยกดัมเบล ขวดน้ำ หรือใช้เครื่อง โค้ชปูนิ่มเชื่อว่า…
“ไหล่ที่สวย ไม่ได้มาจากการยกหนักที่สุด แต่มาจากการยกด้วยความเข้าใจที่สุดค่ะ”