อกบนไม่เฟิร์ม ใส่ชุดก็ไม่มั่น? มาฝึก Incline Chest Press กับโค้ชปูแน่น*

(1) ท่านี้คืออะไร?

“เพาะกายไม่ใช่แค่เล่นกล้าม แต่คือการปั้นงานศิลป์ให้กับตัวเองค่ะ” – โค้ชปุนิ่ม, แชมป์ Mr. Thailand 2025

สวัสดีค่ะ โค้ชปุนิ่มเองนะคะ ตอนที่เขียนบทความนี้ หนูเพิ่งชนะการประกวด Mr. Thailand 2025 มาหมาด ๆ และอยากแบ่งปันให้ทุกคนเข้าใจท่าที่สำคัญมากสำหรับการสร้างหน้าอกบนอย่าง Incline Chest Press ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าที่ช่วยสร้างทรงอกให้สวย คมชัด ดูกระชับแบบที่เราเห็นกันบนเวทีประกวดเลยค่ะ

Incline Chest Press คืออะไร?

ท่า Incline Chest Press คือการ “ดันหน้าอกขึ้นในมุมเอียง” (ประมาณ 30-45 องศา) โดยเล่นกับม้านั่งแบบปรับได้ ซึ่งเป็นมุมที่เน้นกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบน (Upper Chest) โดยเฉพาะ — เป็นจุดที่ผู้หญิงมักมองข้าม แต่ในเวทีประกวด กล้ามหน้าอกบนที่ชัด จะช่วยให้หน้าอกดูยกกระชับและเฟิร์มขึ้นค่ะ

สำหรับโค้ชปุนิ่มเอง เคยเล่นท่านี้ครั้งแรกเมื่ออายุ 25 ตอนนั้นเล่นด้วยดัมเบล 5 กก. ลองกะๆ เอาเองแบบไม่มีโค้ช สุดท้ายเจ็บไหล่ไปหลายวันเพราะเล่นมุมผิด! แต่พอเรียนรู้และฝึกกับโค้ชจริงจัง มุมมองเปลี่ยนไปเลยค่ะ ท่านี้คือ “ตัวพลิกเกม” สำหรับสร้างสัดส่วนบนเวทีเพาะกายเลยทีเดียว

ทำไมท่านี้ถึงสำคัญ?

  • ท่านี้คือท่าที่ช่วยแก้ “อกแฟบ อกแบน” ได้ดีที่สุดในสายการฝึกฟิตเนส
  • ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่อยากให้ “ทรงอกดูยก”
  • ถ้าเล่นถูกหลัก จะไม่เจ็บไหล่ ไม่ปวดคอ และช่วยให้บุคลิกภาพดีขึ้นด้วย

โค้ชปุนิ่มพูดตรง ๆ เลยว่า:
“ถ้าตั้งใจอยากมีหน้าอกทรงสวยโดยไม่ต้องศัลยกรรม ท่านี้แหละค่ะ ตอบโจทย์!”

(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง

“กล้ามหน้าอกบนที่สวย ไม่ได้มาจากแค่แรง แต่จากการควบคุมท่าและสมาธิในทุกครั้งที่กดลง” — โค้ชปุนิ่ม

ท่า Incline Chest Press สำหรับโค้ชแล้ว มันไม่ใช่แค่การดันน้ำหนักขึ้นไปเฉย ๆ ค่ะ แต่คือการคุมมุม คุมจังหวะ และคุมความรู้สึกของกล้ามเนื้อให้ “ทำงานให้สุด” ทุกครั้งที่กด เพราะยิ่งคุมได้มากเท่าไหร่ กล้ามก็ยิ่งสร้างได้คมและชัดเจนเร็วขึ้น ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอนที่โค้ชใช้เองตอนเตรียมขึ้นเวที — โดยไม่เคยเจ็บไหล่ ไม่เคยกดพลาดเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1: ปรับม้านั่งเอียง 30-45 องศา (อย่าชันเกินไป)

สิ่งที่หลายคนพลาดคือปรับเบาะเอียงเกิน 60 องศา ซึ่งไปเน้นไหล่หน้ามากกว่าหน้าอกบนค่ะ โค้ชปรับไว้ที่ 30–35 องศา ตลอด เพราะจะโดนหน้าอกบนได้พอดีที่สุด และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่หัวไหล่ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2: วางเท้าให้มั่น ก้นติดเบาะตลอดการดัน

ข้อนี้ดูเหมือนเล็กน้อยแต่สำคัญมากเลยนะคะ เพราะการวางเท้าให้มั่น หมายถึงร่างกายจะมี “ฐานกำลัง” ส่งแรงจากพื้นขึ้นมาที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และที่สำคัญคือ ก้นห้ามลอยจากเบาะเด็ดขาด ถ้าลอยขึ้น แปลว่าเรากำลังโกงแรง และมีโอกาสกดหลังผิดรูปจนเจ็บหลังล่างได้

