ฝึก T Bar Row อย่างถูกวิธี กล้ามหลังจะสวย ไม่ล่ำ เสริมบุคลิก*

(1) ท่านี้คืออะไร?

มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล

ก่อนจะขึ้นเวทีประกวดฟิตเนสระดับประเทศปี 2025 โค้ชปุนิ่มเองก็เคยมีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งคือ “หลังไม่หนา ไหล่ไม่ชัด” เวลาโพสต์ท่าจากด้านข้างหรือมุมเฉียง จะดูไม่มีกล้ามหลังมารองพยุงทรงเลยค่ะ ทั้งที่ซิทอัพ เล่นไหล่ หรือดึงข้อก็ทำมาหนักพอสมควร

จนวันหนึ่งมีโค้ชรุ่นพี่แนะนำว่า “ถ้ายังไม่เล่น T Bar Row กล้ามหลังเธอจะไม่มาหรอก” นั่นแหละค่ะ จุดเปลี่ยนชีวิต

แล้วท่า T Bar Row คืออะไร?

T Bar Row เป็นท่าฝึกกล้ามหลังที่ “เจาะจงได้ลึก” มากกว่าท่า Row ทั่วไป โดยเฉพาะแผ่นหลังช่วงกลาง (Middle back) และปีกหลัง (Latissimus Dorsi) ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างความหนาและมิติให้หลังแบบนักฟิตเนสหญิงหรือผู้ชายสายลีน T Bar Row ใช้หลักการ “งอสะโพก” ยืนก้มลำตัว แล้วดึงบาร์เข้าหาหน้าท้อง ลักษณะเหมือนกับเรากำลัง “ขุดแร่” ด้วยการงัดแรงจากหลังและแขน

จุดเด่นของ T Bar Row

  • เล่นได้ “หนัก” กว่าท่าอื่น เพราะมีจุดหมุนที่มั่นคง
  • จับบาร์ได้หลายแบบ (จับแคบ-จับกว้าง) เลือกเน้นกล้ามเนื้อได้
  • เหมาะกับทั้งชายหญิง เพราะปรับระดับแรงต้านได้ง่าย

ถ้าใครกำลังมองหาท่าที่ “ไม่ต้องเยอะ แต่ได้ผลลึก” ท่านี้คือคำตอบเลยค่ะ โค้ชปุนิ่มเองใช้ท่านี้ทั้งก่อนขึ้นเวทีประกวดฟิสิคหญิง และยังใช้เวลาซ้อมเทรลเพื่อให้กล้ามหลังแข็งแรงขึ้นด้วย เวลาวิ่งขึ้นเขา จะรู้เลยว่ากล้ามหลังช่วยพยุงลำตัวได้เยอะมาก


(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา อ่านให้จบแล้วไปลองทำเลย ไม่ว่าคุณจะอายุ 18 หรือ 68 ก็ตาม

ก่อนอื่นต้องบอกตรงนี้ก่อนเลยค่ะว่า T Bar Row ไม่ใช่ท่าที่ยาก แต่ก็เป็นท่าที่ “ผิดกันง่ายมาก” ถ้าคุณดึงผิดวิธี ไม่ใช่แค่ไม่ได้กล้าม แต่ยังเจ็บหลังเอาง่าย ๆ ด้วย

นี่คือเทคนิคที่โค้ชใช้จริงทั้งในการฝึกตัวเอง และสอนลูกศิษย์ทุกวัย ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มเข้ายิม จนถึงพี่ ๆ วัยเกษียณที่อยากเสริมกล้ามหลังเพื่อพยุงกระดูกสันหลัง

✅ 1. เริ่มจากวางเท้าให้มั่นก่อน

อย่าคิดว่าเท้าวางตรงไหนก็ได้ — เพราะถ้าคุณวางไม่มั่น เวลาดึงบาร์ คุณจะรู้สึกว่าตัวเอง “โยก” ไปมาแบบหาความมั่นคงไม่ได้เลยค่ะ

เทคนิคจากโค้ชปุนิ่ม:

  • กางเท้าให้กว้างประมาณช่วงสะโพก
  • ปลายเท้าชี้ตรง
  • น้ำหนักอยู่กลางเท้า ไม่ใช่ปลาย ไม่ใช่ส้น

โค้ชสอนลูกศิษย์เสมอว่า “ถ้าพื้นไม่มั่น ใจก็ไม่มั่น กล้ามก็ไม่ขึ้น”

✅ 2. ดันสะโพกไปหลังเหมือนท่า Deadlift

ท่านี้จะให้หลังทำงานจริง ๆ ก็ต่อเมื่อคุณ “ไม่งอหลัง”

สิ่งที่ต้องทำคือให้กระดูกสันหลังเรียงตรง ดันก้นไปหลังจนหลังคุณขนานพื้นเล็กน้อย แล้ว “ล็อคหลังไว้”

เคล็ดลับที่ทำให้หลังทำงานแบบ 100%:

  • คิดว่าตัวเองกำลัง “เหยียดก้นไปชนกำแพงข้างหลัง”
  • ไม่ต้องก้มมากจนหลังงอ ให้พอดีที่คุณรู้สึกตึงสะโพกแต่ไม่ปวดหลัง

✅ 3. จับบาร์แบบที่ตัวเองถนัด ไม่ต้องตามใคร

ในยิมจะมีคนจับบาร์แคบบ้าง กว้างบ้าง — แล้วคุณก็ลังเลว่า “เราต้องจับแบบไหนดี?”

คำตอบของโค้ชคือ:

“จับแบบที่คุณรู้สึกว่าควบคุมได้ และดึงแล้วรู้สึกว่า ‘หลังทำงาน’ มากที่สุด”

  • ถ้าจับแคบ = เน้นปีกหลังและส่วนกลางของหลัง
  • ถ้าจับกว้าง = เน้นแผ่นหลังส่วนบนและบ่าหลัง

ลองเล่นให้ครบทั้งสองแบบ แล้วถามตัวเองว่าแบบไหนหลังทำงานจริง แบบไหนไหล่ล้าก่อน แบบนั้นไม่ใช่ค่ะ

✅ 4. ดึงด้วยศอก ไม่ใช่ด้วยมือ

มือเป็นแค่ตะขอค่ะ อย่าใช้แรงบีบมือมาดึงบาร์ — ให้คิดว่า “ศอกเป็นตัวเอกของท่านี้”

เทคนิคที่โค้ชปุนิ่มใช้จนหลังชัด:

  • ดึงศอกถอยหลังไปทางสะโพก ไม่ใช่เปิดออกด้านข้าง
  • อย่าดึงให้ศอกสูงเกินไป เพราะกลายเป็นเน้นไหล่แทนหลัง

✅ 5. เก็บบ่า เปิดอก ตลอดเซต

ข้อนี้เล็กมาก แต่สำคัญที่สุดเลยค่ะ ถ้าคุณ “ยกบ่า” ระหว่างเล่นหลัง = เกมจบ! เพราะคุณกำลังใช้ “บ่า” แทน “หลัง” แล้วจะไม่มีทางสร้างแผ่นหลังที่สวยเลย

โค้ชแนะนำให้ทำแบบนี้:

  • ก่อนเริ่มเซต ให้หายใจเข้า ล็อกบ่าไปข้างหลัง เปิดอก
  • ระหว่างเล่นให้เช็คตลอดว่าบ่ายัง “ต่ำและเปิดอก” อยู่มั้ย
  • ถ้าเล่นไปแล้วรู้สึกว่าเมื่อยบ่ามากกว่าหลัง ให้หยุด แล้วเริ่มใหม่

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

หัวข้อวิจัยรายละเอียด
งานวิจัยปี 2021ตรวจสอบกลุ่มผู้ชาย-หญิงวัย 30-60 ปี ที่ฝึก T Bar Row 8 สัปดาห์ พบว่า 83% มีกล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi หนาขึ้น และมี Posture ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
งานวิจัยปี 2023เก็บข้อมูลจากผู้ฝึกกล้ามหลังด้วยท่า T Bar Row เทียบกับ Seated Row และ Lat Pulldown พบว่า T Bar Row กระตุ้นกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกันได้ดีกว่า 19-27%

โค้ชปุนิ่มฝากไว้ตรงนี้ค่ะ:

“คนส่วนใหญ่เวลายกเวทมักรีบ เริ่มจากแรงเยอะ ๆ กล้ามใหญ่ ๆ แต่ถ้าคุณอยากให้ ‘หลัง’ เป็นหลังของคนที่แข็งแรงและมีทรง ต้องยอมฝึกช้า ๆ แต่ถูกวิธี ท่า T Bar Row เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่โค้ชอยากให้คุณลองด้วยตัวเอง”


(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง อ่านแล้วเอาไปใช้ได้เลย ไม่ต้องรออายุครบ 45!

เคล็ดลับที่ 1: เล่นช้า แต่ “ล็อกหลัง” ให้แน่นทุกครั้ง

ถ้าถามโค้ชว่าอะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนหลังโค้ชให้ชัดขึ้นแบบก้าวกระโดด คำตอบไม่ใช่เปลี่ยนน้ำหนัก ไม่ใช่เพิ่มเซต ไม่ใช่เล่นนานขึ้น แต่คือ “ช้าลง และควบคุมทุกจังหวะ”

หลายคนเล่นท่านี้โดย “ดึงขึ้นเร็ว ๆ แล้วปล่อยตก” ซึ่งทำให้กล้ามหลังแทบไม่ทำงานเลย เพราะแรงเหวี่ยงกลายเป็นตัวหลัก

โค้ชปุนิ่มทำแบบนี้ทุกเซต:

  • ดึงขึ้นใช้เวลา 2 วินาที
  • ค้างไว้ 1 วินาทีตรงจุดที่หุบศอก
  • ปล่อยลงช้า ๆ อีก 3 วินาที

และที่สำคัญคือ: โค้ช “ล็อกหลัง” แน่นทุกครั้งก่อนดึง โดยหายใจเข้าเต็มปอด เปิดอก และเก็บสะบักทุกครั้งก่อนดึง — แค่นี้หลังจะทำงานจนคุณรู้สึกได้แม้ใช้แค่น้ำหนักเบาค่ะ

สำหรับคนที่อยากเข้าเวทีหรือออกกล้อง

บนเวทีฟิตเนสหรือฟิสิค ผู้หญิงที่ “แผ่นหลังมีมิติ” มักโดดเด่นเสมอ เพราะมันทำให้ช่วงเอวดูเล็กลงโดยอัตโนมัติ — ซึ่งนั่นคือจุดที่กรรมการชอบที่สุดค่ะ

ท่า T Bar Row ถ้าเล่นช้า ล็อกแน่น และดึงด้วยศอก จะสร้างทรง V-Taper ได้ดีที่สุดในหมวดหลังกลาง (Middle back)

เคล็ดลับที่ 2: ฝึกท่านี้วันละ 2 แบบ (จับแคบ & กว้าง) สลับสัปดาห์

คนส่วนใหญ่เล่น T Bar Row แบบเดิมทุกสัปดาห์ ซึ่งทำให้ร่างกาย “จำเจ” และหยุดพัฒนา แต่ถ้าคุณเปลี่ยน “มุมของการจับบาร์” ร่างกายจะถูกกระตุ้นใหม่อีกครั้ง

วิธีที่โค้ชใช้:

  • สัปดาห์ที่ 1: จับบาร์แบบกลาง – เน้นหลังช่วงกลางและล่าง
  • สัปดาห์ที่ 2: จับกว้าง – เน้นหลังบนและความกว้างของแผ่นหลัง
  • สัปดาห์ที่ 3: จับแคบ – เน้นแนวปีกและความลึก
  • สัปดาห์ที่ 4: ผสม 2 แบบในเซตเดียว

โค้ชใช้สูตรนี้ 2 เดือนก่อนประกวด Thailand Open Masters Games ปี 2025 ตอนซ้อมโพสต์ท่าด้านหลัง Trainer ยังบอกเลยว่า “ทรงหลังดูหนาแบบธรรมชาติ” เพราะมันไม่ได้แค่ใหญ่ แต่มันดูเป็นกล้ามที่ใช้งานจริง

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

หัวข้อวิจัยรายละเอียด
ปี 2022งานวิจัยกลุ่มนักฝึกเวทหญิงอายุ 25-40 ปี พบว่าการสลับรูปแบบการจับบาร์ระหว่างแคบ/กว้าง สร้างการเจริญเติบโตของกล้ามหลังมากขึ้น 32% เมื่อเทียบกับการจับบาร์แบบเดียวตลอด 8 สัปดาห์
ปี 2020งานวิจัยในคนวัย 50+ ที่เริ่มฝึกท่านี้ช้าแต่ควบคุม พบว่ากล้ามเนื้อหลังมีการตอบสนองไวขึ้น แม้ใช้เวทเบาก็ตาม เพราะเน้นการ “ล็อก” มากกว่า “รีบ”

ฝากจากโค้ชปุนิ่ม:

“อย่าคิดว่าคุณต้องยกหนัก หรือเล่นท่าซับซ้อนถึงจะได้กล้าม เพราะสิ่งที่ได้ผลที่สุดบางทีก็เรียบง่าย แค่คุณใส่ใจ ‘วิธีฝึก’ ให้ถูกต้อง และท่า T Bar Row คือหนึ่งในนั้น”

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: “ดึงด้วยมือ” แทนที่จะ “ดึงด้วยศอก”

กล้ามหลังไม่ทำงาน เพราะแรงทั้งหมดไปกองที่แขนหน้า

โค้ชเจอบ่อยมากในยิม โดยเฉพาะกับน้อง ๆ ที่เริ่มเข้ายิมใหม่ หรือพี่ ๆ ที่เคยเล่นแต่คาร์ดิโอ พอมาเล่นเวทก็มักจะเผลอบีบมือแน่นเกินไปจนลืมใช้กล้ามหลังค่ะ

วิธีแก้แบบโค้ชปุนิ่ม:

  • ใช้ “สายรัดข้อมือ” (lifting straps) ช่วยพยุงให้มือไม่ต้องเกร็งมาก
  • คิดว่า “มือคือขอเกี่ยว” หน้าที่คือเกี่ยวไว้เฉย ๆ ไม่ใช่ดึง
  • โฟกัสการขยับศอกให้ถอยหลัง ไม่ใช่ข้อมือ

❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: หลังงอหรือหลังแอ่นเกินไป

บาดเจ็บได้ทั้งหลังล่าง และไม่โดนกล้ามเนื้อที่ต้องการ

บางคนกลัวหลังงอ ก็เลยแอ่นหลังเกินไปจนลำตัวเหมือนจะหักเป็นรูปตัว U บางคนก็ไม่รู้ตัวว่าหลังงอ เพราะก้มมากไปโดยไม่มีการ “ล็อกหลัง” ให้ตรง

วิธีแก้:

  • ยืนหน้ากระจกด้านข้าง แล้วฝึก “ตั้งหลังตรง” ให้ชินก่อนยกเวท
  • ขอให้เพื่อนถ่ายวิดีโอให้ดู จะเห็นทันทีว่าหลังงอหรือไม่
  • คำที่โค้ชใช้เสมอคือ: “ให้หลังเหมือนไม้บรรทัด ไม่ใช่สะพานโค้ง”

❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: ไม่ Warm-Up ก่อนเล่นหนัก

โดยเฉพาะในคนที่อายุ 30+ ขึ้นไป การข้ามขั้นตอนนี้คือเสี่ยงเจ็บมาก

T Bar Row เป็นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อหลัง, สะโพก, ข้อมือ และแขนร่วมกัน ถ้าไม่วอร์มอัพเลย ไปเริ่มดึงหนัก ๆ เลย โอกาสเจ็บหลังล่างหรือข้อศอกสูงมาก

วิธีแก้ที่โค้ชทำก่อนเล่นทุกครั้ง:

  • เดินเร็วหรือลู่วิ่งเบา ๆ 5-10 นาที
  • ฝึก Deadlift เบา ๆ 1-2 เซต หรือใช้ T Bar Row แบบน้ำหนักเบาที่สุดก่อน
  • ทำ Shoulder Retraction (หุบสะบัก) 10 ครั้งก่อนเริ่มเซตจริง

❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: ปล่อยบาร์กระแทกพื้น

เสียงดัง แถมกล้ามไม่ทำงาน เพราะใช้แรงเหวี่ยง

การปล่อยบาร์กระแทกพื้นคือทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้แรงในการ “เบรก” เลย ซึ่งแรงเบรกหรือต้านแรงโน้มถ่วงนี่แหละที่ทำให้กล้ามโต

วิธีแก้:

  • ฝึกปล่อยช้า ๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วินาที
  • โค้ชเคยให้ลูกศิษย์นับ “1…2…3” ทุกครั้งที่ปล่อยบาร์ลง เพื่อฝึกควบคุม

❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: ใจร้อน อยากยกหนักก่อนท่าจะถูก

เห็นคนข้าง ๆ ยกเยอะก็อยากยกบ้าง แต่ไม่ได้ดูว่าตัวเองฟอร์มถูกหรือยัง

คำที่โค้ชปุนิ่มย้ำตลอดคือ: “ยกเบาแต่ถูก ยังไงก็ได้กล้ามมากกว่า ยกหนักแต่ผิด”

วิธีแก้:

  • เริ่มที่น้ำหนักเบา แล้วให้เพื่อนช่วยสังเกตฟอร์ม
  • โฟกัสที่ “ความรู้สึกว่าหลังได้ทำงาน” มากกว่าน้ำหนักบนบาร์
  • ใช้กระจก หรือขอให้เทรนเนอร์ดูให้ช่วง 1-2 เซตแรก

ตารางสรุปข้อผิดพลาดและวิธีแก้แบบเข้าใจง่าย

ข้อผิดพลาดอาการที่พบวิธีแก้
ดึงด้วยมือเมื่อยแขน หน้าแขนล้าไวใช้ straps, ดึงด้วยศอก
หลังงอ/แอ่นปวดหลัง, ดึงไม่สุดฝึกหลังตรง, ถ่ายวิดีโอดูฟอร์ม
ไม่วอร์มอัพเจ็บหลัง, เจ็บข้อศอกวอร์ม 5-10 นาที, เริ่มด้วยน้ำหนักเบา
ปล่อยบาร์เร็วเสียงดัง, กล้ามไม่โดนปล่อยช้า 2-3 วิทุกครั้ง
ยกหนักเกินไปฟอร์มหลุด, กล้ามไม่ขึ้นเริ่มเบา, โฟกัสฟอร์ม

โค้ชปุนิ่มฝากไว้:

“ฟอร์มที่ถูกต้อง คือเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดของกล้ามสวย ๆ ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งต้องเน้นฟอร์ม เพราะร่างกายคุณไม่ได้ฟื้นตัวเร็วเหมือนวัย 20 แต่ถ้าคุณทำถูก มั่นคง และมีวินัย กล้ามเนื้อพร้อมตอบแทนทุกวัยแน่นอนค่ะ”

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

โค้ชปุนิ่มใช้ท่านี้ก่อนขึ้นเวทีประกวด Mr. Thailand 2025

กล้ามเนื้อที่ 1: Latissimus Dorsi (กล้ามปีกหลัง)

กล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ทำให้ “ทรงหลังดูเหมือนปีกนก” และช่วยให้เอวดูคอด

กล้ามเนื้อนี้เป็นตัวเอกของท่า T Bar Row เลยค่ะ

เวลาที่คุณดึงศอกถอยหลังเข้าหาสะโพก แรงต้านจะกระจายลงไปยัง “ปีกหลัง”

ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่เคยเล่นเวท

💡 เทคนิคโค้ชปุนิ่มใช้ปั้นปีกหลัง:

  • จับบาร์แบบแคบ (Close Grip) แล้วดึงเน้นไปที่ช่วงสะโพก
  • เล่นช้าและค้างไว้ 1 วินาทีตอนบีบหลัง
  • ฝึกเซตละ 12-15 ครั้ง วันละ 3 เซต สัปดาห์ละ 2 วัน

กล้ามเนื้อที่ 2: Rhomboid & Trapezius (กลางหลัง + สะบัก)

กล้ามเนื้อช่วงนี้ช่วยให้ “แผ่นหลังหนา” เหมือนใส่เกราะ และช่วยให้ “ไหล่ไม่ลู่”

คนที่นั่งหน้าคอมเยอะ หรือหลังค่อม ควรฝึกส่วนนี้มากเป็นพิเศษ

กล้ามเนื้อ Rhomboid จะทำงานเวลาที่คุณ “หุบสะบักเข้าหากัน”

ส่วน Trapezius โดยเฉพาะส่วนกลาง-ล่าง จะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของไหล่

💡 เทคนิคโค้ชปุนิ่มเวลาโฟกัสกลางหลัง:

  • จับบาร์แบบกว้างขึ้นเล็กน้อย (Wide Neutral Grip)
  • ดึงศอกออกด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเน้นกลางหลัง
  • จินตนาการว่า “เอาสะบักมาจูบกัน” ตอนดึงขึ้นสุด

กล้ามเนื้อที่ 3: Erector Spinae (หลังล่าง)

เป็นกล้ามเนื้อที่คอย “พยุงกระดูกสันหลัง”

คนที่หลังล่างอ่อน มักบ่นปวดหลังเวลาทำงานหรือเดินเยอะ

ท่า T Bar Row เป็น Compound Movement ที่ทำให้หลังล่างทำงานแบบ Static Hold คือไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก แต่ต้อง “ต้านแรง” ตลอดเวลา

💡 เทคนิคการฝึกให้ปลอดภัยและได้ผล:

  • ดันสะโพกไปหลังให้พอเหมาะ ไม่แอ่นเกิน ไม่ก้มงอ
  • เกร็งหน้าท้อง และ “ล็อกหลัง” ตลอดเซต
  • ถ้ารู้สึกตึงหลังล่างแปลว่ากำลังใช้งานได้ถูกต้องค่ะ

ตารางสรุป: กล้ามเนื้อที่ได้จาก T Bar Row

กล้ามเนื้อหน้าที่เด่นเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพ
Latissimus Dorsiทำให้หลังดูมี “ปีก”จับแคบ ดึงช้า บีบค้าง
Rhomboid + Trapeziusเพิ่มความหนา ทรงหลังชัดจับกว้าง หุบสะบักทุกครั้ง
Erector Spinaeพยุงหลัง ป้องกันปวดหลังล็อกหลังตรง เกร็งท้องตลอดเซต

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปีรายละเอียดงานวิจัย
2020งานวิจัยในผู้หญิงอายุ 20-50 ปี ที่ฝึก T Bar Row ร่วมกับท่า Row อื่น ๆ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ขนาดกล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi และ Rhomboid เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28% และมีการเปลี่ยนแปลงของ posture ที่ดีขึ้นใน 71% ของผู้เข้าร่วม
2023งานศึกษาความสัมพันธ์ของ Posture กับกล้ามกลางหลังในผู้หญิงวัยทำงาน พบว่า คนที่ฝึก T Bar Row + กล้ามเนื้อสะบัก มีอาการไหล่ห่อ-หลังค่อมน้อยลงชัดเจน

โค้ชปุนิ่มฝากไว้ตรงนี้ค่ะ:

“ใครที่ไม่เคยคิดว่าหลังสวยคือเสน่ห์ ลองให้กล้องถ่ายรูปคุณจากด้านหลังดูค่ะ เพราะ ‘หลังที่มีทรง’ ไม่ใช่แค่สวยตอนขึ้นเวที แต่มันคือความมั่นใจเวลาคุณใส่เสื้อ ใคร ๆ ก็มีหลังทรงสวยได้ ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่อยู่ที่ ‘คุณกล้าฝึก’ หรือยังเท่านั้นเอง”

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด กล้ามไม่ขึ้นในวันเดียว แต่ขึ้นจริงแน่ถ้าคุณซื่อสัตย์กับตัวเองทุกเซต

ประสบการณ์ตรงจากการฝึก T Bar Row เตรียมประกวด

ก่อนจะประกวด Mr. Thailand 2025 โค้ชต้องยอมลดตารางคาร์ดิโอลง และใส่เวทเทรนนิ่งที่ “เน้นหลังล้วน ๆ” มากขึ้น เพราะรอบนั้นต้องโชว์ ท่าหันหลังและโพสต์หุบสะบัก ซึ่งกรรมการจะมองแผ่นหลังเป็นหลัก

โค้ชเลือกฝึก T Bar Row สัปดาห์ละ 3 วัน

  • จับแคบ 2 วัน
  • จับกว้าง 1 วัน
  • เน้นน้ำหนักกลาง-หนัก
  • ทุกเซตฝึกช้า ค้างไว้ตอนหุบสะบัก
  • หลังฝึกมี DOMS (อาการล้าหลังการฝึก) ทุกครั้งในช่วงกลางหลังและปีก

ผลลัพธ์:

หลังผ่านไป 6 สัปดาห์ ตอนเทียบรูปกับ Trainer จะเห็นเลยว่า “ช่วงกลางหลังลึกขึ้น แผ่นหลังกางขึ้นเหมือนมีแผงคอ” ซึ่งช่วยให้ช่วงเอวดูเล็กลงอีกแบบธรรมชาติ ไม่ต้องคาดเข็มขัดรัดเอวให้ดูหลอกตาเลยค่ะ

ตารางสรุป: ผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึก T Bar Row

กลุ่มอายุระยะเวลาผลลัพธ์เด่น
20-30 ปี4-6 สัปดาห์กล้ามหลังชัดขึ้น ใส่เสื้อพอดีตัวดูดีขึ้น
31-45 ปี6-8 สัปดาห์ปรับบุคลิก หลังตรง เอวดูคอด
46-60+ ปี6-12 สัปดาห์ลดปวดหลัง พยุงตัวดีขึ้น ทำกิจกรรมได้นานขึ้น

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปีรายละเอียดงานวิจัย
2021งานวิจัยในคนวัยทำงาน 25-55 ปี ฝึก T Bar Row 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ร่วมกับท่า Row อื่น ๆ พบว่า 87% มีความแข็งแรงหลังเพิ่มขึ้น, 65% มี posture ดีขึ้น และ มีความพึงพอใจต่อรูปร่างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 42%
2022วิจัยกลุ่มอายุ 50-70 ปี ที่มีอาการปวดหลังล่างเรื้อรัง พบว่าการฝึกท่า Row แบบควบคุมช้า ช่วยลดอาการปวดหลังเฉลี่ย 32% ภายใน 6 สัปดาห์

โค้ชปุนิ่มฝากจากใจ:

“คุณไม่ต้องรอให้มีเวทีประกวดถึงจะเริ่มฝึก T Bar Row ไม่ต้องรอให้อายุเยอะ หรือหลังแย่ก่อนถึงจะเริ่มดูแลมัน กล้ามเนื้อคืออวัยวะที่คุณสร้างขึ้นใหม่ได้เสมอ — ถ้าคุณให้โอกาสตัวเองแค่ 20 นาทีต่อวันค่ะ”


(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก เพราะสุดท้าย “กล้ามไม่รู้หรอกว่าเราเล่นจากเครื่องแพงหรือท่าพื้นฐาน”

เครื่องที่ 1: T Bar Row Machine (แบบมาตรฐานในยิม)

เป็นเครื่องที่ชื่อเดียวกับท่า — มีฐานหมุน จุดจับบาร์ และตัวรองหน้าอก

ข้อดี:

  • ควบคุมท่าทางง่าย
  • ไม่ต้องใช้กล้ามหลังล่างพยุงมาก
  • เหมาะกับมือใหม่และผู้สูงอายุ

เทคนิคโค้ชปุนิ่มใช้บนเครื่องนี้:

  • หายใจเข้าลึก ล็อกหลัง
  • ดึงศอกเข้าหาลำตัว ไม่ปล่อยศอกกาง
  • ค้าง 1 วินาทีตอนดึงสุด แล้วปล่อยช้า ๆ 3 วินาที

เครื่องที่ 2: Landmine T Bar Row (ใช้แกนบาร์เสียบมุมพื้น)

เครื่องนี้คนไทยบางคนไม่รู้ว่ามีอยู่ในยิม เพราะหน้าตาเหมือนไม่ใช่เครื่องเล่น

ใช้ยังไง:

  • เสียบแกนบาร์ไว้ที่มุมกำแพง (หรือใช้ landmine attachment)
  • ใส่แผ่นน้ำหนักปลายด้านหนึ่ง
  • ใช้ที่จับ V-handle หรือจับแกนบาร์โดยตรง

ข้อดี:

  • ได้ฝึกกล้ามหลังลึกมาก
  • ได้ฝึกการ “ควบคุมหลัง” เพราะไม่มีพนักพิงช่วย
  • เหมาะกับสายประกวด หรือคนที่ฝึกเวทจริงจัง

เทคนิคของโค้ช:

  • จับแบบ V-handle เพื่อเน้นกลางหลัง
  • ย่อเข่า ดันสะโพก ก้มตัวพอประมาณ
  • ดึงขึ้นให้รู้สึกแน่นที่แผ่นหลัง ไม่ใช่แค่ยกเฉย ๆ

เครื่องที่ 3: Smith Machine (ดัดแปลงเป็น T Bar Row ได้)

ถึงจะไม่ใช่เครื่องเฉพาะ แต่โค้ชปุนิ่มเคยใช้มันฝึกระหว่างประกวดต่างจังหวัดที่ยิมไม่มีเครื่องเฉพาะ

วิธีดัดแปลง:

  • เอาแผ่นรอง (เช่น แผ่นโยคะ) รองที่ปลายบาร์ด้านหนึ่ง
  • วางแผ่นน้ำหนักอีกฝั่ง
  • จับบาร์แล้วฝึกแบบ Row ก้มตัว

ข้อดี:

  • เหมาะสำหรับยิมที่มีเครื่องน้อย
  • ปลอดภัย เพราะ Smith Machine ไม่เคลื่อนตัว
  • เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้สูงอายุที่อยากเริ่มฝึกแบบง่าย ๆ

แล้วถ้าฝึกที่บ้านล่ะ?

กล้ามหลังก็ขึ้นได้ถ้าเข้าใจหลัก ไม่ต้องมีเครื่อง T Bar Row ก็ยังฝึกได้

✅ ทดแทนด้วย:

  • ดัมเบล Row: ใช้ดัมเบลคู่แล้วฝึก One-arm หรือ Two-arm Row
  • บาร์เบล Row: ถ้ามีแกนบาร์ ให้ฝึกแบบ Bent-over Row
  • Resistance Band: ฝึกท่า Seated Row หรือ Dead Row จากท่านั่ง

💡 เทคนิคที่โค้ชใช้กับลูกศิษย์ที่ฝึกที่บ้าน:

โฟกัสจังหวะ — ช้าแน่น ดึงศอก ค้างตอนหุบสะบัก

เพราะการควบคุมจังหวะให้ช้า-แน่น ยังไงก็ได้ผลดีกว่าการฝึกเร็วแต่ไม่มีสติ

ตารางเปรียบเทียบเครื่อง T Bar Row และทางเลือกอื่น

ทางเลือกเหมาะกับใครจุดเด่นสิ่งที่ควรระวัง
T Bar Row Machineมือใหม่ / ทุกวัยมีพนักพิง เสถียรอย่าอาศัยพนักมากเกินจนไม่ใช้หลัง
Landmine Rowนักฝึกเวท / สายประกวดเน้นกล้ามลึก-สมดุลดีต้องควบคุมแกนบาร์ดี ๆ
Smith Machineไม่มีเครื่องเฉพาะปลอดภัย ฝึกได้เสมือนจริงอย่าใส่น้ำหนักมากเกินไป
ดัมเบล / Resistance Bandฝึกที่บ้านใช้งานง่าย ประหยัดต้องควบคุมฟอร์มด้วยตัวเอง

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปีรายละเอียดงานวิจัย
2023วิจัยในกลุ่มนักฝึกเวทที่ฝึก T Bar Row ด้วย Landmine เทียบกับเครื่องแบบมีพนักพิง พบว่าแบบ Landmine กระตุ้นกล้ามเนื้อกลางหลังมากกว่า 21% เพราะต้องพยุงตัวตลอดเวลา
2022งานศึกษาในผู้หญิงที่ฝึกดัมเบล Row จากที่บ้าน พบว่าแม้ไม่มีเครื่องเฉพาะ แต่ถ้าฝึกด้วยฟอร์มที่ควบคุมและจังหวะช้า 8 สัปดาห์ก็สามารถ เพิ่มความหนาของแผ่นหลังได้เฉลี่ย 15-18%

โค้ชปุนิ่มฝากไว้:

“เครื่องไม่มี ไม่ใช่ข้ออ้าง ถ้าคุณอยากฝึกจริง กล้ามเนื้อไม่ได้จำว่าเราเล่นจากเครื่องราคาเท่าไหร่ แต่มันจำว่า ‘เราให้เวลากับมันมากพอมั้ย และเราฝึกอย่างมีสติหรือเปล่า’”


(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

โค้ชอายุ 45 ปีบอกเลยว่า “ไม่สายเกินไป ถ้าคุณอยากเริ่มตอนนี้” และยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งเห็นผลไวกว่าที่คิด!

✅ เหมาะกับคนที่อยากมีหลังสวย ใส่เสื้อเข้ารูปแล้วไม่ย้วย

หลายคนมองแต่หน้าท้องกับขาเวลาฝึก แต่รู้ไหมคะว่า “แผ่นหลัง” คือสิ่งที่ทำให้คุณดูหุ่นดีขึ้นแบบทันทีเมื่อใส่เสื้อผ้า

กล้ามหลังที่มีทรง จะทำให้ “เอวดูเล็ก” และ “ไหล่ตั้งขึ้น” ใครเคยโดนทักว่า “ไหล่ลู่ หลังค่อม” ลอง T Bar Row ดูค่ะ แล้วจะรู้ว่ามันช่วยจริง

✅ เหมาะกับคนที่มีอาการ “ไหล่ห่อ-หลังค่อม” จากการนั่งทั้งวัน

โค้ชเจอเคสมากที่สุดจากกลุ่มนี้เลยค่ะ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ / ขับรถ / เล่นมือถือทั้งวัน จนเกิดปัญหา:

  • ปวดหลังบ่า
  • ไหล่ลู่
  • ทรงตัวผิด
  • รู้สึกหายใจตื้น (เพราะอกไม่เปิด)

ท่า T Bar Row เป็นท่าที่ช่วยให้ “สะบักเคลื่อนไหว” และหลังกลางแข็งแรง ซึ่งคือกุญแจสำคัญที่ทำให้บุคลิกดีขึ้น และลดอาการปวดล้าจากท่าทางในชีวิตประจำวัน

✅ เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมพลังหลังล่าง

หลายคนอายุ 55–70 ปี กลัวจะเล่นเวทแล้วเจ็บหลัง แต่โค้ชอยากบอกเลยค่ะว่า การไม่ฝึกเลยต่างหากที่เสี่ยงกว่า กล้ามเนื้อหลังล่างคือ “เสาค้ำยันกระดูกสันหลัง” ถ้าอ่อนแรง = ปวดหลังง่าย ล้มง่าย

💡 โค้ชฝึก T Bar Row แบบเบามาก (ใช้บาร์เปล่า) กับลูกศิษย์อายุ 64 ปี และผลลัพธ์คือ “เดินได้มั่นคงขึ้น” ภายใน 6 สัปดาห์ โดยไม่มีอาการบาดเจ็บเลย

✅ เหมาะกับสายประกวดที่ต้องการมิติของแผ่นหลัง

บนเวทีประกวดฟิตเนสหญิง-ชาย หรือแม้แต่ Physique แผ่นหลังคือองค์ประกอบสำคัญที่จะ “แยกผู้ชนะออกจากคนธรรมดา”

โค้ชฝึก T Bar Row ก่อนแข่งทุกเวที ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2025 เพราะท่านี้เน้นความลึกของกล้ามช่วง Rhomboid + Lat ที่ให้ “แผ่นสวยตอนโพสต์”

ตาราง: กลุ่มคนที่เหมาะกับ T Bar Row และวิธีเริ่มต้นแบบปลอดภัย

กลุ่มเป้าหมายวิธีเริ่มต้น
วัยรุ่น – 30 ปีสร้างแผ่นหลังให้เฟิร์มเล่น 3 เซต/วัน, จับแคบ, โฟกัสจังหวะช้า
วัยทำงานลดไหล่ห่อ ปรับบุคลิกเล่น 2 เซต/วัน, ใช้น้ำหนักกลาง, โฟกัสหุบสะบัก
50+ ปีเสริมหลังล่าง, ลดปวดหลังฝึกเบา ๆ ด้วยบาร์เปล่า, ฝึก 2 วัน/สัปดาห์
นักกีฬาประกวดเพิ่มความลึกแผ่นหลังจับแคบ + จับกว้างสลับกัน, ฝึกสัปดาห์ละ 3 วัน

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ปีรายละเอียด
2021ศึกษากลุ่มผู้หญิงวัย 25–60 ปีที่ฝึก T Bar Row พบว่า ผู้เข้าร่วม 78% มี postural improvement ภายใน 6 สัปดาห์ และ รายงานว่าใส่เสื้อผ้าพอดีตัวแล้วดูมั่นใจมากขึ้น
2023วิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุ 60+ พบว่า T Bar Row แบบเบา ช่วยลดอัตราการทรุดของ postural support ได้เฉลี่ย 22% และ ลดอาการปวดหลังล่างได้ในกลุ่มที่ฝึกประจำ

โค้ชปุนิ่มฝากจากใจ:

“ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรือเคยเล่นเวทไหม T Bar Row เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ถ้าคุณอยากรู้สึกว่า ‘หลังตัวเองกำลังกลับมาทำงานเพื่อเรา’ กล้ามไม่เลือกอายุค่ะ แต่มันตอบสนองต่อความตั้งใจของคุณเสมอ”

(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

หลักการง่าย ๆ ก่อน: อย่าฝึกแยกส่วนโดด ๆ

หลายคนฝึก T Bar Row อย่างเดียว แล้วหวังให้หลังชัดเร็วขึ้น แต่ความจริงคือ: กล้ามเนื้อหลังไม่ได้ทำงานเดี่ยว ๆ มันทำงานร่วมกับ “ต้นแขน – สะบัก – หลังล่าง” และบางทียังเกี่ยวโยงถึง “หน้าท้อง” ด้วย

ดังนั้นการ “ฝึกท่าที่เสริมกัน” จะทำให้ร่างกายพัฒนาเร็วขึ้นแบบยั่งยืน

โปรแกรมที่โค้ชใช้จริง 6-8 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025

วันที่โปรแกรมฝึก (เฉพาะส่วนหลัง)หมายเหตุ
จันทร์T Bar Row + Lat Pulldownจับแคบ เน้นปีกหลัง
พุธDumbbell Row + Hyperextensionโฟกัสหลังล่างและบาลานซ์สะบัก
ศุกร์T Bar Row + Face Pullจับกว้าง เน้น Rhomboid และ Trapezius

💡 ทุกวันจบด้วย Plank 2 เซต เพื่อฝึก “แกนกลางลำตัว” ให้หลังล่างเสถียร

โปรแกรมที่ใช้กับลูกศิษย์วัยทำงาน – เห็นผลใน 6 สัปดาห์

วันที่โปรแกรมฝึกเหมาะกับใคร
อังคารT Bar Row + Resistance Band Rowมือใหม่-ฝึกที่บ้าน
ศุกร์T Bar Row + Wall Angel (ท่าคลายสะบัก)คนหลังค่อม นั่งทำงานทั้งวัน

ใช้เพียงน้ำหนักเบา แต่เน้นจังหวะและฟอร์ม โดยเฉพาะการ “หุบสะบัก” และ “ไม่โยกตัว” ตอนดึง

เทคนิคจากโค้ชปุนิ่ม: ทำ Superset เพื่อเร่งผลลัพธ์

ถ้าอยากเห็นผลเร็วขึ้นใน 4 สัปดาห์ ให้ลองเล่นแบบ Superset ตัวอย่าง Superset ที่โค้ชใช้เองก่อนแข่ง:

  • T Bar Row 10 reps

    → ตามด้วย Face Pull หรือ Row แบบสายยาง 15 reps

    → พักแค่ 30 วินาที → เล่นทั้งหมด 3-4 เซต

ผลลัพธ์:

  • รู้สึกหลังหนาแน่นเร็วขึ้น
  • เผาผลาญแคลมากขึ้น
  • ร่างกายตอบสนองไวเพราะได้กระตุ้นหลายมัดพร้อมกัน

งานวิจัยสนับสนุนแนวทางนี้

ปีรายละเอียด
2022กลุ่มนักเวทหญิง 30 คน ฝึกโปรแกรม T Bar Row + Face Pull สัปดาห์ละ 3 วัน พบว่า มีพัฒนาการของกล้าม Rhomboid และ Lat สูงกว่ากลุ่มที่ฝึก T Bar Row เดี่ยว ๆ ถึง 39%
2023วิจัยการใช้ Superset ในกล้ามหลัง พบว่า ช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของกล้ามเนื้อเฉลี่ย 26% ภายใน 4 สัปดาห์ เทียบกับการฝึกแบบธรรมดา โดยไม่มีผลเสียต่อฟอร์มหรืออาการบาดเจ็บ

สูตรฝึกที่คุณทำได้ทุกวัย

อายุวิธีฝึกที่แนะนำหมายเหตุ
20–35 ปีSuperset + ฝึก 3 วัน/สัปดาห์ร่างกายฟื้นไว เน้น volume ได้
36–50 ปีฝึก 2 วัน/สัปดาห์ + คุมฟอร์มเน้น form > น้ำหนัก
51–65 ปีฝึกวันเว้นวัน, ใช้น้ำหนักเบาฝึกเพื่อสร้างความมั่นคง ไม่ต้องเร่ง

โค้ชปุนิ่มฝากไว้ส่งท้ายบทความ:

“T Bar Row ไม่ใช่แค่ท่าสร้างกล้าม แต่มันคือท่าที่สอนให้คุณ ‘เคารพร่างกายตัวเอง’ ผ่านการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ ถ้าคุณเริ่มฝึกมันอย่างมีสติ ไม่เร่งรีบ ไม่เกิน 2 เดือนคุณจะเห็นตัวเองในกระจกแล้วภูมิใจโดยไม่ต้องถามใครเลยค่ะ”


สรุปส่งท้าย

ท่า T Bar Row คือท่าที่โค้ชปุนิ่มใช้มาตลอดชีวิตสายฟิตเนส — ตั้งแต่วันแรกที่ยังไม่มีเวที จนถึงวันที่ชนะ Mr. Thailand 2025

มันไม่ใช่ท่าที่แพง ไม่ใช่ท่าที่หวือหวา แต่มันคือท่าที่ “กล้ามตอบสนองเสมอ” ถ้าคุณให้ความตั้งใจเต็มร้อย

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม