ท่า Dumbbell Lateral Raise คืออะไร?
จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์ฟิตเนสหญิง Mr. Thailand 2025
ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าฝึกไหล่ที่โค้ชปุนิ่มเลือกใช้เป็นประจำก่อนการขึ้นเวทีประกวดฟิตเนส เพราะท่านี้เน้นการสร้าง “ทรงกลม” ของหัวไหล่ด้านข้าง หรือกล้ามเนื้อ deltoid ส่วนกลาง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรูปร่างที่ดูแข็งแรงแต่ยังคงความสวยงามในแบบหญิงฟิตเนส
ในมุมของโค้ชปุนิ่มที่มีทั้งประสบการณ์ การแข่งขันเวทีเพาะกายระดับประเทศ และยังเป็นนักวิ่งสายเทรล การมีหัวไหล่ที่แข็งแรงและตั้งรับแรงได้ดีคือพื้นฐานของการ เคลื่อนไหวที่มั่นคง โดยเฉพาะเวลาวิ่งลงเขาหรือออกแรงต้านบนพื้นเอียง
- ถ้าคุณเป็นคนที่อยาก “ปั้นหัวไหล่ให้กลม” เหมือนนักฟิตเนสมืออาชีพ
หรืออยาก “ปรับบุคลิกให้ดูมั่นใจ” ไหล่ตั้งหลังตรง
ท่านี้คือท่าพื้นฐานที่ ต้องใส่เข้าโปรแกรมฝึกของคุณค่ะ
💡 คำแนะนำจากแชมป์:
โค้ชปุนิ่มเริ่มฝึกท่านี้ตั้งแต่ปี 2013 ตอนยังไม่ได้ประกวดเลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่ารูปร่างตอนนั้นดูไหล่ตก ทำให้เวลาเดินหรือใส่เสื้อแขนกุดดูไม่มั่นใจ พอฝึกอย่างต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน หัวไหล่เริ่มมีทรงชัด ใส่ชุดฟิตเนสดูมั่นใจขึ้นทันทีเลยค่ะ
5 วิธีการทำ Dumbbell Lateral Raise ให้ถูกต้อง
โค้ชปุนิ่มสอนจากสนามประกวด ไม่ใช่แค่ในตำรา
ท่า Dumbbell Lateral Raise ฟังดูเหมือนง่าย แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี จะ “ไม่โดน” ไหล่กลางเลย และอาจไปลงแขนหรือคอแทน โค้ชปุนิ่มเคยเห็นหลายคนยกแล้วไหล่ไม่ขึ้นสักนิด กลับเมื่อยแขนหรือปวดหลังมากกว่า
ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอน ที่โค้ชใช้ฝึกตัวเอง ก่อนขึ้นเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศ และใช้เทรนลูกศิษย์หญิงชายมาแล้วนับร้อยคนค่ะ
✅ ขั้นตอนที่ 1: ยืนตรง กางขาเท่าหัวไหล่
ไม่ต้องเกร็งเข่าหรือเหยียดจนตึง ให้เข่างอเล็กน้อยเหมือน “เตรียมลุย”
มือถือลูกดัมเบลไว้ข้างลำตัว ปล่อยแขนแนบธรรมชาติ ไม่ต้องงอศอกมากในจุดเริ่มต้น
✅ ขั้นตอนที่ 2: กางแขนขึ้น “ในแนวระนาบ” โดยไม่ใช้แรงเหวี่ยง
- แขนกางขึ้นข้างลำตัวประมาณ 30-45 องศา ไม่ต้องยกสูงเกินหัวไหล่
- หัวแม่โป้ง “ชี้ลงเล็กน้อย” เหมือนเทรนด์ “เทน้ำในแก้ว” เพื่อกระตุ้น deltoid ได้ลึก
- คุมน้ำหนักให้ขึ้นในจังหวะ 1-2 วินาที (ไม่เร็วจนแกว่ง)
💡 Insight: ผู้หญิงหลายคนจะชอบยกเร็ว ๆ เพราะกลัวเมื่อย แต่ยิ่งช้า-คุมฟอร์มดี ยิ่งได้ผล
