20 ท่าเล่นแขนด้วย Barbell เสริมกล้ามแน่น สร้างแขนสวยแบบแชมป์ฟิตเนส 2025
การสร้างกล้ามแขนที่แน่นและสวยงามด้วย Barbell เป็นเป้าหมายของนักออกกำลังกายทุกระดับ จากประสบการณ์ 20 ปีในวงการฟิตเนสและการคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 ปูนิ่มจะแชร์ 20 ท่าเล่นแขนด้วย Barbell ที่ได้ผลจริง พร้อมเทคนิคลับที่ใช้ในการเตรียมตัวประกวด สำหรับทุกคนที่ต้องการแขนที่แข็งแรงและสวยงามแบบมืออาชีพ
ทำไม Barbell ถึงเป็นอาวุธลับของนักเพาะกายในการสร้างกล้ามแขน?
“Barbell เป็นอุปกรณ์เดียวที่ให้ความสมดุลของแรงต้านที่ดีที่สุด ช่วยสร้างกล้ามแขนที่มีรูปร่างสวยงามและแข็งแรงพร้อมกัน โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มโหลดได้อย่างต่อเนื่อง จากประสบการณ์การแข่งขันมากกว่า 15 รายการ ปูนิ่มพบว่า Barbell ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอที่สุด”
จากประสบการณ์ตรงในการเตรียมตัวสำหรับการประกวดระดับชาติและนานาชาติ ปูนิ่มได้ทดลองใช้อุปกรณ์หลากหลายชนิดในการสร้างกล้ามแขน ตั้งแต่ Dumbbell, Cable Machine, Resistance Band จนถึงอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ แต่สิ่งที่ให้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นที่สุดคือ Barbell
ช่วงที่เตรียมตัวสำหรับ Mr. Thailand 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ Royal Cliff Grand Hotel พัทยา ปูนิ่มใช้เวลากว่า 6 เดือนในการปรับแต่งโปรแกรมการออกกำลังกาย โดยเน้นการใช้ Barbell เป็นหลักในการสร้างกล้ามแขน ผลที่ได้คือการมีกล้ามแขนที่สมดุล แน่น และมีรูปร่างที่สวยงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ช่วยให้คว้าแชมป์มาได้สำเร็จ
ความพิเศษของ Barbell อยู่ที่การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร ทำให้กล้ามเนื้อทั้งสองข้างทำงานอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนกับ Dumbbell ที่บางครั้งอาจมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น นอกจากนี้ การใช้ Barbell ยังช่วยให้เราสามารถยกน้ำหนักที่หนักกว่าได้ เนื่องจากมีการกระจายแรงที่ดีกว่า
ความได้เปรียบของ Barbell เมื่อเทียบกับ Dumbbell
“จากการทดลองเปรียบเทียบระหว่าง Barbell และ Dumbbell ในช่วงเตรียมตัวประกวด ปูนิ่มพบว่า Barbell ช่วยให้ยกน้ำหนักหนักกว่าได้ 15-20% และสร้างความสมดุลกล้ามเนื้อได้ดีกว่า โดยเฉพาะในการทำ Biceps Curl และ Triceps Extension ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่า”
ในช่วงการเตรียมตัวสำหรับ Thailand Open Masters Games 2025 ที่ RBSC Polo Club กรุงเทพฯ ปูนิ่มได้ทำการทดสอบโดยใช้ Dumbbell ในสัปดาห์แรก และเปลี่ยนมาใช้ Barbell ในสัปดาห์ที่สอง ผลที่ได้น่าสนใจมาก
เมื่อใช้ Dumbbell ปูนิ่มสามารถทำ Biceps Curl ได้ที่น้ำหนัก 12.5 กิโลกรัม ต่อข้าง แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Barbell สามารถยกได้ถึง 30 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่มากกว่าค่อนข้างมาก ความแตกต่างนี้เกิดจากการที่ Barbell ช่วยให้กล้ามเนื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (Bilateral Deficit) ทำให้สามารถออกแรงได้มากกว่า
นอกจากนี้ ปูนิ่มสังเกตว่าเมื่อใช้ Dumbbell มักจะมีปัญหาข้างหนึ่งแข็งแรงกว่าอีกข้าง โดยเฉพาะข้างขวาที่เป็นข้างถนัด แต่เมื่อใช้ Barbell ปัญหานี้หายไป เพราะทั้งสองข้างต้องทำงานร่วมกันในการยกน้ำหนักเดียวกัน
จากการวัดขนาดกล้ามแขนด้วยเทปวัดหลังจากผ่าน 8 สัปดาห์ พบว่าการใช้ Barbell ให้ผลการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อเฉลี่ย 1.2 เซนติเมตร ในขณะที่ Dumbbell ให้ผลเพียง 0.8 เซนติเมตร
โครงสร้างแรงต้านที่เหมาะกับการ “เพิ่มขนาด”
“ความลับของการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้ออยู่ที่ Progressive Overload และ Time Under Tension ซึ่ง Barbell ตอบโจทย์ทั้งสองอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ การที่สามารถปรับน้ำหนักทีละน้อย และควบคุมความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ดี ทำให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง”
ปูนิ่มได้อ่านงานวิจัยและค้นพบว่า การใช้ Barbell สร้าง Mechanical Tension ได้ดีกว่าอุปกรณ์อื่นๆ เนื่องจากมีการกระจายแรงที่สม่ำเสมอตลอดช่วงการเคลื่อนไหว (Range of Motion) โดยเฉพาะในช่วง Mid-Range ที่เป็นจุดที่กล้ามเนื้อทำงานหนักที่สุด
จากประสบการณ์ในการเตรียมตัวสำหรับ Elite Physique Championships 2022 ที่เมือง Lyndora รัฐ Pennsylvania สหรัฐอเมริกา ปูนิ่มได้ใช้หลักการ Progressive Overload กับ Barbell โดยเพิ่มน้ำหนักทีละ 1.25 กิโลกรัม ทุกสัปดาห์
สิ่งที่น่าสนใจคือ ปูนิ่มพบว่าการใช้ Barbell ช่วยให้สามารถควบคุม Tempo ได้ดีกว่า โดยใช้ Tempo 3-1-2-1 (3 วินาทีลง, 1 วินาทีหยุด, 2 วินาทีขึ้น, 1 วินาทีหยุด) ซึ่งเป็นการเพิ่ม Time Under Tension ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โค้ชปูนิ่มแชมป์ Mr. Thailand 2025 แนะนำจากประสบการณ์จริง
“จากการแข่งขันมากกว่า 15 รายการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การใช้ Barbell ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักและสร้างแรงดันกล้ามเนื้อได้ต่อเนื่อง เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการขยายขนาดแขนโดยเฉพาะหัว Triceps ด้านใน ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้แขนดูแน่นและมีรูปร่างสวยงาม”
การคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 ที่ Royal Cliff Grand Hotel พัทยา ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการเตรียมตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะในส่วนการสร้างกล้ามแขนที่ต้องมีทั้งขนาดและรูปร่างที่สวยงาม
ปูนิ่มจำได้ดีว่า ช่วงเดือนสุดท้ายก่อนการแข่งขัน ได้ใช้เทคนิคพิเศษคือ การทำ Barbell Curl แบบ 21s (7 ครั้งครึ่งท่าล่าง, 7 ครั้งครึ่งท่าบน, 7 ครั้งท่าเต็ม) ซึ่งช่วยให้ Biceps มีการพัฒนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะ Biceps Peak ที่เป็นจุดเด่นในการประกวด
สำหรับ Triceps ปูนิ่มใช้เทคนิค Close-Grip Bench Press กับ Barbell โดยจับห่างกันประมาณ 15 เซนติเมตร ซึ่งช่วยกระตุ้น Triceps หัวใน (Medial Head) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แขนดูแน่นและมีเส้นสายที่สวยงาม
จุดสำคัญที่ปูนิ่มอยากแชร์คือ การใช้ EZ Curl Bar แทน Straight Bar ในบางท่า เพื่อลดการบาดเจ็บที่ข้อมือและข้อศอก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อายุ 40+ ที่ข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
เข้าใจกล้ามแขนให้ถูกก่อนเริ่ม: ต้องเน้นกล้ามเนื้อส่วนไหน?
“การสร้างแขนที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่แค่การเล่น Biceps อย่างเดียว ต้องเข้าใจว่ากล้ามแขนมี 3 ส่วนหลัก คือ Biceps (30%), Triceps (60%), และ Forearms (10%) จากประสบการณ์การประกวด ปูนิ่มพบว่าคนส่วนใหญ่เน้น Biceps มากเกินไป แต่จริงๆ แล้ว Triceps ต่างหากที่ทำให้แขนดูใหญ่และแน่น”
ก่อนที่จะเริ่มเล่นท่าต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจโครงสร้างกล้ามแขน ในช่วงที่เตรียมตัวสำหรับ Thailand Open Masters Games 2024 ปูนิ่มได้ศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Anatomy ของกล้ามแขน และได้ทำการวัดอัตราส่วนกล้ามเนื้อของตัวเอง
ผลที่ได้น่าสนใจมาก เมื่อวัดเส้นรอบแขนในท่า Flex พบว่า Triceps มีส่วนร่วมในการสร้างขนาดแขนถึง 60% ในขณะที่ Biceps เพียง 30% และ Forearms อีก 10% ข้อมูลนี้เปลี่ยนมุมมองการฝึกของปูนิ่มอย่างสิ้นเชิง
กล้ามแขนหน้าหรือ Biceps: หัวสั้น หัวยาว
“Biceps มี 2 หัว คือ หัวสั้น (Short Head) และหัวยาว (Long Head) การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้เลือกท่าเล่นได้ถูกต้อง หัวสั้นสร้างความกว้าง หัวยาวสร้าง Peak ที่สวยงาม จากการแข่งขัน Payap Classic 2023 ปูนิ่มเรียนรู้ว่าการใช้ Barbell Curl แบบ Wide Grip เน้นหัวสั้น ส่วน Close Grip เน้นหัวยาว”
จากประสบการณ์ในการเตรียมตัวสำหรับ Payap Classic 2023 ที่ Central Plaza Lampang ปูนิ่มได้ทดลองปรับโปรแกรมการฝึก Biceps โดยแยกการฝึกแต่ละหัวออกจากกัน
สำหรับ Long Head (หัวยาว) ปูนิ่มใช้ท่า Incline Dumbbell Curl และ Hammer Curl เป็นหลัก แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Barbell Curl แบบ Close Grip (จับห่างกัน 15 เซนติเมตร) พบว่าให้ผลดีกว่ามาก โดยเฉพาะในการสร้าง Biceps Peak ที่เป็นจุดเด่นในการประกวด
ส่วน Short Head (หัวสั้น) ปูนิ่มใช้ Barbell Curl แบบ Wide Grip (จับห่างกัน 40 เซนติเมตร) ซึ่งช่วยให้ Biceps ดูกว้างมากขึ้นเมื่อมองจากด้านหน้า
จุดที่น่าสนใจคือ ปูนิ่มพบว่าการใช้ Barbell ช่วยให้รู้สึกถึงการทำงานของแต่ละหัวได้ชัดเจนกว่า Dumbbell เพราะแรงต้านที่สม่ำเสมอทำให้สามารถ Focus ไปที่กล้ามเนื้อเป้าหมายได้ดีกว่า
กล้ามแขนหลังหรือ Triceps: หัวยาว หัวกลาง หัวข้าง
“Triceps มี 3 หัว แต่ละหัวมีหน้าที่ต่างกัน หัวยาว (Long Head) สร้างขนาด หัวกลาง (Medial Head) สร้างความแน่น หัวข้าง (Lateral Head) สร้างรูปร่าง การใช้ Barbell สามารถกระตุ้นทั้ง 3 หัวได้พร้อมกัน โดยเฉพาะ Close-Grip Bench Press ที่เป็นท่าโปรดของปูนิ่มในการเตรียมตัวประกวด”
ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Mr. Thailand 2024 ที่ได้อันดับ 2 ปูนิ่มได้ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับ Triceps อย่างจริงจัง เพราะสังเกตว่าคู่แข่งที่ได้อันดับ 1 มี Triceps ที่โดดเด่นกว่า
จากการศึกษาพบว่า Long Head ของ Triceps เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุด และเป็นตัวกำหนดขนาดโดยรวมของแขน ปูนิ่มจึงเน้นการใช้ Overhead Triceps Extension กับ Barbell เป็นพิเศษ
Medial Head มีหน้าที่สำคัญในการสร้างความแน่นและ Definition ปูนิ่มใช้ Close-Grip Bench Press และ Skull Crusher เป็นหลัก โดยปรับ Grip ให้แคบกว่าปกติ (ประมาณ 20 เซนติเมตร)
สำหรับ Lateral Head ที่สร้างรูปร่างสวยงามเมื่อมองจากด้านข้าง ปูนิ่มใช้ JM Press ซึ่งเป็นท่าผสมระหว่าง Close-Grip Bench Press และ Skull Crusher
กล้ามแขนล่าง Forearms: ควบคุม grip และแรงกด
“Forearms ถึงแม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% แต่เป็นส่วนที่สำคัญมากในการประกวด เพราะช่วยสร้างความต่อเนื่องจากไหล่ลงมาถึงข้อมือ การใช้ Barbell ช่วยฝึก Grip Strength และสร้างความแข็งแรงให้ Forearms ไปพร้อมกัน”
จากการแข่งขัน Muscle and Physique Championships 2022 ปูนิ่มสังเกตว่าผู้เข้าแข่งขันที่มี Forearms แข็งแรงและมีรูปร่างสวยงาม มักจะได้คะแนนในหมวด Overall Physique สูงกว่า
ปูนิ่มได้ทดลองเปรียบเทียบการฝึก Forearms ด้วย Barbell และอุปกรณ์อื่นๆ พบว่า Barbell Wrist Curl ให้ผลดีที่สุด เพราะสามารถใช้น้ำหนักหนักได้และควบคุม Range of Motion ได้ดี
จุดสำคัญคือ การฝึก Forearms ด้วย Barbell ยังช่วยเสริม Grip Strength ซึ่งมีผลต่อการฝึกท่าอื่นๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อ Grip แข็งแรงขึ้น จะสามารถทำ Barbell Curl ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องหยุดเพราะมือล้า
ตารางสรุปหน้าที่กล้ามแขนแต่ละมัด
“จากการวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเองและนักกีฬาที่ปรึกษา ปูนิ่มได้สร้างตารางอัตราส่วนการฝึกที่เหมาะสม คือ Triceps 50%, Biceps 35%, Forearms 15% ซึ่งแตกต่างจากที่คนทั่วไปคิด และเป็นสูตรที่ช่วยให้คว้าแชมป์มาได้”
จากประสบการณ์การฝึกมากกว่า 20 ปี ปูนิ่มได้รวบรวมข้อมูลและสร้างตารางอ้างอิงสำหรับการวางแผนการฝึก:
กล้ามแขนหน้า (Biceps)
- หัวสั้น (Short Head): สร้างความกว้าง 40%
- หัวยาว (Long Head): สร้าง Peak 60%
- ท่าหลัก Barbell: Wide Grip Curl, Close Grip Curl
กล้ามแขนหลัง (Triceps)
- หัวยาว (Long Head): สร้างขนาด 50%
- หัวกลาง (Medial Head): สร้างความแน่น 30%
- หัวข้าง (Lateral Head): สร้างรูปร่าง 20%
- ท่าหลัก Barbell: Close-Grip Bench Press, Skull Crusher, Overhead Extension
กล้ามแขนล่าง (Forearms)
- Flexors: ข้อมืองอ 60%
- Extensors: ข้อมือเหยียด 40%
- ท่าหลัก Barbell: Wrist Curl, Reverse Wrist Curl
ตารางนี้เป็นผลมาจากการวัดและบันทึกข้อมูลของปูนิ่มเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการสังเกตจากการแข่งขันต่างๆ ที่เข้าร่วม
🔥 20 ท่าเล่นแขน Barbell ที่โค้ชปูนิ่มใช้จริงในการประกวด
“20 ท่าเล่นแขนด้วย Barbell ที่ปูนิ่มจะแชร์นี้ ไม่ใช่แค่ท่าทั่วไป แต่เป็นท่าที่ผ่านการคัดสรรและทดสอบจริงในการเตรียมตัวประกวดมากกว่า 15 รายการ แต่ละท่ามีเป้าหมายและเทคนิคเฉพาะที่จะช่วยให้คุณสร้างแขนที่สมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
จากการเตรียมตัวสำหรับการประกวดต่างๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปูนิ่มได้คัดสรรท่าเล่นแขนด้วย Barbell ที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดมารวมไว้ 20 ท่า โดยแต่ละท่าผ่านการทดสอบจริงและมีส่วนช่วยในการคว้าแชมป์ต่างๆ มาแล้ว
การจัดกลุ่มท่าเล่นนี้มาจากการวิเคราะห์ว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนต้องการการพัฒนาแบบไหน และใช้เวลาเท่าไหร่ในการฝึกจึงจะได้ผลลัพธ์ที่สมดุล โดยเฉพาะในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Mr. Thailand 2025 ปูนิ่มใช้ท่าเหล่านี้เป็นหลักเกือบทั้งหมด
🔵 กล้ามแขนหน้า (Biceps Focus)
“กลุ่มท่า Biceps ด้วย Barbell 7 ท่าที่คัดสรร เน้นการสร้างทั้งขนาดและรูปร่าง โดยเฉพาะ Barbell Biceps Curl ที่เป็นราชาของการฝึก Biceps และ Drag Curl ที่เป็นเทคนิคลับในการสร้าง Peak ที่สวยงาม”
- Barbell Biceps Curl ท่าพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Payap Classic 2023 ปูนิ่มใช้ท่านี้เป็นหลัก โดยเริ่มจากน้ำหนัก 20 กิโลกรัม และค่อยๆ เพิ่มไปจนถึง 35 กิโลกรัม เทคนิคสำคัญคือการควบคุม Tempo 3-1-2-1 และการไม่ให้ศอกเลื่อนไปด้านหลัง ผลที่ได้คือ Biceps มีขนาดเพิ่มขึ้น 1.8 เซนติเมตรใน 12 สัปดาห์
- Wide-Grip Curl การจับ Barbell แบบกว้าง (40-45 เซนติเมตร) เพื่อเน้น Short Head ของ Biceps ปูนิ่มค้นพบท่านี้ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Thailand Open Masters Games 2024 เมื่อสังเกตว่า Biceps ยังไม่กว้างพอเมื่อมองจากด้านหน้า การใช้ Wide Grip ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน
- Close-Grip Barbell Curl ในทางตรงข้าม การจับแคบ (15-20 เซนติเมตร) จะเน้น Long Head และช่วยสร้าง Biceps Peak ปูนิ่มใช้ท่านี้เป็นพิเศษก่อนการแข่งขัน Mr. Thailand 2025 เพื่อเพิ่มจุดเด่นในท่า Front Double Biceps
- Drag Curl เทคนิคลับที่ปูนิ่มเรียนรู้จากโค้ชต่างชาติ แทนที่จะยก Barbell ขึ้นข้างหน้า ให้ลาก Barbell ไปตามลำตัว เทคนิคนี้ช่วยให้ Long Head ทำงานหนักกว่าปกติ และสร้าง Biceps Peak ที่โดดเด่น
- Reverse Barbell Curl การจับ Barbell แบบหงาย (Overhand Grip) เพื่อฝึก Brachialis และ Brachioradialis ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ Biceps การพัฒนากล้ามเนื้อเหล่านี้จะทำให้ Biceps ดูใหญ่ขึ้นเมื่อมองจากด้านข้าง
- Preacher Curl with Barbell การใช้ Preacher Bench ช่วยแยก Biceps ให้ทำงานเพียงอย่างเดียว ปูนิ่มชอบใช้ท่านี้ในช่วงท้ายของการฝึก เพื่อ Burn Out Biceps และเพิ่มการสูบเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
- Spider Curl with Barbell ท่านี้คล้าย Preacher Curl แต่ทำบนด้านตรงข้ามของ Bench ทำให้มุมการฝึกแตกต่างและกระตุ้น Biceps ในมุมที่ไม่เคยได้รับการกระตุ้น ปูนิ่มใช้ท่านี้เมื่อต้องการ Shock กล้ามเนื้อให้เจริญเติบโตต่อ
🔴 กล้ามแขนหลัง (Triceps Focus)
“Triceps คือกุญแจสำคัญของแขนใหญ่ 6 ท่าที่คัดสรรนี้ครอบคลุมทั้ง 3 หัวของ Triceps โดยเฉพาะ Close-Grip Bench Press ที่เป็นท่าโปรดและ Skull Crusher ที่ช่วยให้คว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 มาได้”
- Skull Crusher (Lying Triceps Extension) ท่าคลาสสิคที่ปูนิ่มใช้ตลอดการเตรียมตัวประกวด การนอนบน Bench และลดแขนลงมาทางหัว โดยเฉพาะการใช้ EZ Bar แทน Straight Bar ช่วยลดการบาดเจ็บที่ข้อมือ ปูนิ่มสามารถใช้น้ำหนักได้ถึง 40 กิโลกรัม ในท่านี้
- Close-Grip Bench Press ท่าโปรดของปูนิ่มที่ช่วยสร้างทั้งความแข็งแรงและขนาดให้ Triceps การจับ Barbell ห่างกัน 20 เซนติเมตร และกดแบบควบคุมช่วยให้ทั้ง 3 หัวของ Triceps ทำงานพร้อมกัน น้ำหนักที่ปูนิ่มใช้คือ 60 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่า Skull Crusher มาก
- Barbell Overhead Triceps Extension การยกน้ำหนักเหนือหัวช่วยยืด Long Head ของ Triceps ให้สุด ทำให้ได้การกระตุ้นที่ดีที่สุด ปูนิ่มมักทำท่านี้ในท่านั่งเพื่อความปลอดภัย และใช้ EZ Bar เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
- JM Press ท่าที่ผสมระหว่าง Close-Grip Bench Press และ Skull Crusher ช่วยกระตุ้น Triceps ในมุมที่ไม่เคยได้รับการกระตุ้น ปูนิ่มเรียนรู้ท่านี้จากนักเพาะกายอเมริกัน และนำมาใช้ก่อนการแข่งขัน Elite Physique Championships 2022
- Incline Triceps Extension การทำบน Incline Bench ช่วยเปลี่ยนมุมการกระตุ้นและลดความกดดันที่ไหล่ ปูนิ่มใช้ท่านี้เมื่อรู้สึกว่าไหล่เริ่มเมื่อยจากการฝึกหนัก
- Barbell Kickback ท่าที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ให้ผลดีมากในการแยก Triceps การก้มตัวและเหยียดแขนไปด้านหลังช่วยให้ Lateral Head ทำงานหนัก ปูนิ่มใช้น้ำหนักเบาแต่ทำ Rep สูง
🟢 กล้ามแขนท่อนล่าง (Forearms Focus)
“Forearms ถึงแม้จะดูเล็ก แต่มีบทบาทสำคัญในการประกวด 6 ท่าที่คัดสรรนี้จะช่วยสร้างความต่อเนื่องจากแขนบนลงมาถึงข้อมือ และเสริม Grip Strength ที่จำเป็นสำหรับการฝึกท่าอื่นๆ”
- Wrist Curl ท่าพื้นฐานสำหรับ Forearms การนั่งและวาง Forearms บน Bench แล้วงอข้อมือขึ้นลง ปูนิ่มใช้น้ำหนัก 15-20 กิโลกรัม และทำ 15-20 Rep ต่อ Set เพื่อสร้างความอดทนและขนาด
- Behind-the-Back Wrist Curl การถือ Barbell ไว้ด้านหลังตัวและงอข้อมือ ท่านี้ช่วยยืด Forearms มากกว่าปกติและให้การกระตุ้นที่แตกต่าง ปูนิ่มใช้ท่านี้เมื่อต้องการ Shock กล้ามเนื้อ
- Reverse Wrist Curl การเหยียดข้อมือในทิศทางตรงข้าม เพื่อฝึกกล้ามเนื้อด้านบนของ Forearms การทำท่านี้ช่วยให้ Forearms ดูสมดุลและมีรูปร่างสวยงาม
- Hammer Curl with Barbell การใช้ Barbell ในแนวตั้งเพื่อเลียนแบบ Hammer Curl ด้วย Dumbbell ท่านี้ช่วยฝึก Brachioradialis ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญของ Forearms
- Zottman Curl with Barbell การผสมระหว่าง Regular Curl และ Reverse Curl ในท่าเดียว ยกขึ้นแบบ Underhand และลงแบบ Overhand ช่วยฝึกทั้ง Biceps และ Forearms พร้อมกัน
- Reverse Grip Drag Curl การใช้ Overhand Grip ในการทำ Drag Curl ช่วยเน้น Forearms และ Brachialis มากกว่าปกติ ปูนิ่มใช้ท่านี้เป็นท่าสุดท้ายในการฝึก เพื่อ Burn Out ทั้งแขน
- Static Hold with Barbell การถือ Barbell ไว้ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อฝึก Grip Strength และความอดทนของ Forearms ปูนิ่มจะถือ Barbell 30 กิโลกรัม เป็นเวลา 30-60 วินาที เป็นท่าปิดท้ายการฝึก
จากการใช้ 20 ท่านี้อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 2 ปี ปูนิ่มพบว่าแขนมีพัฒนาการที่ชัดเจนทั้งในด้านขนาด รูปร่าง และความแข็งแรง โดยเฉพาะในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Mr. Thailand 2025 ที่ใช้ท่าเหล่านี้เป็นโครงสร้างหลักของโปรแกรมการฝึก
สิ่งสำคัญคือการไม่ทำทุกท่าในวันเดียว แต่ให้แบ่งออกตามกลุ่มกล้ามเนื้อและวัตถุประสงค์ของการฝึกในแต่ละวัน
โปรแกรมฝึก “แขนล้วน” ด้วย Barbell แยกตามระดับ
“การสร้างโปรแกรมฝึกแขนที่ได้ผลไม่ใช่แค่การเอาท่าต่างๆ มาเรียงกัน แต่ต้องคำนึงถึงระดับของผู้ฝึก ความถี่ในการฝึก และการ Recovery จากประสบการณ์การฝึกมากกว่า 20 ปี ปูนิ่มได้สร้างโปรแกรมที่เหมาะสำหรับทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงระดับแข่งขัน”
หลังจากคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 มาได้ ปูนิ่มได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึก โดยเฉพาะจากผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นและอยากได้ผลลัพธ์เร็ว ซึ่งปูนิ่มต้องเน้นย้ำเสมอว่า การฝึกที่ได้ผลต้องเริ่มจากพื้นฐานที่ถูกต้อง
ในช่วงที่ทำงานเป็น Personal Trainer ที่ Smartgym Fitness Thailand ปูนิ่มได้พัฒนาโปรแกรมสำหรับลูกค้าที่มีระดับแตกต่างกัน และพบว่าการแบ่งระดับอย่างชัดเจนช่วยให้ผู้ฝึกได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้โปรแกรมเดียวกันกับทุกคน
ผู้เริ่มต้น: 2 วัน/สัปดาห์ ปรับฟอร์มให้เป๊ะ
“สำหรับผู้เริ่มต้น การฝึก 2 วัน/สัปดาห์เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ เน้นการเรียนรู้ฟอร์มที่ถูกต้องมากกว่าน้ำหนัก จากประสบการณ์การสอน ปูนิ่มพบว่าผู้ที่มีฟอร์มดีตั้งแต่เริ่มต้นจะพัฒนาได้เร็วกว่าและไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ”
วันที่ 1: เน้น Biceps และ Forearms
- Barbell Biceps Curl: 3 sets x 12-15 reps (น้ำหนัก 40-50% ของ 1RM)
- Wide-Grip Curl: 3 sets x 12-15 reps
- Wrist Curl: 3 sets x 15-20 reps
- Reverse Wrist Curl: 3 sets x 15-20 reps
วันที่ 2: เน้น Triceps และ Forearms
- Close-Grip Bench Press: 3 sets x 10-12 reps (น้ำหนัก 50-60% ของ 1RM)
- Skull Crusher: 3 sets x 12-15 reps
- Behind-the-Back Wrist Curl: 3 sets x 15-20 reps
- Static Hold: 3 sets x 20-30 วินาที
ในช่วงนี้ ปูนิ่มแนะนำให้พักระหว่าง Set 60-90 วินาที และเน้นการควบคุม Tempo ให้ช้าและมีสติ โดยเฉพาะในช่วง Eccentric (การลดน้ำหนัก) ที่ควรใช้เวลา 3 วินาที
จากประสบการณ์การสอนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปูนิ่มพบว่าผู้เริ่มต้นที่ทำตามโปรแกรมนี้อย่างสม่ำเสมอจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์ โดยเฉพาะในด้านความแข็งแรงและการควบคุมการเคลื่อนไหว
ระดับกลาง: 3 วัน/สัปดาห์ + Progressive Overload
“เมื่อฟอร์มดีแล้ว ถึงเวลาเพิ่มความถี่และน้ำหนัก Progressive Overload คือหัวใจสำคัญของการเจริญเติบโต ปูนิ่มใช้หลักการเพิ่มน้ำหนัก 2.5-5% ทุกสัปดาห์ ร่วมกับการเพิ่ม Volume และเปลี่ยนแปลง Tempo”
วันที่ 1: Biceps Focus
- Barbell Biceps Curl: 4 sets x 8-10 reps (น้ำหนัก 70-75% ของ 1RM)
- Close-Grip Barbell Curl: 4 sets x 10-12 reps
- Wide-Grip Curl: 3 sets x 12-15 reps
- Drag Curl: 3 sets x 10-12 reps
วันที่ 2: Triceps Focus
- Close-Grip Bench Press: 4 sets x 6-8 reps (น้ำหนัก 75-80% ของ 1RM)
- Skull Crusher: 4 sets x 8-10 reps
- Overhead Triceps Extension: 4 sets x 10-12 reps
- JM Press: 3 sets x 8-10 reps
วันที่ 3: Mixed + Forearms
- Barbell Biceps Curl: 3 sets x 10-12 reps
- Close-Grip Bench Press: 3 sets x 8-10 reps
- Wrist Curl: 4 sets x 15-20 reps
- Reverse Wrist Curl: 4 sets x 15-20 reps
- Zottman Curl: 3 sets x 12-15 reps
ในระดับนี้ ปูนิ่มเริ่มใช้เทคนิค Rest-Pause และ Drop Set เข้ามาช่วย โดยเฉพาะในชุดสุดท้ายของแต่ละท่า เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและกระตุ้นการเจริญเติบโต
จากการติดตามผลลูกศิษย์ในระดับนี้ พบว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของขนาดกล้ามเนื้อเฉลี่ย 0.5-0.8 เซนติเมตรต่อเดือน หากทำตามโปรแกรมและรับประทานอาหารครบถ้วน
ระดับสูง: 4 วัน/สัปดาห์ + Tempo + Superset
“ระดับสูงต้องใช้เทคนิคขั้นสูงเข้ามาช่วย Tempo Training, Superset, Giant Set และ Pre-exhaustion เป็นเครื่องมือที่ปูนิ่มใช้ในการเตรียมตัวประกวด การฝึก 4 วัน/สัปดาห์ให้ Volume และ Intensity ที่เพียงพอสำหรับการแข่งขัน”
วันที่ 1: Heavy Biceps
- Barbell Biceps Curl: 5 sets x 5-6 reps (85-90% ของ 1RM) Tempo 4-1-2-1
- Close-Grip Barbell Curl: 4 sets x 6-8 reps
- Superset: Wide-Grip Curl + Drag Curl (3 sets x 8-10 reps แต่ละท่า)
- Spider Curl: 3 sets x 12-15 reps (Drop Set ในชุดสุดท้าย)
วันที่ 2: Heavy Triceps
- Close-Grip Bench Press: 5 sets x 4-5 reps (85-90% ของ 1RM)
- Skull Crusher: 4 sets x 6-8 reps Tempo 3-1-1-1
- Superset: Overhead Extension + JM Press (3 sets x 8-10 reps)
- Incline Triceps Extension: 3 sets x 12-15 reps
วันที่ 3: Volume Biceps
- Pre-exhaustion: Spider Curl 2 sets x 15 reps แล้วตามด้วย Barbell Curl 4 sets x 10-12 reps
- Giant Set: Wide Grip + Close Grip + Regular Grip Curl (3 rounds, 8 reps แต่ละท่า)
- Reverse Barbell Curl: 4 sets x 12-15 reps
วันที่ 4: Volume Triceps + Forearms
- Giant Set: Close-Grip Bench + Skull Crusher + Overhead Extension (3 rounds, 8-10 reps)
- Superset: JM Press + Barbell Kickback (3 sets x 10-12 reps)
- Forearms Circuit: Wrist Curl + Reverse Wrist Curl + Static Hold (4 rounds)
ในระดับนี้ ปูนิ่มใช้การพักแบบ Active Recovery คือการเดินหรือยืดเบาๆ ระหว่าง Set แทนการนั่งนิ่ง และใช้เทคนิค Blood Flow Restriction (BFR) ในบางชุดเพื่อเพิ่มการสูบเลือด
ตารางฝึก (สามารถดาวน์โหลด .PDF ได้)
“ปูนิ่มได้รวบรวมตารางฝึกทั้งหมดเป็น PDF ที่สามารถพิมพ์เอาไปใช้ในยิมได้ รวมถึงการบันทึกน้ำหนัก จำนวนครั้ง และความรู้สึกหลังการฝึกแต่ละวัน เพื่อติดตามความก้าวหน้าอย่างเป็นระบบ”
ตารางการติดตามความก้าวหน้า
สัปดาห์ที่ 1-4: Phase เพิ่มความแข็งแรง
- เป้าหมาย: เพิ่มน้ำหนัก 5-10% ทุก 2 สัปดาห์
- การวัด: บันทึก 1RM ของท่าหลักทุกสัปดาห์
สัปดาห์ที่ 5-8: Phase เพิ่มขนาด
- เป้าหมาย: เพิ่ม Volume 10-15%
- การวัด: วัดเส้นรอบแขนทุก 2 สัปดาห์
สัปดาห์ที่ 9-12: Phase ปรับรูปร่าง
- เป้าหมาย: เพิ่ม Definition และ Separation
- การวัด: ถ่ายภาพเปรียบเทียบและวัดเปอร์เซ็นต์ไขมัน
ปูนิ่มแนะนำให้บันทึกข้อมูลต่างๆ ดังนี้:
- น้ำหนักที่ใช้ในแต่ละท่า
- จำนวน Set และ Rep ที่ทำได้จริง
- ระดับความเหนื่อย (RPE Scale 1-10)
- ความรู้สึกหลังการฝึก
- การนอนหลับและการกิน
จากการติดตามข้อมูลเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เห็นรูปแบบของการพัฒนาและสามารถปรับโปรแกรมให้เหมาะสมกับตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปูนิ่มทำตลอดการเตรียมตัวประกวดและเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
เทคนิคแบบแชมป์: โค้ชปูนิ่มแนะนำวิธีฝึกให้กล้ามแขนขึ้นไว
“ความแตกต่างระหว่างการฝึกแบบธรรมดากับการฝึกแบบแชมป์อยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ การปรับ Grip, มุมการจับ, Tempo และเทคนิคขั้นสูงต่างๆ เป็นสิ่งที่ปูนิ่มเรียนรู้จากการแข่งขันมากกว่า 15 รายการ และนำมาปรับใช้จนกลายเป็นเทคนิคลับที่ช่วยให้คว้าแชมป์มาได้”
หลังจากการคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 ปูนิ่มได้รับคำชมจากผู้พิพากษาหลายท่านเกี่ยวกับ Muscle Quality และ Definition ของแขน ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่สั่งสมมานานกว่า 20 ปี
ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Elite Physique Championships 2022 ที่เมือง Lyndora รัฐ Pennsylvania ปูนิ่มได้เรียนรู้เทคนิคจากโค้ชชาวอเมริกันที่เคยฝึกนักเพาะกาย IFBB Pro หลายคน เทคนิคเหล่านี้เปลี่ยนมุมมองการฝึกของปูนิ่มอย่างสิ้นเชิง
ใช้ Grip แบบไหนให้โดนจุดกล้ามเนื้อเป้าหมาย
“การปรับ Grip เป็นเทคนิคที่ใช้ง่ายที่สุดแต่ให้ผลมาก จากการทดลองในห้องแล็บที่มหาวิทยาลัยและประสบการณ์ตรง ปูนิ่มพบว่าการเปลี่ยน Grip เพียง 5-10 เซนติเมตร สามารถเปลี่ยนกล้ามเนื้อเป้าหมายได้อย่างชัดเจน”
ในช่วงที่เตรียมตัวสำหรับ Payap Classic 2023 ปูนิ่มได้ทำการทดลองโดยใช้ EMG (Electromyography) เพื่อวัดการทำงานของกล้ามเนื้อในแต่ละ Grip:
Close Grip (15-20 เซนติเมตร) จากการวัด พบว่า Long Head ของ Biceps ทำงาน 23% มากกว่า Standard Grip ปูนิ่มใช้ Grip นี้เมื่อต้องการสร้าง Biceps Peak โดยเฉพาะในช่วง 4 สัปดาห์สุดท้ายก่อนประกวด ผลที่ได้คือ Biceps Peak ที่โดดเด่นและเป็นจุดเด่นในท่า Front Double Biceps
Wide Grip (40-45 เซนติเมตร) การวัดแสดงให้เห็นว่า Short Head ทำงานเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับ Standard Grip ปูนิ่มใช้เทคนิคนี้เพื่อสร้างความกว้างของ Biceps เมื่อมองจากด้านหน้า ซึ่งช่วยให้ดูมี V-Taper ที่ดีขึ้น
Standard Grip (ไหล่ห่างเท่ากับไหล่) เป็น Grip ที่ให้การทำงานสมดุลระหว่าง Long Head และ Short Head ปูนิ่มใช้ในช่วงเริ่มต้นการฝึกเพื่อสร้างพื้นฐานความแข็งแรง
สิ่งที่ปูนิ่มค้นพบคือการหมุนข้อมือเล็กน้อย (5-10 องศา) ระหว่างการฝึกจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในมุมที่แตกต่าง โดยเฉพาะในการทำ Hammer Curl with Barbell
ปรับระยะห่างของมือให้ถูกจุด
“ระยะห่างของมือไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวก แต่เป็นเรื่องของ Biomechanics ปูนิ่มใช้หลักการ Golden Ratio ในการกำหนดระยะห่างที่เหมาะสมกับสัดส่วนของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสการบาดเจ็บ”
จากการศึกษาและทดลองกับตัวเอง รวมถึงการสังเกตจากนักเพาะกายระดับโลก ปูนิ่มได้พัฒนาสูตรในการคำนวณระยะห่างที่เหมาะสม:
สำหรับ Biceps Curl
- Close Grip: 0.5 x ความกว้างไหล่
- Standard Grip: 1.0 x ความกว้างไหล่
- Wide Grip: 1.3 x ความกว้างไหล่
สำหรับ Triceps Exercise
- Close-Grip Bench Press: 0.6 x ความกว้างไหล่
- Skull Crusher: 0.8 x ความกว้างไหล่
ปูนิ่มพบว่าการใช้สูตรนี้ช่วยให้ได้ Range of Motion ที่เหมาะสมและลดความเครียดที่ข้อต่อ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อายุ 40+ ที่ข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Thailand Open Masters Games 2025 ปูนิ่มได้ปรับ Grip ตามสูตรนี้และพบว่าสามารถฝึกได้นานขึ้นโดยไม่เกิดอาการปวดข้อศอกหรือข้อมือ
เล่นแบบไหนไม่เจ็บข้อศอก
“การบาดเจ็บที่ข้อศอกเป็นปัญหาใหญ่ของนักฝึกแขน จากประสบการณ์ตรงและการศึกษา ปูนิ่มได้พัฒนาเทคนิคป้องกันการบาดเจ็บที่ใช้ได้ผลจริง โดยเน้นการ Warm-up ที่ถูกต้อง การปรับ Tempo และการใช้อุปกรณ์เสริม”
ในปี 2021 ปูนิ่มเคยประสบปัญหาอาการปวดข้อศอกจากการฝึก Barbell Curl มากเกินไป ซึ่งทำให้ต้องหยุดการฝึกไป 6 สัปดาห์ เหตุการณ์นี้ทำให้เรียนรู้วิธีป้องกันการบาดเจ็บอย่างจริงจัง
เทคนิคการ Warm-up แบบ Specific ก่อนเริ่มฝึกแขน ปูนิ่มจะทำ Warm-up เฉพาะเจาะจง 15 นาที:
- Arm Circle: 2 นาที (30 วินาทีไปข้างหน้า, 30 วินาทีไปข้างหลัง, สลับ)
- Band Pull Apart: 50 ครั้ง
- Light Barbell Curl (แค่แท่งเปล่า): 2 sets x 20 reps
- Triceps Stretch with Band: 1 นาที แต่ละข้าง
การปรับ Tempo เพื่อลดความเครียด ปูนิ่มได้อ่านงานวิจัยและค้นพบว่า Eccentric Phase ที่ช้าเกินไป (มากกว่า 4 วินาที) จะเพิ่มความเครียดที่ข้อศอกมากเกินไป จึงปรับเป็น Tempo 3-1-2-1 ซึ่งให้ผลดีทั้งในด้านการเจริญเติบโตและความปลอดภัย
การใช้ EZ Bar แทน Straight Bar หลังจากการบาดเจ็บ ปูนิ่มเปลี่ยนจาก Straight Bar เป็น EZ Bar ใน 70% ของการฝึก พบว่าลดอาการปวดได้อย่างชัดเจน โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการฝึก
ทริคใช้ Barbell แบบ EZ Curl Bar หรือ Standard Bar
“การเลือกใช้ EZ Bar หรือ Standard Bar ไม่ใช่เรื่องของความชอบ แต่เป็นเรื่องของจุดประสงค์และสภาพร่างกาย ปูนิ่มใช้ Standard Bar 60% และ EZ Bar 40% ตามเป้าหมายของแต่ละช่วงการฝึก”
จากประสบการณ์การใช้ทั้งสอง Bar มากกว่า 15 ปี ปูนิ่มได้สรุปข้อดีข้อเสียและวิธีการใช้:
Standard Bar (Straight Bar) ข้อดี:
- ให้การกระตุ้น Biceps ได้มากที่สุด
- สามารถใส่น้ำหนักได้มาก
- เหมาะสำหรับการสร้างความแข็งแรงสูงสุด
ข้อเสีย:
- เสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ข้อมือและข้อศอก
- อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อต่อ
ปูนิ่มใช้ Standard Bar ในช่วงที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงสูงสุด โดยเฉพาะในช่วง Off-season ที่ไม่ได้เตรียมตัวประกวด
EZ Curl Bar ข้อดี:
- ลดความเครียดที่ข้อมือและข้อศอก
- สามารถฝึกได้นานขึ้น
- เหมาะสำหรับ High Volume Training
ข้อเสีย:
- การกระตุ้น Biceps น้อยกว่า Standard Bar ประมาณ 8-12%
- จำกัดการเพิ่มน้ำหนักได้ไม่มากเท่า
ปูนิ่มใช้ EZ Bar ในช่วงเตรียมตัวประกวดที่ต้องฝึกบ่อยและต้องการ Volume สูง
เทคนิค Dropset, Superset และ Rest-Pause สำหรับแขน
“เทคนิคขั้นสูงเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการ Break Plateau และเพิ่มความเข้มข้นของการฝึก ปูนิ่มใช้เทคนิคเหล่านี้ในช่วง 8 สัปดาห์สุดท้ายก่อนประกวด เพื่อให้ได้ Definition และ Vascularity ที่ชัดเจน”
Dropset Technique ปูนิ่มใช้ Dropset แบบ Triple Drop โดยลดน้ำหนัก 20% ในแต่ละ Drop:
- Set 1: 100% weight x 8-10 reps
- Drop 1: 80% weight x 8-10 reps (ไม่พัก)
- Drop 2: 60% weight x 12-15 reps (ไม่พัก)
เทคนิคนี้ใช้ในชุดสุดท้ายของ Barbell Curl และ Close-Grip Bench Press เท่านั้น เพื่อป้องกันการ Overtrain
Superset ระหว่าง Antagonist การจับคู่ Biceps และ Triceps:
- Barbell Curl → Close-Grip Bench Press
- Wide-Grip Curl → Skull Crusher
- Drag Curl → Overhead Extension
ปูนิ่มพบว่าเทคนิคนี้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มการสูบเลือดไปเลี้ยงแขน ทำให้ได้ Pump ที่ดีกว่า
Rest-Pause Method ในชุดสุดท้าย ปูนิ่มจะทำจนล้า จากนั้นพัก 10-15 วินาที แล้วทำต่ออีก 3-5 reps พักอีกครั้ง และทำต่อจนได้อีก 2-3 reps เทคนิคนี้ช่วยเพิ่ม Volume โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน Set
การใช้เทคนิคเหล่านี้อย่างถูกต้องและไม่มากเกินไป เป็นสิ่งที่ช่วยให้ปูนิ่มพัฒนาแขนได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่ฝึกมานานแล้ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเล่นแขนด้วย Barbell (FAQ)
“จากประสบการณ์การเป็น Personal Trainer และการตอบคำถามจากนักกีฬามากกว่า 1,000 คน ปูนิ่มได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการเล่นแขนด้วย Barbell พร้อมคำตอบที่มาจากประสบการณ์ตรงและข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุด”
ตลอด 3 ปีที่ทำงานเป็น Personal Trainer ที่ Smartgym Fitness Thailand ปูนิ่มได้รับคำถามมากมายจากลูกค้าที่มีประสบการณ์การฝึกต่างกันไป ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นที่อายุ 40+ ไปจนถึงนักกีฬาที่เตรียมตัวแข่งขัน
คำถามเหล่านี้มักจะซ้ำกันและเป็นข้อสงสัยพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ ปูนิ่มจึงรวบรวมมาให้เพื่อช่วยลดความสับสนและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
Q1: มือใหม่ควรเริ่มเล่นท่าไหนก่อน?
เริ่มจาก Barbell Biceps Curl และ Close-Grip Bench Press โดยใช้น้ำหนักเบาเพื่อควบคุมฟอร์ม ปูนิ่มแนะนำให้เริ่มด้วยแค่น้ำหนักแท่งเปล่า (20 กิโลกรัม) ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มทีละ 2.5 กิโลกรัมทุกสัปดาห์ การมีฟอร์มที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว
Q2: ควรฝึกกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
2-3 ครั้ง/สัปดาห์ พร้อมมี Rest day อย่างน้อย 1 วัน จากประสบการณ์การเตรียมตัวประกวด ปูนิ่มพบว่าการให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโต ช่วงที่ฝึกมากเกินไปกลับทำให้ผลลัพธ์แย่ลง
Q3: Barbell Curl เจ็บข้อมือ แก้ยังไง?
ลองเปลี่ยนเป็น EZ Bar และปรับ Grip ให้ตรงกับแนวธรรมชาติของข้อมือ ปูนิ่มเคยประสบปัญหานี้ในช่วงเริ่มต้น และพบว่า EZ Bar ช่วยลดความกดดันที่ข้อมือได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ควรทำการ Warm-up ข้อมือให้ดีก่อนเริ่มฝึก
Q4: ใช้น้ำหนักหนักดีกว่าน้ำหนักเบาไหม?
ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย สำหรับการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ ควรใช้น้ำหนัก 70-80% ของ 1RM และทำ 8-12 reps ปูนิ่มใช้หลักการ Progressive Overload คือเพิ่มน้ำหนักค่อยๆ เมื่อทำได้ครบตามเป้าหมาย แทนการกระโดดไปใช้น้ำหนักหนักทันที
Q5: ทำไมแขนข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้าง?
เป็นเรื่องปกติสำหรับมือใหม่ เพราะข้างถนัดมักแข็งแรงกว่า Barbell ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เพราะบังคับให้ทั้งสองข้างทำงานเท่าเทียมกัน ปูนิ่มแนะนำให้อดทนฝึกต่อไป ปกติจะสมดุลกันภายใน 3-6 เดือน
Q6: ควรฝึกแขนหรือกล้ามเนื้อใหญ่ก่อน?
ฝึกกล้ามเนื้อใหญ่ก่อน เพราะท่าอย่าง Bench Press หรือ Deadlift ต้องใช้แขนช่วยด้วย ถ้าแขนล้าก่อนจะทำท่าใหญ่ได้ไม่เต็มที่ ปูนิ่มมักฝึกแขนเป็นท่าสุดท้ายของ Upper Body Day หรือแยกเป็นวัน Arm Day เฉพาะ
Q7: กินอะไรดีหลังฝึกแขน?
โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตภายใน 30 นาทีหลังฝึก ปูนิ่มมักดื่ม Whey Protein 30 กรัม ผสมกับกล้วย 1 ลูก และกินข้าวผสมไก่ภายใน 1-2 ชั่วโมง การกินให้ถูกต้องมีส่วนสำคัญ 70% ต่อผลลัพธ์ของการฝึก
Q8: ต้องใช้ Supplement ไหม?
ไม่จำเป็น แต่ช่วยได้ ปูนิ่มแนะนำ Whey Protein และ Creatine เป็นพื้นฐาน ส่วน Pre-workout หรือ BCAA เป็นทางเลือก สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินอาหารครบ 5 หมู่และพักผ่อนให้เพียงพอ
Q9: เจ็บแขนหลังฝึก ปกติไหม?
DOMS (Delayed Onset Muscle Soreness) เป็นเรื่องปกติภายใน 24-72 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นอาการปวดแบบแสบร้อนหรือปวดที่ข้อต่อให้หยุดและพบแพทย์ ปูนิ่มแนะนำให้ทำการยืดเบาๆ และอาบน้ำอุ่นเพื่อลดอาการ
Q10: ผลจะเห็นเมื่อไหร่?
4-6 สัปดาห์แรกจะรู้สึกแข็งแรงขึ้น ส่วนขนาดจะเริ่มเห็นชัดภายใน 8-12 สัปดาห์ ปูนิ่มแนะนำให้ถ่ายภาพและวัดเส้นรอบแขนทุก 2 สัปดาห์เพื่อติดตามความก้าวหน้า ความอดทนและความสม่ำเสมอคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
สาระน่ารู้จากงานวิจัย
“ปูนิ่มได้อ่านงานวิจัยล่าสุดปี 2024-2025 และค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะงานวิจัยเกี่ยวกับ Overhead Triceps Extension ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และการใช้ Lengthened Partial Range of Motion ที่อาจเป็นเทคนิคใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงการฝึกในอนาคต”
ปูนิ่มได้อ่านงานวิจัยและค้นพบว่า การฝึก Triceps Extension ในท่า Overhead ให้ผลการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อมากกว่าการฝึกในท่า Neutral อย่างมีนัยสำคัญ Triceps brachii hypertrophy is substantially greater after elbow extension training performed in the overhead versus neutral arm position – PubMed ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์ของปูนิ่มที่ใช้ Overhead Triceps Extension เป็นท่าหลักในการเตรียมตัวประกวด
งานวิจัยปี 2024 พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Lengthened Partial Range of Motion ว่าอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อได้ดีกว่า Full Range of Motion Recapping 2024’s Most Notable Muscle-Building Studies | BarBend ปูนิ่มได้นำเทคนิคนี้มาทดลองใช้ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Mr. Thailand 2025 และพบว่าให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
การศึกษาเปรียบเทียบ EMG Activity ระหว่าง Straight Bar, EZ Bar และ Dumbbell พบว่า EZ Bar ให้การกระตุ้น Biceps Brachii และ Brachioradialis สูงกว่า Dumbbell อย่างมีนัยสำคัญ Differences in electromyographic activity of biceps brachii and brachioradialis while performing three variants of curl – PMC ข้อมูลนี้สนับสนุนการที่ปูนิ่มเลือกใช้ EZ Bar ในสัดส่วน 40% ของการฝึก
งานวิจัยด้าน EMG แสดงให้เห็นว่า Concentration Curl และ Cable Curl ให้การกระตุ้น Biceps สูงที่สุด ในขณะที่ Barbell Curl ให้ความสะดวกในการเพิ่มน้ำหนักมากกว่า The BarbellBarBend ปูนิ่มใช้ข้อมูลนี้ในการออกแบบโปรแกรมโดยใช้ Barbell Curl เป็นท่าหลักสำหรับสร้างความแข็งแรง และใช้ Concentration Curl เป็นท่าสุดท้ายเพื่อ Burn Out
ตารางสรุปงานวิจัยที่สำคัญ
งานวิจัย | ปีที่ศึกษา | ผลการวิจัย | การนำไปใช้ |
Overhead vs Neutral Triceps Extension | 2023 | การฝึกแบบ Overhead เพิ่มขนาด Triceps มากกว่า 23% | ปูนิ่มเพิ่มสัดส่วน Overhead Extension เป็น 60% |
Lengthened Partial ROM | 2024 | ให้ผลเท่าเทียมหรือดีกว่า Full ROM | ทดลองใช้ในช่วง 4 สัปดาห์สุดท้ายก่อนประกวด |
EZ Bar vs Straight Bar | 2018 | EZ Bar เพิ่มการกระตุ้น Brachialis และ Brachioradialis | เปลี่ยนอัตราส่วนเป็น EZ Bar 40%, Straight Bar 60% |
EMG Activity Biceps Exercises | 2024 | Concentration Curl และ Cable Curl สูงสุด | ใช้เป็นท่าปิดท้ายในการฝึก Biceps |
ข้อมูลจากงานวิจัยเหล่านี้ช่วยให้ปูนิ่มปรับปรุงโปรแกรมการฝึกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการประกวด
จากประสบการณ์ตรง: แขนแน่น แขนสวย ไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ
“หลังจากผ่านการแข่งขันมากกว่า 15 รายการและเป็น Personal Trainer มา 3 ปี ปูนิ่มได้เรียนรู้ว่าการสร้างแขนที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องของการยกน้ำหนักหนักที่สุด แต่เป็นเรื่องของความสม่ำเสมอ เทคนิคที่ถูกต้อง และการฟังเสียงร่างกาย ความผิดพลาดที่เคยทำช่วยสอนให้รู้ว่าทางลัดไม่มีจริง แต่วิธีที่ถูกต้องจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน”
การเดินทางในวงการฟิตเนสและเพาะกายมากกว่า 20 ปีของปูนิ่มไม่ใช่เรื่องราบรื่น มีความผิดพลาด การบาดเจ็บ และบทเรียนมากมายที่ต้องผ่านมา แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นประสบการณ์อันมีค่าที่สามารถนำมาแชร์เพื่อช่วยให้ผู้อื่นเดินทางไปสู่เป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
จากการคว้าแชมป์ Mr. Thailand 2025 ที่ Royal Cliff Grand Hotel พัทยา ปูนิ่มได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับ “เคล็ดลับ” ในการสร้างแขนที่สวยงาม แต่สิ่งที่ปูนิ่มอยากบอกคือ ไม่มีเคล็ดลับหรือทางลัดใดๆ มีเพียงความอดทน วินัย และการเรียนรู้จากความผิดพลาดเท่านั้น
สิ่งที่โค้ชปูนิ่มเคยผิดพลาดตอนเริ่มฝึก
“ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในช่วงเริ่มต้นคือการคิดว่า ‘มากกว่า = ดีกว่า’ ปูนิ่มเคยฝึกแขนทุกวัน ใช้น้ำหนักหนักเกินไป และไม่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน ผลที่ได้คือการบาดเจ็บและความก้าวหน้าที่ช้าลง แทนที่จะเร็วขึ้นตามที่คิด”
ความผิดพลาดที่ 1: ฝึกแขนทุกวัน ในช่วงแรกๆ ที่เริ่มสนใจการออกกำลังกาย ปูนิ่มคิดว่าการฝึกแขนทุกวันจะช่วยให้แขนโตเร็วขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอ่านนิตยสารเพาะกายที่บอกว่านักเพาะกายดังๆ ฝึกกันทุกวัน
ผลที่ได้คือ หลังจากสัปดาห์แรก แขนเริ่มอ่อนแรง ความแข็งแรงลดลง และที่แย่ที่สุดคือเริ่มมีอาการปวดข้อศอก ต้องหยุดพักไป 2 สัปดาห์เต็ม ซึ่งช้ากว่าการฝึกแบบถูกต้องที่ให้กล้ามเนื้อพักฟื้น
จากประสบการณ์นี้ ปูนิ่มได้เรียนรู้ว่า Recovery คือส่วนสำคัญของการเจริญเติบโต ไม่ใช่แค่การฝึกเท่านั้น กล้ามเนื้อเจริญเติบโตในช่วงที่พัก ไม่ใช่ในช่วงที่ฝึก
ความผิดพลาดที่ 2: เน้นน้ำหนักหนักมากเกินไป ในช่วงที่มีประสบการณ์ 2-3 ปี ปูนิ่มเริ่มมีอีโก้และอยากยกน้ำหนักหนักๆ เพื่อให้ดูเก่ง โดยเฉพาะ Barbell Curl ที่พยายามใช้น้ำหนักหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลที่ได้คือ ฟอร์มเริ่มผิด การใช้ร่างกายโยกไปโยกมาเพื่อช่วยยก และที่สำคัญคือกล้ามเนื้อเป้าหมายไม่ได้รับการกระตุ้นเท่าที่ควร แม้จะใช้น้ำหนักหนัก แต่ Biceps กลับไม่โต
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อปูนิ่มลดน้ำหนักลง 20% แต่เน้นการควบคุมฟอร์มให้ถูกต้อง ผลที่ได้คือการเจริญเติบโตที่ชัดเจนกว่าเดิม
ความผิดพลาดที่ 3: ไม่ให้ความสำคัญกับ Triceps เหมือนกับหลายๆ คน ปูนิ่มเคยคิดว่า Biceps คือทุกอย่างของแขน จึงใช้เวลา 80% ในการฝึก Biceps และเพียง 20% กับ Triceps
หลังจากเข้าแข่งขันครั้งแรกและได้อันดับไม่ดี ผู้พิพากษาให้ Feedback ว่า “แขนดูไม่เต็ม ไม่มีขนาด” ปูนิ่มจึงเริ่มศึกษาและพบว่า Triceps มีส่วนสำคัญถึง 60% ของขนาดแขน
การปรับสัดส่วนเป็น Triceps 50%, Biceps 35%, Forearms 15% ทำให้แขนดูเต็มและมีขนาดมากขึ้นอย่างชัดเจน
ความผิดพลาดที่ 4: ไม่สนใจ Nutrition และ Sleep ในช่วงแรก ปูนิ่มคิดว่าการฝึกหนักเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการกิน การนอน หรือการจัดการ Stress
ผลที่ได้คือ ฝึกหนักแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จนกระทั่งเริ่มศึกษาเรื่อง Nutrition และพบว่าโปรตีนที่กินต่อวันไม่เพียงพอ การนอนไม่ครบ 7-8 ชั่วโมง และ Stress จากงานส่งผลต่อการฝึกมาก
การปรับปรุง Lifestyle ทำให้ผลการฝึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้เปลี่ยนโปรแกรมการฝึก
วิธีฝึกที่พัฒนาแขนให้เข้ารอบประกวด
“การเตรียมตัวสำหรับการประกวดไม่ใช่แค่การฝึกหนักขึ้น แต่เป็นการฝึกอย่างชาญฉลาด ปูนิ่มใช้หลัก Periodization และ Specificity ในการออกแบบโปรแกรม โดยแบ่งเป็น 3 Phase ชัดเจน พร้อมกับการติดตามผลลัพธ์อย่างเป็นระบบ”
Phase 1: Foundation Building (16-12 สัปดาห์ก่อนประกวด) ในระยะนี้ปูนิ่มเน้นการสร้างพื้นฐานความแข็งแรงและขนาดกล้ามเนื้อ โดยใช้ Compound Movement เป็นหลัก
โปรแกรมหลัก:
- Close-Grip Bench Press: 4 sets x 6-8 reps (เน้นสร้างความแข็งแรง Triceps)
- Barbell Curl: 4 sets x 8-10 reps (เน้นสร้างขนาด Biceps)
- Overhead Triceps Extension: 3 sets x 10-12 reps
- Hammer Curl with Barbell: 3 sets x 12-15 reps
การฝึก 3 วัน/สัปดาห์ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มน้ำหนักทุกสัปดาห์ (Progressive Overload) และการรับประทานอาหารที่เพียงพอ
ผลที่ได้ในช่วง 4 สัปดาห์แรก คือการเพิ่มขึ้นของเส้นรอบแขนจาก 38 เซนติเมตร เป็น 39.2 เซนติเมตร และความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 15%
Phase 2: Hypertrophy Focus (12-6 สัปดาห์ก่อนประกวด) ระยะนี้เปลี่ยนจากการเน้นความแข็งแรงมาเป็นการเน้นขนาดกล้ามเนื้อ โดยเพิ่ม Volume และใช้เทคนิคขั้นสูง
การปรับเปลี่ยน:
- เพิ่มเป็น 4 วัน/สัปดาห์
- ลดน้ำหนัก 10% แต่เพิ่ม Rep เป็น 10-15 reps
- เพิ่มเทคนิค Drop Set และ Superset
- เน้น Time Under Tension โดยใช้ Tempo 3-1-2-1
ท่าที่เพิ่มเข้ามา:
- Concentration Curl: เพื่อเพิ่ม Peak ของ Biceps
- JM Press: เพื่อกระตุ้น Triceps ในมุมใหม่
- Barbell 21s: เทคนิคพิเศษสำหรับ Biceps
ผลลัพธ์ในช่วงนี้คือการเพิ่มขึ้นของเส้นรอบแขนอีก 1.5 เซนติเมตร และเริ่มเห็น Separation และ Definition ชัดเจนขึ้น
Phase 3: Competition Prep (6 สัปดาห์สุดท้าย) ระยะสุดท้ายเน้นการปรับ Definition, Vascularity และ Conditioning โดยไม่สูญเสียขนาดกล้ามเนื้อ
การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่:
- เพิ่มเป็น 5 วัน/สัปดาห์
- ใช้น้ำหนักปานกลาง แต่เพิ่ม Rep เป็น 15-20 reps
- เพิ่มเทคนิค Rest-Pause และ Giant Set
- เพิ่ม Cardio 3 วัน/สัปดาห์ เพื่อลด Body Fat
เทคนิคพิเศษที่ใช้:
- Blood Flow Restriction Training 2 วัน/สัปดาห์
- Pre-exhaustion โดยทำ Isolation ก่อน Compound
- Peak Contraction Hold 3 วินาทีในทุก Rep
ผลลัพธ์สุดท้าย คือแขนที่มีเส้นรอบ 40.5 เซนติเมตร ที่ Body Fat 8% พร้อมกับ Vascularity และ Definition ที่ชัดเจนเหมาะสำหรับการประกวด
แนวทางฝึกแบบมีวินัย ที่ใครก็ทำตามได้
“ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือยีน แต่เป็นเรื่องของระบบและวินัย ปูนิ่มได้พัฒนาระบบการฝึกที่ทุกคนสามารถทำตามได้ ไม่ว่าจะมีเวลาน้อยหรือมาก มีประสบการณ์หรือเป็นมือใหม่ สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง”
ระบบการวางแผนรายสัปดาห์ ปูนิ่มใช้ระบบการวางแผนแบบ Micro-cycle (รายสัปดาห์) และ Meso-cycle (ราย 4 สัปดาห์) เพื่อให้การฝึกมีความชัดเจนและสามารถติดตามได้
สัปดาห์ที่ 1-3: Loading Phase
- Volume สูง, Intensity ปานกลาง
- เน้นการสร้างความชิน (Adaptation)
- ฝึก 3-4 วัน/สัปดาห์
สัปดาห์ที่ 4: Deload Phase
- Volume ลดลง 50%, Intensity ลดลง 20%
- เน้นการฟื้นฟู (Recovery)
- ฝึก 2-3 วัน/สัปดาห์
การใช้ระบบนี้ทำให้ร่างกายไม่เกิด Plateau และสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ระบบการบันทึกข้อมูล ปูนิ่มเน้นการบันทึกข้อมูลทุกครั้งที่ฝึก:
- Training Log
- น้ำหนักที่ใช้ในแต่ละท่า
- จำนวน Set และ Rep จริง
- RPE (Rate of Perceived Exertion) 1-10
- เวลาพักระหว่าง Set
- Body Metrics
- เส้นรอบแขนทุกสัปดาห์
- น้ำหนักตัวและ Body Fat ทุก 2 สัปดาห์
- ภาพถ่ายเปรียบเทียบทุกเดือน
- Lifestyle Factors
- ชั่วโมงการนอนหลับ
- ระดับ Stress (1-10)
- การรับประทานอาหาร (โปรตีนเป็นกรัม)
การบันทึกข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เห็นรูปแบบและสามารถปรับปรุงได้อย่างเฉพาะเจาะจง
ระบบการจัดการเวลา สำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ปูนิ่มได้พัฒนาโปรแกรม Express ที่ใช้เวลาเพียง 30-45 นาที/ครั้ง:
Express Arm Workout (30 นาที)
- Warm-up: 5 นาทีี
- Superset 1: Barbell Curl + Close-Grip Bench Press (3 sets)
- Superset 2: Skull Crusher + Hammer Curl (3 sets)
- Finisher: Barbell 21s (1 set)
- Cool-down: 5 นาที
โปรแกรมนี้ให้ประสิทธิภาพสูงในเวลาสั้น โดยใช้หลัก Superset และ Time Efficiency
ระบบการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ปูนิ่มทำการ Review และปรับปรุงโปรแกรมทุก 4 สัปดาห์:
- วิเคราะห์ข้อมูล จาก Training Log และ Body Metrics
- ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น กล้ามเนื้อส่วนที่ล้าหลัง
- ปรับเปลี่ยนโปรแกรม ตามข้อมูลที่ได้
- ทดสอบในช่วง 2 สัปดาห์แรก แล้วปรับแต่งต่อ
ระบบนี้ทำให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงสุดและไม่เกิดความเบื่อหน่าย
หลักการ SMART Goals สำหรับแขน ปูนิ่มใช้หลัก SMART ในการตั้งเป้าหมาย:
- Specific: เป้าหมายชัดเจน เช่น “เพิ่มเส้นรอบแขน 2 เซนติเมตร”
- Measurable: วัดได้ โดยใช้เทปวัด
- Achievable: ทำได้จริง ไม่ตั้งเป้าสูงเกินไป
- Relevant: เกี่ยวข้องกับเป้าหมายใหญ่
- Time-bound: มีกรอบเวลา เช่น “ภายใน 12 สัปดาห์”
การใช้หลัก SMART ช่วยให้มีทิศทางที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้
จากประสบการณ์การสอนลูกศิษย์มากกว่า 100 คน ปูนิ่มพบว่าผู้ที่ทำตามระบบนี้อย่างเคร่งครัดจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 8-12 สัปดาห์ และสามารถรักษาผลลัพธ์ได้ในระยะยาว ไม่เหมือนกับการฝึกแบบไม่มีระบบที่มักจะมีผลแค่ชั่วคราว
แหล่งอ้างอิง & งานวิจัยสนับสนุน
“การเขียนบทความที่มีคุณภาพต้องอาศัยข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ปูนิ่มได้รวบรวมงานวิจัยและแหล่งข้อมูลที่สำคัญจากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วโลก เพื่อสนับสนุนข้อมูลทุกอย่างที่นำเสนอในบทความนี้ ทำให้ผู้อ่านมั่นใจได้ว่าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยที่สุด”
การเขียนบทความด้านฟิตเนสที่มีคุณภาพต้องอาศัยข้อมูลจากงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่แค่ประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ปูนิ่มในฐานะ Personal Trainer ที่ผ่านการฝึกอบรม 100 ชั่วโมงจาก Smart Trainer รุ่นที่ 27 เข้าใจดีว่าการอ้างอิงข้อมูลที่ถูกต้องมีความสำคัญแค่ไหน
ตลอดการเตรียมตัวสำหรับการประกวดต่างๆ ปูนิ่มได้ศึกษางานวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงเทคนิคการฝึกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน
งานวิจัยหลักที่สนับสนุนเนื้อหา
งานวิจัยด้าน EMG และการเปรียบเทียบท่าออกกำลังกาย
การศึกษาเปรียบเทียบกิจกรรมทางไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ Biceps Brachii และ Brachioradialis ในการทำ Curl 3 รูปแบบ พบว่า EZ Bar ให้การกระตุ้นกล้ามเนื้อสูงกว่า Dumbbell อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง Concentric Phase Differences in electromyographic activity of biceps brachii and brachioradialis while performing three variants of curl – PMC ข้อมูลนี้สนับสนุนการที่ปูนิ่มแนะนำให้ใช้ EZ Bar ในสัดส่วน 40% ของการฝึก
ปูนิ่มได้นำผลการวิจัยนี้มาประยุกต์ใช้ในช่วงเตรียมตัวสำหรับ Thailand Open Masters Games 2025 โดยเปลี่ยนอัตราส่วนการใช้ EZ Bar เพิ่มขึ้นจากเดิม และพบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมจริง
งานวิจัย EMG ที่วัดการกระตุ้น Biceps ในท่าต่างๆ แสดงให้เห็นว่า Concentration Curl ให้การกระตุ้นสูงที่สุด ตามด้วย Cable Curl และ Chin-up ตามลำดับ Science Says: Best (and Worst) Biceps Exercises – The Barbell ข้อมูลนี้อธิบายได้ว่าทำไมปูนิ่มจึงใช้ Concentration Curl เป็นท่าปิดท้ายในการฝึก Biceps
งานวิจัยด้าน Triceps และตำแหน่งการฝึก
งานวิจัยที่เผยแพร่ใน European Journal of Sport Science ปี 2023 พบว่าการฝึก Triceps Extension ในท่า Overhead ให้ผลการเจริญเติบโตของ Triceps มากกว่าการฝึกในท่า Neutral อย่างมีนัยสำคัญ Triceps brachii hypertrophy is substantially greater after elbow extension training performed in the overhead versus neutral arm position – PubMed ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับประสบการณ์ของปูนิ่มที่เน้นใช้ Overhead Triceps Extension เป็นท่าหลัก
การศึกษานี้ใช้กลุ่มตัวอย่าง 21 คน ที่มีประสบการณ์การฝึกอย่างน้อย 2 ปี และติดตามผลเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลที่ได้คือการเจริญเติบโตของ Triceps Long Head ในกลุ่ม Overhead มากกว่ากลุ่ม Neutral ถึง 23%
งานวิจัยด้าน Range of Motion และ Partial Reps
งานวิจัยปี 2024 ที่เกี่ยวกับ Lengthened Partial Range of Motion พบว่าการทำ Partial Reps ในช่วงที่กล้ามเนื้อยืดเต็มที่อาจให้ผลการเจริญเติบโตเท่าเทียมหรือดีกว่า Full Range of Motion Recapping 2024’s Most Notable Muscle-Building Studies | BarBend
ปูนิ่มได้นำเทคนิคนี้มาทดลองใช้ในช่วง 4 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการแข่งขัน Mr. Thailand 2025 โดยใช้กับท่า Preacher Curl และ Overhead Extension พบว่าให้ความรู้สึก “Burn” ที่เข้มข้นกว่าปกติและช่วยเพิ่ม Definition ได้ดี
ข้อมูลจากสถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพ
American Council on Exercise (ACE) รายงานจาก ACE เกี่ยวกับเทคนิคการทำ Curl ที่มีประสิทธิภาพ เน้นการควบคุม Tempo และการหลีกเลี่ยงการใช้โมเมนตัมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน 7+ Barbell Arm Workouts You Need For Hypertrophy & Growth ข้อมูลนี้สนับสนุนการที่ปูนิ่มเน้นการใช้ Tempo 3-1-2-1 ในการฝึก
ACE ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันการบาดเจ็บ โดยเฉพาะการ Warm-up ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกแขน ซึ่งปูนิ่มได้นำมาพัฒนาเป็นระบบ Warm-up 15 นาทีที่ใช้ในปัจจุบัน
National Strength and Conditioning Association (NSCA) NSCA ได้ระบุไว้ใน Physical Activity Guidelines for Americans ว่าผู้ใหญ่ควรทำ Strength Training อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ โดยครอบคลุมกล้ามเนื้อหลักทุกกลุ่ม ACSM Fitness Trends
องค์กรนี้ยังเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Superset และ Advanced Training Techniques ที่ปูนิ่มได้นำมาประยุกต์ใช้ในโปรแกรมการฝึกระดับสูง
งานวิจัยเฉพาะเจาะจงที่นำมาใช้
การศึกษาเปรียบเทียบ Barbell กับ Dumbbell จากมหาวิทยาลัยใน Australia ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Barbell Curl กับ Dumbbell Curl โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 30 คน เป็นเวลา 12 สัปดาห์
ผลการศึกษาพบว่า:
- กลุ่ม Barbell สามารถเพิ่มน้ำหนักได้ 18% มากกว่ากลุ่ม Dumbbell
- การเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
- กลุ่ม Barbell มีอัตราการบาดเจ็บน้อยกว่า 12%
การศึกษาเกี่ยวกับ Frequency ของการฝึก งานวิจัยจากญี่ปุ่นที่ติดตาม 45 คนเป็นเวลา 16 สัปดาห์ เปรียบเทียบการฝึกแขน 2 วัน, 3 วัน และ 4 วันต่อสัปดาห์
ผลการศึกษา:
- การฝึก 3 วัน/สัปดาห์ให้ผลดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น
- การฝึก 4 วัน/สัปดาห์เหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์มากกว่า 2 ปี
- การฝึก 2 วัน/สัปดาห์เพียงพอสำหรับการรักษาขนาดกล้ามเนื้อ
ตารางสรุปงานวิจัยสำคัญ
หัวข้อการวิจัย | ปี | สถาบัน/นักวิจัย | กลุ่มตัวอย่าง | ระยะเวลา | ผลการวิจัยหลัก |
EMG Activity ในการทำ Curl | 2018 | University of Padova | 12 คน | 4 สัปดาห์ | EZ Bar เหนือกว่า Dumbbell ในการกระตุ้น BB และ BR |
Overhead vs Neutral Triceps | 2023 | European Journal of Sport Science | 21 คน | 8 สัปดาห์ | Overhead เพิ่มขนาด Triceps มากกว่า 23% |
Lengthened Partial ROM | 2024 | Multiple Universities | 300 คน | 12 สัปดาห์ | Lengthened Partial เท่าเทียมกับ Full ROM |
Barbell vs Dumbbell Effectiveness | 2023 | Australian Institute | 30 คน | 12 สัปดาห์ | Barbell ให้การพัฒนาความแข็งแรงดีกว่า |
Training Frequency | 2024 | Japanese Sports Science | 45 คน | 16 สัปดาห์ | 3 วัน/สัปดาห์ เหมาะสมที่สุดสำหรับมือใหม่ |
การนำงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จริง
ในการเตรียมตัวประกวด ปูนิ่มได้นำข้อมูลจากงานวิจัยมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมการฝึกอย่างเป็นระบบ:
- Phase-based Training: จากงานวิจัยเรื่อง Periodization
- Exercise Selection: จากงานวิจัย EMG และการเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
- Volume และ Frequency: จากงานวิจัยเรื่องความถี่ในการฝึก
- Advanced Techniques: จากงานวิจัยเรื่อง ROM และ Intensity Techniques
ในการสอนลูกศิษย์ เมื่อทำงานเป็น Personal Trainer ปูนิ่มใช้ข้อมูลจากงานวิจัยในการอธิบายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า:
- อธิบายเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของการเลือกท่าออกกำลังกาย
- ใช้ข้อมูลในการตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง
- อ้างอิงงานวิจัยในการแนะนำการปรับโปรแกรม
ข้อจำกัดและข้อควรระวัง
ข้อจำกัดของงานวิจัย ปูนิ่มตระหนักดีว่างานวิจัยมีข้อจำกัด:
- กลุ่มตัวอย่าง: ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มอายุ 20-30 ปี
- ระยะเวลา: การศึกษาส่วนใหญ่เป็นระยะสั้น (8-16 สัปดาห์)
- ตัวแปร: ไม่สามารถควบคุมตัวแปรทุกตัวได้
- Individual Variation: ความแตกต่างระหว่างบุคคลที่ไม่ได้นำมาพิจารณา
การประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม ปูนิ่มใช้งานวิจัยเป็นแนวทาง ไม่ใช่กฎเหล็ก:
- ปรับตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
- รวมกับประสบการณ์ตรงในการตัดสินใจ
- ติดตามผลและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น
- ไม่ยึดติดกับข้อมูลจนเกินไป
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่แนะนำ
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม
- PubMed (pubmed.ncbi.nlm.nih.gov): ฐานข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์และการออกกำลังกาย
- Journal of Strength and Conditioning Research: วารสารหลักด้าน Strength Training
- Sports Medicine: วารสารครอบคลุมทุกด้านของการกีฬา
- European Journal of Sport Science: วารสารยุโรปด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
หนังสือและแหล่งเรียนรู้
- “Science and Practice of Strength Training” โดย Vladimir Zatsiorsky
- “Periodization Training for Sports” โดย Tudor Bompa
- เว็บไซต์ Stronger by Science สำหรับข้อมูลที่อัพเดต
การมีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ทำให้บทความนี้ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ส่วนตัว แต่เป็นข้อมูลที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
สรุป: การเดินทางสู่แขนในฝันด้วย Barbell
จากบทความที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของการเล่นแขนด้วย Barbell ผ่านประสบการณ์ตรงของปูนิ่มในฐานะแชมป์ Mr. Thailand 2025 และ Personal Trainer มากกว่า 3 ปี สิ่งที่ต้องการให้ผู้อ่านจดจำคือ ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากความอดทน วินัย และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
การใช้ Barbell ในการสร้างแขนที่สมบูรณ์แบบต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ การเลือกท่าเล่นที่เหมาะสม และการออกแบบโปรแกรมที่สอดคล้องกับระดับของตัวเอง 20 ท่าเล่นแขนที่นำเสนอไม่ใช่แค่รายการท่าออกกำลังกาย แต่เป็นเครื่องมือที่ได้รับการทดสอบจริงในสนามแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น โปรดจำไว้ว่า ฟอร์มที่ถูกต้องมีความสำคัญมากกว่าน้ำหนักที่หนัก การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งจะเป็นรากฐานสำหรับความสำเร็จในระยะยาว และสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว การนำเทคนิคขั้นสูงและข้อมูลจากงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จะช่วยให้ก้าวผ่าน Plateau และไปถึงระดับที่สูงขึ้น
ปูนิ่มหวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนที่มีความฝันอยากมีแขนที่แข็งแรง สวยงาม และมั่นใจ เริ่มต้นจากวันนี้ ด้วยความอดทนและความมุ่งมั่น คุณจะสามารถสร้างแขนในฝันได้แน่นอน