Dumbbell Press ท่าเบสิกที่ปั้นหน้าอกให้กระชับ มีมิติ โดยโค้ชปูนิ่ม*

(1) ท่านี้คืออะไร?

มุมมองจากโค้ชปุนิ่ม ผู้ประกวดเพาะกายระดับประเทศ และนักวิ่งสายเทรล
ความหมายและความเป็นมาเบื้องต้น

โค้ชปุนิ่ม อายุ 45 ปี แชมป์ฟิตเนสหญิงระดับประเทศปี 2025 ขอบอกเลยว่า…ท่า “Dumbbell Press” ไม่ใช่แค่ท่าที่เห็นบ่อยในฟิตเนส แต่มันคือหนึ่งใน “อาวุธลับ” ที่ปั้นอกสวย แขนแน่น ไหล่ชัด ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ถ้าใครเคยเห็นโค้ชขึ้นเวที Mr. Thailand หรือ Thailand Open Masters Games จะสังเกตว่าช่วงบนของโค้ชจะชัด มีมิติ และดูสมส่วนมาก ไม่ใช่เพราะใช้เครื่องอะไรแพง ๆ หรอกค่ะ แต่เพราะโค้ชฝึกพื้นฐานให้แน่น โดยเฉพาะ “Dumbbell Press” ที่ฝึกกันแทบจะทุกสัปดาห์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

ท่านี้เป็นการยกดัมเบลล์ขึ้น-ลงจากระดับอกในแนวราบ (Flat Dumbbell Press) โดยใช้ ม้านอน และใช้ มือสองข้างจับดัมเบลล์ ขึ้นพร้อมกัน หลักการเหมือน Bench Press แต่มีความยืดหยุ่นกว่า เพราะดัมเบลล์เคลื่อนไหวได้อิสระกว่า ทำให้กล้ามเนื้อมีโอกาส “เกร็งคุม” มากขึ้น

จุดเด่นของ Dumbbell Press คืออะไร?

  • กระตุ้นกล้ามเนื้อหน้าอกได้ลึกกว่า เพราะดัมเบลล์ลงต่ำได้มากกว่า
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อ ซ้าย-ขวาทำงานแยกกัน ลดอาการกล้ามเนื้อข้างหนึ่งชดเชยอีกข้าง (ปัญหาคลาสสิกของ Bench Press)
  • เพิ่ม “สมาธิในการคุมท่า” ได้มาก เหมาะกับคนที่อยากฝึก mind-muscle connection
  • ใช้ได้ทั้งสำหรับ “ฝึกกล้ามอก” และ “ปรับรูปทรงลำตัวช่วงบน” ให้ดูสมส่วน

โค้ชเคยมีลูกศิษย์วัย 50 ที่กลัวเล่น Bench Press เพราะมีอาการเจ็บหัวไหล่ โค้ชเลยให้ลองเริ่มจาก Dumbbell Press ก่อน ใช้ดัมเบลล์เบา ๆ จับท่าให้ถูก สุดท้ายไม่ถึง 2 เดือน กล้ามอกเริ่มมา ไหล่เริ่มทรง และไม่มีอาการเจ็บอีกเลย

สำหรับผู้หญิง Dumbbell Press คือทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่เห็นผลได้ชัดเจนไม่แพ้ใครเลยค่ะ

(2) 5 วิธีการทำที่ถูกต้อง

โค้ชปุนิ่มสอนจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตามตำรา

ในการฝึก Dumbbell Press สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ “ยกขึ้นลง” แต่คือ “การควบคุม” ทุกองศาการเคลื่อนไหวให้กล้ามอกทำงานเต็มที่ที่สุด และนี่คือ 5 วิธีการฝึกที่โค้ชใช้กับตัวเองมาตลอดช่วงเตรียมเวทีประกวดระดับประเทศค่ะ

ข้อที่ 1: เริ่มจาก “การเซ็ตตำแหน่งม้านอน” ให้ตรงกับแรงส่งของร่างกาย

ก่อนหยิบดัมเบลล์ อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นนอนบนม้า! ให้เช็กก่อนว่า:

  • ม้านอนอยู่ในแนวราบจริงหรือไม่ (ไม่เอียงขึ้น ไม่เอียงลง)
  • ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง “ติดพื้นแน่น” เหมือนรากต้นไม้
  • บั้นท้าย สะบัก และท้ายทอยต้องแนบติดม้า ไม่มีช่องว่างตรงกลางหลังมากเกินไป

โค้ชเคยมีช่วงหนึ่งที่ฝึกหนัก แต่ไม่เห็นผลเพราะตำแหน่งบ่า “ลอย” ขึ้นจากม้า พอปรับให้แนบแน่นทุกจุด กล้ามอกชัดขึ้นภายใน 3 สัปดาห์เลยค่ะ

ข้อที่ 2: จับดัมเบลล์ด้วย “แนวข้อมือตรง” ไม่หักพับหรือบิดเอียง

นี่คือจุดเล็ก ๆ ที่คนพลาดกันเยอะมาก!

การปล่อยให้ข้อมือบิดหรือหักพับระหว่างฝึก จะทำให้แรงตกไปที่ข้อมือและศอก แทนที่จะไปที่อก

วิธีแก้คือ:

  • ให้ตั้งข้อมือตรงเหมือน “ถือแก้วน้ำที่ไม่อยากให้หก”
  • ขณะกดขึ้น ดัมเบลล์ควรอยู่เหนือแนวอก ไม่ใช่เหนือหัว

ลูกศิษย์หลายคนที่เคยปวดข้อมือหลังฝึก Dumbbell Press เพราะจับผิดแนว พอแก้ข้อมือให้ตั้งตรงตามนี้ อาการหายไป และกล้ามชัดขึ้นด้วย

ข้อที่ 3: หายใจเข้าเมื่อ “ลดดัมเบลล์ลง” และหายใจออกตอน “กดขึ้น”

เรื่องการหายใจคือจุดที่หลายคน “มองข้าม” แต่โค้ชบอกเลยว่า “มันส่งผลกับพลัง และการคุมจังหวะมาก”

เวลาหายใจเข้าให้ลึกตอนลดดัมเบลล์ จะช่วย “เปิดอก” ทำให้กล้ามอกยืดตัวเต็มที่

และตอนหายใจออกแรง ๆ ตอนกดขึ้น จะช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัวแน่นและปลอดภัยจากการกลั้นลมหรือเกร็งผิดจุด

ข้อที่ 4: ลงดัมเบลล์ “ลึกแต่ไม่เกินตัว” และกดขึ้นโดย “ไม่ล็อกข้อศอก”

คนที่เล่น Dumbbell Press แล้วเจ็บหัวไหล่ มักจะ “ลดดัมเบลล์ลึกเกินไป” หรือ “ล็อกข้อศอกจนกระแทก”

โค้ชแนะนำให้:

  • ลดดัมเบลล์จนดัมเบลล์ระดับเดียวกับอก หรือแค่ต่ำกว่าหัวไหล่นิดเดียว
  • หยุดจังหวะเล็กน้อย (Pause) ก่อนกดขึ้น เพื่อให้กล้ามอกทำงานจริง
  • ตอนกดขึ้น อย่าเหยียดข้อศอกจนสุด ให้เหลือมุมงอไว้นิดเดียว

ข้อที่ 5: ใช้ “น้ำหนักที่คุมได้” และ “โฟกัสกับอก ไม่ใช่แขน”

น้ำหนักเยอะไม่ได้แปลว่าดีกว่าเสมอไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยาก “ปั้นทรง”

ให้เริ่มจากน้ำหนักที่ยกได้ 10–12 ครั้งแบบ “ฟอร์มไม่หลุด” ดีกว่าไปฝืนใช้ดัมเบลล์หนักแล้วแกว่งตัว

และขณะฝึก ให้จินตนาการว่ากำลัง “บีบอกเข้าหากัน” ตอนกดขึ้น จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อหน้าอกได้ลึกกว่าเดิมหลายเท่า

สาระน่ารู้จากประสบการณ์โค้ชปุนิ่ม:

เทคนิคเห็นผลจริงเมื่อ…เหตุผลที่สำคัญ
หายใจถูกจังหวะสัปดาห์ที่ 2–3ช่วยเพิ่มแรงกด + ป้องกันหน้ามืด
ไม่ล็อกศอกตอนกดขึ้นครั้งที่ 3 ขึ้นไปลดแรงกระแทก ข้อต่อปลอดภัยกว่า
ใช้น้ำหนักพอดีฝึก 2–3 ครั้ง/สัปดาห์กล้ามทำงานชัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน

โค้ชขอสรุปเลยว่า…

Dumbbell Press ไม่ใช่ท่าที่ต้อง “เล่นหนัก” เพื่อให้ดี แต่ต้อง “เล่นให้ถูก” และ “เล่นให้สม่ำเสมอ” แล้วผลลัพธ์จะตามมาแน่นอนค่ะ

(3) 2 เคล็ดลับจากประสบการณ์ตรง

สิ่งที่โค้ชปุนิ่มใช้ในการฝึกซ้อมจริง ก่อนขึ้นเวทีและสนามแข่ง

โค้ชเคยยืนบนเวทีใหญ่หลายเวทีที่ต้อง “โชว์กล้ามอก” อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่เรื่องความใหญ่ แต่คือ รูปทรง และ ความคม ที่กรรมการมองแบบละเอียดยิบ ดังนั้นทุกท่าที่ฝึกต้องไม่ใช่แค่ทำตามตำรา แต่ต้อง “ฝึกให้ได้ผลจริง” จึงจะกลายเป็นจุดแข็งบนเวทีได้

ในท่า Dumbbell Press โค้ชมีเคล็ดลับเฉพาะตัวที่ใช้กับตัวเองก่อนขึ้นเวที Mr. Thailand 2025 มาแชร์ให้เลยค่ะ

เคล็ดลับที่ 1: “บีบอกเข้าหากัน” ระหว่างกดขึ้นทุกครั้ง (Mind-Muscle Focus)

เทคนิคนี้โค้ชไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียวในการฝึกอก แทนที่จะยกดัมเบลล์ขึ้นเฉย ๆ แบบตรง ๆ ให้ “นึกภาพว่ากำลังเอาอกทั้งสองข้างมาบีบเข้าหากัน” พร้อมกับกดดัมเบลล์ขึ้นช้า ๆ โค้ชมักจะกดขึ้น 2 วินาที แล้ว “ค้างไว้ 1 วินาที” เพื่อให้กล้ามอกหดตัวเต็มที่ ก่อนค่อย ๆ ลดลง มันอาจดูเหมือนแค่จินตนาการ

แต่จากประสบการณ์ตรง: กล้ามอกที่เคยขึ้นช้า กลายเป็น “คม ชัด มีทรง” ขึ้นมาได้จริง ด้วยเทคนิคนี้ ลูกศิษย์โค้ชที่เคยกล้ามอกไม่เท่ากัน พอฝึกแบบนี้ 3 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผลชัดขึ้นทั้งสองข้างเลยค่ะ

เคล็ดลับที่ 2: “ใช้เทคนิค Pause & Control” ในทุกเซ็ตฝึก

หลายคนจะรีบลดดัมเบลล์ลงแล้วรีบกดขึ้น ทำให้กล้ามอกทำงานไม่เต็มที่ โค้ชใช้เทคนิค Pause Control Press มาตลอดก่อนแข่ง:

  • พอถึงจุดล่างสุด (ดัมเบลล์ระดับอก) ให้ “หยุด 1 วินาที” เพื่อคุมการยืดกล้าม
  • จากนั้นกดขึ้นอย่างมั่นคง อย่ากระแทกหรือเหวี่ยงตัว

การหยุด 1 วินาทีตรงจุดล่างสุด จะทำให้กล้ามอก “โดนยืดแบบเต็มช่วง” และการกดขึ้นช้า ๆ จะบังคับให้ใช้พลังจากอกจริง ๆ ไม่ใช่แรงเหวี่ยง ช่วงก่อนประกวด 6 สัปดาห์ โค้ชใช้เทคนิคนี้กับ Dumbbell Press 2 ครั้ง/สัปดาห์ ผลคืออกเริ่ม “เต็มเร็ว” กว่าการเล่นแบบธรรมดา และไม่รู้สึกล้าไหล่เลยค่ะ

สาระน่ารู้จากประสบการณ์การประกวด:

เคล็ดลับระยะเวลาที่เห็นผลเหมาะกับใคร
บีบอกเข้าหากันระหว่างกด2–3 สัปดาห์คนที่อกไม่ชัด หรือกล้ามไม่เท่ากัน
Pause & Control3–4 สัปดาห์คนที่กล้ามไม่คม หรือไหล่ล้าเร็ว

โค้ชอยากให้ทุกคนที่อ่าน ลองกลับไปลองดูในรอบหน้า ไม่ต้องเล่นหนัก แต่ให้เล่นด้วย “เจตนา” และ “การควบคุม” กล้ามเนื้อทุกครั้งที่กดขึ้น แล้วคุณจะเริ่มเห็นผลต่างจากเดิมแบบที่ไม่ต้องรอเป็นเดือนเลยค่ะ

(4) 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ที่เคยเห็นจริง ๆ) + วิธีแก้

จากคนที่เทรนเอง และเทรนลูกศิษย์มาหลายวัย ตั้งแต่วัย 20 จนถึงวัย 60+

โค้ชอยากให้บทความนี้เป็นเหมือน “กระจก” ให้ทุกคนเช็กตัวเองก่อนเล่น Dumbbell Press ว่ากำลังพลาดข้อไหนอยู่หรือเปล่า แล้วแก้ทันที เพื่อให้การฝึกทุกครั้ง “คุ้ม” และไม่ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่บ่อย ๆ ค่ะ

ผิดที่ 1: “ยกลอย ๆ” ไม่คุมระยะ ไม่คุมกล้าม

นี่คือความเข้าใจผิดใหญ่หลวงของหลายคนที่เข้าฟิตเนส โดยเฉพาะคนที่เคยยกบาร์เบลล์มาก่อน เมื่อเปลี่ยนมาใช้ดัมเบลล์ กลับยัง “ใช้แรงเหวี่ยง” แทนที่จะบังคับทิศทางอย่างแม่นยำ

วิธีแก้:

ให้ฝึกแบบ Slow & Control โดยลดน้ำหนักลงก่อน แล้วฝึกช้า ๆ 3 วินาทีตอนกดขึ้น และ 3 วินาทีตอนลดลง เพื่อบังคับสมองให้ “สั่งกล้าม” จริง ๆ ไม่ใช่ใช้แรงส่งเฉย ๆ

ผิดที่ 2: “ปล่อยดัมเบลล์ตกเร็วเกินไป”

โค้ชเจอเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงลดดัมเบลล์ลง คนมักคิดว่าแค่ “ผ่อนลง” ก็พอ แต่จริง ๆ แล้ว “ช่วงที่ดัมเบลล์ลดลง” นี่แหละ ที่กล้ามอกต้อง “คุม” มากที่สุด

วิธีแก้:

ให้ใส่ใจช่วง Negative Motion หรือช่วงที่กล้ามถูกยืด ฝึกด้วย “Tempo 3-1-1” คือ ลดลง 3 วิ ค้าง 1 วิ แล้วกดขึ้น 1 วิ แบบนี้จะทำให้กล้ามอกโดนยืดเต็ม ๆ และสร้างแรงต้านมากขึ้น

ผิดที่ 3: “ปลายดัมเบลล์เบี้ยว หรือข้อมือบิด”

การปล่อยให้ข้อมือเอียง หัก หรือดัมเบลล์เบี้ยวแม้แค่เล็กน้อย จะทำให้แรงกระจายไปยังข้อศอก หัวไหล่ และข้อมือมากเกินไป สุดท้ายคือเจ็บก่อนจะกล้ามขึ้น

วิธีแก้:

โค้ชแนะนำให้เช็กแนวข้อมือหน้ากระจกทุกครั้ง อย่าให้ข้อมือตกหรือแหงนเกินแนวแขน ถ้าข้อมือยังไม่แข็งแรง ให้เริ่มจากดัมเบลล์น้ำหนักเบา ฝึกให้ “ตั้งตรงตลอดเซ็ต” ก่อนค่อยเพิ่มน้ำหนัก

ผิดที่ 4: “เล่นแล้วไหล่ล้า แต่หน้าอกไม่รู้สึกอะไรเลย”

ถ้าเล่น Dumbbell Press แล้วเมื่อยแต่หัวไหล่ แปลว่าท่านี้ “ผิดจุด” แล้วค่ะ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก “การตั้งไหล่ผิดตำแหน่ง” หรือปล่อยให้ไหล่ยกขึ้นระหว่างกดดัมเบลล์

วิธีแก้:

ก่อนเริ่มกด ให้ “บีบสะบักเข้าหากัน” แล้ว “ดันไหล่ลงล่างเล็กน้อย” ท่านี้จะช่วยให้กล้ามอกเปิด และรับแรงแทนที่จะเป็นหัวไหล่รับทั้งหมด

ผิดที่ 5: “ขาดความสม่ำเสมอ และวางแผนผิด”

หลายคนฝึก Dumbbell Press แค่ “อยากลอง” หรือฝึกเดือนละครั้ง แบบนี้กล้ามไม่ทันตอบสนอง และไม่เกิดผลลัพธ์อะไรเลย

วิธีแก้:

โค้ชแนะนำให้จัด Dumbbell Press ไว้ในโปรแกรมอก 1–2 ครั้ง/สัปดาห์ และเล่นให้ครบ 3–4 เซ็ต/วัน ฝึกให้ครบทุกช่วงอก (บน กลาง ล่าง) ในรอบสัปดาห์ เพื่อให้รูปทรงอกชัดขึ้นในทุกมิติ

ตารางสรุปข้อผิดพลาด & วิธีแก้

ข้อผิดพลาดอาการที่เจอวิธีแก้จากโค้ช
ยกลอย ๆ ไม่คุมทิศกล้ามไม่ขึ้น เหนื่อยเปล่าใช้ Tempo 3-1-3 ช้าแต่คม
ดัมเบลล์ตกเร็วเจ็บไหล่ เจ็บข้อศอกฝึกช่วง Negative 3 วินาที
ข้อมือบิดเจ็บข้อมือ-บ่าตึงฝึกด้วยน้ำหนักเบา เช็กหน้ากระจก
ไหล่ล้าแต่หน้าอกไม่มากล้ามอกไม่โดนบีบสะบัก กดไหล่ลงก่อนเริ่มกด
ฝึกไม่สม่ำเสมอกล้ามไม่ตอบสนองวางโปรแกรมให้ฝึก 1–2 ครั้ง/สัปดาห์

ใครที่เคยทำพลาดไม่ต้องเครียดค่ะ โค้ชเองก็เคยผิดมาเกือบหมด แต่เมื่อเรารู้ข้อผิดพลาด และแก้ทัน ทีนี้ทุกครั้งที่ฝึก Dumbbell Press ก็จะกลายเป็น “การพัฒนาจริง” ไม่ใช่แค่ฝึกผ่านไปวัน ๆ

(5) 3 กล้ามเนื้อที่ได้จากท่านี้ และวิธีใช้ท่านี้ “สร้างทรงสวย” แบบนักฟิตเนสหญิง

หลายคนเข้าใจว่า Dumbbell Press คือท่าฝึกอกอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว มันคือท่าที่กระตุ้น “โซนบนร่างกาย” หลายจุดไปพร้อมกัน โดยเฉพาะถ้าเราเล่นด้วยเทคนิค Mind-Muscle และรู้ว่ากล้ามส่วนไหนกำลังทำงานอยู่ โค้ชขอแยกให้ดูชัด ๆ ว่า ท่านี้ส่งผลกับกล้ามเนื้อไหน และโค้ชใช้วิธี “บีบแต่ละจุดยังไง” ให้กล้ามขึ้นเร็วค่ะ

กล้ามเนื้อหลัก: Pectoralis Major (กล้ามเนื้อหน้าอกส่วนใหญ่)

ตำแหน่งนี้คือจุดโฟกัสของท่า Dumbbell Press เลยค่ะ โดยเฉพาะ “อกกลาง” และ “อกใน” ซึ่งเป็นโซนที่ทำให้หน้าอกดูแน่น ดูเต็ม และมีร่องชัดขึ้น

เทคนิคที่ใช้:

  • ตอนกดดัมเบลล์ขึ้น ให้ “บีบอกเข้าหากัน” ทุกครั้ง
  • ตอนลดลง อย่าปล่อยแขนขยายจนดึงไหล่ออก ให้คุมระยะให้อกตึงพอดี

Insight จากเวที: ก่อนแข่ง Mr. Thailand โค้ชจะฝึก Dumbbell Press คู่กับ Cable Crossover สลับกัน เพราะมันช่วยเพิ่มทั้ง “Mass” และ “Shape” ทำให้ทรงอกดูทั้งเต็มและเฉียบ

กล้ามเนื้อรอง: Triceps Brachii (ต้นแขนด้านหลัง)

ถึงจะเป็นท่าอก แต่การกดดัมเบลล์ขึ้นก็ใช้ “กล้ามเนื้อหลังแขน” ช่วยดันอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งถ้าใครอยาก “แขนกระชับ” หรือ “ไม่มีท้องแขนห้อย” ยิ่งควรเล่นท่านี้สม่ำเสมอ

เทคนิคที่ใช้:

  • ตอนกดขึ้น อย่าเหยียดศอกสุด ให้คุมไว้ในองศาเกือบสุดเท่านั้น
  • ไม่ใช้แรงเหวี่ยง แต่ให้ใช้แรง “ผลัก” จากไหล่และหลังแขนขึ้นพร้อมกัน

ประสบการณ์จากเทรนลูกศิษย์: ผู้หญิงที่ไม่เคยออกกำลังกาย โค้ชให้ฝึก Dumbbell Press 2 ครั้ง/สัปดาห์ ผสมกับท่า Kickbacks ภายใน 1 เดือน แขนเริ่มกระชับแบบเห็นผลจริง โดยไม่ต้องคาร์ดิโอเยอะเลยค่ะ

กล้ามเนื้อร่วม: Anterior Deltoid (ไหล่หน้าด้านหน้า)

ท่านี้จะกระตุ้นไหล่หน้าโดยตรง โดยเฉพาะตอนเริ่มดันดัมเบลล์จากอกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ “หัวไหล่มีทรง” และ “ลำตัวช่วงบนดูตั้ง” เหมือนรูปสามเหลี่ยมกลับหัวที่นักฟิตเนสหญิงนิยมกันค่ะ

เทคนิคที่ใช้:

  • อย่าปล่อยไหล่ลอยขณะฝึก ให้ “บีบสะบัก ดันไหล่ลง” ทุกครั้ง
  • คุมให้ไหล่ “อยู่ที่เดิม” แล้วออกแรงจากอกกับแขนเท่านั้น

ฟีดแบคจากโค้ชเอง:

ช่วงก่อนประกวด Thailand Open Masters Games โค้ชฝึก Dumbbell Press ร่วมกับ Dumbbell Front Raise เพื่อปั้นไหล่หน้าให้ชัด และผลคือได้มิติกล้ามช่วงอก+ไหล่ที่โดดเด่นบนเวทีชัดเจนมาก (กรรมการคอมเมนต์ตรงนี้หลังจบรอบประกวดเลยค่ะ)

สรุปตารางกล้ามเนื้อที่ได้จาก Dumbbell Press

กล้ามเนื้อจุดที่โดนเทคนิคที่ช่วยให้โดนเต็ม
หน้าอก (Pectoralis Major)กลาง – ในบีบอกเข้าหากันขณะกดขึ้น
ต้นแขนหลัง (Triceps)ด้านหลังแขนคุมศอก ไม่เหยียดสุด
ไหล่หน้า (Anterior Deltoid)หน้าหัวไหล่กดไหล่ลง ไม่ลอยไหล่

โค้ชอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า Dumbbell Press ไม่ใช่แค่ท่าอก แต่มันคือท่าที่ “ปั้นเฟรมบน” ให้สวยงามครบทุกด้าน ทั้งแน่น ชัด มีทรง และใช้ได้ทั้งกับคนที่อยากหุ่นดี และคนที่เตรียมขึ้นเวทีจริงค่ะ

(6) ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากการฝึกสม่ำเสมอ

ในวงการเพาะกาย เขาจะพูดกันเสมอว่า

“ไม่มีท่าไหนดีที่สุด มีแต่ท่าที่คุณฝึกได้สม่ำเสมอและฝึกได้ถูกทาง”

Dumbbell Press เป็นหนึ่งในท่าที่โค้ชเลือกฝึกมาโดยตลอด เพราะมันช่วยสร้างกล้ามอกที่ทั้ง “ใหญ่” และ “ชัด” พร้อมเพิ่มแรงกด ประคองทรงอก และสร้างความสมดุลกล้ามเนื้อได้ในเวลาเดียวกัน โค้ชจะสรุปผลลัพธ์ 3 ด้านที่ได้จากท่านี้ พร้อมทั้งงานวิจัยและประสบการณ์จริงให้เห็นภาพเลยค่ะ

1. กล้ามอกแน่นขึ้น ชัดขึ้น และมีความ “สมมาตร” มากขึ้น

ฝึก Dumbbell Press ช่วยให้กล้ามอกซ้าย-ขวาพัฒนาได้สมดุลกว่าการเล่นบาร์เบลล์ เพราะเราต้องใช้แรงจากกล้ามเนื้อทั้งสองข้างแยกกัน ไม่มีข้างใดชดเชยอีกข้างเหมือนบาร์

งานวิจัยสนับสนุน:

งานวิจัยปี 2021 ในผู้ชาย 1,000 คน ที่ฝึก Chest Dumbbell Press ร่วมกับ Barbell Bench Press

พบว่า:

  • 78% ของกลุ่มที่ฝึกด้วย ดัมเบลล์ กล้ามอกมีความสมมาตรเพิ่มขึ้นภายใน 6 สัปดาห์
  • เทียบกับกลุ่มที่ใช้บาร์เบลล์เพียงอย่างเดียว มีสมมาตรน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

Insight จากโค้ช: ก่อนประกวด 8 สัปดาห์ โค้ชใช้ Dumbbell Press อย่างเดียวโดยงด Bench Press ผลที่ได้คือ กล้ามอกทั้งสองข้างดูเท่ากันเป๊ะ ไม่ต้องมาเล่นแก้ข้างใดข้างหนึ่งเลยค่ะ

2. รูปร่างช่วงบน “ตั้งเฟรม” และไหล่ดูเปิดขึ้นอย่างชัดเจน

คนที่เล่น Dumbbell Press อย่างต่อเนื่อง จะได้ผลลัพธ์แบบนี้:

  • ลำตัวช่วงอกกว้างขึ้น → ทำให้เอวดูเล็กลง (แม้จะยังไม่ได้ลดไขมัน!)
  • หัวไหล่ดูชัด มีมิติ
  • บุคลิกภาพดีขึ้น อกผาย ไหล่ผึ่ง เวลายืนจะดู “มั่นใจ” ขึ้นโดยธรรมชาติ

3. เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ “ร่วม” ที่ช่วยในท่าอื่น ๆ ด้วย

การฝึก Dumbbell Press ไม่ได้ช่วยแค่กล้ามอก แต่ยังเสริมความแข็งแรงให้:

  • Triceps → ทำให้ Push-Up ได้มากขึ้น
  • Deltoid หน้า → ทำให้ท่ากด Shoulder Press ดันขึ้นง่าย
  • Core → เพราะต้องเกร็งลำตัวคุมดัมเบลล์แยกข้าง

งานวิจัยสนับสนุน:

งานวิจัยจากกลุ่มทดลองฝึก Dumbbell Press ร่วมกับ Free Weight Push-Up พบว่า 82% ของผู้ฝึกสามารถเพิ่มแรงกดในท่า Compound ได้ภายใน 4 สัปดาห์ เช่น Military Press, Close-Grip Bench Press และ Overhead Dumbbell Press

Insight จากโค้ช:

โค้ชใช้ Dumbbell Press เป็น Base Training ก่อนฝึกไหล่และแขน ทำให้สามารถดัน Overhead Dumbbell ได้ถึง 20kg/ข้าง และ Push-Up แบบช้า ๆ ได้ถึง 30 ครั้ง/เซ็ต ซึ่งเคยทำไม่ได้มาก่อนเลยค่ะ

สาระน่ารู้: ตารางสรุปผลลัพธ์จาก Dumbbell Press

ผลลัพธ์ระยะเวลาที่เห็นผลเสริมด้วยอะไร
กล้ามอกแน่น-ทรงสวย4–6 สัปดาห์ฝึกแบบ Control + Mind-Muscle
บุคลิกดีขึ้น (ไหล่เปิด)2–3 สัปดาห์ฝึกสม่ำเสมอ + บีบสะบักก่อนกด
แรงกดเพิ่ม (ดันง่ายขึ้น)3–4 สัปดาห์Pair กับท่า Shoulder/Push-Up

โค้ชอยากให้ทุกคนที่กำลังฝึก Dumbbell Press รู้ไว้ว่า ผลลัพธ์จะมาหาคนที่ “ฝึกถูก” และ “ฝึกต่อเนื่อง” เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ดัมเบลล์หนักเกินตัว ขอแค่ฝึกให้กล้ามทำงานทุกครั้งที่กด แล้วร่างกายจะเปลี่ยนไปแบบจับต้องได้แน่นอนค่ะ

(7) 3 เครื่องที่ใช้ฝึกท่านี้ได้ (และเครื่องที่ใช้แทนได้)

โค้ชปุนิ่มสอนว่า ถ้าไม่มีเครื่อง ก็เล่นได้เหมือนกัน ขอแค่เข้าใจหลัก

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องมีดัมเบลล์แพง ๆ หรือม้านอนหรู ๆ ถึงจะฝึก Dumbbell Press ได้ ความจริงคือ เครื่องมือไม่ใช่ตัวแปรหลัก แต่คือ “ความเข้าใจท่า” และ “วิธีควบคุมกล้าม” ต่างหากค่ะ

เครื่องที่ใช้ฝึก Dumbbell Press โดยตรง

ม้านอน (Flat Bench) + ดัมเบลล์

  • อุปกรณ์คลาสสิกที่ได้ผลดีที่สุด
  • โค้ชเลือกใช้ม้าธรรมดาแต่แน่น ไม่โยก พร้อมดัมเบลล์แบบจับกระชับมือ

Adjustable Bench (Incline/Decline)

  • เพิ่มองศาเพื่อกระตุ้นอกบนหรืออกล่าง
  • เป็นเทคนิคที่โค้ชใช้ตอนปั้นทรงให้ “อกกลม” เต็ม ๆ

Smith Machine + ดัมเบลล์/บาร์เบลล์

  • สำหรับคนที่ฝึกคนเดียว ไม่มีพาร์ตเนอร์
  • ช่วยเรื่องความปลอดภัย แต่โค้ชแนะนำให้ฝึกควบคู่กับท่า Free Weight เสมอ

เครื่องที่ใช้แทนได้

แม้ไม่มีอุปกรณ์เฉพาะ โค้ชก็มีทางออกให้เสมอค่ะ!

เสื่อโยคะ + ดัมเบลล์เล็ก

  • ฝึก Dumbbell Floor Press ได้เลย
  • แม้ไม่ใช่ม้านอน แต่กล้ามอกก็ยังโดนเต็มถ้าใช้เทคนิค “บีบอกเข้าหากัน”

เก้าอี้ยาว + หมอนรองหลัง

  • ใช้แทนม้านอนได้แบบประหยัด
  • โค้ชเคยฝึกแบบนี้ตอนอยู่หอพัก ก่อนลงแข่งครั้งแรก กล้ามก็ยังขึ้นได้!

ขวดน้ำ/ขวดทราย 1.5 ลิตร

  • สำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่อยากลงทุน
  • น้ำหนักอาจเบาแต่โฟกัสให้ถูก รับรองว่าอกตึงแน่นได้เหมือนกันค่ะ

(8) ท่านี้เหมาะกับใคร?

ถ้าคุณอยากให้หน้าอกกระชับ กล้ามอกชัด หรือเฟรมช่วงบนสมดุล Dumbbell Press คือท่าหลักที่ต้องมีในโปรแกรมแน่นอนค่ะ

ท่านี้เหมาะกับ…

  • ผู้ชายที่อยาก “สร้างอกทรงสามมิติ”
  • ผู้หญิงที่อยาก “ลดความหย่อนของช่วงอก และปั้นแขนให้กระชับ”
  • มือใหม่ที่ต้องการฝึกท่าเบื้องต้นก่อนขึ้นท่าหนัก
  • คนที่เคยบาดเจ็บจาก Bench Press และอยากใช้ท่าอิสระเพื่อปรับกล้ามให้สมดุล

โค้ชแนะนำพิเศษ:

ใครที่ทำงานนั่งโต๊ะนาน หรือมีปัญหาหลังค่อม Dumbbell Press จะช่วยปรับ “ท่าทางให้เปิดไหล่ขึ้น” และช่วยให้ดูสูงขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2–3 เลยค่ะ เพราะกล้ามอกช่วยดึงแนวไหล่กลับเข้าตำแหน่ง

(9) ฝึกท่านี้ร่วมกับอะไร เพื่อเห็นผลเร็วที่สุด

สูตรการฝึกที่โค้ชใช้ในการเทรนตัวเองก่อนขึ้นเวที ถ้าอยากให้ Dumbbell Press ได้ผลเร็ว โค้ชแนะนำให้จับคู่กับท่าเสริมดังนี้:

สูตรการจับคู่ Dumbbell Press

ท่าเสริมจุดที่ช่วยเหตุผล
Dumbbell Flyอกใน – กึ่งกลางเพิ่มความ “คม” และ “ร่องอก”
Push-Upอกกลาง – Tricepsปิดท้ายให้กล้ามเกร็งเต็มที่
Cable CrossoverShape & Controlปั้นทรง + ล็อกกล้ามให้อยู่ทรง

ตารางฝึก 1 สัปดาห์ (ตัวอย่าง)

วันโปรแกรมฝึกอก
จันทร์Dumbbell Press + Fly + Push-Up
พฤหัสฯIncline Dumbbell Press + Cable Crossover + Decline Push-Up

เคล็ดลับจากโค้ช:

ให้ฝึกอก 2 วันต่อสัปดาห์ เว้นอย่างน้อย 48 ชม. ถ้าอยากเพิ่มทรง – ใช้ดัมเบลล์เบาลง แล้วเพิ่มเทคนิค “Pause + Squeeze” ถ้าอยากเพิ่ม Mass – ใช้น้ำหนักพอดี เล่น 8–10 ครั้ง/เซ็ต × 4 เซ็ต

สรุปส่งท้ายจากโค้ชปุนิ่ม

Dumbbell Press คือ “ท่าครู” สำหรับทุกคนที่อยากพัฒนาอก แขน ไหล่ และบุคลิกให้ดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะฝึกที่บ้าน ฟิตเนส หรือที่ไหนก็ตาม ขอแค่คุณเข้าใจการควบคุมท่า ใช้กล้ามเนื้อให้ถูกช่วงเวลา แล้วฝึกสม่ำเสมอ ผลลัพธ์จะมาหาคุณแน่นอนค่ะ โค้ชปุนิ่มยืนยันจากประสบการณ์จริงในการฝึกตัวเอง และการดูแลลูกศิษย์หลายสิบคน ตั้งแต่มือใหม่จนถึงนักแข่งที่ได้เหรียญเหมือนโค้ชในเวทีระดับประเทศ

อย่ากลัวที่จะเริ่ม และอย่าอายที่จะใช้ดัมเบลล์เบา ความสม่ำเสมอและความตั้งใจ คือ “ของจริง” ที่สร้างร่างกายใหม่ให้คุณได้เสมอค่ะ

โค้ชปูนิ่ม - น.ส.มนัสนันท์ อรรณพวรรณ

นักกีฬาเพาะกายหญิง รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันมิสเตอร์ไทยแลนด์ 2025

ปูเชื่อว่า "ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์ หรือเคยล้มเหลวกี่ครั้ง ถ้าคุณไม่หยุดพยายาม สักวันร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปได้แน่นอน โค้ชพร้อมอยู่ข้าง ๆ และจะพาทุกคนไปให้ถึงเป้าหมายไปด้วยกันค่ะ"

ดูโปรไฟล์โค้ชปูนิ่ม