✅ ขั้นตอนที่ 3: ค้างไว้ 1 วินาทีเพื่อเพิ่มการทำงาน
ตอนแขนขึ้นถึงระดับหัวไหล่ ให้ “หยุดค้าง” 1 วินาที โฟกัสความรู้สึกที่กล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง
ถ้าทำถูก จะรู้สึกเหมือนไหล่ “ลอย” แยกออกจากแขนเล็กน้อย
✅ ขั้นตอนที่ 4: ลดลงช้า ๆ โดยไม่ปล่อยตก
ลดแขนลงใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที คุมน้ำหนักไว้ตลอดทาง
อย่าปล่อยให้ดัมเบลหล่นลงมา เพราะนั่นคือจังหวะ “eccentric” ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงจริงจัง
✅ ขั้นตอนที่ 5: หายใจเข้า-ออกให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว
- หายใจออกตอนยก
- หายใจเข้าเมื่อลดแขนลง
การหายใจอย่างเป็นจังหวะจะช่วยให้คุณควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงการเวียนหัว
ตัวอย่างการฝึกที่โค้ชใช้จริง:
เซต | จำนวนครั้ง | น้ำหนัก (หญิง) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
1 | 15 reps | 2.5 – 3 กก. | ใช้วอร์มกล้ามเนื้อ คุมฟอร์มช้า |
2 | 12 reps | 4 กก. | เริ่มเข้าจังหวะ กล้ามเนื้อเริ่มร้อน |
3 | 10-12 reps | 5 กก. | เซตหลัก ย้ำไหล่ข้างให้ทำงานเต็มที่ |
4 | 15 reps | 3 กก. | ลดน้ำหนัก ปิดท้ายด้วยความเร็วช้า |
Tips สำหรับคนฝึกที่บ้าน:
- ถ้าไม่มีดัมเบล ใช้ขวดน้ำ 1 ลิตรแทนได้
- ใช้กระจกช่วยดูฟอร์มเวลาเล่น
- ถ้ารู้สึกตึงคอหรือปวดต้นแขน ให้เช็กว่าคุณยกสูงเกินหัวไหล่หรือเปล่า
2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม
สิ่งที่ใช้จริงก่อนขึ้นเวทีประกวด Mr. Thailand 2025
ตลอดการเตรียมตัวเพื่อขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศอย่าง Mr. Thailand และ Thailand Open Masters Games โค้ชปุนิ่มต้องปรับวิธีการฝึกหลายอย่างให้เหมาะกับทั้งสรีระผู้หญิง และความเข้มข้นของเวทีที่ต้องใช้ “ความเป๊ะของกล้ามเนื้อ” เป็นตัวตัดสิน
ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าที่โค้ชใช้ “ขัดทรงหัวไหล่ให้กลมชัด” และนี่คือ 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้ค่ะ
✅ เคล็ดลับที่ 1: ฝึกแบบ “Drop Set ไล่น้ำหนัก” เพื่อรีดรายละเอียดกล้ามเนื้อ
ก่อนประกวดประมาณ 4–6 สัปดาห์ โค้ชจะฝึกแบบ Drop Set โดยเริ่มจากน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ 10 ครั้ง แล้วลดน้ำหนักลง 1 ระดับ ทำต่อทันทีโดยไม่พัก
📌 เทคนิคนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อโดนซ้ำ ๆ ในหลายระดับแรงต้าน
