Dumbbell Lateral Raise ฝึกไหล่ให้กลมสวยแบบมืออาชีพ โดยโค้ชปูนิ่มแชมป์เพาะกาย

ท่า Dumbbell Lateral Raise คืออะไร?

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์ฟิตเนสหญิง Mr. Thailand 2025

ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าฝึกไหล่ที่โค้ชปุนิ่มเลือกใช้เป็นประจำก่อนการขึ้นเวทีประกวดฟิตเนส เพราะท่านี้เน้นการสร้าง “ทรงกลม” ของหัวไหล่ด้านข้าง หรือกล้ามเนื้อ deltoid ส่วนกลาง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรูปร่างที่ดูแข็งแรงแต่ยังคงความสวยงามในแบบหญิงฟิตเนส

ในมุมของโค้ชปุนิ่มที่มีทั้งประสบการณ์ การแข่งขันเวทีเพาะกายระดับประเทศ และยังเป็นนักวิ่งสายเทรล การมีหัวไหล่ที่แข็งแรงและตั้งรับแรงได้ดีคือพื้นฐานของการ เคลื่อนไหวที่มั่นคง โดยเฉพาะเวลาวิ่งลงเขาหรือออกแรงต้านบนพื้นเอียง

  • ถ้าคุณเป็นคนที่อยาก “ปั้นหัวไหล่ให้กลม” เหมือนนักฟิตเนสมืออาชีพ
    หรืออยาก “ปรับบุคลิกให้ดูมั่นใจ” ไหล่ตั้งหลังตรง

ท่านี้คือท่าพื้นฐานที่ ต้องใส่เข้าโปรแกรมฝึกของคุณค่ะ

💡 คำแนะนำจากแชมป์:
โค้ชปุนิ่มเริ่มฝึกท่านี้ตั้งแต่ปี 2013 ตอนยังไม่ได้ประกวดเลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่ารูปร่างตอนนั้นดูไหล่ตก ทำให้เวลาเดินหรือใส่เสื้อแขนกุดดูไม่มั่นใจ พอฝึกอย่างต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน หัวไหล่เริ่มมีทรงชัด ใส่ชุดฟิตเนสดูมั่นใจขึ้นทันทีเลยค่ะ


5 วิธีการทำ Dumbbell Lateral Raise ให้ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากสนามประกวด ไม่ใช่แค่ในตำรา

ท่า Dumbbell Lateral Raise ฟังดูเหมือนง่าย แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี จะ “ไม่โดน” ไหล่กลางเลย และอาจไปลงแขนหรือคอแทน โค้ชปุนิ่มเคยเห็นหลายคนยกแล้วไหล่ไม่ขึ้นสักนิด กลับเมื่อยแขนหรือปวดหลังมากกว่า

ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอน ที่โค้ชใช้ฝึกตัวเอง ก่อนขึ้นเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศ และใช้เทรนลูกศิษย์หญิงชายมาแล้วนับร้อยคนค่ะ

✅ ขั้นตอนที่ 1: ยืนตรง กางขาเท่าหัวไหล่

ไม่ต้องเกร็งเข่าหรือเหยียดจนตึง ให้เข่างอเล็กน้อยเหมือน “เตรียมลุย”
มือถือลูกดัมเบลไว้ข้างลำตัว ปล่อยแขนแนบธรรมชาติ ไม่ต้องงอศอกมากในจุดเริ่มต้น

✅ ขั้นตอนที่ 2: กางแขนขึ้น “ในแนวระนาบ” โดยไม่ใช้แรงเหวี่ยง

  • แขนกางขึ้นข้างลำตัวประมาณ 30-45 องศา ไม่ต้องยกสูงเกินหัวไหล่
  • หัวแม่โป้ง “ชี้ลงเล็กน้อย” เหมือนเทรนด์ “เทน้ำในแก้ว” เพื่อกระตุ้น deltoid ได้ลึก
  • คุมน้ำหนักให้ขึ้นในจังหวะ 1-2 วินาที (ไม่เร็วจนแกว่ง)

💡 Insight: ผู้หญิงหลายคนจะชอบยกเร็ว ๆ เพราะกลัวเมื่อย แต่ยิ่งช้า-คุมฟอร์มดี ยิ่งได้ผล

✅ ขั้นตอนที่ 3: ค้างไว้ 1 วินาทีเพื่อเพิ่มการทำงาน

ตอนแขนขึ้นถึงระดับหัวไหล่ ให้ “หยุดค้าง” 1 วินาที โฟกัสความรู้สึกที่กล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง
ถ้าทำถูก จะรู้สึกเหมือนไหล่ “ลอย” แยกออกจากแขนเล็กน้อย

✅ ขั้นตอนที่ 4: ลดลงช้า ๆ โดยไม่ปล่อยตก

ลดแขนลงใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที คุมน้ำหนักไว้ตลอดทาง
อย่าปล่อยให้ดัมเบลหล่นลงมา เพราะนั่นคือจังหวะ “eccentric” ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงจริงจัง

✅ ขั้นตอนที่ 5: หายใจเข้า-ออกให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว

  • หายใจออกตอนยก
  • หายใจเข้าเมื่อลดแขนลง
    การหายใจอย่างเป็นจังหวะจะช่วยให้คุณควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงการเวียนหัว

ตัวอย่างการฝึกที่โค้ชใช้จริง:

เซต จำนวนครั้ง น้ำหนัก (หญิง) หมายเหตุ
1 15 reps 2.5 – 3 กก. ใช้วอร์มกล้ามเนื้อ คุมฟอร์มช้า
2 12 reps 4 กก. เริ่มเข้าจังหวะ กล้ามเนื้อเริ่มร้อน
3 10-12 reps 5 กก. เซตหลัก ย้ำไหล่ข้างให้ทำงานเต็มที่
4 15 reps 3 กก. ลดน้ำหนัก ปิดท้ายด้วยความเร็วช้า

Tips สำหรับคนฝึกที่บ้าน:

  • ถ้าไม่มีดัมเบล ใช้ขวดน้ำ 1 ลิตรแทนได้
  • ใช้กระจกช่วยดูฟอร์มเวลาเล่น
  • ถ้ารู้สึกตึงคอหรือปวดต้นแขน ให้เช็กว่าคุณยกสูงเกินหัวไหล่หรือเปล่า

2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม

สิ่งที่ใช้จริงก่อนขึ้นเวทีประกวด Mr. Thailand 2025

ตลอดการเตรียมตัวเพื่อขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศอย่าง Mr. Thailand และ Thailand Open Masters Games โค้ชปุนิ่มต้องปรับวิธีการฝึกหลายอย่างให้เหมาะกับทั้งสรีระผู้หญิง และความเข้มข้นของเวทีที่ต้องใช้ “ความเป๊ะของกล้ามเนื้อ” เป็นตัวตัดสิน

ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าที่โค้ชใช้ “ขัดทรงหัวไหล่ให้กลมชัด” และนี่คือ 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้ค่ะ

✅ เคล็ดลับที่ 1: ฝึกแบบ “Drop Set ไล่น้ำหนัก” เพื่อรีดรายละเอียดกล้ามเนื้อ

ก่อนประกวดประมาณ 4–6 สัปดาห์ โค้ชจะฝึกแบบ Drop Set โดยเริ่มจากน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ 10 ครั้ง แล้วลดน้ำหนักลง 1 ระดับ ทำต่อทันทีโดยไม่พัก

📌 เทคนิคนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อโดนซ้ำ ๆ ในหลายระดับแรงต้าน
📌 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเร่งการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
📌 เน้นไปที่ “pump และ shape” มากกว่าความแข็งแรง

ตัวอย่างที่โค้ชใช้จริง:

  • 5 กก. × 10 reps → วาง

  • 3 กก. × 12 reps → วาง

  • 2 กก. × 15 reps → ค้างท่า 5 วินาทีตอนจบท้าย

💡 จุดสังเกต: กล้ามเนื้อจะรู้สึกร้อนจี๊ด ๆ ตอนเซตสุดท้าย และถ้าฝึกบ่อย ๆ จะเริ่มเห็นหัวไหล่ “ทรงพุ่ง” ออกมาชัดมากในกระจก

✅ เคล็ดลับที่ 2: ใช้ “การเกร็งค้าง” ระหว่างการยกเพื่อฝึกการควบคุม

หลายคนเข้าใจว่า Dumbbell Lateral Raise คือท่าที่เน้น “การยก” แต่สิ่งที่โค้ชใช้จริงคือ “การค้าง” ไว้ช่วงบน (ระยะ isometric hold)

โค้ชจะค้างไว้ 2–3 วินาที ในแต่ละรอบที่ยกถึงระดับไหล่
และบีบไหล่กลางแบบเต็มแรง เพื่อฝึก mind-muscle connection

เพราะบนเวทีประกวด ไม่ใช่แค่มีไหล่กลม แต่ต้องควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีเวลาจัดท่าโพส

สรุปเคล็ดลับจากเวทีฟิตเนส:

เทคนิคที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ เหมาะกับใคร
Drop Set ไล่น้ำหนัก กล้ามเนื้อมี “ทรง” และพองตัวเร็ว ผู้ฝึกระดับกลางขึ้นไป
เกร็งค้างตอนยก คุมทรงและเสริมการจัดท่าโพส ทุกคนที่อยากฝึกควบคุมกล้ามเนื้อ