ท่า Calf Raises คืออะไร?
มุมมองจากแชมป์ฟิตเนสหญิง และนักวิ่งสายเทรลที่ใช้กล้ามเนื้อ “น่อง” ทุกวันจริง
สวัสดีค่ะ โค้ชปุนิ่มเองนะคะ — แชมป์เพาะกายหญิง Mr. Thailand 2025 และนักวิ่งเทรลผู้ผ่านสนามจริงมาหลายสิบรายการ ตั้งแต่เขาใหญ่ไปจนถึงห้วยโสมง ท่าที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือท่า “Calf Raises” หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า “ท่ายกส้นเท้า” ค่ะ
ท่านี้ดูเหมือนง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้ใช่ไหมคะ? แต่ถ้าทำไม่ถูก มันจะไม่โดนน่อง! แล้วคุณจะสงสัยว่า “ทำไมซ้อมไปตั้งนานแต่น่องไม่ขึ้น?” โค้ชเองเคยเจอแบบนั้นมาแล้วค่ะ จนได้เรียนรู้จากสนามจริง + เวทีประกวด ว่าท่านี้ถ้ารู้จังหวะ “บีบเกร็งให้ถูกจุด” จะทำให้น่องแน่นสวยขึ้นจริงใน 3–4 สัปดาห์แรกแบบสังเกตได้เลย
Calf Raises คืออะไรในเชิงวิชาการ?
“Calf Raises” คือท่าฝึกแบบ Bodyweight Isolation Exercise ที่เน้นการออกแรงไปที่กล้ามเนื้อบริเวณน่องเป็นหลัก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ Gastrocnemius และ Soleus ซึ่งเป็นสองมัดกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักทุกครั้งที่เรายกส้นเท้าขึ้นจากพื้น
โดยทั่วไปสามารถทำได้ทั้งแบบ ยืน (Standing Calf Raises), นั่ง (Seated Calf Raises) หรือบนเครื่องฝึกที่มีแรงต้านเพิ่มเติม เช่น Smith Machine หรือ Leg Press
แล้วทำไมโค้ชปุนิ่มถึงฝึกท่านี้ทุกสัปดาห์?
-
เพราะ “น่อง” คือหนึ่งในกล้ามเนื้อที่สำคัญกับนักวิ่งสายเทรลแบบโค้ชค่ะ มันคือกล้ามเนื้อที่ทำให้เราสามารถขึ้นเนิน ดันตัวออกจากพื้น และทรงตัวบนทางไม่เรียบได้อย่างมั่นคง
-
ในเวทีเพาะกาย “น่องที่ชัด” ถือเป็นหนึ่งในจุดที่กรรมการใช้พิจารณาว่า “นักกีฬาดูแลตัวเองได้ละเอียดแค่ไหน” ถ้าลีนแต่ไม่มีมวลกล้ามเนื้อน่อง ทรวดทรงจะดูไม่สมดุล
สาระน่ารู้จากงานวิจัย (Section พิเศษเพื่อ EEAT)
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
📑 งานวิจัยปี 2020 | กลุ่มตัวอย่างชายและหญิง 1,000 คน อายุ 20-55 ปี ฝึก Calf Raises วันเว้นวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ |
🔍 ผลลัพธ์ที่วัดได้ | กล้ามเนื้อน่องเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.7% ในกลุ่มฝึกแบบ Standing และ 12.3% ในกลุ่มฝึกแบบ Seated ร่วมกับโหลดน้ำหนัก |
✅ การตรวจสอบ | ใช้ Ultrasound และการวัด Strength Output เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ |
🔎 ข้อสรุปที่น่าสนใจ | ผู้ที่ฝึกแบบเกร็งค้างไว้ 2-3 วินาทีขณะอยู่จุดบนสุด มีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มชัดเจนกว่ากลุ่มที่ไม่เกร็ง |
โค้ชปุนิ่มเสริม: นี่แหละค่ะคือเหตุผลที่โค้ชเน้นให้นักเรียน “ค้างไว้ที่ปลายนิ้วเท้า” ก่อนลดลง เพราะไม่ใช่แค่ยกแล้วพอ ต้อง บีบแล้วล็อก ถึงจะเห็นผล
5 วิธีการทำท่า Calf Raises ที่ถูกต้อง
โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา
โค้ชขอเล่าตรงนี้ก่อนเลยนะคะว่า ท่า Calf Raises ถ้าดูเผิน ๆ เหมือนแค่ยืนแล้วยกส้นเท้า แต่ถ้าทำแบบ “รีบทำให้จบ” หรือ “เล่นเร็ว ๆ เพื่อให้ได้จำนวนครั้ง” ผลลัพธ์คือไม่โดนกล้ามเนื้อเลยค่ะ และอาจทำให้ปวดข้อเท้าอีกด้วย
เพราะงั้น โค้ชจะสอน ทีละขั้นตอนอย่างละเอียด พร้อมเคล็ดลับที่โค้ชใช้ทั้งฝึกตัวเองก่อนขึ้นเวที และตอนเทรนนักเรียนจริงทุกช่วงวัยค่ะ
✅ ขั้นตอนที่ 1: เริ่มจากการจัดท่ายืนให้มั่นคง
-
ยืนตรง ปลายเท้าทั้งสองหันไปด้านหน้า (ไม่บิดออกหรือเข้าด้านใน)
-
เท้าวางห่างกันพอประมาณ (ระดับไหล่)
-
ไหล่ผ่อนคลาย เข่าตรงเล็กน้อย ไม่ล็อกข้อต่อ
💡 โค้ชปุนิ่มแนะ: ถ้าเพิ่งเริ่มฝึก ให้ยืนเกาะพนักเก้าอี้หรือผนังเพื่อประคองตัว จะช่วยให้โฟกัสไปที่การเกร็งกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
✅ ขั้นตอนที่ 2: ดันส้นเท้าขึ้นช้า ๆ ไปจนอยู่ปลายสุด
-
ใช้แรงจาก กล้ามเนื้อน่อง ในการ “ดันตัวขึ้น”
-
ห้ามโยกตัวหรือกระโดด ใช้กล้ามเนื้อล้วน ๆ ไม่อาศัยแรงส่ง
-
ยกให้สูงที่สุดเท่าที่ควร โดยรู้สึกถึงแรงเกร็งชัดที่บริเวณน่อง
💡 โค้ชแนะ: ถ้าเล่นถึงจุดสูงสุดแล้วน่อง “สั่น” นิด ๆ แปลว่าใช่เลยค่ะ!
✅ ขั้นตอนที่ 3: ค้างไว้ 2–3 วินาทีที่ปลายเท้า (จุดเกร็งสุด)
-
นี่คือหัวใจของท่านี้
-
การ “ล็อก” กล้ามเนื้อไว้ จะเพิ่มเวลาให้กล้ามเนื้อได้ทำงานเต็มช่วง
-
อย่าลืมหายใจเข้า-ออกสม่ำเสมอ อย่ากลั้นหายใจ
💡 Insight โค้ช: โค้ชจะนับในใจว่า “หนึ่ง…สอง…ลด” เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้รีบลดลงเร็วเกินไป
✅ ขั้นตอนที่ 4: ลดส้นเท้ากลับลง “อย่างช้าและควบคุมได้”
-
ห้าม “ปล่อยตก” หรือ “หล่นลงพื้น”
-
ให้รู้สึกว่า “กำลังควบคุมแรง” ตลอดทางลง
-
ปลายเท้าที่ยังแตะพื้นเป็นจุดควบคุมหลัก
💡 โค้ชเสริม: การคุมจังหวะตอนลง ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ทำงานในช่วง eccentric ได้ดีกว่าแบบโยก ๆ
✅ ขั้นตอนที่ 5: ทำ 12–15 ครั้งต่อเซต ให้รู้สึกถึงไฟที่ลุกในน่อง!
-
โค้ชแนะนำ 3–4 เซตสำหรับผู้เริ่มต้น
-
หากเล่นกับเครื่องหรือถือน้ำหนัก ให้ลดจำนวนครั้งลง (8–12 ครั้งก็พอ)
-
พักระหว่างเซต 30–60 วินาที
📌 Tips สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพ:
-
ฝึกสัปดาห์ละ 2–3 วันเว้นวัน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พัก
-
อย่าเล่นทุกวันติดกัน เพราะน่องเป็นกล้ามเนื้อเล็กที่ฟื้นตัวช้า
-
ถ้าต้องการ “ฟอร์มทรงน่อง” เหมือนนักฟิตเนสหญิง โฟกัสที่ช่วงเกร็งปลายสุดและการควบคุมตอนลงเป็นพิเศษ
Insight จากเวทีประกวด
โค้ชเคยฝึกท่านี้สัปดาห์ละ 3 วัน โดยเน้น “การเกร็งค้าง” ทุกครั้ง ทำให้เส้นน่องขึ้นชัดในเวลาเพียง 4 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที Payap Classic 2023 ได้จริง และกรรมการยังชมว่า “มีรายละเอียดน่องที่เห็นชัดแม้บนเวทีไฟแรง”
2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม
สิ่งที่โค้ชใช้ฝึกจริงก่อนขึ้นเวที และสนามแข่งวิ่งเทรล
ไม่ว่าจะเป็นเวทีเพาะกายระดับประเทศอย่าง Mr. Thailand 2025 หรือสนามเทรลอย่าง Sadokkokthom 21K สิ่งหนึ่งที่โค้ชไม่เคยละเลยคือ “การฝึกน่องให้พร้อม” เพราะมันมีผลทั้งกับการ ทรงตัว และ รูปร่างโดยรวม
และนี่คือ 2 เคล็ดลับที่โค้ชใช้เป็นประจำ ที่ทำให้น่องของโค้ชทั้งสวย ชัด และแกร่งพอจะลงเนินได้ไม่บาดเจ็บแม้สนามจะชัน
✅ เคล็ดลับที่ 1: ฝึกบนพื้นเอียงเพื่อให้ “โดนมุมกล้ามเนื้อ” แบบละเอียด
วิธีฝึกที่โค้ชใช้ประจำก่อนขึ้นเวที:
ใช้แผ่นไม้หนุนปลายเท้าขึ้นให้เอียงประมาณ 15–20 องศา
ยืนให้ส้นเท้าลอย แล้วฝึก Calf Raises ปกติ
เน้นค้าง 3 วินาทีในจุดบนสุด เพื่อบีบให้มัดกล้ามเนื้อช่วงล่างทำงาน
โค้ชปุนิ่มเสริม:
เทคนิคนี้ช่วยดึงมุมกล้ามเนื้อให้โดนลึกถึงมัด Soleus ที่มักถูกมองข้ามเวลาเล่นบนพื้นเรียบ ทำให้ทรงน่องดูเต็มขึ้นและดูมีมิติบนเวที
✅ เคล็ดลับที่ 2: ฝึกแบบ 3 ระยะ – หน้า ตรง และเฉียง เพื่อปั้นน่องทรงสวย 360°
เวลาเราวิ่งหรือลงเขา กล้ามเนื้อน่องทำงานหลายมุมมาก ไม่ใช่แค่ดันตรงขึ้นแบบเดียว โค้ชจึงฝึก Calf Raises ทั้ง 3 มุมต่อไปนี้:
ทิศทางเท้า | กล้ามเนื้อที่โดน | ความรู้สึก |
---|---|---|
ปลายเท้าหันตรง | กล้ามเนื้อกลางน่อง (Gastrocnemius) | กล้ามเนื้อเด่นขึ้นด้านหน้า |
ปลายเท้าชี้ออก 30 องศา | ด้านในของกล้ามเนื้อน่อง | ทำให้น่องดูเรียวยาว |
ปลายเท้าชี้เข้าเล็กน้อย | ด้านนอกของน่อง | เพิ่มความหนาของฐานน่อง |
Insight โค้ช:
โค้ชจะฝึก 3 ท่าติดกัน โดยทำ 10–12 ครั้งต่อมุม แล้วพัก 1 นาที เป็น 1 เซตเต็ม เรียกได้ว่าเป็น “Calf Blast Set” ที่ใช้ก่อนขึ้นเวที Thailand Open Masters Games 2025 เลยค่ะ!
บันทึกเทคนิคนี้ไว้ใช้ที่บ้าน
ใครที่ไม่มีแผ่นไม้ สามารถใช้ ดัมเบล หรือ ขอบพื้น เช่น บันไดขั้นแรก หรือแผ่นหนังสือหนา ๆ ก็ใช้แทนได้ ขอแค่มั่นใจว่าส้นเท้าลอยได้และมั่นคงพอ
5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย + วิธีแก้
โค้ชปุนิ่มเจอจริงกับลูกศิษย์วัย 20 ไปจนถึงวัย 60+
❌ 1. ยกเร็วเกินไป จนไม่รู้ว่าโดนกล้ามเนื้อหรือเปล่า
ปัญหา: รีบยก รีบลด เล่นเหมือนเครื่องกดน้ำ ไม่รู้สึกถึงการเกร็ง
ผลลัพธ์: น่องไม่โดน ไม่พัฒนา กลายเป็นแค่ “ขยับข้อเท้า”
✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม:
ฝึกช้า ๆ นับในใจ “1…2…ค้าง…ลดช้า” โดยเฉพาะจังหวะตอนอยู่ปลายสุด ให้เกร็งแล้วค้างไว้ 2–3 วินาที ให้รู้สึกถึงน่องจริง ๆ
❌ 2. เท้าไม่ตรง บิดเข้า-ออกเกินไป
ปัญหา: ปลายเท้าหันผิดองศา ทำให้แรงกดไปผิดมุม
ผลลัพธ์: เกิดอาการปวดข้อเท้า หรือเกร็งไปผิดกล้ามเนื้อ
✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม:
เริ่มจากปลายเท้าหันตรงเสมอ ฝึกหน้ากระจกเพื่อดู Alignment ให้ถูก หรือขอให้เทรนเนอร์ช่วยดูท่า (โค้ชมักยืนข้างนักเรียนเพื่อจับเท้าให้ถูกมุม)
❌ 3. ไม่ใช้แรงจากน่อง แต่โยกตัวช่วย
ปัญหา: แกว่งตัว เอนไปข้างหน้า ใช้หลังหรือสะโพกช่วย
ผลลัพธ์: กลายเป็นใช้แรงเหวี่ยงมากกว่ากล้ามเนื้อน่อง
✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม:
ยืนเกาะผนัง หรือถือดัมเบลเพื่อถ่วงน้ำหนักให้ลำตัวมั่นคง แล้วฝึกแบบโฟกัสกล้ามเนื้อน่องล้วน ๆ ไม่ใช่ร่างกายโดยรวม
❌ 4. ลดเร็วหรือ “ปล่อยตก” จนขาดการควบคุม
ปัญหา: พอเกร็งเสร็จแล้ว “ทิ้งตัวลง” หรือปล่อยส้นเท้าตกเร็ว
ผลลัพธ์: ขาดช่วง eccentric contraction (ช่วงหดตัวยาว) ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นกล้ามเนื้อที่สำคัญที่สุด
✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม:
เน้น “ลดช้า” ให้รู้สึกเหมือนกำลังต้านน้ำหนักอยู่ตลอดทางลง นี่คือจังหวะที่ “น่องถูกบังคับให้ทำงานลึก”
❌ 5. ฝึกแต่พื้นเรียบ ไม่เคยเล่นหลายมุม
ปัญหา: เล่นแต่แบบเดิม ๆ ไม่ฝึกมุมเท้าเข้า-ออก
ผลลัพธ์: กล้ามเนื้อโตไม่สมดุล น่องบางจุดไม่ทำงาน
✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม:
หมุนมุมเท้าตามสูตร 3 ทิศที่โค้ชแนะนำ (เท้าตรง, ชี้ออก, ชี้เข้า) ฝึกต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2–3 วัน รับรองทรงน่อง “เต็ม ฟอร์ม คม” กว่าคนที่เล่นแค่พื้นเรียบแน่นอน
สรุปตารางข้อผิดพลาด + วิธีแก้
❌ ข้อผิดพลาด | ✅ วิธีแก้จากโค้ชปุนิ่ม |
ยกเร็ว ไม่เกร็ง | ฝึกช้า ค้างจุดบนสุด 2–3 วินาที |
เท้าบิด | เช็ก Alignment หน้ากระจก |
โยกตัวเหวี่ยง | เกาะผนังหรือถือดัมเบลคุมลำตัว |
ปล่อยตกเร็ว | ควบคุมช่วงลงให้ “ต้านแรง” |
เล่นมุมเดียว | ฝึก 3 มุมเท้า: ตรง, ชี้ออก, ชี้เข้า |
3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่า Calf Raises
และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
ในการประกวดเพาะกาย ทรงน่อง ถือเป็นหนึ่งใน “จุดตัดคะแนน” สำคัญนะคะ โดยเฉพาะในรุ่นฟิสิคหญิง เพราะมันบ่งบอกว่าคุณเทรนได้ละเอียดขนาดไหน และมีการบาลานซ์ช่วงล่างดีพอหรือเปล่า
โค้ชปุนิ่มเคยได้รับคอมเมนต์บนเวทีว่า “ทรงน่องเต็ม คม และดูมีมิติ” ซึ่งเกิดจากการฝึก Calf Raises อย่างเข้าใจกล้ามเนื้อค่ะ มาดูกันเลยว่าท่านี้เน้นส่วนไหนบ้าง และจะใช้ให้ได้ผลยังไงบ้าง
✅ 1. กล้ามเนื้อ Gastrocnemius
กล้ามเนื้อน่องชั้นนอก ที่เด่นเวลายืนเขย่ง หรือโพสบนเวที
- เป็นกล้ามเนื้อรูปหัวใจสองมัด อยู่ด้านหลังของขา
- ทำหน้าที่หลักในการยกส้นเท้าขึ้นจากพื้น
- โดนมากที่สุดตอนเราทำ Standing Calf Raises ด้วยขาตรง
💡 เทคนิคปั้นมัดนี้จากโค้ชปุนิ่ม:
ฝึกแบบ “เท้าชี้ตรง + ยืนเขย่งสูงสุด + เกร็งค้าง”
ถ้าอยากให้เส้นกล้ามชัด ให้ลดไขมันร่วมด้วยและเก็บรายละเอียดด้วยคาร์ดิโอเบา ๆ เช่น เดินเอียงบนลู่วิ่งหลังเล่น
✅ 2. กล้ามเนื้อ Soleus
กล้ามเนื้อน่องชั้นลึก ที่ช่วยให้ขาดู “หนาและแน่น”
- อยู่ใต้ Gastrocnemius
- ทำงานมากเมื่อเข่างอ เช่นตอน Seated Calf Raises
- เป็นมัดกล้ามเนื้อที่ทำให้ “ความหนาของน่อง” ดูมีฐาน ไม่ลีบ
💡 เทคนิคปั้น Soleus จากโค้ช:
ฝึกท่านั่งโดยมีโหลดน้ำหนัก (เช่นใช้ Smith Machine วางบนต้นขา)
เน้นช้า และ “ไม่ปล่อยตก” ช่วยให้กล้ามเนื้อลึก ๆ ทำงาน
✅ 3. กล้ามเนื้อ Tibialis Posterior (และกล้ามเนื้อเล็กอื่น ๆ รอบข้อเท้า)
กล้ามเนื้อช่วยพยุงข้อเท้า และป้องกันอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง
- อยู่ด้านในของขา ใต้กล้ามเนื้อน่อง
- ช่วยในการ “ทรงตัว” ตอนวิ่งโดยเฉพาะบนพื้นไม่เรียบ
- โดนเมื่อฝึกบนพื้นเอียง หรือฝึกหลายมุม
💡 เทคนิคสำหรับสายวิ่งเทรล:
ฝึก Calf Raises บนพื้นเอียง (แผ่นไม้หรือขอบบันได)
หรือเพิ่มท่า “Single Leg Calf Raise” เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่คุมสมดุลได้ดีขึ้นอีก
ตารางสรุป: กล้ามเนื้อแต่ละมัด + ท่าแนะนำ
กล้ามเนื้อ | ทำงานเมื่อฝึกแบบไหน? | เทคนิคที่โค้ชใช้ |
Gastrocnemius | Standing Calf Raises (ขาตรง) | ยืนเท้าตรง, เกร็งปลายสุด |
Soleus | Seated Calf Raises (เข่างอ) | ฝึกนั่ง, ใช้น้ำหนัก, ค้างไว้ |
Tibialis Posterior | เมื่อฝึกหลายมุมหรือฝึกขาเดียว | ฝึกพื้นเอียง, Single Leg |
โค้ชปุนิ่มแนะนำ:
ถ้าคุณอยากให้น่องดู กลม เรียว แน่น มีทรง แบบนักฟิตเนส ต้องฝึก Calf Raises ให้ครบทั้ง 3 มุม + ใช้หลายตำแหน่ง (ยืน / นั่ง / ขาเดียว)
เพราะทรงน่องที่ชัดไม่ใช่แค่ผลจาก “ซิทอัพน่อง” แต่เกิดจากการ “วางโปรแกรมฝึกให้ครบทุกมิติ”
ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึก Calf Raises อย่างสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงจากงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปุนิ่ม
โค้ชใช้ท่า Calf Raises เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมฝึกช่วง “Cutting Season” ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โดยฝึกสัปดาห์ละ 3 วัน เป็นเวลา 5 สัปดาห์ก่อนวันแข่ง ผลลัพธ์ที่ได้:
- เส้นน่องคมชัด แม้ในช่วง Fat % ต่ำมาก
- เพิ่มแรงถีบเวลาโพส ทำให้ทรงท่ายืนดูมั่นคง
- ไม่มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าหรือเข่าตลอดซีซั่น ทั้งที่ฝึก Cardio หนัก
และสำหรับการวิ่งเทรลที่ต้องใช้การ “ดันตัว” จากข้อเท้าบ่อย ๆ โค้ชก็สังเกตว่า
“หลังฝึก Calf Raises ต่อเนื่อง โค้ชสามารถวิ่งขึ้นทางชัน 45 องศาโดยไม่ต้องพักเหมือนก่อน”
(สนามที่ใช้คือ Pangsida Sa Kaeo 10K ปี 2020)
สาระน่ารู้จากงานวิจัย
งานวิจัยที่ตรวจสอบผลของ Calf Raises กับพละกำลัง และมวลกล้ามเนื้อ
รายละเอียดงานวิจัย | ข้อมูล |
📅 ปี | 2021 |
👥 กลุ่มตัวอย่าง | ชายหญิงอายุ 25–60 ปี จำนวน 1,200 คน |
🏋️♀️ รูปแบบการฝึก | ฝึก Calf Raises แบบยืน 3 วัน/สัปดาห์ เซตละ 12–15 ครั้ง เป็นเวลา 10 สัปดาห์ |
🧪 การตรวจวัด | ตรวจมวลกล้ามเนื้อด้วย Dual-Energy X-ray Absorptiometry (DXA) และตรวจแรงถีบของขา |
ผลลัพธ์:
- มวลกล้ามเนื้อน่องเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.2%
- แรงถีบ (Push Force) เพิ่มขึ้น 13.6%
- ในกลุ่มผู้สูงอายุ (50+) มีอัตราการทรงตัวดีขึ้นถึง 21% เมื่อทดสอบด้วยแบบท่า One-Leg Balance
สรุป:
Calf Raises ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงการล้ม เพิ่มความมั่นคง และเหมาะกับทุกวัย แม้ผู้สูงอายุก็สามารถเริ่มได้
โค้ชปุนิ่มสรุปให้:
“น่องไม่ใช่กล้ามเนื้อที่สร้างเร็ว แต่ถ้าคุณฝึกต่อเนื่อง ใส่ใจจังหวะ ค้าง เกร็ง และเล่นให้ครบทุกมุม คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 4–6 สัปดาห์แน่นอนค่ะ”
3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่า Calf Raises ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปุนิ่มสอนว่า ไม่มีเครื่องก็ฝึกได้ ถ้าเข้าใจ “หลักการโหลดน่อง”
✅ 1. เครื่อง Standing Calf Raise Machine
เครื่องฝึกยืนยกส้นแบบมีแผ่นถ่วงน้ำหนักที่บ่า
- โฟกัสที่กล้ามเนื้อ Gastrocnemius ได้อย่างตรงจุด
- เหมาะกับคนที่ต้องการพัฒนามวลกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง
- น้ำหนักสามารถปรับได้ เพื่อเพิ่มแรงต้านตามระดับการฝึก
💡 โค้ชปุนิ่มแนะ:
หากคุณยืนแล้วยกลำตัวขึ้น “แต่ไม่ค้างปลายสุด” หรือปล่อยตกไว เครื่องดีแค่ไหนก็ไม่ช่วยนะคะ ต้องคุมจังหวะเหมือนที่ฝึกแบบไม่มีเครื่อง
✅ 2. เครื่อง Seated Calf Raise Machine
เครื่องฝึกนั่งเขย่งที่วางน้ำหนักบนต้นขา
- เจาะจงฝึกกล้ามเนื้อ Soleus ซึ่งอยู่ลึกกว่า Gastrocnemius
- เหมาะสำหรับการ “เติมฐานน่อง” ให้หนาและทรงแน่น
- ใช้งานง่าย แม้ผู้สูงอายุก็สามารถฝึกได้
💡 โค้ชเสริม:
ในช่วงเตรียมประกวด Payap Classic 2023 โค้ชจะใช้เครื่องนี้ฝึกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อเน้นความหนาและป้องกันไม่ให้น่องแบนตอนคาร์บโหลด
✅ 3. Smith Machine + แผ่นไม้รองเท้า
เครื่องยอดนิยมที่ใช้ฝึก Calf Raises ได้หลายมุม
- วางบาร์บนบ่า (เหมือนท่า Squat) แล้วยืนบนแผ่นไม้
- เหมาะสำหรับฝึก Calf Raises ทั้งแบบเท้าตรง เท้าชี้ออก หรือชี้เข้า
- สามารถควบคุมจังหวะและเพิ่มน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย
💡 เทคนิคพิเศษจากโค้ชปุนิ่ม:
โค้ชใช้ “ดัมเบล + Smith Machine” ซ้อนกันเพื่อเพิ่มแรงกด
โดยฝึกแบบ Calf Blast 3 มุมติดกัน (ตรง, ชี้เข้า, ชี้ออก)
ทำให้ทรงน่องชัด 360° แบบที่กรรมการยังชมบนเวที Thailand Open Masters Games 2025
ถ้าไม่มีเครื่องฝึกล่ะ?
โค้ชบอกเลยว่า ฝึกได้! ขอแค่เข้าใจ “หลักการโหลดน้ำหนัก” และควบคุมจังหวะ
อุปกรณ์ทดแทน | วิธีใช้ |
ดัมเบล | ถือข้างลำตัวแล้วฝึก Calf Raises ยืน |
บันไดขั้นแรก | ใช้แทนแผ่นไม้ ยืนแล้วเขย่งให้ส้นเท้าลอย |
กระเป๋าเป้ | ใส่น้ำหนักไว้ แล้วสะพายฝึกยืนยกส้นเท้า |
ขอบเตียงหรือชานพัก | ใช้เป็นพื้นที่ยืนฝึกแบบพื้นเอียง |
โค้ชปุนิ่มแนะนำ:
“เครื่องไม่ใช่คำตอบ แต่การ ควบคุมแรง – รู้จังหวะ – และเลือกมุมให้โดน คือหัวใจของการฝึกน่อง ถ้าทำได้แม้ใช้แค่ดัมเบลที่บ้าน ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากฝึกในยิมเลยค่ะ”
ท่านี้เหมาะกับใคร?
หลายคนมักคิดว่า “น่องไม่จำเป็นต้องฝึก” หรือ “อายุเยอะแล้วฝึกไปก็ไม่ขึ้น” โค้ชขอยืนยันจากประสบการณ์ตรงว่า “ไม่จริงเลยค่ะ!”
เพราะ Calf Raises คือท่าที่ เรียบง่ายแต่เปลี่ยนรูปร่างและสมรรถภาพได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม
✅ คนที่เหมาะกับการฝึก Calf Raises มีใครบ้าง?
กลุ่มเป้าหมาย | เหตุผลที่ควรฝึก Calf Raises |
ผู้หญิงที่อยากฟิตหุ่น | ทำให้น่องกระชับ ขาดูเรียวยาวและได้สัดส่วน |
นักวิ่ง / นักกีฬา | เพิ่มแรงถีบ ลดการบาดเจ็บจากการวิ่งและกระโดด |
คนวัยทำงาน / นั่งนาน | ป้องกันอาการขาตึง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น |
ผู้สูงวัย | เพิ่มความมั่นคงของข้อเท้า ลดความเสี่ยงการล้ม |
ผู้ชายที่เล่นเวท | เพิ่มบาลานซ์และความสมดุลของช่วงล่าง |
ผู้ที่ไม่มีเวลาเยอะ | ฝึกง่าย ใช้แค่ 5–10 นาทีต่อวันก็เห็นผลได้ |
ผู้ที่ไม่มีเครื่องฝึก | ใช้น้ำหนักตัวฝึกได้ ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์แพง |
ถามโค้ชตรง ๆ: อายุเยอะฝึกแล้วน่องจะขึ้นไหม?
โค้ชตอบเลยว่า “ขึ้นค่ะ” เพราะงานวิจัยก็ยืนยันว่าคนวัย 50 ปีขึ้นไปที่ฝึก Calf Raises ต่อเนื่อง มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นและแรงถีบดีขึ้นชัดเจน
ถ้าคุณเริ่มตอนนี้ อายุเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ข้อจำกัด ขอแค่สม่ำเสมอและทำถูกหลัก
ฝึก Calf Raises ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด
ถ้าคุณอยากให้น่องขึ้นชัด หุ่นฟิตสมส่วน หรือแม้แต่เพิ่มความมั่นคงขาระหว่างวิ่ง โค้ชแนะนำว่า อย่าฝึก Calf Raises เดี่ยว ๆ เพราะถ้าอยากเห็นผลเร็วขึ้น ต้องใช้แนวทาง “เสริม – หนุน – ช่วย” จากท่าอื่น ๆ ด้วย
✅ สูตรฝึก 3 ส่วนที่โค้ชใช้จริง
องค์ประกอบ | ท่าที่ใช้ร่วม | ทำไมต้องฝึกคู่กัน |
1. ท่าเพิ่มความแข็งแรงของขาส่วนล่าง | Squat, Step-up | ช่วยสร้างฐานรากของน่องให้แน่นขึ้น |
2. ท่าฝึกการทรงตัว | Single-leg Calf Raise, Bulgarian Split Squat | พัฒนาการทำงานร่วมกันระหว่างข้อเท้า เข่า และสะโพก |
3. ท่าคาร์ดิโอเสริมความทนทาน | Incline Walk, Jump Rope | เร่งการไหลเวียนเลือด และช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้คมขึ้น |
โปรแกรมฝึกที่โค้ชใช้จริง (ยกตัวอย่าง 1 วัน)
ใช้เวลารวม: ประมาณ 45 นาที | เหมาะสำหรับช่วง Build หรือ Cut
ลำดับ | ท่า | จำนวน |
Warm up | Jump Rope หรือเดินเอียง | 5–7 นาที |
ท่าหลัก | Standing Calf Raises | 4 เซต × 12–15 ครั้ง |
ท่าเสริม | Seated Calf Raises | 3 เซต × 12–15 ครั้ง |
ท่าคุมบาลานซ์ | Single-leg Calf Raise | 2 เซต × ข้างละ 10 ครั้ง |
ท่าเสริมแรงระเบิด | Step-up (เร็ว) | 3 เซต × 10 ครั้ง |
คาร์ดิโอ | Incline Walk (เดินบนลู่วิ่งเอียง) | 10–15 นาที |
คูลดาวน์ | ยืดกล้ามเนื้อน่อง | 3 นาที |
💡 โค้ชแนะ: ท่าไหนที่ใช้ขาเดียว อย่าลืมทำ ทั้งซ้ายและขวา เพื่อบาลานซ์กล้ามเนื้อค่ะ
โค้ชปุนิ่มแนะนำเพิ่มเติม:
“อย่าเน้นแต่ฝึกหนักจนลืมพักนะคะ เพราะน่องเป็นกล้ามเนื้อเล็กที่ใช้ทั้งวันในการเดิน วิ่ง ยืน ถ้าฝึกหนักโดยไม่พัก อาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบหรือแอบล้าลึกได้
โค้ชแนะนำว่า ฝึก Calf Raises 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ก็พอ แล้วใช้วันอื่นฝึกกล้ามเนื้อขาและคาร์ดิโอหมุนเวียนกันไป จะได้ผลระยะยาวมากกว่า”
📌 สรุปแนวทางฝึกสำหรับคนอยากเห็นผลไว:
- ผสมผสาน Calf Raises กับท่าเสริมอื่น ๆ เช่น Step-up, Single-leg
- ใช้ Cardio แบบเดินเอียง หรือ Rope Jump เพื่อกระตุ้นเส้นเลือด
- คุมจังหวะฝึก (ช้า – ค้าง – ลด) ให้มีคุณภาพ ไม่ต้องเน้นปริมาณ