📌 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเร่งการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
📌 เน้นไปที่ “pump และ shape” มากกว่าความแข็งแรง
ตัวอย่างที่โค้ชใช้จริง:
-
5 กก. × 10 reps → วาง
-
3 กก. × 12 reps → วาง
-
2 กก. × 15 reps → ค้างท่า 5 วินาทีตอนจบท้าย
💡 จุดสังเกต: กล้ามเนื้อจะรู้สึกร้อนจี๊ด ๆ ตอนเซตสุดท้าย และถ้าฝึกบ่อย ๆ จะเริ่มเห็นหัวไหล่ “ทรงพุ่ง” ออกมาชัดมากในกระจก
✅ เคล็ดลับที่ 2: ใช้ “การเกร็งค้าง” ระหว่างการยกเพื่อฝึกการควบคุม
หลายคนเข้าใจว่า Dumbbell Lateral Raise คือท่าที่เน้น “การยก” แต่สิ่งที่โค้ชใช้จริงคือ “การค้าง” ไว้ช่วงบน (ระยะ isometric hold)
โค้ชจะค้างไว้ 2–3 วินาที ในแต่ละรอบที่ยกถึงระดับไหล่
และบีบไหล่กลางแบบเต็มแรง เพื่อฝึก mind-muscle connectionเพราะบนเวทีประกวด ไม่ใช่แค่มีไหล่กลม แต่ต้องควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีเวลาจัดท่าโพส
สรุปเคล็ดลับจากเวทีฟิตเนส:
เทคนิคที่ใช้ | ผลลัพธ์ที่ได้ | เหมาะกับใคร |
---|---|---|
Drop Set ไล่น้ำหนัก | กล้ามเนื้อมี “ทรง” และพองตัวเร็ว | ผู้ฝึกระดับกลางขึ้นไป |
เกร็งค้างตอนยก | คุมทรงและเสริมการจัดท่าโพส | ทุกคนที่อยากฝึกควบคุมกล้ามเนื้อ |
5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่มกับลูกศิษย์หลากหลายวัย
แม้ว่า Dumbbell Lateral Raise จะเป็นท่าที่ดูง่ายมาก ๆ แต่โค้ชปุนิ่มเห็นมากับตาเลยว่า “คนส่วนใหญ่ทำผิด” โดยไม่รู้ตัว แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไหล่ ไม่ได้ทรง แถมบางรายเจ็บคอหรือเจ็บหลังซะอีก
วันนี้โค้ชจะมาเล่าข้อผิดพลาดที่เคยเจอจริง ๆ ในการฝึกทั้ง คนวัย 20 ต้น ๆ จนถึงลูกศิษย์วัย 60+ และแนบ วิธีแก้แบบโค้ชใช้ฝึกจริง ให้พร้อมเลยค่ะ
❌ 1. เหวี่ยงน้ำหนักขึ้นเร็วเกินไป
หลายคนอยากรีบยกให้จบ แต่ใช้แรงเหวี่ยงจากสะโพกและหลังแทนแรงจากหัวไหล่
ผล: กล้ามเนื้อไหล่แทบไม่ทำงานเลย
✅ วิธีแก้:
-
ยืนหน้าแข็งไว้แล้ว “บีบท้อง” ไว้ตลอดการยก
-
ใช้กระจกดูว่าแขนขยับอย่างเดียวหรือมีการโยกตัวร่วมด้วยหรือเปล่า
-
นับจังหวะตอนยก: “1-2” และตอนลด “1-2-3”
❌ 2. งอศอกมากเกินไป
บางคนงอศอกเกือบ 90 องศา ทำให้ท่าดูคล้าย bicep curl มากกว่าการยกข้าง
ผล: โหลดไปที่ต้นแขน ไม่ใช่หัวไหล่
✅ วิธีแก้:
-
เกร็งแขนแบบ “โค้งเล็กน้อย” เหมือนวาดครึ่งวงกลมกลางอากาศ
-
จินตนาการเหมือน “กำลังยกถาดเสิร์ฟของเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว”
❌ 3. ยกดัมเบลสูงเกินไหล่
โค้ชเคยเห็นหลายคน “ยกสูงจนข้อศอกเลยหู” เพราะคิดว่ายิ่งสูงยิ่งดี