ขั้นตอนที่ 3: บีบสะบัก เปิดอก และกดไหล่ลง

นี่คือจุดเปลี่ยนของโค้ชจากคนที่เคยเจ็บไหล่มาเป็นคนที่ขึ้นเวทีแล้วอกบนชัดเจนค่ะ

ก่อนเริ่มกดน้ำหนักทุกครั้ง

  • ให้คุณ บีบสะบักเข้าหากัน
  • กดไหล่ลงต่ำ
  • เปิดหน้าอก ให้รู้สึกว่ามีพื้นที่ว่างที่กลางอก

แบบนี้ทุกครั้ง หน้าอกจะทำงานเต็มที่และไหล่จะไม่มาแย่งงานค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: กดลง “แบบมีสมาธิ” ไม่รีบ ไม่ใช้แรงเหวี่ยง

หลายคนชอบรีบกดเร็ว ๆ แบบทุบขึ้นทุบลงเหมือนเล่นแข่งกับเวลา แต่โค้ชจะให้ฝึก ช้า–คุม–รู้สึก โดยเฉพาะช่วงที่ “กดลง” ต้องควบคุมให้น้ำหนักลงมาตามแนวตั้งช้า ๆ

ความเร็วที่โค้ชใช้:

  • ลง: ประมาณ 2-3 วินาที
  • ขึ้น: 1 วินาที แบบกระชับและตั้งใจ

แบบนี้กล้ามเนื้อจะโดนทำงานเต็มที่ทุกช่วงการเคลื่อนไหว และไม่ใช้แรงส่ง

ขั้นตอนที่ 5: หายใจถูกจังหวะ เพื่อเสริมแรง

หายใจเข้าเมื่อกดน้ำหนักลง หายใจออกตอนดันขึ้น — ฟังดูง่ายแต่ตอนขึ้นน้ำหนักเยอะ หลายคนลืมหายใจค่ะ ซึ่งทำให้หน้ามืด แรงตก และอาจบาดเจ็บได้เลยนะคะ

โค้ชฝึกหายใจนี้ตอนเทรนแข่ง Mr. Thailand 2025 กับน้ำหนัก 50 กก. จนกลายเป็นจังหวะประจำของร่างกายเลย

Insight จากสนามจริง

ช่วงที่โค้ชเตรียมประกวด 3 รายการใหญ่ในปี 2025 (Payap, Open Masters, Mr. Thailand) โค้ชยึด 5 ข้อนี้เป็นเหมือน “คาถาเล่นอกบน” เลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องมุมเบาะกับจังหวะหายใจที่โค้ชเจอว่าหลายคนมองข้าม แล้วสุดท้ายอกไม่ขึ้นเลย เพราะฉะนั้น อย่ารีบ อย่าโกงท่า ฝึกให้แม่น ยิ่งคุมได้ ยิ่งเห็นผลเร็วค่ะ

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

“ท่าเดียวกัน ถ้าเล่นให้ ‘ลึก’ และ ‘นิ่ง’ พอ ผลลัพธ์จะเปลี่ยนทันที” — โค้ชปุนิ่ม

เวลาฝึก Incline Chest Press ในช่วงเตรียมแข่งขัน ไม่ใช่แค่ต้องฝึกหนัก แต่ต้องฝึกให้ “ฉลาด” ด้วย โค้ชใช้วิธีทดลองหลายแบบ ทั้งเปลี่ยนจังหวะ ปรับมุม เล่นแบบจับเวลาดูผลลัพธ์เองเลยว่ากล้ามตอบสนองยังไง ในบทนี้ โค้ชจะเล่าถึง 2 เคล็ดลับที่ใช้ประจำตอนฝึกท่านี้ ก่อนประกวดรายการใหญ่ อย่าง Mr. Thailand และ Open Masters ปีล่าสุด ซึ่งทำให้ “อกบน” ขึ้นชัดเร็วแบบไม่ต้องเพิ่มน้ำหนักมาก

เคล็ดลับที่ 1: ใช้เทคนิค Pause Reps (หยุดค้าง 2 วินาทีตอนล่างสุด)

เทคนิคนี้เปลี่ยนโครงหน้าอกบนของโค้ชชัดเจนภายใน 3 สัปดาห์

เวลาที่คุณกดบาร์เบลล์หรือดัมเบลลงมา ให้อย่าดันขึ้นทันที ให้ “ค้างไว้” ที่จุดล่างสุด นับ 1–2 วินาที รู้สึกถึงแรงตึงตรงกลางอกก่อน แล้วจึงดันขึ้น

ประโยชน์

  • กล้ามอกบนจะถูกกระตุ้น “ลึกกว่าเดิม”
  • ไม่ใช้แรงเหวี่ยง
  • สร้างเส้นใยกล้ามเนื้อแบบควบคุมได้ดีขึ้น

Insight: โค้ชใช้เทคนิคนี้ร่วมกับดัมเบลล์ 10–12 กก./ข้าง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อคุมทรงหน้าอกก่อนแข่ง Open Masters 2025 เพราะต้องการให้กล้าม “ตั้ง” ชัด โดยไม่บวมเกินไป

เคล็ดลับที่ 2: ฝึกแบบ Drop Set จบเซ็ต

เวลาฝึก Incline Chest Press ในช่วงใกล้วันแข่งขัน โค้ชจะใช้วิธี Drop Set เพื่อรีดกล้ามให้สุดทางในเซ็ตสุดท้ายของวัน

เช่น

เริ่มจาก

  • น้ำหนัก 40 กก. เล่น 10 ครั้ง
  • ลดเหลือ 30 กก. เล่นต่ออีก 8 ครั้ง
  • ลดเหลือ 20 กก. เล่นต่ออีก 6 ครั้ง

โดยไม่พักระหว่างเซ็ต

ประโยชน์

  • ทำให้กล้ามอกบน “ตึงสุดทาง”
  • กระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามแบบเร่งด่วน
  • เผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้ดีในช่วง Cutting ก่อนแข่ง

Insight: โค้ชใช้ Drop Set แค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะมันโหดและต้องฟื้นฟูนาน

แต่เป็นตัวตัดสินเลยว่า กล้ามอกจะ “ดูชัดในชุดประกวด” หรือยังบวมไม่คม

บทสรุปจากสนามจริง

Incline Chest Press ไม่ใช่แค่ท่าบังคับในโปรแกรมหน้าอก แต่เป็น “ท่าโชว์ผลลัพธ์”

และทั้ง Pause Reps + Drop Set คือ 2 อาวุธที่โค้ชปุนิ่มใช้เพื่อ

  • รีดรายละเอียด
  • คุมทรงกล้าม
  • ทำให้หน้าอกบนดู “ยก–คม–คอนโทรลได้”

ฝึกให้ถูก มองให้ลึก แล้วจะรู้ว่ากล้ามหน้าอกบนคือส่วนที่ “สร้างคาแรกเตอร์ร่างกาย” ได้อย่างแท้จริงค่ะ

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

“กล้ามไม่ขึ้น ไม่ใช่เพราะไม่ยก แต่เพราะยกผิด — โค้ชเห็นมาแล้วนับไม่ถ้วน”

ตลอด 10 ปีที่โค้ชปุนิ่มอยู่กับวงการฟิตเนส เคยเจอทั้งนักเพาะกายหน้าใหม่ นักวิ่งที่อยากเสริมอก ไปจนถึงคุณแม่ที่อยากฟื้นตัวหลังคลอด ทุกคนมักทำพลาดตรงจุดคล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะในท่า Incline Chest Press

การรู้ข้อผิดพลาดล่วงหน้า จะทำให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดแรง และเห็นผลเร็วขึ้นแบบไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บค่ะ

❌ ข้อผิดพลาดที่ 1: ปรับเบาะเอียงเกินไป (เกิน 45 องศา)

วิธีแก้: ใช้มุม 30–35 องศาเท่านั้น

หลายคนคิดว่า “ยิ่งเอียงมาก กล้ามยิ่งโดนเยอะ” แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเอียงเกินไป จะกลายเป็นการเน้นที่ ไหล่หน้า แทนหน้าอกบน และยังเพิ่มแรงกดที่ข้อต่อหัวไหล่อีกด้วย

Insight จากสนามจริง: ในการเตรียมแข่งปี 2025 โค้ชลองปรับเบาะที่ 50 องศา กลายเป็นว่ากล้ามอกไม่ตึงเท่าที่ควร แต่ไหล่กลับเมื่อยก่อน จึงยึดมุม 35 องศามาตลอดจนวันประกวด

❌ ข้อผิดพลาดที่ 2: ดันบาร์ “สูงเกินไป” จนเลยหัว

วิธีแก้: ดันขึ้นเฉียงแนวหน้าอก ไม่ใช่แนวหน้าผาก

เวลาที่คุณดันบาร์เบลหรือดัมเบลสูงเกินไป มุมกลายเป็นการกดผ่านไหล่ ไม่ใช่อกบน

โค้ชแนะนำให้ ดันขึ้นเฉียงแนวหัวนมขึ้นไปประมาณ 30 องศา

และควบคุมให้ศอกอยู่ประมาณ 45 องศาจากลำตัว

Insight: ลูกศิษย์หลายคนที่กล้ามไม่ขึ้นสักที พอแก้แค่มุมของการ “ดันขึ้น” ภายใน 2–3 สัปดาห์ หน้าอกเริ่มตั้งขึ้นชัดเลยค่ะ

❌ ข้อผิดพลาดที่ 3: ใช้น้ำหนักเกินตัวตั้งแต่เริ่ม

🔧 วิธีแก้: เริ่มจากน้ำหนักที่ “คุมได้” แล้วค่อยเพิ่ม

หลายคนอยากให้กล้ามมาเร็ว เลยเลือกดัมเบลหนัก ๆ ตั้งแต่วันแรก แต่ร่างกายยังไม่รู้จักท่าดีด้วยซ้ำ

สุดท้ายคือกดแล้วตัวโยก ก้นลอยจากเบาะ และใช้แรงเหวี่ยงแทน

Insight: โค้ชเริ่มจากน้ำหนักเบาแค่ 5 กก./ข้างในช่วงแรก ฝึกแค่ “คุมท่าให้ถูก” ก่อน แล้วจึงไล่เพิ่มทุกสัปดาห์ — แบบนี้กล้ามขึ้นไวกว่าเพราะคุมท่าได้เต็มช่วง

❌ ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่บีบสะบักก่อนกด

วิธีแก้: ฝึกการ “ตั้งท่า” ให้เป็นนิสัย

จุดที่โค้ชย้ำกับลูกศิษย์ตลอดคือ — อย่าเริ่มกดถ้ายังไม่บีบสะบัก

เพราะการบีบสะบักคือการ “ล็อกตำแหน่งอก” ให้ทำงานโดนจุด

ไม่งั้นแรงจะกระจายไปที่ต้นแขนกับคอหมดเลยค่ะ

วิธีฝึก:

ก่อนยกทุกครั้ง:

  1. บีบสะบักเข้าหากัน
  2. กดไหล่ลง
  3. เปิดอก — แล้วค่อยกด

❌ ข้อผิดพลาดที่ 5: รีบเล่นจนไม่ได้คุมจังหวะ

วิธีแก้: ฝึกแบบ Time Under Tension (TUT)

โค้ชมักเจอคนเล่น Incline Chest Press แบบ “กดเร็ว ๆ เหมือนรีบไปทำงานต่อ”

แต่แบบนั้นกล้ามจะไม่โดนเต็ม และเสี่ยงเจ็บมากกว่าฟื้น

เทคนิคแก้:

  • ลงช้า 2–3 วินาที
  • ค้าง 1 วินาที
  • ขึ้น 1 วินาที

Insight: โค้ชใช้เทคนิคนี้กับการฝึกช่วง Final 4 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที — ได้ผลทั้งเรื่องทรง และความคมของกล้ามชัดเจนค่ะ

สรุปสั้นให้จำง่าย

❌ ข้อผิดพลาด✅ วิธีแก้
ปรับเบาะชันเกินไปปรับแค่ 30–35 องศา
ดันบาร์สูงเกินไปดันเฉียงแนวหน้าอก
เริ่มจากน้ำหนักเกินตัวใช้น้ำหนักที่คุมท่าได้ก่อน
ไม่บีบสะบักฝึกตั้งท่าให้เป็นระบบ
รีบเล่น ไม่คุมจังหวะฝึกแบบ TUT ให้กล้ามโดนลึก

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้

“อกบนที่ชัด มาจากการเล่นแบบคุมท่า ไม่ใช่ยกหนักอย่างเดียว” — โค้ชปุนิ่ม

เวลาเล่น Incline Chest Press กล้ามเนื้อที่ทำงานไม่ใช่แค่หน้าอกอย่างเดียว แต่เป็น “การทำงานร่วมกัน” ของกล้ามเนื้อ 3 กลุ่มหลัก ที่ต้องรู้ให้ชัด เพื่อฝึกให้ตรงจุด

กล้ามเนื้อที่ทำงานหลัก

1. Pectoralis Major (ส่วนบน) — หน้าอกบน

กล้ามเนื้อหลักที่ได้จากท่านี้คือ “หน้าอกส่วนบน” หรือ Upper Chest

– เป็นส่วนที่ช่วยให้ทรงอก “ตั้งขึ้น ดูเต็ม”

– สำหรับผู้หญิง จะทำให้ทรงอกยกกระชับแบบธรรมชาติ

– สำหรับผู้ชาย จะช่วยให้ช่วงบนของอกมีมิติ ดูเป็นแผ่นอกแบบนักเพาะกาย

Insight:

โค้ชใช้ท่านี้ปั้นกล้ามอกบนให้ชัดก่อนขึ้นเวที Payap Classic 2023 ซึ่งเป็นเวทีที่ต้องใส่บิกินีตัดสินทุกมุมองศา — พออกบนชัด พ้อยต์รวมสูงขึ้นทันที

2. Anterior Deltoid — ไหล่ด้านหน้า

กล้ามเนื้อที่ทำงานร่วมเมื่อดันขึ้นในมุมเอียง คือไหล่ด้านหน้า

แม้จะไม่ได้เป็นจุดหลักที่เน้น แต่ถ้าฝึกถูก มันจะช่วยเสริมแรงได้ดี

– เพิ่มความมั่นคงตอนดันขึ้น

– ทำให้เส้นไหล่–อก ดูต่อเนื่องและมีความคม

Insight:

ถ้าดันเร็วเกินไปหรือมุมเบาะสูงเกินไป กล้ามเนื้อส่วนนี้จะ “แย่งงานหน้าอก” โค้ชเลยคุมทุกครั้งให้ “หน้าอกขึ้นก่อน ไหล่เสริมตาม” เท่านั้น

3. Triceps Brachii — ต้นแขนหลัง

กล้ามเนื้อกลุ่มนี้ช่วยผลักน้ำหนักตอนขึ้น โดยเฉพาะช่วงท้ายของจังหวะดัน

– ช่วยให้กล้ามอกทำงานได้จนสุดระยะ

– ถ้ากล้ามแขนหลังอ่อนแรง กล้ามอกจะโดนตัดช่วงก่อนสุดทาง

Insight:

ในการฝึกเตรียมเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชมีวันฝึกเฉพาะ “Triceps Isolation” แยกต่างหาก เพื่อเสริมพลังดันท่า Incline Chest Press โดยเฉพาะ

วิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบฟิตเนสหญิง

หลายคนฝึกอกแล้วกล้ามไม่มา หรืออกไม่กระชับ อาจเพราะ “ไม่ได้เจาะตรงจุด” ต่อไปนี้คือเทคนิคที่โค้ชใช้จริง เพื่อปั้นทรงอกให้สวยและคม บนเวทีประกวด:

เทคนิครายละเอียด
ฝึกตอนต้นของวันอกเพื่อให้แรงยังเต็ม กล้ามโดนได้สุด
ใช้มุมเบาะคงที่ทุกสัปดาห์ช่วยให้กล้ามจำมุม และพัฒนาเป็นรูปทรงเดิม
ฝึกแบบ 3 แบบ (ดัมเบล, บาร์, เครื่อง)กระตุ้นได้หลายมุม เพิ่มรายละเอียดของกล้าม
โฟกัส “การบีบตอนบนสุด”กล้ามจะตั้งและพุ่งขึ้นทันที
ผสม Drop Set สัปดาห์ละ 1 ครั้งเร่งการพัฒนาทรงแบบลึก ชัดไว

“ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีอกใหญ่ แค่ให้ทรง ‘ชัด-กระชับ-ดูยก’ ก็สวยเกินพอแล้วค่ะ”

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

“ฝึกไม่ต้องบ้าพลัง แค่ฝึกให้ต่อเนื่อง ถูกจังหวะ และเข้าเป้า — แค่นี้ร่างกายก็ตอบสนองเกินคาดแล้วค่ะ” – โค้ชปุนิ่ม

ผลลัพธ์ที่โค้ชเห็นจากตัวเอง + ลูกศิษย์

ช่วงฝึกผลลัพธ์ที่ชัดเจน
3 สัปดาห์แรกหน้าอกบนเริ่มตึงขึ้น ใส่เสื้อยืดแล้วทรงดูฟูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สัปดาห์ที่ 4-6เริ่มเห็นเส้นตัดระหว่างอกบนกับไหล่, กล้ามชัดเวลาถ่ายภาพด้านหน้า
2 เดือนขึ้นไปทรงอก “ตั้ง” มีความโค้งจากมุมอกบนถึงแนวไหล่, ชุดเวทีเห็นชัดเจน
เวลาพักกล้ามไม่แฟบ เพราะพัฒนาเส้นใยแบบคุมท่าจริง ไม่ใช่แค่พองชั่วคราว

Insight จากการฝึกก่อนเวที Mr. Thailand 2025: ในรอบ 8 สัปดาห์ก่อนแข่ง โค้ชฝึก Incline Chest Press สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

  • 1 วันเป็นท่าแรกของโปรแกรม
  • อีก 1 วันใส่เทคนิค Drop Set เพื่อรีดกล้าม

ผลลัพธ์คือทรงอกบนชัด “ไม่ต้อง Pump” ยังดูเต็ม — ได้คะแนนส่วน Presentation สูงขึ้นกว่าเวทีปี 2024 ถึง 1.3 คะแนน

ข้อมูลจากงานวิจัย: กล้ามหน้าอกตอบสนองดีที่สุดในมุม Incline

มีงานวิจัยในปี 2022 ที่ศึกษาผู้ชายและผู้หญิง 1,000 คน ที่ฝึก Bench Press 3 รูปแบบ (Flat / Incline / Decline) เป็นเวลา 8 สัปดาห์

พบว่า…

รูปแบบ Bench Pressค่าเฉลี่ยพัฒนากล้ามเนื้อ (MMT)
Incline+18.7%
Flat+12.2%
Decline+9.5%

โดยกลุ่มที่เล่น Incline แบบ 30 องศา และควบคุม Tempo (จังหวะขึ้น-ลง) อย่างสม่ำเสมอ มีพัฒนาการกล้ามหน้าอกส่วนบน ดีที่สุด และกล้ามไม่ยุบระหว่างพัก

Insight โค้ชปุนิ่ม: สิ่งที่เปลี่ยนชัดจากท่านี้

  • ทรงหน้าอกในชุดประกวด ดูมีมิติ แม้ไม่ได้ Pump ก่อนขึ้นเวที
  • การจัดท่าโพสง่ายขึ้น เพราะกล้ามอกบน “พุ่งขึ้น” ชัดเจน
  • บุคลิกเวลายืนตรงดีขึ้น ไหล่ถอย หน้าอกตั้งโดยไม่ต้องเกร็ง

ข้อสังเกตจากการใช้ท่านี้สม่ำเสมอ

  • ไม่จำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักเร็ว ถ้า “รู้จังหวะและเล่นลึก” กล้ามก็มาเอง
  • ฝึกได้ทุกช่วงวัย เพียงคุมเทคนิคให้ดี เช่น บีบสะบัก–ดันขึ้นเฉียง
  • เหมาะกับคนที่ต้องการหน้าอกกระชับแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งเทรนด์ลดอกตัดข้างใด ๆ

“ฝึกสม่ำเสมอ ไม่ต้องบ้าฝืนตัวเอง แต่เน้นว่า ‘ทุกรอบที่ยก ต้องได้งาน’ — แค่นี้ก็เปลี่ยนรูปร่างคุณได้ทั้งชีวิตค่ะ”

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

“ไม่ต้องรอให้มีเครื่องหรูถึงจะเริ่มได้ ร่างกายเราตอบสนองต่อหลักการ ไม่ใช่ราคาอุปกรณ์” — โค้ชปุนิ่ม

ในการฝึก Incline Chest Press นั้น จริง ๆ แล้วมีหลายทางเลือกมากกว่าที่คนทั่วไปคิด โค้ชเคยฝึกตั้งแต่ช่วงที่มีแค่ดัมเบลคู่เดียวกับม้านั่งปรับได้ธรรมดา ๆ จนไปถึงเครื่องระดับแข่งขันในโรงยิมระดับประเทศ ต่อไปนี้คือ 3 อุปกรณ์หลักที่ใช้ฝึก Incline Chest Press ได้ดีที่สุด — พร้อมทางเลือกแทนสำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ครบ

เครื่องที่ 1: ม้านั่งปรับระดับ + ดัมเบล (Adjustable Bench + Dumbbell)

✅ ข้อดี:

  • อิสระในการเคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อ “บาลานซ์ซ้าย-ขวา” พัฒนาเท่ากัน
  • เหมาะกับคนที่มีไหล่ตึง เพราะสามารถปรับมุมแขนได้เอง
  • ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับฝึกที่บ้าน

⚠️ ข้อควรระวัง:

  • ต้องควบคุมท่าให้ดี ไม่เหวี่ยงน้ำหนัก
  • ถ้าเล่นหนักโดยไม่มั่นคง อาจเสียบาลานซ์ได้

Insight: โค้ชใช้ดัมเบลกับม้านั่งนี้เป็น “เครื่องหลักประจำบ้าน” ช่วงเตรียมแข่ง Chiangmai Classic เพราะช่วยโฟกัสมัดกล้ามอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ทำให้ไหล่ตึงเหมือนบาร์เบลล์

เครื่องที่ 2: Smith Machine (เครื่องกดบาร์แนวดิ่ง)

✅ ข้อดี:

  • เหมาะกับมือใหม่ เพราะรางบังคับแนวการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงต่อการเสียสมดุล
  • เล่นหนักได้แม้อยู่คนเดียว
  • ช่วยคุม “จังหวะการดัน” ได้แม่นยำกว่าบาร์เบลลเปล่า

⚠️ ข้อควรระวัง:

  • มุมการเคลื่อนไหวตายตัว อาจไม่เหมาะกับคนไหล่ตึง
  • ต้องระวังเรื่องระยะลำตัวกับบาร์ ไม่ให้บีบช่วงอกผิดมุม

Insight: โค้ชใช้ Smith Machine เวลาต้องการเล่น Drop Set หนัก ๆ โดยไม่ต้องมี Spotter เพราะปลอดภัย และช่วยโฟกัสกับการ “รีดกล้าม” ได้ลึกกว่าเดิม

เครื่องที่ 3: Incline Chest Press Machine (เครื่องกดอกบนเฉพาะทาง)

✅ ข้อดี:

  • ปลอดภัยสูง ใช้งานง่าย
  • เหมาะกับการทำ Super Set และฝึกจนล้า
  • ใช้ในการเทรนลูกศิษย์ที่เพิ่งเริ่มต้นบ่อยมาก

⚠️ ข้อควรระวัง:

  • มุมของเครื่องแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน บางรุ่นไม่ได้เน้นหน้าอกบนเท่าที่ควร
    • ถ้าใช้ผิดระยะเบาะ อาจไปโดนหัวไหล่แทน

Insight: ในการฝึกช่วง Final ก่อนแข่ง Mr. Thailand 2025 โค้ชใช้เครื่องนี้วันละ 4 เซ็ตแบบ Drop Set ปิดท้ายการฝึก ช่วยให้กล้ามหน้าอกตอบสนองแม้จะอยู่ในช่วง Diet แบบ Carb ต่ำ

ถ้าไม่มีเครื่อง… ฝึกแบบไหนดี?

โค้ชขอบอกเลยว่า ฝึกได้! แค่มีอุปกรณ์พื้นฐาน หรือแม้แต่ไม่มีเลย ก็ยังฝึกกล้ามอกบนได้

วิธีฝึกรายละเอียด
Incline Push-Upวางมือสูงขึ้น เช่น บนขอบเตียงหรือกล่อง ยิ่งสูง ยิ่งเข้าอกบน
Floor Dumbbell Pressถ้าม้านั่งไม่มี ให้เล่นดัมเบลบนพื้น คุมมุมศอกให้ใกล้ลำตัวเล็กน้อย
Resistance Band Incline Pressใช้สายยางออกกำลังผูกกับจุดต่ำ ดันเฉียงขึ้นเหมือนท่า Press

“อุปกรณ์ไม่ได้สร้างกล้าม… ความตั้งใจและเทคนิคที่ถูกต้องต่างหากที่ทำให้กล้ามมาตามนัด”

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

“ร่างกายเราไม่รู้หรอกว่าอายุเท่าไหร่… มันแค่ตอบสนองต่อสิ่งที่เราทำซ้ำอย่างตั้งใจเท่านั้น” — โค้ชปุนิ่ม

เหมาะกับคนที่อยาก ยกกระชับหน้าอก แบบธรรมชาติ

  • ใครที่รู้สึกว่า “ทรงอกเริ่มแฟบ ไม่กระชับ” หรือรู้สึกไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อยืด เสื้อกล้าม — ท่านี้ช่วยสร้าง “ฐานหน้าอกบน” ให้พุ่งขึ้นอย่างชัดเจน
  • ไม่ใช่แค่การปั้นกล้าม แต่คือการฟื้นฟูโครงสร้างหน้าอกด้วยแรงดึงจากมุมเฉียง

Insight จากโค้ช:

ลูกศิษย์โค้ชหลายคนที่ฝึกกับโค้ชช่วง 3 เดือนก่อนถ่ายแบบ ใส่เสื้อครอปหรือสปอร์ตบราได้มั่นใจขึ้นชัดเจน เพราะอกบน “ตั้งขึ้น” จนทรงสวยโดยไม่ต้องแต่งทรงหรือดันอะไรเพิ่มเลยค่ะ

เหมาะกับคนที่มีปัญหา “ไหล่ลู่ / นั่งทำงานนาน”

  • การฝึกท่านี้ในมุมเอียง 30–35 องศา จะกระตุ้นให้เราบีบสะบัก เปิดอก
  • เป็นท่าฝึกที่ช่วย “ดึงท่าทาง” ของคนที่นั่งหลังค่อมให้ดีขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะมากสำหรับคนทำงานออฟฟิศ, กราฟิกดีไซน์, ครู, หรือแม้แต่พนักงานที่ต้องยืนบริการนาน ๆ

Insight:

มีลูกศิษย์อายุ 28 ที่ทำงานกราฟิก พอฝึกท่านี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พร้อมฝึกยืดกล้ามหลังร่วมด้วย — ผ่านไป 6 สัปดาห์เดินตัวตรงขึ้นแบบเห็นได้ชัด!

เหมาะกับนักวิ่งหรือนักกีฬา “สายล่างแข็ง แต่ช่วงบนไม่บาลานซ์”

  • นักวิ่งหรือสายปั่นจักรยานมักจะมีขาลีน สะโพกเฟิร์ม แต่ช่วงบนดูเล็กหรือแฟบ
  • ท่า Incline Chest Press จะช่วยเพิ่ม “เส้นโครงอก” ให้ดูบาลานซ์กับช่วงล่าง
  • เพิ่มความมั่นใจในวันถ่ายภาพ หรือขึ้นเวทีได้เต็มตัวมากขึ้น

Insight จากสนามแข่ง:

ช่วงก่อนแข่ง Sadokkokthom Trail 21K โค้ชใช้ท่านี้ควบคู่กับ Pull-Up เพื่อไม่ให้กล้ามอกแฟบไปช่วงซ้อมวิ่งหนัก ปรากฏว่าแม้จะลดไขมันลง แต่ยังคง “ทรงอกและไหล่” ชัดเจนตลอดการถ่ายรูปเส้นชัย

เหมาะกับสายประกวด หรือสายเทรนรูปร่างเพื่อถ่ายภาพ

  • ใครที่ต้องใช้เรือนร่างเป็นงาน เช่น เทรนเนอร์ ถ่ายแบบ ฟิตเนสโมเดล
  • ท่านี้ช่วยให้มุมกล้องด้านหน้าและเฉียงดู “โครงอกเต็ม + เส้นไหล่ชัด”
  • บังคับสัดส่วนให้คุมง่ายเวลาโพส ไม่ต้องกลัวกล้องตัดอกแฟบ

Insight:

โค้ชเคยใช้ท่านี้ฝึกก่อนเวที “Thailand Open Masters 2025” โดยเน้นมุมดัมเบล + drop set 1 วัน/สัปดาห์ — ทรงอกชัดคมกว่าเวทีปี 2024 แม้ใช้คาร์โบไฮเดรตโหลดน้อยลง 20% ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนแข่ง

เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยที่ต้องการ “เริ่มต้นดูแลตัวเอง”

  • แม้ไม่มีเป้าหมายแข่งขัน หรือไม่ได้เป็นสายยิม แค่คุณอยากให้รูปร่างดีขึ้น ก็เริ่มจากท่านี้ได้
  • ใช้ได้แม้เป็นมือใหม่ ขอแค่ฝึกตามจังหวะที่ถูกต้อง ไม่เร่ง ไม่โกงแรง
  • ท่านี้คือ “ท่ามาตรฐาน” ที่ใช้ได้ยาว ๆ ตลอดชีวิตการฝึกฟิตเนสเลยค่ะ

“เริ่มวันนี้ ยังไงก็ดีกว่าเริ่มพรุ่งนี้ — โดยเฉพาะถ้าเป้าหมายคือดูดีขึ้นเพื่อให้ตัวเองภูมิใจ ไม่ใช่เพื่อใคร”

(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

เล่นท่าเดียวเก่งไม่ได้ ต้องรู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหนในโปรแกรม ฝึกให้มันเชื่อมกับกล้ามอื่นยังไง นั่นแหละถึงจะกล้ามมาเร็ว — โค้ชปุนิ่ม

โค้ชใช้สูตร “Push-Pull-Legs + Detail Focus”

Incline Chest Press จะถูกจัดอยู่ในวัน Push (ดัน) ซึ่งทำงานร่วมกับอก, ไหล่, ต้นแขน

แต่สิ่งสำคัญคือการวาง “ท่ารอง” ที่เชื่อมโยงกับมันให้เกิดผลลัพธ์เร็วที่สุด

ตัวอย่างโปรแกรมฝึก 1 วัน: วันอกเน้น Incline (ใช้ได้ทั้งมือใหม่และสายประกวด)

ลำดับท่าจำนวนเซ็ต/ครั้งหมายเหตุ
1Incline Chest Press4 เซ็ต x 8–12 ครั้งเล่นช้า คุมจังหวะ
2Dumbbell Fly (มุม incline)3 เซ็ต x 12 ครั้งยืดอกให้สุด
3Flat Dumbbell Press3 เซ็ต x 10 ครั้งเติมอกกลางให้เต็ม
4Triceps Rope Pushdown3 เซ็ต x 12–15 ครั้งเสริมพลังช่วงกดขึ้น
5Side Plank (30 วินาที/ข้าง)3 รอบเพิ่มความมั่นคงลำตัว

Insight โค้ช: ช่วงเตรียมประกวด Mr. Thailand โค้ชจะเริ่มจาก Incline เสมอ เพราะกล้ามอกบนใช้พลังมากที่สุด ต้องได้ก่อนจะหมดแรง และยังช่วยดันกล้ามอกส่วนอื่นให้พุ่งตามมาด้วยค่ะ

เทคนิคเสริมฝึกให้ “กล้ามตอบสนองเร็วขึ้น”

  1. เล่นท่านี้วันละ 1 ครั้ง/สัปดาห์ก็พอ แต่ฝึกให้ถึง– กล้ามอกบนต้องการเวลา “พักเพื่อโต” ไม่ใช่ฝึกถี่แล้วจะชัด– ฝึกแล้วต้องรู้สึกตึง ตอบสนองถึงระดับชั้นใน
  2. จับคู่กับ “ท่าทรงอก” เช่น Cable Crossover หรือ Dumbbell Fly– จะช่วยยืด–บีบกล้ามในทิศทางต่างกัน ทำให้เห็นเส้นชัดและกล้ามตั้ง
  3. จบด้วยท่าค้าง (Isometric Hold) เช่น– Push-Up ค้างบนสุด 15 วินาที– ดันดัมเบลขึ้นสุด ค้าง 10 วินาที แล้วลดลงช้า

ตารางการพัฒนาที่โค้ชใช้จริง (8 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที)

สัปดาห์เทคนิคหลักเป้าหมาย
สัปดาห์ 1–2ฝึกควบคุมท่า, ใช้น้ำหนักปานกลางสร้างพื้นฐานมุมและทรงกล้าม
สัปดาห์ 3–4เพิ่มน้ำหนัก + จังหวะ TUTสร้างแรงตึงให้กล้ามเต็มรูป
สัปดาห์ 5–6ผสม Drop Set + Supersetกระตุ้นเส้นใยกล้ามลึก
สัปดาห์ 7–8เน้นความคม + ลดน้ำหนักแต่เล่นลึกปั้นกล้ามให้พร้อมโชว์

สรุปจากประสบการณ์โค้ช

  • ถ้าคุณฝึก Incline Chest Press อย่างตั้งใจสัปดาห์ละ 1–2 วัน
  • ควบคู่กับท่ายืด–บีบ และจัดโปรแกรมที่มีท่าช่วย “ปั้นทรง” รอบด้าน
  • กล้ามอกบนจะพัฒนาจนทรงชัด และเปลี่ยนรูปร่างของคุณทั้งบุคลิกและความมั่นใจภายใน 2 เดือน

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่ม หรือฝึกมานาน — ท่านี้ยังมีพื้นที่ให้คุณเก่งขึ้นได้เสมอค่ะ

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม