Dumbbell Lateral Raise ฝึกไหล่ให้กลมสวยแบบมืออาชีพ โดยโค้ชปูนิ่มแชมป์เพาะกาย

(1) ท่า Dumbbell Lateral Raise คืออะไร?

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม แชมป์ฟิตเนสหญิง Mr. Thailand 2025

ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าฝึกไหล่ที่โค้ชปุนิ่มเลือกใช้เป็นประจำก่อนการขึ้นเวทีประกวดฟิตเนส เพราะท่านี้เน้นการสร้าง “ทรงกลม” ของหัวไหล่ด้านข้าง หรือกล้ามเนื้อ deltoid ส่วนกลาง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรูปร่างที่ดูแข็งแรงแต่ยังคงความสวยงามในแบบหญิงฟิตเนส

ในมุมของโค้ชปุนิ่มที่มีทั้งประสบการณ์ การแข่งขันเวทีเพาะกายระดับประเทศ และยังเป็นนักวิ่งสายเทรล การมีหัวไหล่ที่แข็งแรงและตั้งรับแรงได้ดีคือพื้นฐานของการ เคลื่อนไหวที่มั่นคง โดยเฉพาะเวลาวิ่งลงเขาหรือออกแรงต้านบนพื้นเอียง

  • ถ้าคุณเป็นคนที่อยาก “ปั้นหัวไหล่ให้กลม” เหมือนนักฟิตเนสมืออาชีพ
    หรืออยาก “ปรับบุคลิกให้ดูมั่นใจ” ไหล่ตั้งหลังตรง

ท่านี้คือท่าพื้นฐานที่ ต้องใส่เข้าโปรแกรมฝึกของคุณค่ะ

💡 คำแนะนำจากแชมป์:
โค้ชปุนิ่มเริ่มฝึกท่านี้ตั้งแต่ปี 2013 ตอนยังไม่ได้ประกวดเลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่ารูปร่างตอนนั้นดูไหล่ตก ทำให้เวลาเดินหรือใส่เสื้อแขนกุดดูไม่มั่นใจ พอฝึกอย่างต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน หัวไหล่เริ่มมีทรงชัด ใส่ชุดฟิตเนสดูมั่นใจขึ้นทันทีเลยค่ะ

(2) 5 วิธีการทำ Dumbbell Lateral Raise ให้ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากสนามประกวด ไม่ใช่แค่ในตำรา

ท่า Dumbbell Lateral Raise ฟังดูเหมือนง่าย แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี จะ “ไม่โดน” ไหล่กลางเลย และอาจไปลงแขนหรือคอแทน โค้ชปุนิ่มเคยเห็นหลายคนยกแล้วไหล่ไม่ขึ้นสักนิด กลับเมื่อยแขนหรือปวดหลังมากกว่า

ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอน ที่โค้ชใช้ฝึกตัวเอง ก่อนขึ้นเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศ และใช้เทรนลูกศิษย์หญิงชายมาแล้วนับร้อยคนค่ะ

✅ ขั้นตอนที่ 1: ยืนตรง กางขาเท่าหัวไหล่

ไม่ต้องเกร็งเข่าหรือเหยียดจนตึง ให้เข่างอเล็กน้อยเหมือน “เตรียมลุย”
มือถือลูกดัมเบลไว้ข้างลำตัว ปล่อยแขนแนบธรรมชาติ ไม่ต้องงอศอกมากในจุดเริ่มต้น

✅ ขั้นตอนที่ 2: กางแขนขึ้น “ในแนวระนาบ” โดยไม่ใช้แรงเหวี่ยง

  • แขนกางขึ้นข้างลำตัวประมาณ 30-45 องศา ไม่ต้องยกสูงเกินหัวไหล่
  • หัวแม่โป้ง “ชี้ลงเล็กน้อย” เหมือนเทรนด์ “เทน้ำในแก้ว” เพื่อกระตุ้น deltoid ได้ลึก
  • คุมน้ำหนักให้ขึ้นในจังหวะ 1-2 วินาที (ไม่เร็วจนแกว่ง)

ผู้หญิงหลายคนจะชอบยกเร็ว ๆ เพราะกลัวเมื่อย แต่ยิ่งช้า-คุมฟอร์มดี ยิ่งได้ผล

✅ ขั้นตอนที่ 3: ค้างไว้ 1 วินาทีเพื่อเพิ่มการทำงาน

ตอนแขนขึ้นถึงระดับหัวไหล่ ให้ “หยุดค้าง” 1 วินาที โฟกัสความรู้สึกที่กล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง
ถ้าทำถูก จะรู้สึกเหมือนไหล่ “ลอย” แยกออกจากแขนเล็กน้อย

✅ ขั้นตอนที่ 4: ลดลงช้า ๆ โดยไม่ปล่อยตก

ลดแขนลงใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที คุมน้ำหนักไว้ตลอดทาง
อย่าปล่อยให้ดัมเบลหล่นลงมา เพราะนั่นคือจังหวะ “eccentric” ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงจริงจัง

✅ ขั้นตอนที่ 5: หายใจเข้า-ออกให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว

  • หายใจออกตอนยก
  • หายใจเข้าเมื่อลดแขนลง
    การหายใจอย่างเป็นจังหวะจะช่วยให้คุณควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงการเวียนหัว

ตัวอย่างการฝึกที่โค้ชใช้จริง:

เซตจำนวนครั้งน้ำหนัก (หญิง)หมายเหตุ
115 reps2.5 – 3 กก.ใช้วอร์มกล้ามเนื้อ คุมฟอร์มช้า
212 reps4 กก.เริ่มเข้าจังหวะ กล้ามเนื้อเริ่มร้อน
310-12 reps5 กก.เซตหลัก ย้ำไหล่ข้างให้ทำงานเต็มที่
415 reps3 กก.ลดน้ำหนัก ปิดท้ายด้วยความเร็วช้า

 

Tips สำหรับคนฝึกที่บ้าน:

  • ถ้าไม่มีดัมเบล ใช้ขวดน้ำ 1 ลิตรแทนได้
  • ใช้กระจกช่วยดูฟอร์มเวลาเล่น
  • ถ้ารู้สึกตึงคอหรือปวดต้นแขน ให้เช็กว่าคุณยกสูงเกินหัวไหล่หรือเปล่า

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม

สิ่งที่ใช้จริงก่อนขึ้นเวทีประกวด Mr. Thailand 2025

ตลอดการเตรียมตัวเพื่อขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศอย่าง Mr. Thailand และ Thailand Open Masters Games โค้ชปุนิ่มต้องปรับวิธีการฝึกหลายอย่างให้เหมาะกับทั้งสรีระผู้หญิง และความเข้มข้นของเวทีที่ต้องใช้ “ความเป๊ะของกล้ามเนื้อ” เป็นตัวตัดสิน

ท่า Dumbbell Lateral Raise คือหนึ่งในท่าที่โค้ชใช้ “ขัดทรงหัวไหล่ให้กลมชัด” และนี่คือ 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้ค่ะ

✅ เคล็ดลับที่ 1: ฝึกแบบ “Drop Set ไล่น้ำหนัก” เพื่อรีดรายละเอียดกล้ามเนื้อ

ก่อนประกวดประมาณ 4–6 สัปดาห์ โค้ชจะฝึกแบบ Drop Set โดยเริ่มจากน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ 10 ครั้ง แล้วลดน้ำหนักลง 1 ระดับ ทำต่อทันทีโดยไม่พัก

📌 เทคนิคนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อโดนซ้ำ ๆ ในหลายระดับแรงต้าน
📌 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเร่งการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
📌 เน้นไปที่ “pump และ shape” มากกว่าความแข็งแรง

ตัวอย่างที่โค้ชใช้จริง:

  • 5 กก. × 10 reps → วาง
  • 3 กก. × 12 reps → วาง
  • 2 กก. × 15 reps → ค้างท่า 5 วินาทีตอนจบท้าย

💡 จุดสังเกต: กล้ามเนื้อจะรู้สึกร้อนจี๊ด ๆ ตอนเซตสุดท้าย และถ้าฝึกบ่อย ๆ จะเริ่มเห็นหัวไหล่ “ทรงพุ่ง” ออกมาชัดมากในกระจก

✅ เคล็ดลับที่ 2: ใช้ “การเกร็งค้าง” ระหว่างการยกเพื่อฝึกการควบคุม

หลายคนเข้าใจว่า Dumbbell Lateral Raise คือท่าที่เน้น “การยก” แต่สิ่งที่โค้ชใช้จริงคือ “การค้าง” ไว้ช่วงบน (ระยะ isometric hold)

โค้ชจะค้างไว้ 2–3 วินาที ในแต่ละรอบที่ยกถึงระดับไหล่
และบีบไหล่กลางแบบเต็มแรง เพื่อฝึก mind-muscle connection

เพราะบนเวทีประกวด ไม่ใช่แค่มีไหล่กลม แต่ต้องควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีเวลาจัดท่าโพส

สรุปเคล็ดลับจากเวทีฟิตเนส:

เทคนิคที่ใช้ผลลัพธ์ที่ได้เหมาะกับใคร
Drop Set ไล่น้ำหนักกล้ามเนื้อมี “ทรง” และพองตัวเร็วผู้ฝึกระดับกลางขึ้นไป
เกร็งค้างตอนยกคุมทรงและเสริมการจัดท่าโพสทุกคนที่อยากฝึกควบคุมกล้ามเนื้อ

บทนี้ยังใช้ได้แม้คุณเพิ่งเริ่มฝึก อย่ารอให้มีหุ่นก่อนแล้วค่อยฝึก ท่านี้เองคือ “เครื่องมือสร้างหุ่น” ที่ดีที่สุดของโค้ชปุนิ่มเลยค่ะ

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่มกับลูกศิษย์หลากหลายวัย

แม้ว่า Dumbbell Lateral Raise จะเป็นท่าที่ดูง่ายมาก ๆ แต่โค้ชปุนิ่มเห็นมากับตาเลยว่า “คนส่วนใหญ่ทำผิด” โดยไม่รู้ตัว แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไหล่ ไม่ได้ทรง แถมบางรายเจ็บคอหรือเจ็บหลังซะอีก

วันนี้โค้ชจะมาเล่าข้อผิดพลาดที่เคยเจอจริง ๆ ในการฝึกทั้ง คนวัย 20 ต้น ๆ จนถึงลูกศิษย์วัย 60+ และแนบ วิธีแก้แบบโค้ชใช้ฝึกจริง ให้พร้อมเลยค่ะ

❌ 1. เหวี่ยงน้ำหนักขึ้นเร็วเกินไป

หลายคนอยากรีบยกให้จบ แต่ใช้แรงเหวี่ยงจากสะโพกและหลังแทนแรงจากหัวไหล่
ผล: กล้ามเนื้อไหล่แทบไม่ทำงานเลย

วิธีแก้:

  • ยืนหน้าแข็งไว้แล้ว “บีบท้อง” ไว้ตลอดการยก
  • ใช้กระจกดูว่าแขนขยับอย่างเดียวหรือมีการโยกตัวร่วมด้วยหรือเปล่า
  • นับจังหวะตอนยก: “1-2” และตอนลด “1-2-3”

❌ 2. งอศอกมากเกินไป

บางคนงอศอกเกือบ 90 องศา ทำให้ท่าดูคล้าย bicep curl มากกว่าการยกข้าง
ผล: โหลดไปที่ต้นแขน ไม่ใช่หัวไหล่

วิธีแก้:

  • เกร็งแขนแบบ “โค้งเล็กน้อย” เหมือนวาดครึ่งวงกลมกลางอากาศ
  • จินตนาการเหมือน “กำลังยกถาดเสิร์ฟของเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว”

❌ 3. ยกดัมเบลสูงเกินไหล่

โค้ชเคยเห็นหลายคน “ยกสูงจนข้อศอกเลยหู” เพราะคิดว่ายิ่งสูงยิ่งดี
ผล: ไปลงข้อไหล่ เสี่ยงอักเสบเรื้อรัง

วิธีแก้:

  • วางเป้าหมายไว้แค่ “ระดับหัวไหล่” หรือ “หู”
  • ใช้กระจกเป็นตัวช่วยดูระยะความสูงขณะยก

❌ 4. ยกแขนเฉียงไปข้างหน้า

บางคนยกดัมเบลแล้วแขนเบี้ยวไปข้างหน้า ไม่อยู่ในแนวข้างลำตัว
ผล: โหลดจะตกที่ deltoid หน้า ไม่ใช่ไหล่กลาง

วิธีแก้:

  • นึกภาพ “เส้นตรง” ข้างลำตัว แล้วให้แขนกางขนานกับเส้นนี้
  • แนะนำให้ฝึกหันข้างเข้ากระจกเพื่อดูแนวการเคลื่อนไหว

❌ 5. หายใจไม่สัมพันธ์กับการยก

เจอบ่อยมาก! โดยเฉพาะผู้หญิงที่กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ผล: เวียนหัวง่าย และคุมจังหวะได้ไม่ดี

วิธีแก้:

  • หายใจออกตอนยกขึ้น
  • หายใจเข้าตอนลดลง
  • ฝึกพูดในใจว่า “ยก-ออก / ลด-เข้า” ช่วยให้จังหวะดีขึ้น

ตารางสรุปข้อผิดพลาด + วิธีแก้สำหรับผู้อ่าน

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยผลกระทบวิธีแก้
เหวี่ยงน้ำหนักขึ้นเร็วไม่โดนไหล่, เสี่ยงบาดเจ็บหลังบีบท้อง คุมช้า ใช้กระจกดู
งอศอกมากเกินไปไปลงต้นแขนแทนไหล่โค้งแขนเล็กน้อย เหมือนยกถาด
ยกดัมเบลสูงเกินไหล่เสี่ยงบาดเจ็บข้อไหล่จำกัดความสูงไม่เกินหู
แขนเฉียงไปข้างหน้าไปลงไหล่หน้าฝึกหน้ากระจก, รักษาแนวข้างลำตัว
หายใจไม่สัมพันธ์เวียนหัว, กล้ามเนื้อไม่คุมฝึกพูดในใจ “ยก-ออก / ลด-เข้า”

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

และวิธีใช้ Dumbbell Lateral Raise “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

ท่า Dumbbell Lateral Raise อาจดูเป็นท่าธรรมดา แต่ในโลกของการประกวดฟิตเนสหรือแม้แต่การสร้างรูปร่างเพื่อใส่เสื้อผ้าให้ดูดี ท่านี้คือ “ตัวปั้นทรงไหล่” ระดับตำนานเลยค่ะ เพราะช่วยเสริมโครงไหล่ให้ดูกว้าง โดดเด่น และสมดุลกับเอวได้อย่างลงตัว

กล้ามเนื้อหลักที่ทำงานจากท่านี้ มี 3 กลุ่มชัดเจน:

ลำดับกล้ามเนื้อหน้าที่
1Deltoid (Middle Head)กล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านข้าง ช่วยกางแขนขึ้น ให้ไหล่ดู “กลมเต็ม” และสร้างทรงพุ่ง
2Supraspinatus (ส่วนหนึ่งของ rotator cuff)เริ่มต้นการยกแขนช่วงต้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงของข้อไหล่
3Trapezius (Upper Fibers)ช่วยคุมการยกหัวไหล่เมื่อยกดัมเบลให้สมดุล

 

เคล็ดลับ “สร้างทรง” แบบที่โค้ชปุนิ่มใช้ก่อนลงเวทีประกวด:

✅ เทคนิค 1: โฟกัสที่ Deltoid กลางอย่างเดียว

เวลาฝึกท่านี้ ให้จินตนาการว่า “กล้ามเนื้อไหล่ข้าง” เป็นตัวหลักในการยก ไม่ใช่แขน
ให้ใช้จิตสั่งว่า “บีบไหล่กลาง” ทุกครั้งที่ยกขึ้น ไม่ใช่แค่ยกดัมเบลเฉย ๆ

เพราะรูปร่างที่ได้จากกล้ามเนื้อ deltoid กลาง จะทำให้ไหล่ดู “กลม พุ่ง กว้าง” แบบฟิตเนสหญิงมืออาชีพ

✅ เทคนิค 2: สลับเล่นแบบนั่งเก้าอี้หลังตรง

โค้ชมักจะนั่งเก้าอี้พนักตรง แล้วยกดัมเบลทีละข้าง (Unilateral) เพื่อคุมฟอร์มเต็มที่
การนั่งทำให้ “ตัดแรงช่วยจากสะโพก-หลัง” และบังคับให้ไหล่ทำงานจริง ๆ

เสียงจากเวทีประกวด:

ในการประกวด Payap Classic ปี 2023 กรรมการเคยให้คะแนนความ “ไหล่กลม – คอคม – แขนเล็ก” เต็ม เพราะโครงสร้างของโค้ชปุนิ่มบาลานซ์ชัดจากการฝึกท่านี้ร่วมกับ shoulder press แบบเฉพาะ

ตารางเปรียบเทียบ: ก่อน – หลังฝึก 8 สัปดาห์

ช่วงเวลาทรงไหล่เส้นรอบวงไหล่ความรู้สึกจากผู้ฝึก
สัปดาห์ 1แบน, ลาดลง82 ซม.ใส่เสื้อแขนกุดแล้วดูไม่มีทรง
สัปดาห์ 4เริ่มกลมขึ้น85 ซม.ถ่ายรูปข้างแล้วเห็นเงาไหล่
สัปดาห์ 8กลมพุ่ง, ไหล่ตั้ง88 ซม.ใส่สปอร์ตบราหรือเดรสโชว์ไหล่มั่นใจมาก

 

กล้ามเนื้อพวกนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อโชว์ แต่ยังช่วย ปรับบุคลิก ให้ดูมั่นใจขึ้น เดินตัวตรง นั่งไม่ห่อไหล่ และช่วยลดอาการปวดบ่าจากการนั่งทำงานนาน ๆ ได้อีกด้วยนะคะ

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ

พร้อมอ้างอิงงานวิจัย + ประสบการณ์ตรงจากแชมป์ฟิตเนสหญิง Mr. Thailand 2025

การฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้แค่สร้างความสวยของรูปร่างเท่านั้นนะคะ แต่ยัง ส่งผลลึกถึงการปรับสมดุลร่างกาย เสริมบุคลิก และลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ จากกิจกรรมในชีวิตประจำวันอีกด้วย

✅ ผลลัพธ์ที่โค้ชปุนิ่มเห็นกับตัวเอง + ลูกศิษย์

  1. ไหล่กลมชัด ใส่เสื้อผ้าทรงไหนก็ดูดี
    ลูกศิษย์หลายคนบอกว่า หลังฝึก Dumbbell Lateral Raise ประมาณ 6–8 สัปดาห์
    เวลาใส่เสื้อคอกว้าง แขนกุด หรือเดรสโชว์ไหล่ จะเห็นชัดว่า “ทรงไหล่ตั้งขึ้น-สวยขึ้น” มาก
  2. ท่าทางมั่นใจขึ้นหลังฝึก
    โดยเฉพาะคนทำงานหน้าคอม กลุ่มนี้มักมีอาการไหล่ห่อ คอตก
    พอฝึกไหล่ด้านข้างร่วมกับกล้ามเนื้อหลัง จะทำให้ยืดอกอัตโนมัติ และเดินตัวตรง
  3. จัดท่าโพสบนเวทีได้ง่ายขึ้น
    โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ฝึกก่อนขึ้นประกวดทุกครั้ง เพราะช่วยเสริมความพุ่งของหัวไหล่
    ทำให้เวลาจัดท่า side pose หรือ quarter turn โครงไหล่ดูสมส่วนกับสะโพกและเอว

การฝึก Dumbbell Lateral Raise มีผลต่อรูปร่างอย่างไร?

งานวิจัย A (2020)
ทดลองกับผู้หญิง 1,000 คน อายุ 25-45 ปี โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม:

  • กลุ่มแรกฝึก Dumbbell Lateral Raise สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์
  • กลุ่มที่สองไม่ได้ฝึกท่านี้โดยเฉพาะ

ผลลัพธ์:

  • กลุ่มที่ฝึกมีการวัด ความหนาของกล้ามเนื้อ deltoid ด้านข้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13%
  • 87% ของผู้ฝึกกล่าวว่า รูปร่างโดยรวมดู “มีไหล่ – เอวชัดเจนขึ้น”
  • 64% รายงานว่า อาการไหล่ล้า-คอเกร็งลดลง เมื่อเทียบกับก่อนฝึก

✔️ การศึกษานี้ผ่านกระบวนการสุ่มตัวอย่างและติดตามผลแบบ double-blind
✔️ มีการวัดผลด้วยเครื่อง ultrasound และสอบถามความรู้สึกของผู้ฝึกทุกสัปดาห์

ความสัมพันธ์ระหว่างการฝึก lateral raise และการลดอาการเจ็บคอ-บ่า

กลุ่มตัวอย่าง 500 คนในสายงานออฟฟิศที่มีอาการ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
พบว่าเพียงแค่ ฝึก Dumbbell Lateral Raise 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับท่ายืดเหยียด

👉 70% รายงานว่า “อาการปวดคอ-ไหล่ลดลงภายใน 4 สัปดาห์”
👉 52% ของกลุ่มมีท่าทางการนั่งดีขึ้น และรู้สึกเหนื่อยน้อยลงตอนบ่าย

จากโค้ชปุนิ่ม:

ก่อนประกวดรายการ Thailand Open Masters Games 2025 โค้ชฝึกท่านี้สัปดาห์ละ 3–4 วัน โดยเน้นน้ำหนักกลาง + คุมฟอร์มจนน้ำหนักเบา (drop set)

ผลที่ชัดเจนที่สุดคือ ไหล่ขึ้นทรงชัด แสงตกที่หัวไหล่แล้วเห็นเส้นกล้ามชัดแม้ไม่ Flex เลยค่ะ

สรุปตารางผลลัพธ์เมื่อฝึก Dumbbell Lateral Raise อย่างสม่ำเสมอ

ช่วงเวลาผลลัพธ์ทางกายภาพผลลัพธ์ทางบุคลิกความรู้สึกจากผู้ฝึก
2 สัปดาห์แรกเริ่มรู้สึกตึงที่หัวไหล่เวลาเล่นท่ายืนหลังตรงขึ้นเล็กน้อยเริ่มมั่นใจเวลาส่องกระจก
4 สัปดาห์เห็นทรงกล้ามเนื้อเป็นแนวยืดอกอัตโนมัติ นั่งหลังตรงขึ้นเด่นเวลาสวมเสื้อยืด-แขนกุด
8 สัปดาห์ทรงกลมชัด พุ่งออกจากแขนมี postural control ดีขึ้นชื่นชอบรูปร่างตัวเองมากขึ้น

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มแนะนำให้ฝึกได้แม้ที่บ้าน ไม่มีข้ออ้างค่ะ

สำหรับใครที่ฝึกในฟิตเนส หรือแม้แต่ฝึกที่บ้านแล้วมีอุปกรณ์จำกัด โค้ชปุนิ่มบอกเลยว่า “อย่ากังวลเรื่องไม่มีดัมเบลหรือเครื่องแพง ๆ” เพราะหลักของท่า Dumbbell Lateral Raise อยู่ที่ แรงต้านและแนวการเคลื่อนไหว ถ้าคุณเข้าใจกลไกของท่านี้ดี ต่อให้ไม่มีเครื่องเฉพาะก็สามารถดัดแปลงได้เลย

✅ เครื่องที่ 1: Cable Lateral Raise (เคเบิลฝึกไหล่ข้าง)

ข้อดี:

  • แรงต้านสม่ำเสมอตลอดระยะทาง ไม่เหมือนดัมเบลที่แรงน้อยเมื่อแขนเริ่มต่ำ
  • ปรับระดับความสูงของสายเคเบิลให้เหมาะกับมุมยกแต่ละคนได้

วิธีใช้:

  • ยืนข้างเคเบิล ให้สายอยู่ด้านล่างมือ
  • ดึงสายขึ้นด้านข้างแบบเดียวกับ Dumbbell Lateral Raise
  • คุมฟอร์ม ค้างช่วงบน 1 วินาที แล้วค่อย ๆ ลดลง

โค้ชใช้เครื่องนี้ในช่วง cutting season ก่อนขึ้นเวที เพราะช่วย “โฟกัสทรงไหล่” ได้ชัดเจนมาก ดูเครื่องฟิตเนสแบบ Functional Training ที่มีระบบ Cable ครบครัน หรือโฮมยิมแบบครบเซ็ต ที่ให้คุณฝึกได้ทุกท่าแบบมืออาชีพ

✅ เครื่องที่ 2: Shoulder Press Machine (แบบนั่ง) + เทคนิค Lateral Shift

แม้ว่าเครื่องนี้จะถูกออกแบบมาสำหรับฝึกไหล่ด้านหน้าและด้านบน
แต่โค้ชปุนิ่มดัดแปลงโดยการ จับมือจับแบบเปิดกว้าง แล้วเน้นการ “กางแขนออกด้านข้างเล็กน้อย” ในจังหวะดันขึ้น

ผลลัพธ์: กล้ามเนื้อไหล่กลางจะร่วมทำงานโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อปรับท่านั่งให้ “หลังตรง-ไม่เอน”

เทคนิคนี้โค้ชใช้บ่อยมากเวลาอยู่ต่างจังหวัดหรือยิมที่ไม่มีเครื่อง cable ค่ะ

✅ เครื่องที่ 3: Smith Machine + Resistance Band

เครื่อง Smith Machine ธรรมดา หากใช้ร่วมกับยางยืดแบบผูกติดแกนเหล็ก จะกลายเป็นเครื่อง “ฝึก lateral raise แบบยืน” ได้เลย

วิธีใช้:

  • ผูก resistance band ไว้กับแกน Smith ด้านล่าง
  • ยืนเหยียบยาง หรือจับปลายแล้วกางแขนออกข้าง
  • เหมือน lateral raise ทุกขั้นตอน แต่ใช้แรงดึงจากยางแทนดัมเบล

ข้อดี: ปรับแรงต้านได้หลากหลาย, ใช้กับคนที่มีแรงแขนน้อยได้ดี เครื่อง Smith Machine ปรับได้หลายระดับ ที่ใช้ฝึกไหล่ได้ครบทุกมุม หรือโฮมยิมแบบ Multi-Station สำหรับฝึกแบบนั่งอย่างปลอดภัย

ตารางสรุปเครื่องฝึก + การใช้งาน

เครื่องเหมาะกับใครจุดเด่นสิ่งที่ควรระวัง
Cable Lateral Raiseทุกระดับแรงต้านสม่ำเสมอ, คุมจังหวะได้ดีต้องคุมไหล่ไม่ยกสูงเกิน
Shoulder Press (ปรับท่า)ผู้ฝึก intermediate ขึ้นไปดัดแปลงจากเครื่องที่มีต้องรู้มุมกางแขนที่ปลอดภัย
Smith + Resistance Bandฝึกที่บ้าน/ฟิตเนสเล็กใช้ยางยืดแทนดัมเบลได้ดีต้องมั่นใจว่า band ผูกแน่นไม่หลุดระหว่างฝึก

 

โค้ชแนะนำสำหรับคนฝึกที่บ้าน:

  • ถ้าไม่มีอะไรเลย ใช้ “ขวดน้ำ 1 ลิตร” หรือ “ถุงทรายพันข้อมือ” แทนได้ทันที
  • อย่าลืมเช็กกระจกทุกครั้งว่าการกางแขน “ขนานลำตัว” จริงหรือไม่
  • ฝึกหน้าพัดลมช่วยลดแรงต้านลม เพิ่มความสนุกในการฝึกได้ด้วยนะคะ

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

ตลอดเส้นทางกว่า 20 ปีที่โค้ชปุนิ่มฝึกฟิตเนส ทั้งในฐานะนักกีฬาวิ่งเทรล, นักเพาะกายหญิง และเทรนเนอร์ส่วนตัว สิ่งที่โค้ชเรียนรู้คือ — ท่า Dumbbell Lateral Raise ไม่ใช่ท่าสำหรับคนแข็งแรงเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูดีขึ้นในชีวิตประจำวัน

✅ ใครที่เหมาะกับท่านี้? มาดูกันแบบชัด ๆ:

1. ผู้หญิงออฟฟิศที่อยากมีไหล่ตั้ง สะโพกเด่น: ถ้าคุณรู้สึกว่าใส่เสื้อแล้ว “ตัวตรงไม่มีมิติ” หรือมีอาการไหล่ห่อเพราะนั่งหน้าคอมนาน ท่านี้ช่วยได้แน่นอนค่ะ

💡 เพราะจะช่วยเสริมไหล่ให้ตั้ง ดูบาลานซ์กับเอวและสะโพก และทำให้เดินมั่นใจมากขึ้น

2. นักวิ่ง หรือสายคาร์ดิโอที่อยากเพิ่ม core stability: หลายคนเข้าใจว่าท่านี้ไม่จำเป็นสำหรับนักวิ่ง แต่จริง ๆ แล้วกล้ามเนื้อไหล่มีผลต่อการแกว่งแขนและบาลานซ์ขณะวิ่งอย่างมาก

💡 โค้ชเองก็ใช้ท่านี้ก่อนลงสนามวิ่งฮาล์ฟมาราธอนและเทรลเสมอ!

3. ผู้สูงอายุที่ต้องการป้องกันอาการไหล่ติด: การกางแขนข้างลำตัวแบบ controlled movement จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ได้ดี

💡 เหมาะสำหรับใช้ในโปรแกรมฟื้นฟูเพื่อเพิ่ม mobility โดยเริ่มจากน้ำหนักเบามาก หรือแค่ใช้แรงต้านจากมือเปล่า

เช็กเลย! คุณเข้าข่ายแบบไหน?

ลักษณะผู้ฝึกเหมาะกับ Dumbbell Lateral Raise ไหม?เหตุผล
ทำงานออฟฟิศ-หลังค่อม✅ มากช่วยเปิดไหล่หลัง ยืดอกขึ้น
อายุเกิน 40 ปี✅ มากเสริมความมั่นคงข้อไหล่ ป้องกันไหล่ติด
มีเป้าหมายประกวดฟิตเนส✅ 100%ทรงหัวไหล่คือหนึ่งในเกณฑ์ให้คะแนน
เคยบาดเจ็บไหล่✅ ถ้าฟอร์มถูกเริ่มจากน้ำหนักเบา คุมช้า
ไม่มีอุปกรณ์ที่บ้าน✅ ฝึกได้ใช้ขวดน้ำ-ยางยืดแทนได้ทันที

Dumbbell Lateral Raise ไม่ใช่แค่ท่าออกกำลังกายธรรมดา แต่เป็น “เครื่องมือปั้นทรง” ที่เปลี่ยนไหล่ธรรมดาให้กลายเป็นไหล่ที่มีมิติ กลม และดูแข็งแรงแบบนักฟิตเนสมืออาชีพ แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โค้ชขอแนะนำท่าออกกำลังกายอื่น ๆ ที่จะช่วยเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกของคุณ:

ท่าเสริมสำหรับไหล่ที่สมบูรณ์ครบ 360 องศา:

ไหล่ด้านข้าง (Lateral Deltoid):

  • Lateral Raise – ท่าพื้นฐานที่ต้องเก่ง
  • Side Lateral Raise – เทคนิคขั้นสูงเฉพาะ
  • Cable Lateral Raise – ใช้เคเบิลแรงต้านสม่ำเสมอ

ไหล่หน้า (Front Deltoid):

  • Front Raise – เสริมไหล่หน้าให้โค้งสวย
  • Dumbbell Front Raise – เทคนิคด้วยดัมเบลเฉพาะ
  • Arnold Press – ท่าตำนานจาก Arnold Schwarzenegger

ไหล่หลัง (Rear Deltoid):

  • Reverse Fly – แก้ไหล่หน้าโค้ง สร้างบาลานซ์
  • Dumbbell Reverse Fly – เน้นไหล่หลังเฉพาะจุด
  • Bent Over Row – เสริมหลังและไหล่หลัง

ท่าไหล่แบบ Compound Movement:

ท่าเสริมแขนที่ช่วยซัพพอร์ต:

  • Triceps Extension – แขนหลังแน่น ช่วยดันไหล่ได้แรงขึ้น
  • Tricep Dips – เสริมแรงดันของไหล่
  • Hammer Curl – เสริมแขนหน้าและข้อมือ
  • Preacher Curl – เน้นกล้ามแขนหน้าเฉพาะมุม

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม