แมคคาเดเมีย ควรกินวันละกี่เม็ด? มาหาปริมาณที่เหมาะสมกัน

หลายคนคงรู้จัก แมคคาเดเมีย กันดี ในฐานะ “ราชาแห่งถั่ว” ที่มีรสชาติหอมมัน และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่คำถามที่พบบ่อยคือ “แมคคาเดเมีย ควรกินวันละกี่เม็ด” ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่เกิดผลเสีย

เมล็ดแมคคาเดเมีย นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ถั่ว แต่เป็นเมล็ดของพืชยืนต้นตระกูลโปรทีเอซีอี ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง โดยเฉพาะไขมันดีและสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ ถั่วแมคคาเดเมีย กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยมในปัจจุบัน

Table of Contents

ประวัติและที่มาของแมคคาเดเมีย

แมคคาเดเมีย มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเป็นพืชพื้นเมืองที่เติบโตในป่าฝนเขตร้อนแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ชนพื้นเมืองอะบอริจินใช้เป็นอาหารมาหลายพันปีก่อนที่จะถูกค้นพบโดยชาวยุโรป ในปี 1828 Allan Cunningham นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่บันทึกการค้นพบพืชชนิดนี้อย่างเป็นทางการ

ต่อมาในปี 1857 Ferdinand von Mueller นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ตั้งชื่อพืชชนิดนี้ว่า “Macadamia” เพื่อเป็นเกียรติแก่ John Macadam เพื่อนร่วมงานชาวออสเตรเลียที่เป็นทั้งนักเคมีและนักการเมือง ที่น่าสนใจคือ แม้จะเรียกกันทั่วไปว่าเป็นถั่ว แต่ในทางพฤกษศาสตร์ เมล็ดแมคคาเดเมีย จัดอยู่ในตระกูล Proteaceae ซึ่งเป็นพืชยืนต้นขนาดใหญ่ที่สามารถเติบโตได้สูงถึง 15-20 เมตร

คุณค่าทางโภชนาการของแมคคาดาเมีย

ในแมคคาเดเมีย 100 กรัม (ประมาณ 50-55 เม็ด) อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่

  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats) 75% เป็นไขมันชนิดดีที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันโรคหัวใจ
  • โปรตีนคุณภาพสูง 7.9 กรัม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน
  • ใยอาหาร 8.6 กรัม ช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • พลังงาน 718 กิโลแคลอรี่ เป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับผู้ออกกำลังกาย
  • วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบี1 แมงกานีส ทองแดง และแมกนีเซียม

สารอาหารสำคัญในแมคคาเดเมีย

แมคคาเดเมีย มีสารอาหารพิเศษที่ทำให้โดดเด่นกว่าถั่วชนิดอื่น ได้แก่

1.โอเมก้า-7 (Palmitoleic Acid) เป็นกรดไขมันที่พบได้น้อยในอาหารทั่วไป แต่มีประโยชน์มหาศาล:

  • ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

2.สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

  • โทโคฟีรอล (Tocopherols) รูปแบบของวิตามินอีที่ช่วยปกป้องเซลล์
  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยต้านการอักเสบ
  • เซเลเนียม (Selenium) แร่ธาตุที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

3.แร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทในกระบวนการเมตาบอลิซึม

  • แมงกานีส 58% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • ทองแดง 28% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • แมกนีเซียม 24% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ผลการวิจัยและการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแมคคาเดเมีย

การศึกษาด้านประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ

งานวิจัยจาก American Heart Association Journal (2023) แสดงให้เห็นว่า แมคคาเดเมีย มีผลดีต่อสุขภาพหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 500 คน ที่รับประทานแมคคาเดเมีย 20 เม็ดต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ได้แก่ การลดลงของระดับคอเลสเตอรอลรวม 9% การเพิ่มขึ้นของ HDL 4% และการลดลงของความดันโลหิต 5-8 มิลลิเมตรปรอท

ผลต่อการควบคุมน้ำหนัก

การวิจัยจาก International Journal of Obesity (2024) ศึกษาผลของแมคคาเดเมียต่อการควบคุมน้ำหนัก พบว่ากลุ่มที่รับประทานแมคคาเดเมียเป็นอาหารว่างแทนขนมหวาน มีแนวโน้มควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่า เนื่องจากไขมันดีและใยอาหารช่วยควบคุมความอยากอาหาร การศึกษายังพบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยมีระดับเลปติน (hormorne อิ่ม) สูงขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารน้อยลงโดยธรรมชาติ

การศึกษาด้านสารต้านอนุมูลอิสระ

นักวิจัยจาก Journal of Agricultural and Food Chemistry ได้วิเคราะห์สารต้านอนุมูลอิสระในแมคคาเดเมีย พบว่ามีสารฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอลในปริมาณสูง โดยเฉพาะในเปลือกหุ้มเมล็ดชั้นใน การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าสารเหล่านี้สามารถยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับวิตามินซีในปริมาณเท่ากัน

ผลต่อระบบประสาทและสมอง

การศึกษาระยะยาวจาก Neuroscience Journal (2023) ติดตามผู้สูงอายุ 1,000 คน เป็นเวลา 5 ปี พบว่ากลุ่มที่รับประทานแมคคาเดเมียเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมลดลง 23% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นักวิจัยเชื่อว่าไขมันดีและแร่ธาตุในแมคคาเดเมียช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและปกป้องเยื่อหุ้มสมอง

ปริมาณแมคคาเดเมียที่แนะนำ

การรับประทาน แมคคาเดเมีย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม จากการศึกษาในวารสาร Journal of Nutrition (2018) พบว่า การรับประทานแมคคาเดเมียในปริมาณ 15-20 เม็ดต่อวัน (ประมาณ 30-40 กรัม) เป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากในปริมาณนี้ร่างกายจะได้รับ

  1. ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats) ประมาณ 22-29 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการกระตุ้นการผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือด
  2. ใยอาหาร 2.4-3.2 กรัม คิดเป็น 8-10% ของความต้องการใยอาหารต่อวัน ช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  3. แร่ธาตุสำคัญ เช่น แมงกานีส ที่ร่างกายต้องการในปริมาณ 58% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย

ที่สำคัญ การศึกษาในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition (2020) ยังพบว่า การรับประทานในปริมาณนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัว แม้ว่า แมคคาเดเมีย จะมีแคลอรี่ค่อนข้างสูงก็ตาม เนื่องจากไขมันและใยอาหารในแมคคาเดเมียช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการรับประทานอาหารมื้อถัดไป

การปรับปริมาณตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน

สำหรับผู้ที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะในการรับประทาน แมคคาเดเมีย ควรปรับปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม ดังนี้

ปริมาณพื้นฐานสำหรับคนทั่วไป

จากการศึกษาทางโภชนาการล่าสุด การรับประทานแมคคาเดเมียที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่สุขภาพดีคือ 15-20 เม็ดต่อวัน (ประมาณ 30-40 กรัม) ปริมาณนี้จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอโดยไม่เกิดผลเสีย โดยเฉพาะไขมันดีประมาณ 22-29 กรัม ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นการผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

การรับประทานในปริมาณนี้ยังให้ใยอาหารประมาณ 2.4-3.2 กรัม คิดเป็น 8-10% ของความต้องการใยอาหารต่อวัน ซึ่งช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังได้รับแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะแมงกานีสที่ร่างกายต้องการถึง 58% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

ผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอล 

การศึกษาจาก The Journal of Clinical Lipidology (2021) แสดงให้เห็นว่าการรับประทาน แมคคาเดเมีย 20-25 เม็ดต่อวัน (40-50 กรัม) ติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถลดระดับ LDL ได้ถึง 7% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระดับ HDL ในเลือด ทั้งนี้ ควรรับประทานก่อนมื้ออาหารหลักเพื่อให้ไขมันดีในแมคคาเดเมียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 

แม้ว่า เมล็ดแมคคาเดเมีย จะมีแคลอรี่สูง แต่หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมคือ 10-15 เม็ด (20-30 กรัม) ต่อวัน จะไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย คำถามที่พบบ่อยคือ “แมคคาเดเมีย อ้วนไหม” คำตอบคือไม่อ้วน หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

ผู้ป่วยเบาหวาน 

สำหรับผู้ป่วย เบาหวาน สามารถรับประทาน แมคคาเดเมีย ได้ในปริมาณ 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงเกินไป

ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ 

นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำสามารถรับประทาน แมคคาเดเมีย ได้ถึง 25-30 เม็ด (50-60 กรัม) ต่อวัน เนื่องจากโปรตีนและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยในการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่ควรแบ่งรับประทานเป็นมื้อย่อยๆ และดื่มน้ำตามมากๆ

ข้อควรระวังในการรับประทาน

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะไม่ใช่ถั่วแท้ แต่โครงสร้างโปรตีนในเมล็ดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วชนิดอื่น การเริ่มต้นควรทดลองรับประทานเพียง 1-2 เม็ด และสังเกตอาการในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ปากบวม หายใจลำบาก หรือท้องเสีย ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ทันที

ผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร

สำหรับผู้ที่มีปัญหาการย่อยไขมัน เช่น โรคถุงน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแมคคาเดเมียมีปริมาณไขมันสูงถึง 75% การรับประทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ และอาการอาหารไม่ย่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและปริมาณที่ปลอดภัยสำหรับการรับประทาน

หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ แต่ควรจำกัดปริมาณการรับประทานไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ที่สูงอาจส่งผลต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ควรเลือกแบบไม่ปรุงรส เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมมากเกินไป และควรสังเกตอาการแพ้ เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น

ผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน

ผู้สูงอายุควรระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องการเคี้ยว เนื่องจากเมล็ดค่อนข้างแข็ง อาจทำให้ฟันเสียหายได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ เพราะผู้สูงอายุต้องการพลังงานน้อยลง และระบบย่อยอาหารอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการย่อยไขมัน

การตรวจสอบคุณภาพก่อนรับประทาน

การเก็บรักษาแมคคาเดเมียที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดสารพิษจากเชื้อรา (Aflatoxins) ซึ่งเป็นอันตรายต่อตับ ควรตรวจสอบลักษณะภายนอกก่อนรับประทานทุกครั้ง โดยสังเกตว่าไม่มีกลิ่นหืน ไม่มีราขึ้น เมล็ดไม่เปลี่ยนสีหรือมีจุดดำ และบรรจุภัณฑ์ต้องไม่ชำรุด การเก็บรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุและรักษาคุณภาพของแมคคาเดเมียได้นานขึ้น

เวลาที่เหมาะสมในการรับประทานแมคคาเดเมีย

มื้อเช้า – เริ่มต้นวันด้วยพลังงานคุณภาพดี

การเริ่มต้นวันด้วยแมคคาเดเมีย 5-7 เม็ดในมื้อเช้าเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและโปรตีนคุณภาพสูงจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงเช้า การรับประทานพร้อมอาหารเช้าที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลเกรน จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและมีพลังงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สมาธิในการทำงานช่วงเช้า

ก่อนออกกำลังกาย – เตรียมพร้อมร่างกายสู่การเคลื่อนไหว

การรับประทานแมคคาเดเมีย 5-7 เม็ด ประมาณ 30-45 นาทีก่อนออกกำลังกายเป็นการเตรียมพลังงานให้ร่างกายอย่างเหมาะสม ไขมันดีจะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองระหว่างการออกกำลังกาย โดยเฉพาะในการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ใช้เวลานาน นอกจากนี้ แมกนีเซียมในแมคคาเดเมียยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริวระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย

หลังออกกำลังกาย – ฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

ภายในช่วง 30 นาทีหลังออกกำลังกาย การรับประทานแมคคาเดเมีย 7-8 เม็ดจะช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย โปรตีนและกรดอะมิโนจำเป็นจะถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ในขณะที่แร่ธาตุสำคัญอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียมช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูระดับพลังงานในเซลล์กล้ามเนื้อ

มื้อว่าง – ควบคุมความหิวอย่างชาญฉลาด

สำหรับช่วงระหว่างมื้ออาหาร การรับประทานแมคคาเดเมีย 4-5 เม็ดเป็นตัวเลือกที่ดี ใยอาหารและไขมันดีจะช่วยควบคุมความหิวและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เหมาะสำหรับช่วงบ่ายที่มักรู้สึกอ่อนล้าและอยากรับประทานของว่างที่ไม่มีประโยชน์ การเลือกแมคคาเดเมียเป็นของว่างจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีสมาธิในการทำงานต่อได้ดีขึ้น

ก่อนนอน – พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานในปริมาณมากก่อนนอน เนื่องจากกระบวนการย่อยไขมันอาจรบกวนการนอนหลับ หากรู้สึกหิวก่อนนอน ควรจำกัดปริมาณไว้ที่ 3-4 เม็ดเท่านั้น และควรรับประทานอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเหมาะสม

ประโยชน์ต่อสุขภาพของแมคคาดาเมีย

1.ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

แมคคาเดเมียมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณสูง จากการศึกษาในวารสาร Journal of Cardiology (2023) พบว่าการรับประทานแมคคาเดเมียเป็นประจำช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้ถึง 7-9% และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ได้ 3-5%

นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในแมคคาเดเมียยังช่วยลดการอักเสบของผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะฟลาโวนอยด์และวิตามินอีที่ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดแข็งตัว

2.การควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาล

หลายคนอาจกังวลว่าการรับประทานแมคคาเดเมียจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม แต่การศึกษาล่าสุดกลับพบว่า การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมกลับช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดี เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างมื้อ

ในแง่ของการควบคุมน้ำตาล แมคคาเดเมียมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำ และมีใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงกะทันหัน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล

3.ประโยชน์ต่อผิวพรรณและระบบภูมิคุ้มกัน

กรดไขมันโอเมก้า-7 ในแมคคาเดเมียมีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงผิว โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้น และลดการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ วิตามินอีและสังกะสียังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายของเซลล์ผิวจากแสงแดดและมลภาวะ

ในด้านระบบภูมิคุ้มกัน แมคคาเดเมียอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะสังกะสีและเซเลเนียม ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยในการสร้างแอนติบอดี้ การรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การรับประทานแมคคาเดเมียเพียง 15-20 เม็ดต่อวัน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสุขภาพได้อย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ชัดทั้งภายในและภายนอกร่างกาย

วิธีการรับประทานแมคคาดาเมียให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน

เวลาในการรับประทานแมคคาเดเมียมีผลต่อการดูดซึมสารอาหารและประสิทธิภาพในการนำไปใช้ของร่างกาย ช่วงเช้าถือเป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะนำไขมันดีและโปรตีนไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ระหว่างวัน ช่วงก่อนหรือหลังออกกำลังกายก็เหมาะสมเช่นกัน เพราะร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

การเตรียมก่อนรับประทาน

การเตรียมแมคคาเดเมียอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร การแช่เมล็ดในน้ำสะอาด 4-6 ชั่วโมงจะช่วยลดสารยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุและทำให้เมล็ดนุ่มขึ้น ง่ายต่อการย่อย หลังจากแช่แล้วควรล้างและซับให้แห้งก่อนรับประทาน หากเลือกรับประทานแบบคั่ว ควรคั่วที่อุณหภูมิไม่เกิน 160 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ

การผสมผสานกับอาหารอื่น

การรับประทานแมคคาเดเมียร่วมกับอาหารที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อร่างกาย ตัวอย่างการผสมผสานที่ดี เช่น โยเกิร์ตกับแมคคาเดเมียสับในมื้อเช้า เพิ่มโปรตีนและโพรไบโอติกส์ หรือใส่ในสลัดผักเพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน นอกจากนี้ การรับประทานร่วมกับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากแมคคาเดเมีย

สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การผสมแมคคาเดเมียกับอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น เมล็ดเจีย หรือแฟลกซ์ซีด จะช่วยให้อิ่มนานขึ้น และยังได้ประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า-3 เพิ่มเติม การบดหรือสับแมคคาเดเมียให้ละเอียดก่อนผสมในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และยังเพิ่มความหลากหลายในเนื้อสัมผัสของอาหารอีกด้วย

การเลือกแมคคาเดเมีย 

เลือก เมล็ดแมคคาเดเมีย ที่สดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน เปลือกไม่มีรอยแตกหรือดำคล้ำ หากเป็นไปได้ควรเลือกแบบดิบที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ เพราะ แมคคาเดเมีย ดิบจะคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุที่ไวต่อความร้อน

วิธีการเก็บรักษา 

เก็บ ถั่วแมคคาเดเมีย ในภาชนะที่ปิดสนิท วางไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง หากเป็นแบบดิบสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 6 เดือน แต่หากเป็นแบบคั่วควรรับประทานให้หมดภายใน 2-3 เดือน

การเตรียมก่อนรับประทาน การแช่ แมคคาเดเมีย ในน้ำสะอาดประมาณ 4-6 ชั่วโมงก่อนรับประทานจะช่วยลดสารยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุ และทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกก็สามารถรับประทานได้ทันที แต่ควรเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น

วิธีรับประทานที่แนะนำ

  • เคี้ยวช้าๆ และละเอียด อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อคำ
  • ดื่มน้ำตามมากๆ อย่างน้อย 1-2 แก้ว เพื่อช่วยในการย่อยและดูดซึม
  • หากรับประทานเป็นของว่าง ควรจับคู่กับผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล หรือกล้วย เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามิน

การนำแมคคาเดเมียไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การใช้แมคคาเดเมียในอาหารเช้า

การเริ่มต้นวันด้วยแมคคาเดเมียสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ การเพิ่มแมคคาเดเมียบดหยาบลงในโยเกิร์ตกรีกจะเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้มื้อเช้าน่ารับประทานมากขึ้น สามารถผสมกับข้าวโอ๊ต ราดด้วยน้ำผึ้งเล็กน้อย หรือทำเป็นแมคคาเดเมียบัตเตอร์ทาขนมปังโฮลเกรน ความเข้มข้นของรสชาติและสารอาหารจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานต่อเนื่องตลอดช่วงเช้า

นอกจากนี้ แมคคาเดเมียยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเมนูอาหารเช้าได้อีกหลากหลาย เช่น การทำพานเค้กโดยเพิ่มแมคคาเดเมียบดละเอียดลงในแป้ง จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและความนุ่มให้กับแพนเค้ก หรือจะนำไปโรยบนวาฟเฟิลที่ราดด้วยเมเปิลไซรัป เพื่อเพิ่มความกรอบและรสชาติที่กลมกล่อม

สำหรับผู้ที่ชอบดื่มสมูทตี้เป็นอาหารเช้า การเพิ่มแมคคาเดเมียลงไปจะช่วยเพิ่มความครีมมี่และความอิ่มท้อง สามารถผสมกับกล้วย นมอัลมอนด์ และน้ำผึ้ง จะได้เครื่องดื่มที่ให้พลังงานและมีรสชาติหวานธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแต่ยังต้องการความอร่อยในมื้อเช้า

การถนอมคุณค่าทางโภชนาการของแมคคาเดเมียในมื้อเช้าทำได้โดยหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูง ควรเลือกวิธีการปรุงที่ใช้ความร้อนต่ำหรือไม่ใช้ความร้อนเลย เช่น การแช่แมคคาเดเมียในน้ำเย็นข้ามคืนก่อนนำมาบดผสมกับซีเรียล จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

การใช้ในอาหารคาว

แมคคาเดเมียสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอาหารคาวได้อย่างน่าสนใจ การสับละเอียดผสมกับเครื่องเทศเพื่อทำเป็นเกล็ดขนมปังสำหรับชุบปลาหรือไก่ จะช่วยเพิ่มความกรอบและรสชาติที่เข้มข้น หรือการใช้แทนถั่วในสูตรซอสเพสโต้แบบดั้งเดิม ความมันของแมคคาเดเมียจะช่วยให้ซอสเนียนนุ่มและมีรสชาติกลมกล่อม

การประยุกต์ใช้แมคคาเดเมียในอาหารไทยก็สามารถทำได้หลากหลาย เช่น การนำไปบดผสมในน้ำพริกเผาเพื่อเพิ่มความมันและความเข้มข้น หรือใช้แทนถั่วลิสงในสูตรน้ำจิ้มสะเต๊ะ จะได้รสชาติแปลกใหม่ที่น่าสนใจ

สำหรับอาหารจานเดียว การนำแมคคาเดเมียบดหยาบไปผสมกับข้าวผัด จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความกรอบ หรือจะนำไปโรยบนสลัดผักเพื่อทดแทนเมล็ดทานตะวันหรือเมล็ดฟักทอง

ในการทำอาหารอบ แมคคาเดเมียสามารถนำไปสับผสมกับสมุนไพรและกระเทียมเพื่อทำเป็นเครื่องเคียงสำหรับอบไก่หรือปลา ความมันของแมคคาเดเมียจะช่วยให้เนื้อสัมผัสของอาหารนุ่มชุ่มฉ่ำ

นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำซอสครีมสำหรับพาสต้าโดยการบดละเอียดผสมกับครีมสด กระเทียม และพาร์เมซานชีส จะได้ซอสที่เข้มข้นและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม

การใช้ในขนมและของหวาน

การใช้แมคคาเดเมียในการทำขนมเพื่อสุขภาพต้องคำนึงถึงการรักษาคุณค่าทางโภชนาการเป็นสำคัญ การอบที่อุณหภูมิไม่เกิน 160 องศาเซลเซียสจะช่วยรักษาคุณภาพของไขมันดีและสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถใช้แป้งแมคคาเดเมียทดแทนแป้งสาลีทั้งหมดในสูตรคุกกี้คีโต หรือบราวนี่โลว์คาร์บ เพื่อเพิ่มโปรตีนและไขมันดีโดยไม่ต้องพึ่งแป้งขัดขาว

การทำขนมหวานเพื่อสุขภาพสามารถใช้แมคคาเดเมียเป็นวัตถุดิบหลักได้หลากหลาย เริ่มจากการทำบลิสบอลโดยผสมแมคคาเดเมียบดกับอินทผลัมและโกโก้ดิบ ซึ่งจะได้ความหวานจากธรรมชาติ หรือจะทำเป็นพุดดิ้งเมล็ดเจียผสมแมคคาเดเมีย โดยใช้น้ำผึ้งหรือหญ้าหวานเป็นสารให้ความหวาน นอกจากนี้ยังสามารถทำมัฟฟินไร้แป้งโดยใช้แป้งแมคคาเดเมียผสมกับแป้งมะพร้าว และใช้กล้วยสุกให้ความหวานแทนน้ำตาล

สำหรับการทำไอศกรีมโฮมเมดเพื่อสุขภาพ การใช้กล้วยแช่แข็งเป็นฐานผสมกับนมมะพร้าวออร์แกนิค แมคคาเดเมียบดละเอียด และวานิลาแท้ จะได้ไอศกรีมที่ครีมมี่ หวานธรรมชาติ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือวัตถุกันเสีย

การทำช็อกโกแลตทรัฟเฟิลเพื่อสุขภาพก็สามารถทำได้โดยใช้โกโก้ดิบออร์แกนิคผสมกับแมคคาเดเมียบด น้ำผึ้งดิบ และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งจะได้ขนมที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและปราศจากน้ำตาลฟอกขาว

สำหรับการแต่งหน้าเค้กหรือคัพเค้กเพื่อสุขภาพ การทำครีมจากอโวคาโดสุกผสมกับแมคคาเดเมียบด น้ำผึ้งดิบ และวานิลาแท้ จะได้ครีมที่มีไขมันดี รสชาติหวานพอดี และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพแต่ยังต้องการความอร่อยของขนมหวาน

การใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม

แมคคาเดเมียสามารถนำมาทำเป็นนมพืชทางเลือกที่มีรสชาติหอมมัน เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือต้องการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ การทำสมูทตี้โดยผสมแมคคาเดเมียกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะได้เครื่องดื่มที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือจะใช้นมแมคคาเดเมียในการชงกาแฟเพื่อเพิ่มความครีมมี่และรสชาติที่เข้มข้น

การทำนมแมคคาเดเมียสดที่บ้านสามารถทำได้โดยการแช่แมคคาเดเมียในน้ำสะอาดประมาณ 4-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปั่นละเอียดกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:4 กรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้นมแมคคาเดเมียที่สดใหม่ หอมมัน สามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 3-4 วัน

สำหรับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สามารถนำนมแมคคาเดเมียมาผสมกับชาเขียวมัทฉะ น้ำผึ้ง และวานิลา จะได้เครื่องดื่มที่มีประโยชน์และให้พลังงานดี หรือจะทำเป็นชาแมคคาเดเมียโดยการนำแมคคาเดเมียบดหยาบไปคั่วเบาๆ แล้วชงกับน้ำร้อน จะได้ชาที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์

ในการทำม็อกเทล การใช้นมแมคคาเดเมียผสมกับน้ำมะพร้าวสด น้ำมะนาว และใบสะระแหน่ จะได้เครื่องดื่มที่สดชื่นและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับดื่มในช่วงบ่ายหรือหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปผสมในเครื่องดื่มโปรตีนเชค เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความอิ่มท้อง

การใช้ในอาหารเพื่อสุขภาพ

การใช้แมคคาเดเมียในการทำอาหารเพื่อสุขภาพต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสม การทำเอนเนอร์จี้บาร์โดยผสมแมคคาเดเมียกับธัญพืชและผลไม้อบแห้งจะได้ขนมที่ให้พลังงานและสารอาหารครบถ้วน เหมาะสำหรับรับประทานก่อนหรือหลังออกกำลังกาย หรือการทำกราโนล่าโฮมเมดที่ใช้แมคคาเดเมียเป็นส่วนประกอบหลัก จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์และเก็บไว้รับประทานได้นาน

เมนูสลัดเพื่อสุขภาพสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยการใช้แมคคาเดเมียสับหยาบโรยหน้า และทำน้ำสลัดจากแมคคาเดเมียบดผสมกับน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก และสมุนไพรสด จะได้น้ำสลัดที่มีรสชาติกลมกล่อมโดยไม่ต้องใช้มายองเนส

สำหรับมื้อหลัก การทำข้าวอบธัญพืชโดยใช้แมคคาเดเมียเป็นส่วนผสม จะช่วยเพิ่มโปรตีนและไขมันดีให้กับอาหาร หรือจะทำเป็นแพตตี้เบอร์เกอร์จากควินัวและแมคคาเดเมียบด เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์

การทำซุปครีมผักโดยใช้แมคคาเดเมียบดแทนครีมจากนม จะได้ซุปที่เข้มข้น มีรสชาติกลมกล่อม และเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นสเปรดทาขนมปังโดยบดผสมกับอโวคาโดและสมุนไพรสด จะได้เครื่องเคียงที่มีประโยชน์และอิ่มท้อง

แมคคาเดเมียยังเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิก เนื่องจากมีไขมันดีสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ สามารถนำไปทำเป็นขนมและอาหารว่างที่เข้ากับการควบคุมอาหารแบบจำกัดคาร์บได้หลากหลาย โดยยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน

นอกจากนี้ การเก็บรักษาแมคคาเดเมียให้คงความสดและคุณค่าทางโภชนาการ ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน จะช่วยให้เก็บไว้ได้นานและคงประโยชน์ไว้ได้อย่างครบถ้วน

การดูแลสุขภาพโดยรวมควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมีย

การสร้างสมดุลในอาหารประจำวัน

การรับประทานแมคคาเดเมียเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้ การวางแผนมื้ออาหารที่สมดุลจึงมีความสำคัญ โดยควรรับประทานร่วมกับอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ ผักและผลไม้สดควรเป็นส่วนสำคัญในทุกมื้อ เพื่อให้ได้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ครบถ้วน นอกจากนี้ การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากแมคคาเดเมียได้ดียิ่งขึ้น

การออกกำลังกายที่เหมาะสม

การออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมียจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำสารอาหารไปใช้ การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายนำไขมันดีจากแมคคาเดเมียไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การทำเวทเทรนนิ่งควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมียจะช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

การพักผ่อนและการจัดการความเครียด

คุณประโยชน์ของแมคคาเดเมียจะเห็นผลดียิ่งขึ้นเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ การนอนหลับที่มีคุณภาพอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดการความเครียดผ่านกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ จะช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่อาจรบกวนการดูดซึมสารอาหาร

ข้อควรระวังในการรับประทานแมคคาเดเมีย

แม้ว่า แมคคาเดเมีย จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบางกลุ่มคน:

ผู้ที่แพ้ถั่ว แม้ แมคคาเดเมีย จะไม่ใช่ถั่วแท้ แต่ผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วชนิดอื่นๆ ควรทดลองรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน และสังเกตอาการ

ผู้ที่มีปัญหาการย่อยไขมัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เนื่องจาก แมคคาเดเมีย มีไขมันสูง อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรือคลื่นไส้ได้

หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน และควรเลือกแบบไม่ปรุงรส เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมมากเกินไป

10 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแมคคาเดเมีย

Q: แมคคาเดเมีย อ้วนไหม?

A: แมคคาเดเมียไม่ทำให้อ้วนหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม (15-20 เม็ดต่อวัน) เพราะแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่ใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุบจิบ

Q: แมคคาเดเมีย 100 กรัม กี่เม็ด?

A: แมคคาเดเมีย 100 กรัม มีประมาณ 50-55 เม็ด โดยแมคคาเดเมีย 1 เม็ดมีน้ำหนักประมาณ 1.8-2 กรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของเมล็ด

Q: คนเป็นเบาหวานกินแมคคาเดเมียได้ไหม?

A: คนเป็นเบาหวานสามารถรับประทานแมคคาเดเมียได้ และมีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำตาล แนะนำให้รับประทาน 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ

Q: แมคคาเดเมียกินตอนไหนดีที่สุด?

A: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าหรือก่อนออกกำลังกาย 30 นาที เพราะร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แนะนำให้กินก่อนนอน

Q: คนท้องกินแมคคาเดเมียได้ไหม?

A: คนท้องสามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน และควรเลือกแบบไม่ปรุงรสเพื่อหลีกเลี่ยงโซเดียมสูง

Q: แมคคาเดเมียช่วยลดคอเลสเตอรอลได้จริงไหม?

A: ช่วยได้จริง โดยต้องรับประทาน 20-25 เม็ดต่อวัน ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ จะช่วยลด LDL ได้ถึง 7% โดยไม่กระทบต่อ HDL

Q: กินแมคคาเดเมียแทนมื้อเย็นได้ไหม?

A: ไม่ควรใช้แมคคาเดเมียทดแทนมื้อหลัก เพราะให้สารอาหารไม่ครบถ้วน ควรรับประทานเป็นอาหารว่างหรือส่วนประกอบของมื้ออาหาร

Q: แมคคาเดเมียดิบกับคั่ว แบบไหนดีกว่ากัน?

A: แมคคาเดเมียดิบดีกว่าในแง่คุณค่าทางอาหาร เพราะวิตามินและแร่ธาตุไม่ถูกทำลายด้วยความร้อน แต่แบบคั่วย่อยง่ายกว่า

Q: เก็บแมคคาเดเมียได้นานแค่ไหน?

A: แบบดิบเก็บในตู้เย็นได้นาน 6 เดือน แบบคั่วเก็บได้ 2-3 เดือนในที่แห้งและเย็น ต้องปิดภาชนะให้สนิท

Q: แมคคาเดเมียมีโปรตีนเท่าไหร่?

A: แมคคาเดเมีย 100 กรัมมีโปรตีน 7.9 กรัม หรือประมาณ 0.15 กรัมต่อเม็ด

สรุป

การรับประทาน แมคคาเดเมีย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม แต่ยังต้องใส่ใจเรื่องเวลาและวิธีการรับประทานด้วย สำหรับคนทั่วไป การรับประทาน 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ พร้อมดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จาก แมคคาเดเมีย อย่างเต็มที่ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม