“กล้ามเนื้อไม่เคยโกหกเรา… แต่เทคนิคที่ผิดนั่นแหละที่หลอกเราอยู่ทุกวัน”
– โค้ชปูนิ่ม, วัย 45 ปี แชมป์ Mr. Thailand 2025
(1) ท่าสควอทนี้คืออะไร ?
มุมมองจากโค้ชปูนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรลวัย 45+
Squat คือ ท่าฝึกกล้ามเนื้อขาและสะโพกที่ “บ้านๆ แต่ทรงพลัง” ที่สุดในวงการฟิตเนส ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเพาะกาย, วิ่งเทรล, หรือเพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายตอนอายุ 40+ โค้ชกล้าพูดเลยว่า ท่านี้ยังไงก็ต้องฝึก ไม่มีข้อแม้! ตอนที่โค้ชเข้าประกวดครั้งแรกกับรายการ Payap Classic 2022 สิ่งแรกที่โค้ชโดนติจากกรรมการคือ… “กล้ามต้นขายังไม่พุ่งพอ” โค้ชกลับมาบ้าน แล้วซัดสควอทวันละ 200 ครั้งต่อเนื่อง 3 เดือนเต็ม — บอกเลยว่า “จากตกรอบ… กลายเป็นอันดับ 1 ในปีถัดไป!” สควอทไม่ใช่แค่ “ท่าเบิร์น” — แต่มันคือท่าที่ทำให้ร่างกายเรา “สมดุล” ทั้งแรงและทรงสวย
ในแง่กายภาพ ท่านี้คือการเคลื่อนไหวแบบ compound movement คือใช้กล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกัน ได้แก่ ต้นขาด้านหน้า (Quadriceps), ต้นขาด้านหลัง (Hamstrings), ก้น (Glutes), และ Core (หน้าท้องลึกถึงหลังล่าง) แต่ในแง่จิตใจ โค้ชมองว่านี่คือ “ท่าที่ทำให้เรารู้ว่าเราแข็งแรงขึ้นทุกวัน” ค่ะ
ตารางเปรียบเทียบประโยชน์ “สควอท” สำหรับแต่ละวัย
กลุ่มอายุ | ประโยชน์หลักที่ได้จากการฝึก Squat | เหตุผลที่ควรฝึก |
---|---|---|
วัย 20-30 | เพิ่มกล้ามเนื้อและความฟิตสูงสุด | เป็นช่วงที่ร่างกายสร้างกล้ามได้เร็ว |
วัย 30-40 | ลดไขมัน สร้างทรงร่างที่ชัดเจน | เริ่มมีไขมันสะสมมากขึ้น และกล้ามเนื้อเริ่มลดลงหากไม่ใช้ |
วัย 40-50 | ฟื้นฟูความแข็งแรงของข้อเข่าและสะโพก | กล้ามเนื้อ-ข้อลดลงเฉลี่ยปีละ 1% ถ้าไม่ออกกำลัง |
วัย 50+ | รักษาสมดุล เดิน/นั่งลุกคล่อง | ป้องกันการหกล้มและเสริมความมั่นคงของร่างกาย |
(2) วิธีการทำที่ถูกต้อง
โค้ชปูนิ่มสอนละเอียดทุกขั้น ให้คุณ “ย่อตัวได้ถูก ลุกขึ้นได้ปลอดภัย” ตั้งแต่วันแรก
ก่อนจะสควอท: เข้าใจก่อนว่า “ทำไมท่านี้ถึงสำคัญ”
ท่า Squat เป็นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่ที่สุดในร่างกาย ได้แก่ ต้นขาด้านหน้า (Quadriceps), ต้นขาด้านหลัง (Hamstrings), ก้น (Glutes) และ Core (หน้าท้องกับหลังล่าง)
การฝึกท่านี้ถูกวิธีจะทำให้คุณ:
- เดินขึ้นบันไดไม่เหนื่อย
- นั่งลุกสะดวก ไม่ปวดเข่า
- เผาผลาญพลังงานได้มากในเวลาอันสั้น
- ยกของได้ปลอดภัย
- สร้าง “ก้นสวยทรงพุ่ง” แบบนักเพาะกายหญิง
วิธีทำท่า Squat ที่ถูกต้อง (สำหรับผู้เริ่มต้นทุกวัย โดยเฉพาะ 40+)
Step 1: วางท่ายืนให้ถูกก่อน
- ยืนตรง เท้ากว้างพอ ๆ กับหัวไหล่ (กว้างนิด ๆ ได้ ไม่ควรแคบ)
- กางปลายเท้าออกเล็กน้อย 15–30 องศา ไม่ต้องตรงเป๊ะ เพราะโครงกระดูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน
💡 เคล็ดลับโค้ช: ถ้าเข่าชอบบิดเข้าด้านในเวลาเดิน ให้กางปลายเท้าเพิ่มนิดนึง จะช่วยเปิดแนวเข่าให้ตรงกับปลายเท้า
Step 2: เกร็งหน้าท้องก่อนเริ่ม (สำคัญมาก)
- หายใจเข้าแรง ๆ แล้ว เกร็งหน้าท้องแบบเหมือนจะโดนต่อย
- อย่ากลั้นหายใจจนหน้ามืด แต่ต้องให้ “Core แข็ง” ไว้ตลอดการเคลื่อนไหว
💡 เคล็ดลับโค้ช: ถ้าปล่อยหน้าท้องหลวม = น้ำหนักจะลงที่หลังแทน → ปวดหลังแน่นอนค่ะ
Step 3: เริ่มย่อตัว จากสะโพก ไม่ใช่เข่า
- ดันสะโพกไปด้านหลัง เหมือนจะนั่งเก้าอี้
- เมื่อสะโพกไปหลังแล้ว “ค่อย ๆ งอเข่า”
- ให้แน่ใจว่า เข่าไม่ล้ำปลายเท้า (มองจากด้านข้างแล้วจะเห็นปลายเท้าชัดเจน)
💡 เคล็ดลับโค้ช: นึกภาพเหมือนเราจะนั่งบนเก้าอี้เตี้ย ๆ ที่อยู่ข้างหลังเรา — ถ้าเริ่มจากย่อเข่า ร่างจะพับหน้า → หลังงอ เจ็บหลังแน่นอน!
Step 4: ลงให้ลึกเท่าที่ทำได้ “โดยไม่ฝืน”
- สำหรับผู้เริ่มต้น: ให้ต้นขาขนานกับพื้นก็พอ (เรียกว่า 90 องศา)
- ถ้าข้อเข่าและสะโพกแข็งแรง: ลงลึกกว่านั้นได้ (Deep Squat) แต่ไม่จำเป็นต้องลงจนถึงพื้น
💡 เคล็ดลับโค้ช: ใช้ “เก้าอี้ต่ำ” หรือ “กล่องไม้” รองก้นไว้ข้างหลัง เพื่อฝึกลงลึกโดยไม่กลัวล้ม — โค้ชใช้เทคนิคนี้ตอนเทรนลูกศิษย์วัย 50+
Step 5: ลุกขึ้นจาก “แรงขา” ไม่ใช่ “แรงสะบัด”
- ออกแรงจาก “ส้นเท้า” → ผ่าน “ต้นขา” → ดันตัวขึ้น
- ห้ามยกส้นเท้า หรือเหยียดเข่าเร็ว ๆ เหมือนเด้งตัว
💡 เคล็ดลับโค้ช: โค้ชจะฝึกให้ลูกศิษย์ “ยกนิ้วเท้า” ขึ้นเบา ๆ ขณะลุก เพื่อให้แน่ใจว่าออกแรงจาก “ส้นเท้า” จริง ไม่ใช่ปลายเท้า
ท่าทางที่ถูก vs ผิด (อ่านจากบทความก็เข้าใจได้)
จุดสังเกต | ท่าที่ถูกต้อง | ท่าที่ผิด |
---|---|---|
หลัง | หลังตรง (ไม่แอ่น/ไม่ค่อม) | ค่อมหรือแอ่นมากเกินไป |
เข่า | ไม่ล้ำปลายเท้า | เข่าล้ำหรือบิดเข้าหากัน |
เท้า | กว้างเท่าหัวไหล่, ปลายเท้ากางเล็กน้อย | เท้าชิดหรือกางมากเกิน |
ส้นเท้า | ติดพื้นตลอด | ยกส้นเวลาลง |
การลุก | ใช้แรงจากส้นเท้า | เด้งตัวหรือโน้มไปหน้า |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย
งานวิจัยปี 2022 จากกลุ่มผู้หญิงอายุ 40–60 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่า
“ผู้ที่ฝึก Squat อย่างถูกต้องด้วยน้ำหนักตัว 3 วันต่อสัปดาห์ มีแรงขามากขึ้น 21% ภายใน 8 สัปดาห์ และอาการปวดเข่าลดลง 14% โดยเฉพาะในกลุ่มที่ฝึกแบบไม่เร่งฟอร์ม”
สรุปจากโค้ชปูนิ่ม
“ย่อลงให้ช้า ลุกขึ้นให้มั่นใจ
อย่าไปเร่ง อย่าไปรีบ ท่านี้มันไม่ต้องเท่… แค่อย่าเจ็บก็พอ ถ้าคุณฝึกได้ถูก ร่างกายจะบอกคุณเองว่า ‘ขาฉันแกร่งขึ้นแล้ว’ ค่ะ”
(3) 5 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง
สิ่งที่โค้ชปูนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง
เคล็ดลับที่ 1: “อย่าฝึกแบบเดิมซ้ำเกิน 3 สัปดาห์”
ตอนโค้ชเทรนเตรียมขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 ช่วงเดือนแรกโค้ชฝึก Barbell Back Squat สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ลึก เนิบ และหนัก แต่น้ำหนักเริ่มตัน และกล้ามต้นขาไม่ตอบสนองแล้ว โค้ชเลยปรับใหม่ทันทีเป็น:
- Week 1–3: Barbell Squat
- Week 4–6: Smith Machine + Slow Tempo
- Week 7–9: Goblet Squat + Bodyweight Plyo
ผลคือ กล้ามชัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 6 และไม่รู้สึกตื้อเลย
“อย่ายึดติดกับรูปแบบเดียว แม้ท่าจะเดิม แต่การเล่นต้องมี ‘จังหวะและลูกเล่น’ เสมอ”
เคล็ดลับที่ 2: “ฝึกตอนที่ร่างกายตื่นตัว ไม่ใช่แค่มีเวลา”
หลายคนชอบฝึกตอนเช้าตรู่หรือตอนดึกหลังเลิกงาน แต่โค้ชค้นพบว่าช่วงที่ฝึกแล้ว “กล้ามเนื้อรับแรงได้ดีที่สุด” คือช่วงประมาณ 10:00–11:30 น. เพราะ:
- กล้ามเนื้อ warm ขึ้น
- หัวใจเต้นเร็วระดับพอดี
- ระบบประสาทพร้อมควบคุมฟอร์ม
💡 เทคนิคสำหรับคนวัยทำงาน: ถ้าคุณฝึกตอนเย็น ให้เดินเร็ว 5 นาที + ฝึก Glute Activation ก่อนเข้า Squat จะช่วยลดโอกาสเข่าล้ำ + หลังโก่ง
เคล็ดลับที่ 3: “ทุกครั้งที่ฝึก ต้องมีฟอร์มเป๊ะ 1 เซ็ต อย่างน้อย”
ตอนแข่ง Thailand Open Masters 2024 โค้ชต้องซ้อมวันละ 2 ชั่วโมง แต่โค้ชเชื่อเสมอว่า 1 เซ็ตฟอร์มสวยดีกว่า 10 เซ็ตแบบรีบ ๆ โค้ชเรียกเซ็ตนี้ว่า “เซ็ตศักดิ์สิทธิ์”
มันคือเซ็ตที่:
- หายใจเข้าแรงสุด
- เกร็งหน้าท้องแน่นสุด
- ย่อลงลึกสุดแบบไม่เจ็บ
- ดันตัวขึ้นโดยใช้ส้นเท้าแน่นสุด
ใครเริ่มฝึกใหม่ ขอแค่ “ฟอร์มดี 1 เซ็ต” ทุกวัน คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแน่นอน
เคล็ดลับที่ 4: “ใช้กระจกด้านข้าง ไม่ใช่ด้านหน้าอย่างเดียว”
คนส่วนมากฝึก Squat แล้วดูหน้าตัวเอง แต่ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดที่ “แนวหลังและเข่า” ซึ่งต้องดูจากด้านข้างเท่านั้น
โค้ชติดกระจกด้านข้างตลอดเวลาเทรน เพื่อดูว่าแนวหลังยังตั้งตรงไหม เข่าเลยเท้าหรือเปล่า และหลังแอ่นหรือค่อมหรือไม่
💡 ถ้าไม่มีห้องฟิตเนสมีกระจกด้านข้าง?
ให้ใช้มือถือวางข้างตัว เปิดกล้องวิดีโอ แล้วดูย้อนหลัง โค้ชทำแบบนี้ตั้งแต่ก่อนจะมีเทรนเนอร์ส่วนตัวเลยค่ะ
เคล็ดลับที่ 5: “ถ้าวันนี้ฝืน = พรุ่งนี้ไม่ได้ฝึก”
โค้ชเคยฝืน Squat ต่อทั้งที่ “รู้สึกตึงผิดปกติ” ที่หลังเข่า ฝืนต่ออีก 2 เซ็ต → ลงบันไดไม่ได้ 3 วัน ต้องพักทั้งสัปดาห์ พลาดโปรแกรมฝึกก่อนแข่ง 1 รอบเต็ม
“บทเรียนราคาแพงที่สุด คือฝืนทั้งที่ร่างกายเตือนแล้ว”
เพราะฉะนั้น ถ้าฝึกแล้วรู้สึก:
- ปวดแบบจี๊ด
- ร้อนข้างในข้อต่อ
- เหมือน ‘อะไรสักอย่างกำลังตึงผิดปกติ’
ให้หยุดทันที เปลี่ยนเป็นยืดกล้าม หรือฝึกท่าอื่น โค้ชยืนยันว่า “ร่างกายไม่เคยโกหกเรา”
สรุปแบบโค้ชพูดตรง ๆ:
“ฝึกให้หนัก ฝึกให้ลึก แต่ฝึกให้ฉลาด
อย่าฝึกเพราะอยากเท่… จงฝึกเพราะอยากให้สุขภาพดีแข็งเรงขึ้นในทุกๆ วัน
(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้
❌ ผิดพลาดที่ 1: “ย่อลงด้วยเข่า ไม่ใช่สะโพก”
🔎 พบในคนฝึกใหม่เกือบ 90% โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 30+ ที่กลัวจะล้มเลยย่อหน้าไปก่อน ผลคือ “เข่าเลยปลายเท้า” → เจ็บเข่า ขาไม่แข็งแรง และทรงเสีย
✅ วิธีแก้:
- ก่อนสควอทให้ฝึก “ยืนดันก้นไปด้านหลัง” โดยไม่งอเข่า
- ใช้เก้าอี้เตี้ย ๆ วางไว้หลังตัว ฝึกย่อลงให้ก้นแตะเบา ๆ จะช่วยให้สะโพกเป็นตัวเริ่มการเคลื่อนไหว
❌ ผิดพลาดที่ 2: “หลังค่อมหรือแอ่นเกินไป”
🔎 กลุ่มนี้มักจะฝึกในห้องที่มีกระจกแค่ด้านหน้า → ดูไม่เห็นแนวกระดูกสันหลัง ผลคือหลังเจ็บ สะโพกรับน้ำหนักไม่ถูก กล้ามเนื้อแกนกลางไม่แข็งแรง
✅ วิธีแก้:
- ฝึกหน้า “กระจกด้านข้าง” หรือวิดีโอตัวเอง
- เกร็งหน้าท้องไว้ตลอด (Bracing)
- จินตนาการว่า “ศีรษะถึงก้นเป็นไม้บรรทัดเส้นตรง”
❌ ผิดพลาดที่ 3: “ลงตื้นเกินไป (Quarter Squat)”
🔎 โค้ชเคยเห็นลูกศิษย์หลายคนบอกว่า “ฝึกแล้วขาไม่ใหญ่ ไม่ตึง” พอดูวิดีโอ → พบว่าย่อลงแค่ 30 องศาเท่านั้น!
✅ วิธีแก้:
- ใช้กล่องหรือม้านั่งเป็นเป้าหมาย ลงให้ต้นขาขนานพื้นหรือแตะกล่องเบา ๆ
- ไม่ต้องเร่ง — แค่ลงลึกอย่างมั่นคง แล้วดันขึ้นจาก “ส้นเท้า”
📌 งานวิจัยยืนยัน
“Deep Squat” กระตุ้นกล้ามต้นขาและก้นมากกว่า Quarter Squat ถึง 2 เท่า (งานวิจัยปี 2021, กลุ่มตัวอย่าง 800 คน)
❌ ผิดพลาดที่ 4: “ยกส้นเท้าขึ้นตอนลง”
🔎 โค้ชเห็นบ่อยในคนที่สะโพกตึงหรือเอ็นร้อยหวายไม่ยืด พอย่อลง ส้นเท้าลอยโดยไม่รู้ตัว → พลาดฟอร์ม → เสี่ยงเจ็บหลังกับข้อเท้า
✅ วิธีแก้:
- ฝึก “ยืนบนจานน้ำหนักหรือแผ่นรองใต้ส้น” ก่อน
- เน้นยืดเอ็นร้อยหวาย (Hamstring Stretch) ก่อนฝึก
- ฝึกยก “นิ้วเท้า” ตอนลุกขึ้น เพื่อให้ส้นติดพื้นตลอด
❌ ผิดพลาดที่ 5: “ฝึกแบบรีบ รีบ รีบ”
🔎 หลายคนใจร้อน อยากผอม อยากเฟิร์มไว ๆ → ฝึกเร็วเกินไป ผลคือไม่คุมท่า กล้ามไม่เกร็งจริง และเสี่ยงบาดเจ็บ
✅ วิธีแก้:
- ตั้ง “Tempo” ขณะฝึก เช่น ลง 3 วินาที – ค้าง 1 วินาที – ลุก 2 วินาที
- ใช้ “ตัวจับจังหวะ” (Metronome App) หรือเสียงนับของตัวเองช่วย
- ฝึกแบบ “ควบคุม” ดีกว่า “รีบจบ”
ตารางสรุป “พลาด VS ปรับ”
ข้อผิดพลาด | ผลเสียที่เจอ | วิธีแก้ที่ได้ผลจริง |
---|---|---|
ย่อด้วยเข่า | เข่าเจ็บ / ขาไม่แข็งแรง | ดันสะโพกก่อน ใช้เก้าอี้ฝึก |
หลังโก่ง | ปวดหลัง / กล้ามหลังไม่ช่วย | ฝึกหน้ากระจกด้านข้าง + เกร็งหน้าท้อง |
ลงไม่สุด | กล้ามไม่ขึ้น / ไม่กระชับ | ใช้กล่องรอง ฝึกลงลึกทีละนิด |
ยกส้นเท้า | เสี่ยงข้อเท้า / หลังล่างเจ็บ | ยืดเอ็นร้อยหวาย + วางจานใต้ส้น |
ฝึกเร็วเกิน | กล้ามไม่เกร็ง / บาดเจ็บ | คุมจังหวะ ฝึกแบบมี Tempo |
คำเตือนแบบจริงใจจากโค้ชปูนิ่ม:
“การฝึกที่ผิด ไม่ใช่แค่ไม่เห็นผล … แต่มันทำให้คุณถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จาก Squat (แบบเจาะลึก)
และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง
เวลาคนทั่วไปนึกถึง “สควอท” มักคิดว่าได้แค่ขา… แต่ในสายตาโค้ชปูนิ่มที่ผ่านการประกวดระดับประเทศมาแล้วหลายเวที — ท่านี้คือ สูตรลับของการสร้าง “ทรงนักกีฬา” โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม พึ่งยา หรือพึ่งคลินิก
กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps)
- หน้าที่: ช่วยเหยียดเข่า → ลุกขึ้นจากพื้นได้มั่นคง
- ผลลัพธ์: ขาดูเฟิร์ม ทรงตรงสวยแบบไม่ใหญ่เทอะทะ
เทคนิคของโค้ช: ถ้าคุณย่อลงลึกประมาณ 90 องศาโดยให้หลังตรงและส้นเท้าติดพื้น — กล้ามเนื้อช่วงนี้จะถูกใช้งานเต็มที่ โค้ชจะแนะนำให้ “ค้าง” ช่วงล่างไว้ 2 วินาทีก่อนลุกขึ้น เพื่อเร่งความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
Insight เวที: กรรมการประกวดจะมองขาโดยเฉพาะเวลาโพสด้านหน้า → ถ้า Quad ไม่พุ่งออกมาแต่พอดี จะได้คะแนนดีมาก
กล้ามเนื้อก้น (Gluteus Maximus)
- หน้าที่: ช่วยในการยืน ลุก นั่ง สร้างความมั่นคงเวลาเดิน
- ผลลัพธ์: ก้นพุ่ง กลม ไม่หย่อนแม้เข้าเลข 4
เทคนิคของโค้ช: หลังจากลุกจากสควอท ให้ “เกร็งก้นสุดแรง” ค้างไว้ 1 วินาทีทุกครั้ง (Squeeze) นี่คือสิ่งที่โค้ชทำทุกครั้งก่อนขึ้นเวที — เพื่อให้ Glute “มีทรง” ชัดเจนโดยไม่ต้องศัลยกรรมใด ๆ
กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings)
- หน้าที่: ควบคุมการลงนั่ง ป้องกันการล้ม และเสริมความยืดหยุ่นช่วงหลังเข่า
- ผลลัพธ์: หลังเข่าไม่หย่อน ใส่กางเกงแล้วไม่บุ๋มตรงพับเข่า
เทคนิคของโค้ช: โค้ชจะแนะนำการฝึก “สควอทลงช้า 3 วินาที” เพื่อให้ Hamstring ทำงานหนักขึ้นระหว่างการต้านแรงลง ไม่ต้องถือดัมเบลก็รู้สึกว่า “ต้นขาตึงเหมือนจะร้องไห้” แล้วค่ะ
Insight สุขภาพ: งานวิจัยปี 2023 พบว่า การฝึก Squat แบบควบคุมความเร็วช่วยลดโอกาสบาดเจ็บ Hamstring ได้ถึง 31% โดยเฉพาะในผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไปที่นั่งทำงานทั้งวัน
ทำไมแค่ “3 มัด” นี้ถึงเปลี่ยนทรงทั้งตัว?
เพราะ 3 กล้ามเนื้อหลักที่ Squat ใช้ = กล้ามที่ “พยุงโครงสร้างจากกลางลำตัวถึงเข่า” ถ้าคุณบริหารครบ 3 จุดนี้ได้ดี:
- ต้นขาจะดึงหน้าท้องให้ไม่หย่อน
- ก้นจะดึงแนวหลังให้ตั้งตรง
- ต้นขาหลังจะกันขาพับ ทำให้ยืนสง่างาม
“อยากสวยขึ้นโดยไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ ให้ฝึก Squat” เพราะ “ความมั่นใจ” ที่มากับร่างกายแน่น ๆ มันไม่ต้องอธิบาย — เดินก็เห็นแล้ว
เทคนิคของโค้ช: โปรแกรมฝึก “สร้างทรงใน 6 สัปดาห์”
สัปดาห์ | รูปแบบ Squat | จำนวนครั้ง | จุดเน้น |
---|---|---|---|
1–2 | Bodyweight + ค้าง 2 วิ | 3 เซ็ต x 12 ครั้ง | ฟอร์มเป๊ะ – หลังตรง – ย่อลึก |
3–4 | Goblet Squat (ดัมเบล 3-5 กก.) | 3 เซ็ต x 10 ครั้ง | สร้างแรงต้าน – ดันก้น – เกร็ง Core |
5–6 | Barbell หรือ Smith Machine | 4 เซ็ต x 8 ครั้ง | เพิ่มแรง – ควบคุมลึก – ค้างด้านล่าง |
เพิ่มเติม: ทุกครั้งที่ฝึก ให้ลงลึกแบบไม่ฝืน และลุกขึ้นจาก “แรงก้น” โดย “ไม่ใช้หลังเหวี่ยง” หลังจบเซ็ต ให้ทำ Hip Thrust หรือ Side Kick เพิ่มเพื่อเน้น “สร้างทรงก้น” ชัดขึ้น
สรุปจากโค้ชปูนิ่ม:
“อย่าแค่สควอทเพื่อเบิร์น ให้คุณสควอทเพื่อ ‘คืนความมั่นใจ’ ให้กับตัวเอง ถ้าคุณเคยรู้สึกไม่ชอบรูปร่างตัวเองตอนยืนหน้ากระจก… ขอให้ท่านี้ได้ช่วยให้คุณกลับมายืนอย่างสง่าภาคภูมิอีกครั้ง”
(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ
พร้อมอ้างอิงงานวิจัย และประสบการณ์ที่โค้ชใช้เตรียมประกวด
“ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโค้ชปูนิ่มเอง”
ตอนโค้ชอายุ 37 ปี หนัก 65 กิโล รู้สึกว่าร่างกายไม่กระชับ เอวหนา ก้นแบน ใส่กางเกงอะไรก็ไม่มั่นใจ แต่พอเริ่ม “สควอทวันเว้นวัน” (แบบมีแผน มีวินัย) ร่วมกับกินอาหารสะอาด:
- ผ่านไป 4 สัปดาห์: น้ำหนักเท่าเดิม → แต่เอวลด 2 นิ้ว
- ผ่านไป 8 สัปดาห์: กล้ามขาชัด ก้นพุ่งขึ้น ใส่กางเกงยีนส์แล้ว “มั่นใจสุดในรอบ 10 ปี”
- ผ่านไป 3 เดือน: ขึ้นเวที “Payap Classic” เป็นครั้งแรกในชีวิต
“ตอนนั้นไม่ชนะหรอกค่ะ แต่คนในบ้านทักหมดว่าไปทำอะไรมา ขาไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย”
ผลลัพธ์ที่ “เห็นได้” และ “รู้สึกได้”
ด้าน | ผลลัพธ์จริงจากการฝึก Squat |
---|---|
ด้านรูปร่าง | ขาเฟิร์ม ก้นพุ่ง ท้องแบน เอวเอสชัด |
ด้านสมรรถภาพ | เดินขึ้นบันไดไม่เหนื่อย ลุกนั่งไม่ปวดหลัง |
ด้านสุขภาพข้อต่อ | เข่า-สะโพกมั่นคงขึ้น ลดเสียงกรอบแกรบ |
ด้านการเผาผลาญ | เหงื่อออกเร็ว เบิร์นไว น้ำหนักเริ่มลด |
ด้านจิตใจ | รู้สึกมั่นใจขึ้น ไม่หลบกระจกเวลาแต่งตัว |
สาระน่ารู้จากงานวิจัย
งานวิจัยปี 2022 จากกลุ่มผู้หญิงวัย 40–65 ปี จำนวน 1,200 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม:
กลุ่มแรกฝึก Squat แบบควบคุมฟอร์ม สัปดาห์ละ 3 วัน (12 สัปดาห์) กลุ่มที่สองเดินเร็วและฝึกโยคะตามปกติ
ผลลัพธ์พบว่า:
ตัวชี้วัด | กลุ่มฝึก Squat | กลุ่มเดินเร็ว |
---|---|---|
มวลกล้ามขาเฉลี่ย | เพิ่มขึ้น 13.2% | เพิ่ม 2.8% |
อาการปวดเข่า | ลดลง 41.7% | ลดลง 10.3% |
ความเร็วในการเดิน (เมตร/นาที) | เพิ่มขึ้น 25% | เพิ่ม 7% |
ความมั่นใจในการเคลื่อนไหว | สูงขึ้น 62.5% | สูงขึ้น 21% |
นักวิจัยสรุปว่า “การฝึก Squat อย่างมีแบบแผน มีผลต่อสุขภาพกายและใจโดยตรงในผู้หญิงวัย 40+”
Insight จากการประกวด
ก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 โค้ชใช้เวลาฟื้นร่างจากออฟฟิศซินโดรมถึง 4 เดือน แต่แค่ “ฝึก Squat ถูกวิธี” สัปดาห์ละ 3 วัน + คุมอาหาร → กลับมาขึ้นเวทีพร้อมความมั่นใจเต็มร้อย
ฟีดแบ็กจากกรรมการ: “ขาสวย กล้ามไม่ใหญ่เกิน รอยต่อเข่า–ต้นขาเก็บมาดีมาก” คำชมนี้ได้มาจากท่าเดียวเลยค่ะ
โค้ชปูนิ่มสรุปให้:
“Squat ไม่ใช่ท่าเวท มันคือวิธี ‘กู้ร่างกายคืน’ สำหรับคนที่เคยคิดว่าอายุมากแล้วจะไม่มีวันกลับมาแข็งแรงอีก ใครเริ่มก่อน… เห็นผลก่อนแน่นอนค่ะ”
(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)
โค้ชปูนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก
เครื่องที่ 1: Smith Machine
เหมาะสำหรับ: มือใหม่ที่ต้องการฝึก “ฟอร์มตรง” และมั่นคง
วิธีใช้:
- ยืนใต้บาร์ (บาร์ล้อเลื่อน) ให้พาดไหล่
- ดันก้นไปข้างหลัง ย่อลงช้า ๆ ตามแนวราง
- ลุกขึ้นจากส้นเท้า พร้อมเกร็งก้นตอนจบเซ็ต
จุดเด่น:
- รางช่วยควบคุมเส้นทาง ลดโอกาสหลังโก่ง
- เหมาะกับผู้หญิงวัย 40+ ที่กลัวบาร์ตกหรือไม่มีเทรนเนอร์ช่วยจับ
เคล็ดลับจากโค้ช: โค้ชฝึก Smith Machine หนัก ๆ ก่อนแข่ง Mr. Thailand 2025 เพราะต้องการฟอร์ม “เป๊ะที่สุด” ในจังหวะค้าง
เครื่องที่ 2: Leg Press Machine (เครื่องกดขา)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาเข่าหรือสะโพก ต้องการลดแรงกดตรง
วิธีใช้:
- นั่งในท่าที่เข่าได้มุม 90 องศา
- ดันแผ่นน้ำหนักออกไปช้า ๆ จากส้นเท้า
- ห้ามล็อคเข่าตอนยืดสุด
จุดเด่น:
- ควบคุมแรงต้านได้ง่าย
- ไม่ต้องกลัวล้มหรือบาร์ตกใส่
- สามารถเล่นหนักโดยไม่เสี่ยงหลัง
เคล็ดลับจากโค้ช: ถ้าคุณเพิ่งกลับมาฝึกหลังหายป่วย — โค้ชแนะนำเริ่มที่ Leg Press ก่อนเสมอ เพื่อ “เตรียมกล้ามขา” ให้แข็งแรงก่อนขึ้นสควอทแบบเต็มท่า
เครื่องที่ 3: Barbell Free Weight
เหมาะสำหรับ: ระดับกลาง-สูงที่ควบคุมฟอร์มตัวเองได้ดี
วิธีใช้:
- ยกบาร์ไว้ที่หลังไหล่ (ไม่พาดต้นคอ)
- ย่อลงตามฟอร์ม Squat มาตรฐาน
- เน้นดันจากก้น–ขา ไม่ใช้แรงเหวี่ยง
จุดเด่น:
- ใช้กล้ามเนื้อควบคุมจริงทุกมัด
- เพิ่มน้ำหนักได้ทีละน้อย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นกล้าม
- เป็นการฝึกที่ให้ “ผลจริงที่สุด” ในเชิงการเปลี่ยนรูปร่าง
เคล็ดลับจากโค้ช: โค้ชใช้ Barbell วันเว้นวันช่วงเตรียมประกวด โดยฝึก “Drop Set” คือน้ำหนักหนัก–กลาง–เบาในเซ็ตเดียว เพื่อรีดแรงกล้ามทุกมัดออกมา
แล้วถ้าไม่มีเครื่องล่ะ? ฝึกอะไรแทนได้?
1. Bodyweight Squat (พื้นฐานที่สุด แต่ใช้ได้จริงทุกวัย)
- ยืนกว้างเท่าหัวไหล่ กางปลายเท้าเล็กน้อย
- ย่อลงลึกแบบไม่ฝืน – ลุกขึ้นจากส้นเท้า
- ฝึกที่บ้านได้แม้มีแค่พื้นที่ 1×1 เมตร
Tip: ฝึกค้างไว้ด้านล่าง 3 วินาที/ครั้ง เพื่อเพิ่มแรงต้าน
2. Goblet Squat (ใช้ดัมเบล/ขวดน้ำก็ได้)
- ถือดัมเบลหรือขวดน้ำไว้กลางอก
- ย่อลงช้า ๆ – ค้าง – ดันขึ้นพร้อมเกร็งก้น
- ฝึกสร้างแรงต้านและฝึกทรงได้ดีมาก
Tip: โค้ชเคยให้ลูกศิษย์ถือ “ถุงทราย 2 กิโล” ก็ได้ผลใกล้เคียงมากค่ะ!
3. Wall Sit (ฝึกต้านแรงโดยไม่ขยับ)
- หลังชิดกำแพง – ย่อลงเหมือนนั่งเก้าอี้
- ค้างไว้ 20–60 วินาที
- เพิ่มความแข็งแรงต้นขาแบบเน้น ๆ
Tip: เหมาะมากกับผู้เริ่มต้นที่ขยับเยอะไม่ได้ หรือมีข้อจำกัดด้านหลัง
ตารางสรุป “เครื่อง–ทางเลือก–เป้าหมาย”
เป้าหมาย | เครื่องหลักที่ใช้ | ตัวเลือกแทน | เหมาะกับใคร |
---|---|---|---|
ฝึกฟอร์ม | Smith Machine | Bodyweight Squat | มือใหม่, วัย 40+ |
เพิ่มแรงต้าน | Barbell | Goblet Squat | กลาง–สูง, คนมีพื้นที่ฝึก |
ลดแรงกดเข่า | Leg Press | Wall Sit | ผู้ที่มีข้อจำกัดหรือเพิ่งฟื้นฟู |
โค้ชปูนิ่มฝากไว้:
“คุณไม่ต้องมีเครื่องครบ คุณแค่ต้องเข้าใจว่าท่านี้ฝึก ‘เพื่ออะไร’ และ ‘กล้ามไหนต้องทำงาน’ ถ้าคุณเริ่มจากความเข้าใจ… เครื่องอะไรอยู่ในมือก็ใช้ได้หมดค่ะ”
(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?
โค้ชปูนิ่มบอกเลยว่า “เหมาะกับทุกคนที่อยากให้ร่างกายดีขึ้นจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่”
Squat เป็นท่าที่ใช้ร่างกายทั้งระบบ ตั้งแต่กล้ามเนื้อเล็กในแกนกลาง ไปจนถึงกล้ามเนื้อใหญ่ในสะโพกและขา มันไม่ใช่แค่ท่าเวท แต่คือ “พื้นฐานของการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน” เช่น การนั่ง การลุก การก้มเก็บของ และการเดินขึ้นบันได
ใครที่ “ยังสามารถย่อตัวได้” — ก็สามารถเริ่มฝึกท่านี้ได้เลย
กลุ่มที่เหมาะกับการฝึก Squat (ทุกช่วงวัย)
วัย 18–30 ปี: เสริมพลัง สร้างกล้าม เพิ่มความเร็ว
เป็นช่วงที่ร่างกายดูดซึมโปรตีนและพัฒนากล้ามเนื้อได้ไวที่สุด Squat ช่วยเพิ่มพลังระเบิด, พัฒนาทรงกาย และวางรากฐานระบบเผาผลาญให้แข็งแรงตั้งแต่ต้น
ตัวอย่างการฝึก:
- Barbell Squat, Front Squat, Jump Squat
- ใช้เทคนิค Tempo + Progressive Overload ได้เต็มที่
วัย 31–45 ปี: ฟื้นรูปร่าง เพิ่มความกระชับ ลดไขมันสะสม
ช่วงอายุนี้เป็นจุดที่ระบบเผาผลาญเริ่มช้าลง และร่างกายมีภาระจากงานหรือครอบครัว
Squat เป็นท่าที่ช่วยเบิร์นพลังงานเยอะ และฟื้นฟูความแข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการฝึก:
- Goblet Squat, Smith Machine Squat, Bodyweight Squat
- เน้นค้างจังหวะล่างและเกร็งกล้ามเนื้อชัดเจน
วัย 46 ปีขึ้นไป: เสริมความมั่นคง ป้องกันการล้ม
เป็นช่วงที่กล้ามเนื้อลดลงปีละ 1% โดยธรรมชาติ (Sarcopenia)
การฝึก Squat อย่างต่อเนื่องช่วยคงสมรรถภาพร่างกาย และลดโอกาสลื่นล้มได้จริง
ตัวอย่างการฝึก:
- Chair Squat, Wall Sit, Assisted Squat
- ฝึกช้า ๆ อย่างมีสติ ไม่เน้นลึกแต่เน้นฟอร์มถูกต้อง
ตารางสรุป “Squat ฝึกได้ทุกวัย”
กลุ่มอายุ | ลักษณะการฝึกแนะนำ | จุดเด่นการพัฒนา |
---|---|---|
18–30 ปี | Barbell / Plyo Squat | เพิ่มแรงและกล้ามเนื้อ |
31–45 ปี | Goblet / Bodyweight | สร้างทรงร่างกาย – เผาผลาญดี |
46 ปีขึ้นไป | Chair / Wall Sit | เสริมความมั่นคง – ป้องกันบาดเจ็บ |
สรุปจากโค้ชปูนิ่ม:
“ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นตอนอายุเท่าไหร่ ถ้าคุณย่อลง ลุกขึ้น และหายใจได้อยู่ — แปลว่าร่างกายยังพร้อมพัฒนา
แล้วท่านี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนคุณ โดยไม่ต้องรีบร้อนค่ะ”
(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด
สูตรการฝึกที่โค้ชปูนิ่มใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที
ทำไมต้องฝึกท่าอื่นร่วมกับ Squat?
เพราะแม้ Squat จะเป็นท่า Compound ที่ดีมาก แต่การฝึก “มัดกล้ามซ้ำจุดเดียว” จะเกิด Plateau (กล้ามไม่ตอบสนอง) และหากต้องการ ทรงร่างกายที่ชัด โดยเฉพาะ “ก้นพุ่ง ต้นขาแน่น เอวดูคอด” → ต้องมีการฝึกเสริมควบคู่
สูตรฝึกที่โค้ชใช้จริง: “S.S.C.”
Squat – Support – Core
(9.1) S = Squat (ฝึกกล้ามเนื้อหลัก)
- Back Squat
- Goblet Squat
- Smith Machine
- Chair Squat (ถ้าฝึกที่บ้าน)
ฝึก: 3 วัน/สัปดาห์
จำนวน: 3–4 เซ็ต / 8–12 ครั้ง
เป้าหมาย: เพิ่มแรง, พัฒนาทรงขา–สะโพก
(9.2) S = Support Exercises (ท่าเสริมเฉพาะจุด)
ท่าสำหรับ “กระชับต้นขาหลัง”
- Romanian Deadlift (ใช้ดัมเบลก็ได้)
- Hip Hinge Bodyweight
ท่าสำหรับ “เก็บทรงสะโพก”
- Glute Bridge
- Hip Thrust
- Side Kick Standing
ท่าสำหรับ “แนวเอว–ลำตัว”
- Bulgarian Split Squat
- Step Up
- Reverse Lunge
ฝึก: 2 วัน/สัปดาห์ สลับกับวัน Squat
จำนวน: 2–3 ท่า/วัน ท่าละ 2–3 เซ็ต
เป้าหมาย: ปรับทรงกล้ามและกระตุ้นมัดที่ Squat อาจเข้าไม่ถึง
(9.3) C = Core (แกนกลางลำตัว)
กล้ามหน้าท้องและหลังล่างจะช่วยให้คุณ “ลุกจาก Squat ได้โดยไม่เอียง” และไม่ปวดหลัง
ท่าฝึกแนะนำ:
- Plank 30–60 วิ x 3
- Deadbug 10 ครั้ง/ข้าง
- Bird Dog ช้า ๆ เน้นควบคุม
- Standing Cable Rotation (หรือใช้ยางยืด)
ฝึก: วันเว้นวัน หรือทำหลังฝึก Squat
เป้าหมาย: เสริมความมั่นคงและปรับสมดุลแนวลำตัว
ตารางฝึก 1 สัปดาห์ (ตัวอย่างสำหรับมือใหม่ – กลาง)
วัน | ท่าหลัก | ท่าเสริม | Core |
---|---|---|---|
จันทร์ | Squat | – | Plank, Bird Dog |
อังคาร | – | Hip Thrust, Side Kick | Deadbug |
พุธ | Squat | – | Standing Rotation |
พฤหัสฯ | – | RDL, Step-Up | Bird Dog |
ศุกร์ | Squat | – | Plank |
เสาร์–อาทิตย์ | พัก / เดินเร็ว | พัก | พัก |
งานวิจัยรองรับ:
งานวิจัยปี 2021 ในกลุ่มผู้หญิง 40–55 ปี จำนวน 800 คน พบว่า กลุ่มที่ฝึกท่า Compound (เช่น Squat) ร่วมกับท่า Isolation (เช่น Hip Thrust, Glute Bridge)
มีอัตราการพัฒนาทรงกล้ามเนื้อชัดเจนกว่ากลุ่มที่ฝึกท่าเดียวถึง 34.2% ภายใน 10 สัปดาห์
โค้ชปูนิ่มสรุปให้:
“ไม่ใช่แค่ฝึกเยอะถึงจะเห็นผล แต่ต้องฝึกให้ ‘ร่างกายทั้งตัว’ ทำงานร่วมกันอย่างถูกจังหวะ
ถ้าคุณรวม Squat กับท่า Support และ Core ได้ครบ — หุ่นจะเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมแน่นอนค่ะ”