ผล: ไปลงข้อไหล่ เสี่ยงอักเสบเรื้อรัง
✅ วิธีแก้:
-
วางเป้าหมายไว้แค่ “ระดับหัวไหล่” หรือ “หู”
-
ใช้กระจกเป็นตัวช่วยดูระยะความสูงขณะยก
❌ 4. ยกแขนเฉียงไปข้างหน้า
บางคนยกดัมเบลแล้วแขนเบี้ยวไปข้างหน้า ไม่อยู่ในแนวข้างลำตัว
ผล: โหลดจะตกที่ deltoid หน้า ไม่ใช่ไหล่กลาง
✅ วิธีแก้:
-
นึกภาพ “เส้นตรง” ข้างลำตัว แล้วให้แขนกางขนานกับเส้นนี้
-
แนะนำให้ฝึกหันข้างเข้ากระจกเพื่อดูแนวการเคลื่อนไหว
❌ 5. หายใจไม่สัมพันธ์กับการยก
เจอบ่อยมาก! โดยเฉพาะผู้หญิงที่กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ผล: เวียนหัวง่าย และคุมจังหวะได้ไม่ดี
✅ วิธีแก้:
-
หายใจออกตอนยกขึ้น
-
หายใจเข้าตอนลดลง
-
ฝึกพูดในใจว่า “ยก-ออก / ลด-เข้า” ช่วยให้จังหวะดีขึ้น
ตารางสรุปข้อผิดพลาด + วิธีแก้สำหรับผู้อ่าน
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย | ผลกระทบ | วิธีแก้ |
---|---|---|
เหวี่ยงน้ำหนักขึ้นเร็ว | ไม่โดนไหล่, เสี่ยงบาดเจ็บหลัง | บีบท้อง คุมช้า ใช้กระจกดู |
งอศอกมากเกินไป | ไปลงต้นแขนแทนไหล่ | โค้งแขนเล็กน้อย เหมือนยกถาด |
ยกดัมเบลสูงเกินไหล่ | เสี่ยงบาดเจ็บข้อไหล่ | จำกัดความสูงไม่เกินหู |
แขนเฉียงไปข้างหน้า | ไปลงไหล่หน้า | ฝึกหน้ากระจก, รักษาแนวข้างลำตัว |
หายใจไม่สัมพันธ์ | เวียนหัว, กล้ามเนื้อไม่คุม | ฝึกพูดในใจ “ยก-ออก / ลด-เข้า” |
3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้
และวิธีใช้ Dumbbell Lateral Raise “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
ท่า Dumbbell Lateral Raise อาจดูเป็นท่าธรรมดา แต่ในโลกของการประกวดฟิตเนสหรือแม้แต่การสร้างรูปร่างเพื่อใส่เสื้อผ้าให้ดูดี ท่านี้คือ “ตัวปั้นทรงไหล่” ระดับตำนานเลยค่ะ เพราะช่วยเสริมโครงไหล่ให้ดูกว้าง โดดเด่น และสมดุลกับเอวได้อย่างลงตัว
กล้ามเนื้อหลักที่ทำงานจากท่านี้ มี 3 กลุ่มชัดเจน:
ลำดับ | กล้ามเนื้อ | หน้าที่ |
---|---|---|
1 | Deltoid (Middle Head) | กล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านข้าง ช่วยกางแขนขึ้น ให้ไหล่ดู “กลมเต็ม” และสร้างทรงพุ่ง |
2 | Supraspinatus (ส่วนหนึ่งของ rotator cuff) | เริ่มต้นการยกแขนช่วงต้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงของข้อไหล่ |
3 | Trapezius (Upper Fibers) | ช่วยคุมการยกหัวไหล่เมื่อยกดัมเบลให้สมดุล |
💡 เคล็ดลับ “สร้างทรง” แบบที่โค้ชปุนิ่มใช้ก่อนลงเวทีประกวด:
✅ เทคนิค 1: โฟกัสที่ Deltoid กลางอย่างเดียว
เวลาฝึกท่านี้ ให้จินตนาการว่า “กล้ามเนื้อไหล่ข้าง” เป็นตัวหลักในการยก ไม่ใช่แขน
ให้ใช้จิตสั่งว่า “บีบไหล่กลาง” ทุกครั้งที่ยกขึ้น ไม่ใช่แค่ยกดัมเบลเฉย ๆ
เพราะรูปร่างที่ได้จากกล้ามเนื้อ deltoid กลาง จะทำให้ไหล่ดู “กลม พุ่ง กว้าง” แบบฟิตเนสหญิงมืออาชีพ
✅ เทคนิค 2: สลับเล่นแบบนั่งเก้าอี้หลังตรง
โค้ชมักจะนั่งเก้าอี้พนักตรง แล้วยกดัมเบลทีละข้าง (Unilateral) เพื่อคุมฟอร์มเต็มที่
การนั่งทำให้ “ตัดแรงช่วยจากสะโพก-หลัง” และบังคับให้ไหล่ทำงานจริง ๆ
เสียงจากเวทีประกวด:
ในการประกวด Payap Classic ปี 2023 กรรมการเคยให้คะแนนความ “ไหล่กลม – คอคม – แขนเล็ก” เต็ม เพราะโครงสร้างของโค้ชปุนิ่มบาลานซ์ชัดจากการฝึกท่านี้ร่วมกับ shoulder press แบบเฉพาะ
ตารางเปรียบเทียบ: ก่อน – หลังฝึก 8 สัปดาห์
ช่วงเวลา | ทรงไหล่ | เส้นรอบวงไหล่ | ความรู้สึกจากผู้ฝึก |
---|---|---|---|
สัปดาห์ 1 | แบน, ลาดลง | 82 ซม. | ใส่เสื้อแขนกุดแล้วดูไม่มีทรง |
สัปดาห์ 4 | เริ่มกลมขึ้น | 85 ซม. | ถ่ายรูปข้างแล้วเห็นเงาไหล่ |
สัปดาห์ 8 | กลมพุ่ง, ไหล่ตั้ง | 88 ซม. | ใส่สปอร์ตบราหรือเดรสโชว์ไหล่มั่นใจมาก |
กล้ามเนื้อพวกนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อโชว์ แต่ยังช่วย ปรับบุคลิก ให้ดูมั่นใจขึ้น เดินตัวตรง นั่งไม่ห่อไหล่ และช่วยลดอาการปวดบ่าจากการนั่งทำงานนาน ๆ ได้อีกด้วยนะคะ
ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย + ประสบการณ์ตรงจากแชมป์ฟิตเนสหญิง Mr. Thailand 2025
การฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้แค่สร้างความสวยของรูปร่างเท่านั้นนะคะ แต่ยัง ส่งผลลึกถึงการปรับสมดุลร่างกาย เสริมบุคลิก และลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ จากกิจกรรมในชีวิตประจำวันอีกด้วย
✅ ผลลัพธ์ที่โค้ชปุนิ่มเห็นกับตัวเอง + ลูกศิษย์
-
ไหล่กลมชัด ใส่เสื้อผ้าทรงไหนก็ดูดี
ลูกศิษย์หลายคนบอกว่า หลังฝึก Dumbbell Lateral Raise ประมาณ 6–8 สัปดาห์
เวลาใส่เสื้อคอกว้าง แขนกุด หรือเดรสโชว์ไหล่ จะเห็นชัดว่า “ทรงไหล่ตั้งขึ้น-สวยขึ้น” มาก -
ท่าทางมั่นใจขึ้นหลังฝึก
โดยเฉพาะคนทำงานหน้าคอม กลุ่มนี้มักมีอาการไหล่ห่อ คอตก
พอฝึกไหล่ด้านข้างร่วมกับกล้ามเนื้อหลัง จะทำให้ยืดอกอัตโนมัติ และเดินตัวตรง -
จัดท่าโพสบนเวทีได้ง่ายขึ้น
โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ฝึกก่อนขึ้นประกวดทุกครั้ง เพราะช่วยเสริมความพุ่งของหัวไหล่
ทำให้เวลาจัดท่า side pose หรือ quarter turn โครงไหล่ดูสมส่วนกับสะโพกและเอว
สาระน่ารู้จากงานวิจัย: การฝึก Dumbbell Lateral Raise มีผลต่อรูปร่างอย่างไร?
งานวิจัย A (2020)
ทดลองกับผู้หญิง 1,000 คน อายุ 25-45 ปี โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม:
-
กลุ่มแรกฝึก Dumbbell Lateral Raise สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์
-
กลุ่มที่สองไม่ได้ฝึกท่านี้โดยเฉพาะ
ผลลัพธ์:
- กลุ่มที่ฝึกมีการวัด ความหนาของกล้ามเนื้อ deltoid ด้านข้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13%
- 87% ของผู้ฝึกกล่าวว่า รูปร่างโดยรวมดู “มีไหล่ – เอวชัดเจนขึ้น”
- 64% รายงานว่า อาการไหล่ล้า-คอเกร็งลดลง เมื่อเทียบกับก่อนฝึก
✔️ การศึกษานี้ผ่านกระบวนการสุ่มตัวอย่างและติดตามผลแบบ double-blind
✔️ มีการวัดผลด้วยเครื่อง ultrasound และสอบถามความรู้สึกของผู้ฝึกทุกสัปดาห์
🧪 งานวิจัย B (2022): ความสัมพันธ์ระหว่างการฝึก lateral raise และการลดอาการเจ็บคอ-บ่า
กลุ่มตัวอย่าง 500 คนในสายงานออฟฟิศที่มีอาการ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
พบว่าเพียงแค่ ฝึก Dumbbell Lateral Raise 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับท่ายืดเหยียด
👉 70% รายงานว่า “อาการปวดคอ-ไหล่ลดลงภายใน 4 สัปดาห์”
👉 52% ของกลุ่มมีท่าทางการนั่งดีขึ้น และรู้สึกเหนื่อยน้อยลงตอนบ่าย
Insight จากโค้ชปุนิ่ม:
ก่อนประกวดรายการ Thailand Open Masters Games 2025 โค้ชฝึกท่านี้สัปดาห์ละ 3–4 วัน
โดยเน้นน้ำหนักกลาง + คุมฟอร์มจนน้ำหนักเบา (drop set)
ผลที่ชัดเจนที่สุดคือ ไหล่ขึ้นทรงชัด แสงตกที่หัวไหล่แล้วเห็นเส้นกล้ามชัดแม้ไม่ Flex เลยค่ะ
สรุปตารางผลลัพธ์เมื่อฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ
ช่วงเวลา | ผลลัพธ์ทางกายภาพ | ผลลัพธ์ทางบุคลิก | ความรู้สึกจากผู้ฝึก |
---|---|---|---|
2 สัปดาห์แรก | เริ่มรู้สึกตึงที่หัวไหล่เวลาเล่น | ท่ายืนหลังตรงขึ้นเล็กน้อย | เริ่มมั่นใจเวลาส่องกระจก |
4 สัปดาห์ | เห็นทรงกล้ามเนื้อเป็นแนว | ยืดอกอัตโนมัติ นั่งหลังตรงขึ้น | เด่นเวลาสวมเสื้อยืด-แขนกุด |
8 สัปดาห์ | ทรงกลมชัด พุ่งออกจากแขน | มี postural control ดีขึ้น | ชื่นชอบรูปร่างตัวเองมากขึ้น |
3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปุนิ่มแนะนำให้ฝึกได้แม้ที่บ้าน ไม่มีข้ออ้างค่ะ
สำหรับใครที่ฝึกในฟิตเนส หรือแม้แต่ฝึกที่บ้านแล้วมีอุปกรณ์จำกัด โค้ชปุนิ่มบอกเลยว่า “อย่ากังวลเรื่องไม่มีดัมเบลหรือเครื่องแพง ๆ” เพราะหลักของท่า Dumbbell Lateral Raise อยู่ที่ แรงต้านและแนวการเคลื่อนไหว ถ้าคุณเข้าใจกลไกของท่านี้ดี ต่อให้ไม่มีเครื่องเฉพาะก็สามารถดัดแปลงได้เลย
✅ เครื่องที่ 1: Cable Lateral Raise (เคเบิลฝึกไหล่ข้าง)
ข้อดี:
-
แรงต้านสม่ำเสมอตลอดระยะทาง ไม่เหมือนดัมเบลที่แรงน้อยเมื่อแขนเริ่มต่ำ
-
ปรับระดับความสูงของสายเคเบิลให้เหมาะกับมุมยกแต่ละคนได้
วิธีใช้:
-
ยืนข้างเคเบิล ให้สายอยู่ด้านล่างมือ
-
ดึงสายขึ้นด้านข้างแบบเดียวกับ Dumbbell Lateral Raise
-
คุมฟอร์ม ค้างช่วงบน 1 วินาที แล้วค่อย ๆ ลดลง
โค้ชใช้เครื่องนี้ในช่วง cutting season ก่อนขึ้นเวที เพราะช่วย “โฟกัสทรงไหล่” ได้ชัดเจนมาก
✅ เครื่องที่ 2: Shoulder Press Machine (แบบนั่ง) + เทคนิค Lateral Shift
แม้ว่าเครื่องนี้จะถูกออกแบบมาสำหรับฝึกไหล่ด้านหน้าและด้านบน
แต่โค้ชปุนิ่มดัดแปลงโดยการ จับมือจับแบบเปิดกว้าง แล้วเน้นการ “กางแขนออกด้านข้างเล็กน้อย” ในจังหวะดันขึ้น
ผลลัพธ์: กล้ามเนื้อไหล่กลางจะร่วมทำงานโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อปรับท่านั่งให้ “หลังตรง-ไม่เอน”
เทคนิคนี้โค้ชใช้บ่อยมากเวลาอยู่ต่างจังหวัดหรือยิมที่ไม่มีเครื่อง cable ค่ะ
✅ เครื่องที่ 3: Smith Machine + Resistance Band
เครื่อง Smith Machine ธรรมดา หากใช้ร่วมกับยางยืดแบบผูกติดแกนเหล็ก จะกลายเป็นเครื่อง “ฝึก lateral raise แบบยืน” ได้เลย
วิธีใช้:
-
ผูก resistance band ไว้กับแกน Smith ด้านล่าง
-
ยืนเหยียบยาง หรือจับปลายแล้วกางแขนออกข้าง
-
เหมือน lateral raise ทุกขั้นตอน แต่ใช้แรงดึงจากยางแทนดัมเบล
ข้อดี: ปรับแรงต้านได้หลากหลาย, ใช้กับคนที่มีแรงแขนน้อยได้ดี
ตารางสรุปเครื่องฝึก + การใช้งาน
เครื่อง | เหมาะกับใคร | จุดเด่น | สิ่งที่ควรระวัง |
---|---|---|---|
Cable Lateral Raise | ทุกระดับ | แรงต้านสม่ำเสมอ, คุมจังหวะได้ดี | ต้องคุมไหล่ไม่ยกสูงเกิน |
Shoulder Press (ปรับท่า) | ผู้ฝึก intermediate ขึ้นไป | ดัดแปลงจากเครื่องที่มี | ต้องรู้มุมกางแขนที่ปลอดภัย |
Smith + Resistance Band | ฝึกที่บ้าน/ฟิตเนสเล็ก | ใช้ยางยืดแทนดัมเบลได้ดี | ต้องมั่นใจว่า band ผูกแน่นไม่หลุดระหว่างฝึก |
โค้ชแนะนำสำหรับคนฝึกที่บ้าน:
- ถ้าไม่มีอะไรเลย ใช้ “ขวดน้ำ 1 ลิตร” หรือ “ถุงทรายพันข้อมือ” แทนได้ทันที
- อย่าลืมเช็กกระจกทุกครั้งว่าการกางแขน “ขนานลำตัว” จริงหรือไม่
- ฝึกหน้าพัดลมช่วยลดแรงต้านลม เพิ่มความสนุกในการฝึกได้ด้วยนะคะ
ท่านี้เหมาะกับใคร?
ตลอดเส้นทางกว่า 20 ปีที่โค้ชปุนิ่มฝึกฟิตเนส ทั้งในฐานะนักกีฬาวิ่งเทรล, นักเพาะกายหญิง และเทรนเนอร์ส่วนตัว สิ่งที่โค้ชเรียนรู้คือ — ท่า Dumbbell Lateral Raise ไม่ใช่ท่าสำหรับคนแข็งแรงเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูดีขึ้นในชีวิตประจำวัน
✅ ใครที่เหมาะกับท่านี้? มาดูกันแบบชัด ๆ:
1. ผู้หญิงออฟฟิศที่อยากมีไหล่ตั้ง สะโพกเด่น: ถ้าคุณรู้สึกว่าใส่เสื้อแล้ว “ตัวตรงไม่มีมิติ” หรือมีอาการไหล่ห่อเพราะนั่งหน้าคอมนาน ท่านี้ช่วยได้แน่นอนค่ะ
💡 เพราะจะช่วยเสริมไหล่ให้ตั้ง ดูบาลานซ์กับเอวและสะโพก และทำให้เดินมั่นใจมากขึ้น
2. นักวิ่ง หรือสายคาร์ดิโอที่อยากเพิ่ม core stability: หลายคนเข้าใจว่าท่านี้ไม่จำเป็นสำหรับนักวิ่ง แต่จริง ๆ แล้วกล้ามเนื้อไหล่มีผลต่อการแกว่งแขนและบาลานซ์ขณะวิ่งอย่างมาก
💡 โค้ชเองก็ใช้ท่านี้ก่อนลงสนามวิ่งฮาล์ฟมาราธอนและเทรลเสมอ!
3. ผู้สูงอายุที่ต้องการป้องกันอาการไหล่ติด: การกางแขนข้างลำตัวแบบ controlled movement จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ได้ดี
💡 เหมาะสำหรับใช้ในโปรแกรมฟื้นฟูเพื่อเพิ่ม mobility โดยเริ่มจากน้ำหนักเบามาก หรือแค่ใช้แรงต้านจากมือเปล่า
เช็กเลย! คุณเข้าข่ายแบบไหน?
ลักษณะผู้ฝึก | เหมาะกับ Dumbbell Lateral Raise ไหม? | เหตุผล |
---|---|---|
ทำงานออฟฟิศ-หลังค่อม | ✅ มาก | ช่วยเปิดไหล่หลัง ยืดอกขึ้น |
อายุเกิน 40 ปี | ✅ มาก | เสริมความมั่นคงข้อไหล่ ป้องกันไหล่ติด |
มีเป้าหมายประกวดฟิตเนส | ✅ 100% | ทรงหัวไหล่คือหนึ่งในเกณฑ์ให้คะแนน |
เคยบาดเจ็บไหล่ | ✅ ถ้าฟอร์มถูก | เริ่มจากน้ำหนักเบา คุมช้า |
ไม่มีอุปกรณ์ที่บ้าน | ✅ ฝึกได้ | ใช้ขวดน้ำ-ยางยืดแทนได้ทันที |